ตอนที่ 47 ราวกับยอมแพ้แล้ว

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 47 ราวกับยอมแพ้แล้ว

เพียงครู่เดียวเพิ่มขึ้นอีกห้าสิบตำลึง?

ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงพากันหันไปมอง ครั้นเห็นคุณชายผู้สูงศักดิ์เดินเข้ามาอย่างเนิบช้า ก็พากันกลืนน้ำลาย

หนานหนานที่กำลังนั่งแทะขาไก่อยู่ในห้องพิเศษหมายเลขสามเงยหน้าขึ้น คิ้วเล็ก ๆ ขมวดเข้าหากัน กล่าวด้วยความแปลกใจ “เสียงนี้ เหตุใดถึงได้คล้ายท่านลุงโม่ยิ่งนัก?”

เสิ่นอิงที่รับผิดชอบดูแลอยู่ข้าง ๆ ถึงกับมุมปากกระตุกอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ใช่หรือ? คนผู้นั้นคือโม่เสียนที่ถูกอวี้ชิงลั่วใช้เป็นเครื่องมือประมูลราคาอย่างไรเล่า

หนานหนานเช็ดปาก จากนั้นก็ใช้มือมันเยิ้มที่เช็ดปากไปเช็ดบนตัวของเสิ่นอิงอีกที เสร็จสรรพก็หมุนตัวชะโงกหัวออกไปนอกหน้าต่าง

เมื่อเห็นรอยนิ้วมือบนเสื้อผ้า ใบหน้าของเสิ่นอิงพลันอึมครึมลง

เจ้าเด็กนี่…

เหวินเทียนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ แย้มยิ้ม เมื่อหันไปเห็นว่าครึ่งตัวของหนานหนานกำลังจะโผล่ออกไปแล้ว เขาก็รีบอุ้มอีกฝ่ายกลับมา “เจ้าอย่ามองออกไปข้างนอก คนคนนั้นก็คือท่านลุงโม่ของเจ้านั่นแหละ”

“ท่านลุงโม่จะประมูลแผ่นป้ายนั่นไปเพื่ออะไรกัน?” หนานหนานรู้สึกประหลาดใจมาก ครั้นเห็นว่าขาไก่ที่อยู่ในถ้วยยังมีเนื้ออีกนิดหน่อย จึงหยิบขึ้นมาแทะอีกสองหนจนสะอาดไม่เหลือเนื้อให้สิ้นเปลืองแม้แต่น้อยแล้วค่อยวางลง ครั้งนี้เขายังคงใช้มือเช็ดลงบนเสื้อของเหวินเทียนอย่างสบาย ๆ กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม “ท่านลุงโม่ป่วยหรือ? เขาอยากไปเจอท่านแม่ก็ไม่เห็นต้องไปซื้อป้ายไม้เลย แค่ทำให้ข้าพึงพอใจก็พอแล้ว ข้าสามารถบอกให้ท่านแม่ช่วยรักษาให้ท่านลุงได้นะ”

ระหว่างที่พูด เขาก็หยิบน้ำชาข้าง ๆ ขึ้นมาดื่มสองอึก “ข้าจะบอกอะไรให้นะ ขอแค่ท่านลุงโม่ไม่ได้ป่วยเป็นกามโรค โดยปกติแล้วท่านแม่ของข้าก็รักษาได้ทั้งหมดนั่นแหละ”

กามโรค? เสิ่นอิงและเหวินเทียนมุมปากกระตุก รู้สึกเห็นอกเห็นใจโม่เสียนที่ถูกสาปแช่งแบบลอย ๆ อย่างยิ่งยวด

“ท่านลุงโม่ก็โง่เขลาเสียเหลือเกิน ไม่รู้จักเก๋งจีนที่ใกล้น้ำมักได้พระอาทิตย์ก่อนใครบ้างเลย ข้าอยู่ใกล้กับเขามากขนาดนี้ เขายังไม่คิดถึงข้า” หนานหนานหยิบองุ่นบนโต๊ะที่ต้าอู่ตั้งใจนำมาให้ยัดใส่เข้าปาก

