บทที่ 72 นายมันแย่ที่สุด!

ลูกซื้อพ่อให้แม่

บทที่ 72 นายมันแย่ที่สุด!

จีหมู่เซี่ยน!

ฝูเจิ้งเจิ้งรีบคว้ามือของจีหมู่เซี่ยนไว้พร้อมกับพูดด้วยเสียงเหนื่อยหอบ “คุณจี ช่วยฉันด้วยค่ะ!”

“เกิดอะไรขึ้น!”

“คุณจี ได้โปรด ช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลที ฉันรู้สึก—ไม่ดีมากๆ เลยค่ะ” ฝูเจิ้งเจิ้งกัดฟันแน่นขณะพยายามสื่อสารอย่างยากลำบาก

ใบหน้าของเธอแดงก่ำเพราะความร้อนในตัวที่เพิ่มสูงขึ้น มันเป็นความรู้สึกอึดอัดที่เธออธิบายไม่ได้

จีหมู่เซี่ยนจ้องหญิงสาวสักพัก ชายหนุ่มก็พอจะเข้าใจได้ว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ ดังนั้นแล้วเขาจึงรีบพยุงเธอขึ้นและรีบเดินออกจากจุดนี้ไป ในขณะที่ทั้งสองกำลังเดินผ่านอาคารระหว่างทางไป เขาก็สังเกตเห็นชายคนหนึ่งที่หันมามองพวกเขาด้วยแววตาแปลกๆ ด้วยความที่เป็นคนระวังตัวอยู่แล้ว จีหมู่เซี่ยนรีบพลิกตัวและโอบร่างบางไปหลบหลังต้นไม้ทันที

เขารู้จักคนคนนี้! ชายคนนี้คือปาปารัสซี่ที่คอยทำข่าวเกี่ยวกับเรื่องฉาวของเหล่าคนดังในเมือง B

ถ้าหากคนคนนี้เห็นว่าภายในงานสัมมนาของพนักงานบริษัทเว่ยหานมีอะไรแบบนี้อยู่ล่ะก็ มีหวังพรุ่งนี้ได้มีข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับพนักงานภายในบริษัทขึ้นหราอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์และเว็บไซต์แน่ๆ

“เร็วเข้า ฉะ…ฉันจะทนไม่ไหวแล้ว…” เธอหอบหายใจแรง ทั่วทั้งร่างตอนนี้ชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ไหลพรากราวกับจะช่วยดับไฟร้อนในร่างกาย ทุกอย่างรอบตัวเริ่มพร่าเลือนหญิงสาวเปลี่ยนจากกัดฟันมากัดริมฝีปากตนเองแทน ส่วนมือที่จับจีหมู่เซี่ยนไว้ก็เริ่มจะสั่นเบาๆ ให้รู้แล้วว่าเธอเริ่มจะไม่ไหวจริงๆ

พลันเมื่อฝูเจิ้งเจิ้งอ้าปากจะพูดขึ้นมาอีกครั้ง จีหมู่เซี่ยนก็รีบปิดปากเธอไว้ทันที เพราะกลัวเสียงของหญิงสาวนั้นจะเรียกให้ปาปารัสซี่คนนั้นเกิดความสงสัย

แต่แล้ว สิ่งที่เขากังวลมันก็เกิดขึ้นจริงๆ เมื่อเขาพบว่าปาปารัสซี่คนดังกล่าวกำลังเดินตรงมาทางนี้ ทางเดียวที่จะออกไปจากที่นี่ได้นั้นหายไปแล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งไม่สามารถออกไปในสภาพนี้ได้แน่ เพราะงั้นจีหมู่เซี่ยนจึงตัดสินใจพาเธอไปหลบในห้องของเขาที่อยู่ภายในอาคารด้านหลังแทน

ร่างบางถูกวางบนเตียงนุ่ม เขาหยิบเอาโทรศัพท์มือถือของตนขึ้นมาหมายจะโทรเรียกหมอ ทว่าฝูเจิ้งเจิ้งกลับลุกขึ้นมากอดเขาไว้แน่นพร้อมกับเรียกหาใครสักคน “ซือฉี…ซือฉี…”

