“ด…ไดเอน่าจัง… ม…มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ…”
 

ในขณะที่เหล่าเด็กนักเรียนหน้าใหม่และหน้าเก่าของโรงเรียนรีมินัสกำลังตั้งแถวกันอยู่นั้น ทางด้านมายะที่อยู่ด้านในตึกเรียนก็ได้เอ่ยปากถามไดเอน่าที่หยุดยืนอยู่ริมหน้าต่างเพื่อมองดูเหล่าเด็กนักเรียนจำนวนมากที่สนามหญ้าขึ้นมาในขณะที่ตัวมายะเองนั้นกลับยืนนิ่งอยู่ที่ส่วนด้านในสุดของทางเดินที่เป็นฝั่งของห้องเรียน

 

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พอดีว่าฉันเห็นจำนวนเด็กนักเรียนใหม่ของปีนี้แล้วก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอาจารย์เอริซาเบธกับคุณเอริกะจะหาอุปกรณ์มาให้พวกเขาจนครบทุกคนได้จริงๆ หรือเปล่าน่ะ”

 

“ง…งั้นเองหรอ…คะ…”

 

“ว่าแต่มายะไม่สนใจจะมาดูบ้างหรอ โอกาสที่จะได้เห็นเด็กทั้งโรงเรียนมาตั้งแถวกันที่สนามหญ้าแบบนี้มีไม่ค่อยจะบ่อยหรอกนะ”

 

“ม…ไม่เอาดีกว่าค่ะ!!”

 

มายะรีบพูดปฏิเสธไดเอน่าออกมาพร้อมกับถอยกรูดออกห่างจากทางเดินริมฝั่งหน้าต่างไปอย่างรวดเร็วจนหลังของเธอชนกับกำแพงของห้องเรียนด้วยสีหน้าหวาดผวาราวกับว่าเธอกำลังกลัวอะไรสักอย่างอยู่ ซึ่งนั่นก็ทำให้ไดเอน่าได้แต่ส่ายหน้าและยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจเพราะดูท่าทางว่าโรคกลัวคนแปลกหน้าของมายะนั้นจะยังไม่ดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย

 

“ถ้าอย่างงั้นปีนี้เธอก็คงจะไม่ไปร่วมเข้าแถวกับคนอื่นๆ เหมือนเดิมสินะจ๊ะมายะ?”

 

“ค…ค่ะ… ขอโทษนะคะ…”

 

“ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อยนี่จ๊ะ… ถ้าเธอไม่อยากไปเข้าร่วมก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่เพราะงั้นไม่ต้องเครียดไปหรอกนะ แต่ว่าถ้าเป็นไปได้ปีนี้เธอก็พยายามลองทำความรู้จักกับเด็กๆ คนอื่นเอาไว้สักหน่อยก็ดีละกันเนอะ”

 

“ค…ค่ะ…! จ…จะพยายาม…ค่ะ…”

 

ไดเอน่าที่รู้จักนิสัยขี้อายอย่างหนักของมายะดีนั้นได้แต่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเหนื่อยใจก่อนจะหันกลับไปมองด้านนอกหน้าต่างเพราะเธอก็รู้ดีว่านอกจากตัวเธอเองแล้วมายะนั้นไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยแม้แต่สักคนเดียวจนทำให้เธออดที่จะเป็นห่วงเล็กน้อยไม่ได้ แต่ถึงอย่างนั้นไดเอน่าก็ไม่อาจจะทำใจแข็งและใช้วิธีตรงๆ เพื่อดัดนิสัยขี้อายของมายะได้จึงได้แต่พยายามค่อยๆ ช่วยเหลือไปทีละเล็กละน้อยนั่นเอง

 

“แต่นักเรียนเยอะขนาดนี้นี่คุณเอริกะกำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่คะเนี่ย…”

 

 

ในขณะเดียวกันทางด้านเอริซาเบธที่ยืนเฉยๆ ปล่อยให้อัลเบิร์ตเป็นคนเรียกรวมพลนักเรียนในห้องที่เธอดูแลนั้นก็ได้เดินปลีกตัวไปทางกลุ่มคณะอาจารย์ที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ข้างเวทีตรงริมสนามหญ้าพร้อมกับพูดสอบถามอาจารย์ประจำชั้นท่านอื่นๆ ที่เธอสนิทด้วยอย่างอาจารย์เทียและอาจารย์อายะขึ้นมา

 

“นักเรียนของห้องฉันตั้งแถวกันเรียบร้อยแล้วนะคะ~ แล้วของคนอื่นๆ เป็นยังไงกันบ้างคะอาจารย์เทีย อาจารย์อายะ?”