เสิ่นอิงไอกระแอมเบา ๆ และพูดแก้ให้ “หนานหนาน มันคือ ‘เก๋งจีนที่ใกล้น้ำมักได้พระจันทร์ก่อนใคร’ [1] ต่างหากเล่า”

“กลางวันแสก ๆ มีแสงจันทร์จากไหนกัน โง่ชะมัด” หนานหนานเหลือบมองเขาปราดหนึ่งด้วยท่าทางรังเกียจเป็นอย่างมาก ก่อนจะหมุนกายหันไปหยิบส้มที่อยู่ข้าง ๆ กินเต็มปากจนเกิดเสียงดังจ๊อบแจ๊บ

“…”

เสิ่นอิงน้ำตาตกในเงียบ ๆ เขาจะจริงจังกับเด็กน้อยคนหนึ่งไปทำไมกัน?

ปัญหาก็คือ เขาเถียงสู้หนานหนานไม่ได้

มีแค่เผิงอิงที่นอนอยู่บนเตียงมาโดยตลอดถึงกับกระตุกมุมปากเบา ๆ มองดูหนานหนานที่กินขาไก่เสร็จแล้วก็ตามด้วยดื่มน้ำชา หลังจากดื่มน้ำชาเสร็จก็กินองุ่น กินองุ่นเสร็จก็ตามด้วยส้ม กลืนส้มแล้วก็ตามด้วยขนมกุ้ยฮวา ราวกับว่าปากของเขาไม่เคยหยุดพักมาก่อน

เด็กเล็กคนหนึ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าจะกินของมากขนาดนี้โดยไม่หยุดพักได้ คล้ายถูกปล่อยออกมาหลังอดอยากมาหลายร้อยปีอย่างไรอย่างนั้น

เผิงอิงส่ายหน้าเพราะทนไม่ไหว เจ้าเด็กคนนี้กินอย่างไม่กลัวจะปวดท้องเลย

ครั้นได้ครุ่นคิด เขาก็รู้สึกได้ว่าเตือนอีกฝ่ายสักหน่อยก็น่าจะดีกว่า

ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากพูด ด้านนอกก็มีเสียงบุรุษทุ้มต่ำดังขึ้น “หมายเลขหนึ่ง หกร้อยตำลึง”

อวี๋เฟิงจ้องมองคนที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันด้านล่าง คิ้วพลันขมวดเข้าหากัน

อวี๋จั้วหลินเกิดความปวดหน่วงในใจ คิดไม่ถึงเลยว่าคนที่อยู่ในห้องพิเศษจะไม่ได้พูดอะไร กลับเป็นบุคคลที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนที่จู่ ๆ ก็เพิ่มราคามากขนาดนั้น

จินหลิวหลีแย้มยิ้ม นางหันไปมองโม่เสียน พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ราคามาถึงหกร้อยตำลึงแล้ว ยังมีราคาที่สูงกว่านี้หรือไม่?”

“เจ็ดร้อยตำลึง” การเพิ่มขึ้นทีละห้าสิบช้าเกินไป ถึงอย่างไรแม่นางอวี้ก็อยากจะจัดการบุคคลผู้นี้อย่างหนักอยู่แล้ว เช่นนั้นเขาช่วยเหลือก็สิ้นเรื่อง

“หมายเลขหนึ่ง แปดร้อยตำลึง”

“แปดร้อยห้าสิบตำลึง” เสียงดังออกมาจากห้องพิเศษหมายเลขสิบ ดูเหมือนว่าจะไม่เต็มใจที่ทั้งสองคนนี้เพิ่มราคา