ชายหนุ่มชะงักไปด้วยความตกใจ ยามที่เห็นว่าดวงหน้าเรียวสวยและริมฝีปากของเธอกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็ว เขาจึงรีบผลักเธอลงไปนอนบนเตียงอีกครั้งส่วนตนเองก็ถอยกรูดออกไปหลายเมตร เมื่อมีโอกาสได้ตั้งสติและมองดีๆ จีหมู่เซี่ยนก็พบว่าฝูเจิ้งเจิ้งนั้นเพ้อไม่ได้สติเสียแล้ว ดังนั้นสิ่งที่เธอพูดอยู่ก็ล้วนแต่เป็นจิตใต้สำนึกทั้งสิ้น

มองฝูเจิ้งเจิ้งที่ล้มนอนลงไปบนเตียงด้วยใบหน้าที่แดงขณะครวญครางเบาๆ จีหมู่เซี่ยนก็ตระหนักได้ว่า สภาพแบบนี้ต่อให้พาไปโรงพยาบาลก็ไม่มีประโยชน์ และจากชื่อที่อีกฝ่ายเอาแต่ครางเรียกอยู่เรื่อยๆ นั้น เขาก็ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจโทรหาน้องสามของตน

เสียงสัญญาณรอสายดังอยู่พักใหญ่ แต่ท้ายสุดก็ไม่มีใครรับสาย เขาสบถออกมาอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเปลี่ยนไปโทรหาคนอื่นแทน

“บอกทุกๆ คนที่อยู่ภายในโถงงานเลี้ยง หาน้องสามของฉันให้เจอ จากนั้นบอกให้เขาโทรหาฉันด้วย”

หลังจากวางสายไป เขาก็หันไปมองฝูเจิ้งเจิ้งที่นอนอยู่บนเตียงอีกครั้ง

อาการแบบนี้เขารู้สาเหตุดีเลยล่ะ แต่สิ่งที่กำลังสงสัยก็คือ ใครเป็นคนวางยาเธอต่างหาก

ที่บ้านหลังเก่าหลังนั้น เขาจงใจไปเปิดหน้าต่างไว้บานหนึ่งเพื่อล่อให้เธอเข้าไป เพราะเขาอยากรู้ว่าอะไรที่หญิงสาวผู้นี้ต้องการจะได้จากบ้านหลังดังกล่าว แต่ไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้

“ซือฉี…ฉันรู้สึกไม่ดีเลย…ฉันกำลังจะตายเหรอ? ได้โปรด ช่วยฉันด้วย…ฉันยังไม่อยากตาย…ฉันต้องไปรับฝูซิง…” มือเรียวที่ขยับอย่างสะเปะสะปะนั้นเริ่มฉีกกระชากเสื้อผ้าตนเองจนมันเริ่มจะฉีกขาดทีละนิด ทว่าเจ้าตัวก็ยังไม่ยอมหยุด จีหมู่เซี่ยนที่อยากจะเขาไปหยุดเธอไว้ก็ไม่กล้าเช่นกัน เขาต้องหยุดชะงักมือไว้กลางอากาศก่อนจะหันหน้าหลบไปทางอื่นแทน

และในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น

“คุณจีครับ คุณหานกำลังมอบรางวัลอยู่ครับ พวกเราไม่สามารถเข้าแทรกแซงได้เลย”

“เข้าใจแล้ว งั้นนายมาที่ห้องฉันตอนนี้เลย”

2 นาทีให้หลัง เสียงเคาะประตูที่ดูรีบร้อนก็ดังขึ้น จีหมู่เซี่ยนรีบเดินไปเปิดประตู แต่เขาไม่ลืมที่จะปิดล๊อกมันไว้

“คุณจี…” ชายผู้ที่ยืนเคาะประตูเหนื่อยหอบอยู่ด้านนอกนั้นคือ หวานเจิ้งฮั่ว เขาเป็นหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยที่ประจำการอยู่ ณ รีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางแห่งนี้

“นายยืนเฝ้าตรงนี้ ห้ามเข้าไปด้านในไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ไม่ว่าใครก็เข้าไปด้านในไม่ได้ ยกเว้นน้องสามของฉันเท่านั้น”

หวานเจิ้งฮั่วปาดเหงื่อและรีบพยักหน้า “เข้าใจแล้วครับ ไว้ใจได้เลย!”