 

“ห…ห้องของฉันก็ครบแล้วล่ะค่ะเอริ…”

 

“ห้องของคนอื่นๆ ก็ตั้งแถวกันเรียบร้อยแล้วล่ะจ้ะ จะเหลือก็แต่ห้องของอาจารย์โนลล่ะมั้งที่ยังตั้งแถวกันไม่เสร็จน่ะ แหม่~ แย่งตำแหน่งอาจารย์ประจำห้องหนึ่งของฉันไปแท้ๆ แต่ดูท่าทางว่าอาจารย์โนลจะรับมือลูกหลานคนใหญ่คนโตที่ถูกจับมานั่งบนสนามหญ้ากันไม่ไหวซะแล้วล่ะมั้งเนี่ย~”

 

อาจารย์อายะ หรือก็คืออาจารย์สาวผมสีม่วงที่เป็นหนึ่งในคณะกรรมการคุมสอบของพวกนากาได้พูดออกมาด้วยสีหน้ายิ้มๆ พร้อมกับยกมือขึ้นมาทาบแก้มของเธอก่อนที่ทันใดนั้นเองอาจารย์หนุ่มสวมแว่นผมสีเทาจะวิ่งมารวมกลุ่มกับพวกเธอพร้อมกับพูดบ่นขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหนื่อยหน่ายใจ

 

“ผมมาแล้วครับ! ให้ตายสิ… ทำไมผมถึงต้องมารับผิดชอบห้องหนึ่งแบบนี้กันด้วยครับเนี่ย…”

 

“อ่ะ พูดถึงก็มาพอดีเลยนะคะอาจารย์โนล เป็นยังไงบ้างคะทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย?”

 

“จะว่าเรียบร้อยมั้ยมันก็เรียบร้อยอยู่นั่นแหล่ะครับ แต่ที่ผ่านมานี่อาจารย์อายะรับมือเด็กๆ พวกนั้นได้ยังไงกันครับเนี่ย…”

 

“แหม่ ถ้าจับจุดได้แล้วการรับมือเด็กๆ พวกนั้นมันก็เป็นเรื่องง่ายๆ นั่นแหล่ะค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันขอฝากอาจารย์เอริไปเรียนเชิญท่านผู้อำนวยการมาให้หน่อยละกันนะคะ ส่วนอาจารย์โนลรบกวนช่วยไปจัดการบอกให้พวกนักเรียนเบาเสียงลงหน่อยสิคะ ฉันเปลี่ยนคริสตัลด้านในเครื่องขยายเสียงให้เรียบร้อยแล้ว เชิญเลยค่ะ~”

 

“ไม่ใช่ว่าปกติแล้วอาจารย์อายะจะเป็นคนจัดการเรื่องนั้นเองหรอกหรอครับ…”

 

“คิกคิก ไหนๆ ปีนี้อาจารย์โนลก็แย่งตำแหน่งอาจารย์ประจำชั้นห้องหนึ่งไปแล้วทั้งทีก็รับตำแหน่งหัวหน้าอาจารย์ไปด้วยเลยสิคะ… เอาล่ะ ถ้างั้นฉันขอตัวไปตามหาท่านผู้อำนวยการเขาก่อนละกันนะคะ~”

 

เอริซาเบธที่เห็นอาจารย์โนลทำหน้าซีดรับเครื่องขยายเสียงที่มีลักษณะเหมือนกับไม้คทาอันเล็กๆ ที่ตรงปลายเป็นทรงกลมมาจากอาจารย์อายะนั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะรีบเดินหนีไปตามหาท่านผู้อำนวยการในทันที

 

ซึ่งอาจารย์โนลนั้นก็ได้กะพริบตามองเครื่องขยายเสียงในมือของเขาอยู่สักพักหนึ่งก่อนจะเดินไปยืนอยู่หน้าแท่นพิธีบนเวทีขนาดเล็กๆ ทางด้านหน้าของสนามหญ้าและส่งวิซของเขาเข้าใส่เครื่องขยายเสียงในมือพร้อมกับเอ่ยคำพูดใส่มัน

 

“นักเรียนทุกคนช่วยอยู่ในความสงบด้วยครับ!”

 

เสียงของอาจารย์โนลที่พูดเข้าใส่ไม้คทาขนาดเล็กๆ ในมือได้ดังก้องกังวานไปทั่วสนามหญ้าจนนักเรียนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ กับแท่นพิธีถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อยก่อนที่เหล่านักเรียนจะค่อยๆ หยุดพูดคุยกันลงไปทีละคนจนในที่สุดทั้งสนามหญ้าตกอยู่ท่ามกลางเงียบ

 

และหลังจากนั้นอีกไม่นานก็ได้มีเสียงก้าวเท้าหนักๆ ดังขึ้นมาจากทางฝั่งอาคารเรียนก่อนที่จะปรากฏร่างของท่านผู้อำนวยการในชุดเกราะเต็มตัวสีขาวประดับทองที่ในคราวนี้ได้สวมใส่ผ้าคลุมสีแดงมาเต็มยศจนดูราวกับอัศวินผู้สูงศักดิ์