“เก้าร้อยตำลึง” ห้องพิเศษหมายเลขสี่ก็ตามมาติด ๆ

อวี๋เฟิงขบฟันแน่น “หมายเลขหนึ่ง หนึ่งพันตำลึง”

โม่เสียนมองท้องฟ้าด้านนอก ก็รู้สึกได้ว่าเป็นการเสียเวลาเสียเหลือเกิน เขาเม้มปากแล้วลงเดิมพัน “สองพันตำลึง”

จินหลิวหลีเบิกตากว้าง ไม่เลวเลย ช่างมีความกล้าหาญนัก

สองพันตำลึงหรือ? ตอนนี้ เสียงของห้องพิเศษชั้นสองห้องอื่น ๆ ได้เงียบลงแล้ว

พวกเขาทางฝั่งนี้เป็นแค่คนในเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่ง ตระกูลร่ำรวยเดิมทีก็มีไม่มาก เงินสองพันตำลึงแม้ว่าจะไม่ใช่ตัวเลขที่ไม่สามารถนำออกมาได้สำหรับพวกเขา แต่โรคของตระกูลพวกเขาก็ไม่ได้เป็นโรคที่มีแค่หมอปีศาจรักษาได้เพียงคนเดียว เงินจำนวนสองพันตำลึงเพียงพอให้พวกเขารักษาโรคและได้ยาดี ๆ มารักษาร่างกาย ทั้งยังซื้ออาหารเสริมอีกชุดหนึ่งได้ด้วย

อีกอย่าง หลังจากได้ยินคนไข้ที่ถูกรักษาด้านหลังลาน พวกเขาต่างก็ไม่เคยมีใครได้เห็นหน้าหมอปีศาจสักคน ถูกปิดตาให้เข้าไปและออกมา แม้แต่พูดคุยกับพวกเขาก็ยังไม่มี

แค่สิ่งเหล่านี้ก็ชวนให้พวกเขาเกิดความสงสัยแล้ว มิอาจมั่นใจได้ว่าบุคคลผู้นั้นที่อยู่ในเรือนด้านหลังคือหมอปีศาจที่แท้จริงใช่หรือไม่ หรือเป็นแค่หมอที่มีทักษะทางการแพทย์ดีเยี่ยม

ให้พวกเขาจ่ายเงินสองพันตำลึงเพื่อซื้อสิ่งที่ไม่แน่นอน แบบนั้นคงไม่คุ้มเสียเกินไป

ด้วยเหตุนี้ หลังจากราคาเพิ่มมาถึงสองพันตำลึง ห้องพิเศษชั้นสองก็เงียบลง ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรอีก

หนานหนานที่เพิ่งกลืนเฉ่าเหมยลูกเล็กเข้าไปเริ่มกระส่ายกระสับ เขาทำตัวลนลานไปหมด แม้แต่การพูดการจาก็ไม่ปะติดปะต่อกัน

นิ้วชี้ข้างขวาของเขาชี้ไปยังโม่เสียนที่ยืนอยู่ด้านล่าง พูดกับเสิ่นอิงว่า “สิ้นเปลือง สิ้นเปลืองเกินไปแล้ว สองพันตำลึง ท่านลุงรู้หรือไม่ว่าเงินสองพันตำลึงสามารถซื้อของกินและเครื่องดื่มอร่อย ๆ ได้มากเพียงใด? เพื่อแผ่นไม้เน่า ๆ หนึ่งแผ่น คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะยอมจ่ายถึงสองพันตำลึง? สู้เอามาให้ข้ายังจะดีเสียกว่า ไม่ได้การล่ะ จะปล่อยให้ท่านลุงทำบาปเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ ข้าต้องไปเตือนเขาสักหน่อย”

ระหว่างที่พูด หนานหนานก็รีบเช็ดมือเข้ากับเสื้อ กระโดดลงจากเก้าอี้และวิ่งไปด้านนอกห้องพิเศษ