เมื่อเห็นว่ามีคนดูแลที่นี่แทนแล้ว จีหมู่เซี่ยนก็มุ่งตรงไปยังโถงงานเลี้ยงแทนทันที

ในทันทีที่เขาเข้ามาภายในโถงงานเลี้ยง เขาก็ได้ยินเสียงปรบมือดังระงมไปทั่วบริเวณโถงประชุม และเมื่อเขามองไปบนเวทีกลาง เขาก็พบว่าหานซือฉีกำลังยืนแจกซองอั่งเปาให้แก่พนักงานของเขาอยู่

จีหมู่เซี่ยนเดินหลบไปข้างเวทีเพื่อส่งสายตาไปให้น้องชาย และด้วยความที่เป็นพี่น้องกัน หานซือฉีก็สามารถเข้าใจได้ในทันที เขาพยักหน้าและสลับหน้าที่ปัจจุบันให้หมินจงจู่แทนก่อนจะรีบเดินลงไป

“เกิดอะไรขึ้นเหรอพี่รอง?”

“ไปที่ห้องของฉัน”

ชายหนุ่มผู้เป็นพี่พูดพร้อมกับยัดกุญแจห้องของตนลงไปในมือของน้องเล็กด้วย

หานซือฉีรับกุญแจนั้นไว้ด้วยความงุนงง แต่ก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ รีบมุ่งหน้าไปที่นั่นทันที เขารู้ดีว่าพี่รองของเขานั้นไม่เคยขอให้เขาทำอะไรไร้สาระแน่ๆ ดังนั้นที่ห้องของเขาน่าจะมีอะไรที่สำคัญมากๆ ถูกเก็บไว้อยู่แน่!

“จะไปไหนเหรอคะ ซือฉี?” เฉียวเค่อเหรินผู้ที่นั่งอยู่บริเวณที่นั่งด้านหน้ารีบลุกตามเขามาทันที

“คุณเฉียวงั้นเหรอ? โอ้ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ ไม่ทราบว่าพอจะดื่มด้วยกันซักหน่อยได้ไหม?” จีหมู่เซี่ยนเดินเข้ามาขวางหน้าเฉียวเค่อเหรินไว้พร้อมกับแก้วไวน์ในมือ

“อ๊ะ พี่รอง” เฉียวเค่อเหรินผงะให้กับจีหมู่เซี่ยนก่อนจะยิ้มหวานทักทายเขาตามมารยาท เธอจำต้องหยุดตามหานซือฉี หยิบแก้วไวน์ที่อีกฝ่ายส่งให้มาดื่มพร้อมพูดเบาๆ “เชียร์”

พลันเมื่อดื่มเสร็จและเตรียมจะตามติดหานซือฉีไป แต่ก็ดูจะช้าเกินเวลา หานซือฉีคลาดสายตาไปแล้ว ไม่รอช้าเธอรีบเดินไปหาที่ห้องพักของเขา ทว่าที่นั่นก็ไม่มีใครอยู่เช่นกัน สิ่งนี้มันทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมานิดหน่อย

ขณะเดียวกันหานซือฉีกำลังรีบเดินไปยังห้องของจีหมู่เซี่ยน และเมื่อเขามาถึง ก็เห็นหวานเจิ้งฮั่วยืนเฝ้าหน้าประตูอยู่ไม่ไกลนัก

“สวัสดียามเย็นครับคุณหาน” หวานเจิ้งฮั่วรีบทักทายพร้อมกับหลีกทางให้ตามคำสั่ง “คุณจีบอกผมไว้ว่ามีแค่คุณหานคนเดียวที่เข้าไปด้านในได้ครับ”