 

“เครื่องขยายเสียงครับท่านผู้อำนวยการ”

 

“ไม่จำเป็น”

 

“ครับ…”

 

อาจารย์โนลที่พยายามจะส่งมอบไม้คทาขยายเสียงในมือของเขาไปให้คนอื่นสักทีนั้นได้แต่หน้าเจือนไปเล็กน้อยและเดินหลบทางให้ท่านผู้อำนวยการได้มายืนอยู่หน้าแท่นพิธีแต่โดยดี ซึ่งในทันทีที่ท่านผู้อำนวยการเดินมาจนหยุดอยู่หน้าแท่นพิธีนั้นก็ได้เกิดความแตกตื่นขึ้นในหมู่เด็กนักเรียนหน้าเก่ากันในทันที

 

‘เฮ้ย… ปีนี้ ผอ.มาเองเลยว่ะพวกเรา…’

 

‘ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจะเป็นอาจารย์อายะไม่ก็อาจารย์เอริซาเบธหรอกหรอ…’

 

‘ผู้อำนวยการมาเองแบบนี้หรือว่าปีนี้จะมีอะไรพิเศษกันนะ…’

 

เสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกันได้ดังขึ้นมาจากทุกทิศทุกทาง ซึ่งถึงแม้ว่านักเรียนแต่ละคนจะหันไปแอบกระซิบกันเบาๆ แต่ว่าในเมื่อทุกคนได้พร้อมใจกันทำแบบนั้นเสียงของทุกคนก็เลยรวมกันจนเกิดเป็นเสียงพูดคุยเสียงดังที่แทบจะจับใจความอะไรกันไม่ได้ ซึ่งอัลเบิร์ตเองก็เป็นหนึ่งในผู้คนที่แอบพูดขึ้นมาเบาๆ เช่นเดียวกัน

 

“โห… คุณผู้อำนวยการออกมาเองเลยหรอเนี่ย ฉันก็นึกว่าปีนี้เจ้าสี่ตานั่นจะเป็นคนพูดซะอีก”

 

“หือ? คนที่ใส่ชุดเกราะนั่นคือผู้อำนวยการของโรงเรียนหรอน่ะ?”

 

“ครับ เห็นเขาว่ากันว่าท่านผู้อำนวยการเขาใส่ชุดเกราะอันนั้นมาตั้งแต่ก่อนที่จะรับตำแหน่งผู้อำนวยการของโรงเรียนแล้วล่ะครับ”

 

“อื้ม… ถึงชุดเกราะนั่นจะดูเท่ดีก็เถอะนะแต่ว่าใส่เกราะเต็มตัวแบบนั้นไม่อึดอัดแย่หรอนั่น ผู้อำนวยการเขาเคยถอดชุดเกราะนั่นออกบ้างหรือเปล่าน่ะคอนแนล?”

 

“เอ่อ… เหมือนว่าจะไม่เคยมีใครเห็นท่านผู้อำนวยการเขาถอดชุดเกราะออกเลยนะครับ แล้วถ้าจะมีใครที่มีอำนาจมากพอจะสั่งให้เขาถอดชุดเกราะได้ก็คงจะมีแต่ทางวังหลวงนั่นแหล่ะครับ… แต่ว่าถ้าทางวังจะใช้อำนาจสั่งให้คนคนหนึ่งถอดชุดเกราะออกมันก็น่าจะฟังดูไร้เหตุผลเกินไปหน่อยจริงมั้ยล่ะครับ…”

 

“เออ มันก็จริงแฮะ…”

 

นากาหันกลับไปตอบคอนแนลที่พูดตอบคำถามของเขาแทนอัลเบิร์ตที่ไม่มีท่าทีว่าจะหันกลับมาคุยกับนากาเลยแม้แต่น้อยในขณะที่ทางด้านท่านผู้อำนวยการที่เห็นว่าเสียงกระซิบกระซาบพูดคุยกันของเหล่าเด็กนักเรียนเหมือนจะดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกวินาทีนั้นก็ได้ขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยปากพูดออกมา

 

“ยินดีต้อนรับนักเรียนทุกคนทั้งเก่าและใหม่เข้าสู่ปีการศึกษาใหม่ของโรงเรียนรีมินัสแห่งนี้”

 

“—!!?”