เสิ่นอิงและเหวินเทียนมีสีหน้าเคร่งขรึม รีบอุ้มร่างเล็ก ๆ ของเขาโดยไม่หยุดคิด แม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านไปแต่พวกเขาทั้งสองคนยังคงหวาดผวา

ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดแม่นางอวี้ถึงบอกให้พวกเขาทั้งสองคนต้องจับตาดูหนานหนานให้ดี เพราะเหตุใดถึงได้นำอาหารชุดใหญ่มาให้เขากิน ที่แท้ก็ป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง

“หนานหนาน เจ้าสงบสติอารมณ์ลงหน่อย…” เสิ่นอิงแอบจนปัญญา จึงทำได้เพียงบอกแผนการของแม่นางอวี้แบบที่สามารถเข้าใจได้ง่ายให้เขาฟัง หวังว่าเขาจะเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนนี้สักหน่อย

หลังจากหนานหนานได้ฟังจนจบ จึงเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างดูหมิ่น “ท่านอาเสิ่น ท่านบอกข้ามาตรง ๆ ว่าท่านแม่ให้ท่านอาโม่ทำเรื่องนี้ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ? ยังจะพูดมากขนาดนั้น คอแห้งแล้วกระมัง”

“…”

เสิ่นอิงคลึงหัวคิ้ว เหตุใดเขาถึงรู้สึกว่า ภายในใจของหนานหนานนอกจากแม่นางอวี้แล้ว คนอื่น ๆ ต่างก็เป็นคนโง่เขลากันหมด?

เขาถอนหายใจและหมดคำพูดที่จะเอ่ย จึงมองไปยังห้องโถงที่อยู่ด้านล่างต่อ

อวี๋จั้วหลินที่อยู่ในห้องพิเศษกำหมัดแน่น ริมฝีปากของเขาถูกเม้มจนกลายเป็นเส้นตรง ผ่านไปครู่หนึ่ง จึงกำชับกับอวี๋เฟิงหนึ่งประโยค “เพิ่มอีก”

อวี๋เฟิงแอบกังวล ทว่ายังคงฝืนใจตะโกนออกไป “สองพันหนึ่งร้อยตำลึง”

“สามพันตำลึง” โม่เสียนเยาะเย้ย ตระหนี่เสียเหลือเกิน เพิ่มหนึ่งร้อยตำลึงไปเพื่ออะไรกัน?

จินหลิวหลีมุมปากกระตุกวูบ พี่ใหญ่ ช้าลงหน่อย เพิ่มมากขนาดนี้ภายในเฮือกเดียว หากอวี๋จั้วหลินตกใจจนหนีเตลิดจะทำอย่างไร?

สามพันตำลึง ทุกคนพลันเกิดความโกลาหล มองดูโม่เสียน ก่อนจะเงยหน้ามองหน้าต่างห้องพิเศษหมายเลขหนึ่งที่กัดไม่ปล่อยมาโดยตลอด

อย่างไรก็ตาม ในนั้นกลับไม่มีเสียงใด ๆ ดังออกมาอีก ราวกับคนที่อยู่ในนั้นยอมถอดใจไปแล้ว

…………………………

[1] เก๋งจีนที่ใกล้น้ำมักได้พระจันทร์ก่อนใคร (近水楼台先得月) หมายถึง อยู่ในสถานการณ์ที่เอื้ออำนวย ย่อมได้รับประโยชน์ก่อนคนอื่น

สารจากผู้แปล

เลี้ยงเด็กดื้อไร้ยางอายก็จะเหนื่อยหน่อยนะคะท่านเสิ่นอิงท่านเหวินเทียน

ผู้แปลว่าหนานหนานควรให้ท่านแม่จ่ายยาขับพยาธิ หนูกินเยอะมากจนเหมือนมีพยาธิอยู่ในท้องเลยอะ

สู้กันถึงหลักพันตำลึงแล้ว ใครจะถอดใจแพ้ก่อนกันนะ

ไหหม่า (海馬)