“เข้าใจแล้ว กลับไปทำงานของนายเถอะ” หลังจากที่หวานเจิ้งฮั่วไปแล้ว หานซือฉีก็หยิบกุญแจขึ้นมาไขประตูเข้าไปอย่างรวดเร็ว

ภายในโถงวางรองเท้าด้านในห้องนั้นไม่ได้ทำให้เขารู้สึกพิเศษอะไรนัก จนกระทั่งเสียงของอะไรบางอย่างที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในห้องนอน มันก็ทำให้เขาต้องรีบเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัยจนได้พบกับฝูเจิ้งเจิ้งที่นอนอยู่บนเตียง

เขาไม่รอช้าที่จะรีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความตกใจและโอบไหล่ของเธอไว้ “เจิ้งเจิ้ง เกิดอะไรขึ้นกับเธอน่ะ!?”

ทันใดนั้น ฝูเจิ้งเจิ้งก็โผเข้ากอดหานซือฉีไว้และพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือราวกับกำลังเจ็บปวด “อย่าทิ้งฉันไปไหนนะซือฉี อย่าทิ้งฉัน…ฉันกลัว…มันร้อนไปหมด…”

ชายหนุ่มพยายามสังเกตดูความผิดปกติของสาวในอ้อมแขนอย่างใกล้ชิด แล้วก็พบว่าฝูเจิ้งเจิ้งนั้นไม่ได้สติ ในขณะเดียวกันก็กำลังกัดฟันแน่นราวกับกำลังอดกลั้นกับความรู้สึกบางอย่างอยู่ ใบหน้าที่แดงระเรื่อของเธอนั้นชุ่มไปด้วยเหงื่อที่ผุดขึ้นมา

“ซือฉี…” เธอค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากเข้าหาเขาช้าๆ

“เจิ้งเจิ้ง? เจิ้งเจิ้ง!” หานซือฉีพยายามเรียกเธออยู่หลายครั้ง แต่เหมือนยิ่งเรียกเธอก็ยิ่งไม่ได้ยิน ชัดเจนเลยว่าเธอไม่มีสติเหลืออยู่เลย และชื่อที่เธอเรียกนั้นก็มาจากสภาพที่ไร้สตินี้ด้วย ตัวเธอนั้นไม่รู้เลยว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

มือหนึ่งของฝูเจิ้งเจิ้งเริ่มฉีกกระชากเสื้อของเขาก่อนจะเริ่มลูบไล้ไปตามเรือนร่างด้วยมือเรียวเล็ก หานซือฉียังคงพยายามเรียกสติเธอ เขาพยายามหยุดมือเธอไว้ ทว่าหญิงสาวกลับเป็นฝ่ายคว้ามือเขาไว้และเรียกชื่อเขาอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าหวานที่กำลังเข้ามาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน

—————————————

“ซือฉี…”

“ฉันอยู่นี่แล้ว”

หานซือฉีดึงร่างของเธอเข้ามากอดไว้ด้วยความรักใคร่ ไม่ปล่อยเธอให้หลุดออกจากอ้อมกอด เขารอจนกระทั่งเธอหลับไปในอ้อมกอดของตนก่อนจะค่อยๆ ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่แสดงให้เห็นว่าเขารักและเอ็นดูเธอมากขนาดไหน แขนที่โอบกอดเจ้าหล่อนไว้นั้นยังคงไม่คลายขณะคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นไปด้วย

งานเลี้ยงวันนี้ไม่มีคนอื่นเลย… ใครกันนะที่ทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้?

หรือว่า…

ทันทีที่คิดได้ แววตาที่อ่อนโยนนั้นก็สลายไปกลายเป็นแววตาที่แข็งกร้าว

ใครก็ตามที่กล้าทำร้ายผู้หญิงของฉัน ฉันจะต้องเอาคืนแน่ๆ ไม่ช้าก็เร็ว!

ฮึ่ม!