 

เสียงของท่านผู้อำนวยการที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงปกติธรรมดานั้นกลับดังก้องกังวานยิ่งกว่าเสียงของอาจารย์โนลในตอนที่เขาพูดผ่านเครื่องขยายเสียงหลายเท่าจนทำให้ทั้งเหล่านักเรียนและคณะอาจารย์ถึงกับสะดุ้งสุดตัวไปตามๆ กัน

 

“ในปีการศึกษาใหม่นี้ทางโรงเรียนมีเรื่องที่จะต้องแจ้งให้กับนักเรียนทุกคนทราบอยู่หลายเรื่องด้วยกัน เรื่องที่หนึ่งก็คือในปีนี้ได้มีอาจารย์ใหม่สองท่านมาเข้าร่วมงานกับทางโรงเรียนเพิ่มเติม ท่านที่หนึ่งคืออาจารย์อารอนที่จะมาเป็นอาจารย์ประจำห้องพยาบาลและสอนสุขศึกษาคนใหม่แทนอาจารย์เอริซาเบธที่จะย้ายไปสอนวิชาอื่น”

 

ท่านผู้อำนวยการที่เห็นว่าเหล่าเด็กนักเรียนได้เงียบลงกันแล้วนั้นได้พูดขึ้นมาด้วยเสียงดังพอประมาณที่จะสามารถได้ยินกันชัดเจนทุกคนแตกต่างจากเสียงดังระเบิดหูเมื่อสักครู่นี้ ซึ่งทางด้านอารอนที่ได้ยินท่านผู้อำนวยการประกาศชื่อของเขาขึ้นมานั้นก็ได้ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และเดินไปด้านหน้าให้เหล่าเด็กนักเรียนได้เห็นหน้าของเขาในขณะที่ท่านผู้อำนวยการก็ได้เอ่ยปากแนะนำตัวอาจารย์ใหม่อีกคนหนึ่งต่อไปในทันที

 

“ส่วนอาจารย์ใหม่ท่านที่สองคืออาจารย์อลิซที่จะมาเป็นอาจารย์สอนวิชาภาคบังคับวิชาใหม่สำหรับระดับการศึกษาชั้นปลายชั้นปีที่หนึ่งที่เพิ่งจะถูกเพิ่มเข้ามาใหม่ในปีการศึกษานี้”

 

ทันทีที่สิ้นเสียงของท่านผู้อำนวยการ อลิซก็ได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินมายืนอยู่ที่ข้างๆ อารอน ก่อนที่เธอจะแอบกำหมัดแน่นเมื่อเสียงกระซิบกระซาบของพวกนักเรียนดังแว่วๆ มาให้เธอได้ยิน

 

‘เด็กผู้หญิงนั่นน่ะนะ? นี่ทางโรงเรียนไปจับเอาเด็กที่ไหนมาเป็นครูสอนหนังสือกันเนี่ย?’

‘ผมสีขาวกับตาสีแดงเหมือนกันเลยแฮะ อาจารย์ใหม่ทั้งสองคนนี่เป็นพี่น้องกันหรือเปล่านะ…’

‘ตัวเล็กกว่าน้องสาวที่บ้านของฉันอีกนะนั่น’

 

“ไอ้เด็กพวกนี้…”

 

อลิซกัดฟันพูดขึ้นมาเบาๆ ก่อนที่เธอจะเดินกลับไปนั่งรวมกับคณะอาจารย์คนอื่นๆ ตามเดิมพร้อมกับแอบหมายหัวเหล่านักเรียนปากเสียพวกนั้นเอาไว้ก่อนด้วย ซึ่งนั่นก็ทำให้อาจารย์อายะที่นั่งอยู่ติดกับอลิซได้พยายามที่พูดให้เธอใจเย็นลงก่อนบ้าง

 

“หน่าๆ อาจารย์อลิซก็ทำใจเย็นๆ เอาไว้ก่อนนะคะ อย่าไปถือสาพวกเด็กๆ เขาเลย”

 

“เฮ้อ… ตอนที่อาจารย์อายะเข้ามาก็เป็นแบบนี้หรือเปล่าคะ?”

 

“เอาจริงๆ ตอนที่ฉันเพิ่งจะเข้ามาก็ถูกพวกนักเรียนเขาพูดแซวเรื่องส่วนสูงกันอยู่บ้างนะคะเพราะว่าตอนนั้นฉันเองก็เพิ่งจะอายุพอๆ กับอาจารย์อลิซในตอนนี้เนี่ยแหล่ะค่ะ”

 

“ฉันคิดว่าตอนนี้พวกเราก็น่าจะ อายุ เท่า กัน นะคะ…”

 

“อ้าว— อายุเท่ากันหรอกหรอคะเนี่ย แหะๆ …”

 

อาจารย์อายะรีบพูดตอบอลิซที่พูดเน้นย้ำเรื่องอายุของเธอชัดๆ ทีละคำกลับไปแบบเจือนๆ เพราะว่าอลิซนั้นตัวเตี้ยยิ่งกว่าเธอเองในตอนที่เพิ่งจะบรรจุเข้าใหม่ๆ เมื่อหลายปีก่อนอีกซะด้วยซ้ำ

 