แต่เมื่อนึกถึงภาพของจีหมู่เซี่ยนที่วิ่งหอบมาหาเขาถึงที่โถงงานเลี้ยง หานซือฉีก็เกิดความสงสัยขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ใช่ว่าพี่รองของเขาชอบเธอหรอกเหรอ? ทำไมถึงได้มาเรียกเขาให้มาในสถานการณ์แบบนี้ล่ะ?

นี่ไม่ใช่…สิ่งที่เขาต้องการอยู่แล้วหรือไง?

“ซือฉี…”

หญิงสาวในอ้อมแขนเขาเริ่มขยับตัวอีกครั้งพร้อมเรียกพึมพำ

“เจิ้งเจิ้ง ฉันอยู่นี่” เสียงที่แหบพร่าของเขานั้นมันฟังดูอ่อนโยนราวกับปุยนุ่น และดูเหมือนว่าเสียงของเขาจะทำให้เธอสงบลงอีกครั้ง เพราะหญิงสาวมั่นใจว่าหานซือฉีอยู่กับเธอแน่ๆ ดังนั้นร่างบางจึงค่อยๆ หลับลงไปอีกครั้งท่ามกลางสายตาที่ห่วงใยของหานซือฉี

บางทีคงเพราะการเรียกชื่อเขาแบบขาดสติเช่นนี้ก็ได้ จีหมู่เซี่ยนถึงออกไปตามให้เขามาที่นี่

ฉันคือคนที่อยู่ในใจเธอสินะ

เขาก้มลงมองฝูเจิ้งเจิ้งที่กำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุข ก่อนจะค่อยๆ เกลี่ยเส้นผมที่อยู่บนแก้มนวลสวยนั้นออกไปข้างๆ อย่างนิ่มนวลแล้วกอดเธอไว้อีกครั้งให้แนบชิดกับอกของตน

ภาพจำเมื่อครั้งที่ฝูเจิ้งเจิ้งหน้ามืดตามัวอยากเห็นไฝที่ต้นขาเขานั้นมันผุดขึ้นมาในหัว ภาพเหล่านั้นนึกถึงทีไรก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เธอคนนี้มักจะโดนเขาแกล้ง โดนเขาหลอกอยู่ตลอดเวลา แต่มันก็ทำให้เขาอดหึงและอิจฉาเหนียนซี่ที่ฝูเจิ้งเจิ้งมักจะพูดถึงด้วยความอ่อนโยนตลอดไม่ได้ หานซือฉีกัดฟันเมื่อคิดถึงสาเหตุที่ทำให้ฝูเจิ้งเจิ้งตีตัวออกห่างเขา ทั้งหมดเป็นเพราะเฉียวเค่อเหริน…

ถึงแม้ว่าตัวเขาในตอนนี้จะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาใดๆ กับเธอได้ แต่เขาจะไม่ยอมให้หัวใจของเธออยู่ห่างจากเขาแม้แต่นิดเดียว รวมไปถึงจะไม่ยอมให้เธอไปรักใครอื่นด้วย ต่อให้คนคนนั้นจะเป็นพี่รองของเขาก็ตาม!

มองรอยแดงตามตัวเธอที่เขาทำทิ้งไว้ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชายหนุ่มอีกครั้ง ใช่แล้ว ฝูเจิ้งเจิ้งน่ะโดนเขาตีตราจองไว้แล้ว ต่อจากนี้ไปเธอจะเป็นของใครไปไม่ได้อีก ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น! คนเดียวที่ฝูซิงจะเรียก ป๊ะป๋า ได้ ก็คือเขา!

———————————————————————————————————-

แสงสีทองเรืองรองของดวงอาทิตย์ยามเช้าลอดผ่านรอยต่อผ้าม่านที่ไม่เรียบสนิทดีนัก สายลมที่พริ้วไหวอ่อนๆ เองก็ทำให้ผ้าม่านดังกล่าวขยับไปมาอยู่เรื่อยๆ ส่งผลให้แสงที่สาดเข้ามาตกกระทบไปในรูปร่างที่ต่างกัน

ฝูเจิ้งเจิ้งยืดแขนออกไปสุดเอื้อมในขณะที่ตายังคงหลับพริ้มอยู่

ช่างน่าแปลก ทั้งๆ ที่เมื่อวานก็ไม่ได้ทำอะไรหนักหน่วงแท้ๆ แต่ทำไมรู้สึกเหนื่อยเหมือนวิ่งหนีรถไฟที่พยายามวิ่งไล่มาทั้งคืนเลยนะ?