และในขณะที่พวกเธอกำลังพูดคุยกันอยู่นั้นเสียงกระซิบกระซาบของเหล่านักเรียนก็ได้ค่อยๆ เบาลงไปเมื่อพวกเขาเริ่มที่จะรู้ตัวกันแล้วว่าท่านผู้อำนวยการกำลังรอให้พวกเขาเงียบกันไปเองอยู่

 

“อีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับอาจารย์อลิซก็คือเนื่องจากว่าทางโรงเรียนเล็งเห็นว่าวิชาเรียนที่ถูกเพิ่มเข้ามาใหม่มีความจำเป็นอย่างมากจึงได้อนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้อาจารย์อลิซสามารถที่จะขอคาบเรียนจากอาจารย์ท่านใดก็ได้เพื่อนำมาใช้เป็นชั่วโมงเรียนของวิชาใหม่นี้ อีกทั้งถ้าหากอาจารย์อลิซมีความจำเป็นที่จะต้องเปิดคาบเรียนพิเศษนอกเวลาเรียนนักเรียนทุกคนก็จำเป็นที่จะต้องให้ความร่วมมือด้วยเช่นเดียวกัน”

 

‘อะไรกันเนี่ย? แบบนี้หมายความว่าถ้าเด็กคนนั้นคิดอยากจะสอนในวันหยุดขึ้นมาพวกเราก็ต้องมาเรียนงั้นหรอ’

 

‘มีใครเคยได้ยินเรื่องที่ท่านผู้อำนวยการพูดขึ้นมาก่อนบ้างหรือเปล่า?’

 

‘ฉันก็ไม่เคยเห็นจะได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยนะคะ…’

 

ในครั้งนี้นอกจากเหล่านักเรียนจะโห่ร้องออกมาด้วยความไม่พอใจที่อาจจะต้องเรียนเพิ่มเติมนอกเวลาเรียนแล้วก็ได้เกิดเสียงพึมพำขึ้นมาในหมู่อาจารย์ด้วยเช่นเดียวกันเพราะถึงแม้ว่าพวกเขาจะรู้มาก่อนว่าอลิซจะมาสอนวิชาเรียนใหม่แต่ก็ไม่มีใครรู้มาก่อนเลยว่าเธอได้รับมอบอำนาจให้ยึดชั่วโมงเรียนของอาจารย์ท่านอื่นได้ด้วย

 

“สุดท้ายนี้!! เนื่องจากว่าวิชาเรียนของอาจารย์อลิซเป็นวิชาเรียนที่เพิ่งจะถูกเพิ่มขึ้นมาใหม่ทางโรงเรียนจึงยังไม่สามารถที่จะจัดหาอุปกรณ์การเรียนส่วนตัวให้กับนักเรียนทุกคนได้ทัน ดังนั้นทางโรงเรียนจึงอยากขอความร่วมให้นักเรียนทุกคนตั้งใจฟังสิ่งที่อาจารย์อลิซสอนและแบ่งปันกันใช้อุปกรณ์เท่าที่มีกันไปก่อนจนกว่าจะสามารถจัดหาอุปกรณ์ส่วนตัวให้กับทุกคนได้”

 

ท่านผู้อำนวยการพูดขึ้นมาด้วยเสียงดังสนั่นอีกครั้งหนึ่งเมื่อเห็นว่าในครั้งนี้ทุกคนไม่มีท่าทีว่าจะเงียบเสียงลงกันได้ง่ายๆ ซึ่งนั่นก็ทำให้เหล่านักเรียนและคณะอาจารย์เงียบเสียงกันลงไปในทันที

 

“ในเมื่อทุกคนได้รับรู้เรื่องที่กล่าวไปกันเรียบร้อยแล้วฉันก็ขอประกาศว่าพิธีเปิดการศึกษาใหม่ของโรงเรียนรีมินัสได้จบลงเพียงเท่านี้ ขอให้ทุกคนโชคดี”

 

ทันทีที่ท่านผู้อำนวยการพูดจบเขาก็หันหลังกลับพร้อมกับเดินลงจากแท่นพิธีเพื่อเดินกลับเข้าไปในตึกเรียนในทันทีโดยไม่คิดจะอธิบายให้เหล่าคณะอาจารย์ฟังเลยแม้แต่น้อยเกี่ยวกับอำนาจในการจัดการคาบเรียนที่อลิซเพิ่งจะได้รับไป

 

และเมื่อท่านผู้อำนวยการเดินจากไปแล้วก็ได้เกิดเสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นมาในหมู่นักเรียนอีกครั้งหนึ่งเพราะพวกเขาคิดกันว่าอาจารย์คนใหม่ที่ดูแล้วเป็นเพียงแค่เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับสิทธิพิเศษมากมายเหลือเกิน ซึ่งนากาที่ได้ยินคำนินทาบางส่วนเข้าไปแบบนั้นก็ได้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อยเพราะว่าเด็กนักเรียนพวกนี้นั้นได้พูดนินทาอลิซที่พวกเขารู้จักกันดีอย่างสนุกปาก

 

“พวกนี้นี่ก็พูดกันไปเรื่อยเปื่อยจริงๆ นะ อย่างยัยอลิซนั่นน่ะหรอจะสั่งให้มาเรียนกันในวันหยุดน่ะ เห็นบ่นอยู่ทุกวันว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่มีวันจะมาเป็นอาจารย์แบบนั้นน่ะนะ…”

 

“ฮะฮะ นั่นสินะครับ”

 

และหลังจากนั้นอีกไม่นานอาจารย์โนลก็ได้เดินกลับมาที่แท่นพิธีพร้อมกับเครื่องขยายเสียงในมืออีกครั้งหนึ่งและพูดประกาศออกมา

 

“เอาล่ะนักเรียนทุกคน! ในเมื่อจบพิธีเปิดภาคเรียนกันไปแล้วถ้างั้นขอให้นักเรียนทุกคนตั้งแถวกันเดินตามอาจารย์ประจำชั้นของตัวเองไปกันทีละห้องนะครับ ค่อยๆ ไล่ไปจากทางด้านที่ติดกับอาคารเรียนก่อน ห้องของอาจารย์เอริซาเบธเชิญเดินนำไปได้เลยครับ”

 

หลังจากที่อาจารย์โนลพูดจบเขาก็เดินลงจากเวทีไปหยุดอยู่ตรงที่หน้าแถวของนักเรียนที่อยู่กึ่งกลางของสนามหญ้าตรงเบื้องหน้าของเวทีซึ่งเป็นแถวของเหล่าเด็กนักเรียนห้องหนึ่งที่มาจากตระกูลขุนนางนั่นเอง

 

ส่วนทางด้านเอริซาเบธที่ควรจะต้องเดินนำเหล่านักเรียนของเธอไปยังห้องเรียนนั้นก็กลับขยิบตาให้กับอัลเบิร์ตก่อนที่จะเดินหนีจากไปในทันที

 

“ถ้างั้นฝากเธอพาเพื่อนๆ ไปที่ห้องเรียนหน่อยละกันนะอัลเบิร์ตคุง พอดีว่าฉันยังมีงานที่ต้องจัดการเหลืออยู่อีกนิดหน่อยน่ะจ้ะ~”

 

“หา!? มันใช่หน้าที่ฉันมั้— เฮ้อ… ผ่านไปอีกปีนึงแล้วก็ยังชอบโยนงานให้ลูกศิษย์อยู่เหมือนเดิมเลยให้ตายสิ… เอ้า พวกนายรีบๆ ลุกขึ้นได้แล้ว!”

 

อัลเบิร์ตที่ถูกเอริซาเบธโยนงานมาให้นั้นได้แต่ถอนหายใจไล่หลังเธอไปก่อนที่เขาจะหันกลับมาตะโกนบอกเหล่านักเรียนประจำชั้นของเอริซาเบธให้ลุกยืนขึ้นแล้วจึงเดินนำพวกเขาไปยังชั้นสามของอาคารเรียนกัน

 

ซึ่งด้านในห้องเรียนของพวกเขานั้นก็มีโต๊ะเก้าอี้ตั้งเรียงรายกันไปโดยที่ทางด้านหลังห้องนั้นก็มีตู้เก็บของจำนวนมากที่มีป้ายชื่อของแต่ละคนกับพวงกุญแจห้อยเอาไว้ด้วย

 

ส่วนทางด้านหน้าสุดของห้องนั้นก็เป็นกระดานดำขนาดใหญ่ที่ถูกตีตารางเอาไว้และเขียนชื่อของนักเรียนแต่ละคนเอาไว้ในแต่ละช่องและเขียนกำกับเอาไว้ด้านล่างว่า ‘ถ้าอยากจะเปลี่ยนที่นั่งก็ตกลงกันเองแล้วค่อยมาบอกกันทีหลังละกันนะ’ พร้อมกับลงชื่อเอาไว้ปิดท้ายว่า ‘โดยอาจารย์เอริซาเบธ’ อีกด้วย

 

“อาจารย์เอริซาเบธเอาอีกแล้วสินะครับเนี่ย…”

 

“ยัยจิ้งจอกไม่ได้เรื่องเอ๊ย…”

 

คอนแนลที่เห็นข้อความบนกระดานดำนั้นได้พูดออกมาแบบติดตลกนิดๆ ส่วนอัลเบิร์ตนั้นก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วจึงเดินไปนั่งตรงที่นั่งของเขาที่อยู่ตรงกลางห้องพอดีอย่างหน่ายๆ ในขณะที่ทางด้านนากานั้นก็ได้แต่กะพริบตามองข้อความที่ถูกเขียนไว้บนกระดานดำอย่างมึนๆ

 

“นี่เอริซาเบธเขาทำแบบนี้มาหลายรอบแล้วหรอน่ะ?”