“ตื่นได้แล้วฝูซิง เด็กดีต้องตื่นแต่เช้านะจ๊ะ ฮ้าว~” เธอหันไปผลักร่างที่อยู่ข้างๆ หวังจะปลุกให้ตื่นตามสัญชาตญาณโดยที่ตนยังไม่ลืมตา

เอ๊ะ? ทำไมฝูซิงตัวหนักขึ้นขนาดนี้ล่ะ?

เมื่อรู้สึกได้ถึงความไม่ปกติ ฝูเจิ้งเจิ้งก็ดีดตัวขึ้นในทันที ดวงตากลมโตนั้นสั่นสะท้านอยู่ภายในกรอบตาราวกับเป็นระฆังที่โดนตีจนสั่น

หานซือฉี!? ทำไมอีตานี่ถึงมาอยู่บนเตียงฉันได้ล่ะ!

เธอคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมตัวไว้และพยายามนึกย้อนกลับไปว่าทำไมเธอถึงมานอนร่วมเตียงกับชายคนนี้ได้

เมื่อคืน….เกิดอะไรขึ้นน่ะ? ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะ?

หญิงสาวพยายามฟื้นความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน แต่สิ่งที่จำได้นั้นมีแค่ถึงตอนที่เจอจีหมู่เซี่ยนอยู่ที่หน้าประตูบ้านหลังเก่านั่นเท่านั้น

“ตื่นแล้วเหรอที่รัก?” หานซือฉีนอนตะแคงและยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาเท้าหัวไว้ เขามองสาวตรงหน้านั้นด้วยรอยยิ้ม

“ค-คุณหาน!! คุณมันแย่ที่สุด! คุณทำอะไรฉันน่ะคะ!!” ฝูเจิ้งเจิ้งกระชากผ้าห่มมาห่อคลุมตนไว้อย่างแน่นหนา ในขณะเดียวกันก็ยกขาขึ้นเตะเขาออกด้วย

หานซือฉีผู้ที่เตรียมรับมือทุกอย่างเอาไว้แล้วรู้ว่าจะโดนอะไรบ้าง ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบคว้าขาเรียวของเธอไว้ เขาพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางหาย “ฉันทำอะไรไปงั้นเหรอ? เอ จำไม่ได้เหมือนกันแฮะ”

เมื่อไม่สามารถใช้ขาทำอะไรเขาได้ ฝูเจิ้งเจิ้งก็ใช้มือที่อยู่ใต้ผ้าห่มนั้นหยิกแขนเขาแรงๆ พร้อมตะโกน “ฮึ่ม! หานซือฉี! นายมันเจ้าคนกะล่อนปลิ้นปล้อน! ออกไปเดี๋ยวนี้เลย! ไป!”

“ออกไปงั้นเหรอ? ไปไหนดีล่ะ? ไปหาเธอดีไหม?”

ยามที่เห็นว่าหานซือฉีกำลังขยับตัวเข้ามาใกล้ๆ เธอก็รีบพ่นถ้อยคำที่บาดหูออกมาราวกับเครื่องยิงศรที่รัวคมมีดแหลมออกมาใส่ศัตรูอย่างไม่หยุดยั้ง ระหว่างนั้นก็กลิ้งตัวหลบและคว้าหมอนปาใส่หานซือฉีด้วยแรงทั้งหมดที่มีในตอนนี้ด้วย

เธอตั้งใจว่าจะรีบๆ แต่งตัวให้เสร็จก่อนจะกลับมาชำระแค้นเขา ทว่าเมื่อมองไปรอบๆ ห้อง ความรู้สึกแปลกก็กลับมาอีก

นี่มัน…ห้องใครน่ะ?