 

“ตอนที่พวกผมเรียนชั้นต้นปีสามเมื่อปีที่แล้วอาจารย์เอริเขาก็ทำแบบนี้เหมือนกันนั่นแหล่ะครับ ถ้ายังไงก็แยกย้ายกันไปนั่งตามที่เขียนไว้บนกระดานดำก่อนก็ละกันนะครับ”

 

“นั่นสินะ เอาตามนั้นก่อนละกัน”

 

นากาพยักหน้าตอบคอนแนลกลับไปก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปเก็บอาวุธประจำตัวของตนไว้ในตู้เก็บของของตัวเองแล้วจึงเดินไปนั่งกันตามที่นั่งที่ถูกระบุเอาไว้บนกระดานดำ

 

ซึ่งที่นั่งของนากานั้นอยู่ตรงกลางของแถวสุดท้ายพอดีโดยที่ข้างๆ กันนั้นก็เป็นที่นั่งของพรีมูล่า ในขณะที่ด้านหน้าของเขาและพรีมูล่านั้นก็เป็นที่นั่งของคอนแนลกับโมโกะ

 

ในขณะที่คนอื่นๆ ที่นากาพอจะคุ้นหน้าอยู่บ้างก็อยู่ในห้องนี้กันอย่างพร้อมเพรียงเช่นเดียวกัน อย่างเช่นเซซิลที่นั่งอยู่ถัดไปทางด้านซ้ายของนากา ซิลเวสที่นั่งอยู่ติดกับพรีมูล่า รีซาน่าและมายะที่ถูกจับไปนั่งอยู่ใกล้ๆ อัลเบิร์ต แล้วก็พิเน๊ะที่นั่งเหม่อลอยอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มของพวกเขาสักเท่าไหร่นัก หรือแม้แต่กระทั่งซึบากิที่นั่งทำหน้านิ่งๆ อยู่ติดกับประตูแต่ว่ากำลังหันซ้ายหันขวาเหมือนกับกำลังมองตามอะไรที่ขยับไปมาอยู่

 

“เย้~ ได้นั่งติดกันกับทุกคนด้วยล่ะ~”

 

“โชคดีที่ทุกคนได้นั่งใกล้ๆ กันล่ะเนอะ”

 

“ฉันว่าน่าจะเป็นฝีมือของเอริซาเบธเขามากกว่าล่ะมั้ง…”

 

“อยู่ที่โรงเรียนต้องเรียกว่าอาจารย์เอริซาเบธสิครับนากา… แต่ผมว่าก็น่าจะเป็นแบบนั้นจริงๆ นั่นแหล่ะครับ… จะว่าไปในห้องนี้ก็มีคนที่ผมไม่คุ้นหน้าเพิ่มขึ้นมาเกือบจะเกินครึ่งห้องเลยนะครับเนี่ย ท่าทางว่าปีนี้ทางโรงเรียนจะเปิดรับนักเรียนเพิ่มมาเยอะจริงๆ”

 

“หืม? นี่สรุปว่าโรงเรียนนี้เปิดให้สอบเข้าแบบธรรมดาๆ ได้ด้วยหรอกหรอ…. แล้วแบบนี้ทำไมเอริกะถึงต้องไปหาใบรับรองพวกนั้นมาให้พวกฉันใช้สมัครเรียนด้วยล่ะเนี่ย?”

 

นากาที่ได้ยินว่าคอนแนลแทบจะไม่คุ้นหน้าเหล่าเด็กนักเรียนเกือบจะครึ่งห้องนั้นได้กระซิบถามคอนแนลขึ้นมาด้วยความสงสัย เพราะถ้าเกิดว่าคอนแนลที่เคยเรียนผ่านปีการศึกษาชั้นต้นในโรงเรียนนี้มาก่อนแล้วไม่คุ้นหน้าพวกเขาก็น่าจะหมายความว่าเด็กนักเรียนพวกนั้นน่าจะเป็นนักเรียนใหม่อย่างแน่นอน

 

“อันนั้นเป็นเพราะว่าพวกนากามาถึงเมืองหลังจากวันที่พวกเราสอบเรียนต่อกับรับสมัครนักเรียนใหม่เสร็จกันไปแล้วน่ะครับก็เลยต้องใช้วิธีการพิเศษหน่อยนึง เพราะปกติแล้วช่วงนั้นทางโรงเรียนจะไม่รับนักเรียนเพิ่มแล้วน่ะครับ”

 

“อ้าว? แต่ก่อนหน้านี้ฉันยังเห็นทางโรงเรียนจัดการสอบอยู่เลยไม่ใช่หรอ? น่าจะสักสองสามสัปดาห์ก่อนล่ะมั้งตอนที่ฉันมาขึ้นรถไปเมืองกราวิทัสน่ะ”

 

“อ๋อ… การสอบตอนนั้นมันเป็นการสอบเข้าของนักเรียนใหม่ในชั้นการศึกษาชั้นต้นน่ะครับ เหมือนว่าทางโรงเรียนจะอยากจัดการเรื่องของนักเรียนเก่าที่จะเรียนต่อให้เรียบร้อยกันก่อน พวกเด็กๆ ก็เลยต้องมาสอบกันทีหลังพวกผมน่ะครับ”

 

“งั้นหรอ…”

 

ปึ้ง!!