ทันใดนั้นความทรงจำที่เลือนลางก็เริ่มจะปะติดปะต่อชัดขึ้นมาอีกครั้ง เธอจำได้ว่าหลังจากที่ดื่มไวน์ที่ได้มาจากเฉียวเค่อเหริน ก็เกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น และเธอก็ไปขอให้จีหมู่เซี่ยนช่วยเธอ

จีหมู่เซี่ยนไปไหน? แล้วทำไมหานซือฉีถึงมาอยู่ที่นี่? ทำไมกันน่ะ? เกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนกันแน่?

ไม่นะ….พระเจ้า!

ความรู้สึกที่น่าละอายเกิดแผ่ซ่านทั่วทั้งร่างของเธอราวกับว่าร่างกายเธอเพิ่งไปผ่านกิจอันไม่พึงประสงค์มาก่อนหน้านี้ เธอหันไปเหลือบมองหานซือฉี แล้วก็พบว่าเขากำลังหยิบเสื้อผ้าที่วางอยู่บนพื้นอยู่

อ๊า! ทำไมฉันไม่เอะใจเลยว่าก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าอยู่!

ใบหน้าของฝูเจิ้งเจิ้งนั้นแดงระเรื่อขึ้นมาทันที เธอรีบหลับตาปี๋แล้วด่าทอเฉียวเค่อเหรินอยู่ในใจ ตามด้วยการโทษตัวเองที่ปล่อยปละละเลยจนติดกับดักได้ง่ายขนาดนี้

ในขณะที่หานซือฉีกำลังแต่งตัว ฝูเจิ้งเจิ้งก็มองไปรอบๆ ตัวและรู้สึกอยากจะร้องไห้อีกครั้ง…เสื้อผ้าของเธอถูกฉีกไม่เป็นชิ้นดีเลย… แบบนี้จะให้ใส่ยังไงน่ะ?

ฝูเจิ้งเจิ้งกัดริมฝีปากตนด้วยความเจ็บใจก่อนจะถามออกไป “ที่นี่ที่ไหน?”

“ฉืออิ๋งลี่หยาง”

โอ๊ะ จำได้แล้วว่าเมื่อวานบริษัทนั้นจองพื้นที่ในรีสอร์ทฉืออิ๋งลี่หยางเอาไว้สำหรับจัดงานสัมมนาที่พ่วงงานเลี้ยงไปในตัว และเธอก็ถูกจัดให้อยู่ห้องเดียวกับสวี่เหยียน

อ่า….แต่เพราะไวน์ที่ใส่ยาแปลกๆ นั่นของเฉียวเค่อเหริน ผู้ที่อยากจะเห็นเธอได้รับความอับอาย… เพราะไวน์นั่น เรื่องมันถึงได้เป็นแบบนี้ หากเจ้าตัวรู้ว่าสิ่งที่ต้องการนั้นมันผิดคาดขนาดนี้ จะชอกช้ำใจจนตายหรือเปล่านะ? อยากจะทำให้เธอกับหานซือฉีต้องแยกจากกัน แต่กลายเป็นว่ามาอยู่ด้วยกันทั้งคืน แถมยังนอนด้วยกันอีก…

ดูเหมือนจะดูถูกเฉียวเค่อเหรินไม่ได้แล้ว! เธอชั่วร้ายกว่าที่คิดมาก ต้องระวังตัวไว้ให้ดี!

ตอนนั้นเอง จู่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมา

หานซือฉีเดินตรงไปยังประตูอย่างไม่รีรอ ทว่าฝูเจิ้งเจิ้งกลับตะโกนห้าม “ห้ามเปิดประตูนะ!”

เสียงของเธอไม่มีผลอะไรทั้งนั้น เพราะเขาไม่สนใจพร้อมกับเปิดประตูไปแล้ว

———————————————————————————————————————-

คุยกับผู้แปล

โห ร้ายกันจังวะ โดยเฉพาะหานซือฉี ร้ายมากกกกกกกกกกกกกกกกก