 

ในขณะที่เหล่าเด็กนักเรียนในห้องกำลังเริ่มที่จะจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่นั้น อยู่ๆ ประตูของห้องเรียนก็ได้ถูกกระแทกเปิดออกด้วยฝ่าเท้าเล็กๆ ของเด็กสาวที่พวกนากาคุ้นเคยกันดี ซึ่งอลิซนั้นก็ได้ยืนนิ่งทำใจอยู่เล็กน้อยจะลดเท้าลงและเดินเข้ามาในห้องโดยที่ทั้งสองมือของเธอได้อุ้มกล่องกระดาษขนาดใหญ่ที่บรรจุเอกสารจำนวนมากเข้ามาด้วย

 

“เอ่อ… อาจารย์อลิซเข้าผิดห้องหรือเปล่าครับ… อาจารย์ประจำชั้นของพวกผมคืออาจารย์เอรินะครับ”

 

ในตอนที่ภายในห้องเรียนตกอยู่ภายใต้ความเงียบนั้นเด็กนักเรียนชายผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบจะเป็นสีดำที่นั่งอยู่ตรงแถวหน้าสุดก็ได้รวบรวมความกล้าเอ่ยปากถามอลิซที่ท่าทางเหมือนจะหงุดหงิดอยู่ขึ้นมาท่ามกลางความนับถือของเหล่านักเรียนในห้อง

 

ซึ่งอลิซที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้สะบัดสายตาไปจ้องมองเขาในทันทีจนทำให้เด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มถึงกับสะดุ้งไปเล็กน้อย แต่ว่าก่อนที่อลิซจะได้พูดอะไรออกมานั้นเอริซาเบธก็ได้ยื่นหน้าออกมาจากขอบประตูและพูดทักทายเหล่าเด็กนักเรียนของเธอด้วยท่าทีร่าเริงขึ้นมาซะก่อน

 

“อาจารย์เอริอยู่นี่เองจ้า มีใครเรียกหาอยู่หรือเปล่าเอ่ย~”

 

“เอ่อ… คือว่าอาจารย์อลิซเขามายึดคาบโฮมรูมไปแล้วนะครับอาจาร์ยเอริ…”

 

“อ๋อ~ ก็พอดีว่าคาบเรียนแรกของพวกเธอจะเป็นวิชาของอาจารย์อลิซเขาอยู่แล้วน่ะ อาจารย์ก็เลยให้ฝากให้อาจารย์อลิซเขาจัดการเรื่องโฮมรูมไปด้วยเลยน่ะ”

 

“ง—งั้นเองหรอครับ”

 

อลิซที่เห็นท่าทางของเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลที่พยายามจะหลบตาเธอและหันไปพูดสอบถามเอริซาเบธแทนนั้นถึงกับหางคิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนที่เธอจะโยนกล่องกระดาษลงบนโต๊ะและพูดถามเขาออกไปตรงๆ

 

“หมดคำถามแล้วหรือยัง?”

 

“หมดแล้วครับ…”

 

“ดีมาก… แล้วถ้าวันหลังมีคำถามอะไรคาใจก็มาถามฉันตรงๆ เลยไม่ต้องหันไปถามคนอื่นเข้าใจมั้ย… แล้วนี่มีใครคนไหนสงสัยอะไรอีกมั้ย?”

 

อลิซพยักหน้าตอบเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลคนนั้นกลับไปก่อนที่เธอจะหันไปสำรวจดูเหล่าเด็กนักเรียนในห้องว่ามีใครคาใจอะไรกับการปรากฏตัวของเธออีกหรือไม่ ซึ่งเมื่ออลิซได้เห็นว่าเด็กนักเรียนแทบจะทุกคนนอกจากพวกนากาแล้วล้วนแต่มีท่าทีเกร็งๆ เหมือนกับว่ากำลังกลัวจนไม่กล้าพูดถามอะไรขึ้นมาซะมากกว่าเธอจึงได้ตัดสินใจที่จะพูดเข้าเรื่องในทันที

 

“ในเมื่อไม่มีใครมีคำถามอะไรแล้วถ้างั้นก็เตรียมใจกันให้พร้อม เพราะเดี๋ยวอีกสิบนาทีพอถึงคาบเรียนของฉันพวกเราจะมีการทดสอบวัดผลกันเป็นอันดับแรกเลย”

 

“หาาาา!!?”