บทที่ 52 น้องโจว คุณอยู่บ้านรึเปล่า?
บทที่ 52 น้องโจว คุณอยู่บ้านรึเปล่า?
ประเทศจีนมีมรดกทางวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยมและยาวนานถึงห้าพันปี จำนวนช่างแกะสลักนั้นพบได้ไม่มากนัก ดังนั้นย่อมเคยได้ยินชื่อของ ‘หลู่เอ้อร์’
แต่ในรุ่นก่อน ๆ พวกเขามีชื่อเสียงเปรี้ยงปร้างราวกับสายฟ้า
ผลงานชิ้นเอกของเขาถูกเก็บรวบรวมในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าเสียดายที่อาจารย์หลู่หายตัวไปเมื่อสามสิบปีที่แล้ว เหลือเพียงตำนานในวงการนักแกะสลักเท่านั้น
“น้องโจว อาจารย์หลู่สบายดีไหม?” อู๋ฉี่หางถามด้วยความเกรงใจ
“อาจารย์หลู่? คุณรู้จักหลู่เอ้อร์ด้วยเหรอ?” โจวอี้สงสัย
“ผมไม่เคยเห็นเขามาก่อน แต่ผมได้ยินผู้อาวุโสพูดถึงเขามานับครั้งไม่ถ้วน เขาเป็นทายาทที่แท้จริงของปรมาจารย์หลู่ปาน ซึ่งเป็นประติมากรอันดับต้น ๆ ของจีน” อู๋ฉี่หางกล่าวด้วยความชื่นชมอย่างมาก
“…”
โจวอี้ได้ยินแล้วก็อดไม่ได้ที่จะกลอกตา
“น้องโจว ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นศิษย์ของอาจารย์หลู่! ช่างน่าอับอายที่ผมเคยลองภูมิคุณในวันนั้น” อู๋ฉี่หางยิ้มอย่างขมขื่น
“ไม่เลยพี่อู๋ ผมเรียนรู้มาได้เพียงแค่เส้นขนของผู้เฒ่าหลู่เท่านั้น ไม่ได้ถือว่าเป็นศิษย์อาจารย์กัน ศิษย์ที่แท้จริงของเขาล่วงลับไปแล้ว” โจวอี้โบกมืออย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“น้องโจว คุณอยู่บ้านรึเปล่า?!”
ทันใดนั้นนอกบ้านก็มีเสียงตะโกนขึ้นมา
“น่าจะเป็นพี่หวัง เดี๋ยวผมจะพาเขามาที่นี่…” โจวอี้กล่าว
“ดี!” อู๋ฉี่หางพยักหน้าและเดินกลับไปที่ชั้นหนังสืออีกครั้ง
ครู่ต่อมา…
เมื่อโจวอี้มาที่สนามก็เห็นหวังเจิ้งเหว่ยเดินวนไปรอบ ๆ Knight XV
“พี่หวังชอบรถคันนี้ด้วยเหรอ?” โจวอี้ผู้เป็นเจ้าของรถถามขึ้น
“แน่นอน ผมชอบรถหุ้มเกราะที่เป็นเหมือนยักษ์ใหญ่บนถนนแบบนี้ พวกผู้ชายต่างก็ชอบมัน แล้วนี่ใช่รถคุณรึเปล่า?” หวังเจิ้งเหว่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่”
“เยี่ยม! คุณซื้อรถคันนี้ได้ ดูเหมือนว่าจะร่ำรวยมาก ถ้าคุณมีเวลาอย่าลืมขับรถคันนี้พาผมไปเที่ยวด้วยนะ” หวังเจิ้งเหว่ยยิ้ม
“…”
โจวอี้ถึงกับทำหน้าไม่ถูก ทำไมใคร ๆ ชอบบอกให้เขาขับรถคันนี้พาออกไปเที่ยวเล่น?
ไม่ได้การ เขาต้องรีบไปทำใบขับขี่แล้ว
“น้องโจวกินข้าวหรือยัง พวกเราออกไปดื่มกันไหม?”
“ไม่ต้องไปดื่มข้างนอกหรอก เข้ามาในบ้านผมก่อน!” โจวอี้ยิ้มและเอ่ยชวน
ในไม่ช้าหวังเจิ้งเหว่ยก็ตามโจวอี้ไปที่ห้องหนังสือ และเมื่อเขาเห็นอู๋ฉี่หางอยู่ที่นี่ด้วยก็ถึงกับตกจะลึง
เขาพูดขึ้นมาทันทีว่า “ไม่คิดว่าพี่อู๋จะมาเร็วกว่าผมอีก ดูเหมือนว่ายาต้มอี้เฉินที่น้องโจวให้มาก็มีผลกับพี่อู๋ด้วยสินะ!”
“อะไรคือยาต้มอี้เฉิน?” อู๋ฉี่หางตกตะลึง
“มันเป็นซุปยาต้มที่โจวอี้ให้เรา! คุณไม่ได้ดื่มมันเหรอ?” หวังเจิ้งเหว่ยสงสัย
“ยังเลย”
“ทำไมคุณถึงมาที่นี่ทั้งที่ยังไม่ได้ดื่มล่ะ ผมคิดว่าคุณลองแล้วซะอีก ก็เลยมาฉลองกับน้องโจว มายกยอเขาหน่อยแล้วก็ขอยาต้มเพิ่ม ฮ่า ๆ!” หวังเจิ้งเหว่ยหัวเราะ
“ยาต้มอี้เฉิน…คุณดื่มมันแล้วเหรอ?” อู๋ฉี่หางถามอย่างฉงน
“แน่นอน ผลลัพธ์มันยอดเยี่ยม สุดยอด!”
“ดียังไง?”
“เหมือนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง และนักรบหอกทองคำของเราก็ไม่เคยร่วงหล่น” ดวงตาของหวังเจิ้งเหว่ยเป็นประกายขณะพูด
“…”
อู๋ฉี่หางตกตะลึง
เขาจำคำพูดของโจวอี้ก่อนหน้านี้ได้ ประโยคที่ว่า “หีบไม่สามารถปิดกั้นไข่มุกได้” นั่นหมายความว่ายาต้มอี้เฉินมีค่ามากกว่าขวดหยกจากร้านรวมสมบัติ!
ผู้ชายที่ไม่เก่งในเรื่องพรรค์นั้น พวกเขาก็คงทำได้แค่เก็บความมั่นใจของตัวเองซ่อนไว้ใต้กางเกงเท่านั้นแหละ
และสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจดื่มที่บ้านของโจวอี้…
เขาต้องการเปลี่ยนแปลงความอัปยศอดสูของตัวเอง
“โจวอี้ คุณอยู่ที่นี่รึเปล่า? เป็ดเค็มมาแล้ว คุณอยู่ไหมเอ่ย?”
ข้างนอกก็พลันมีเสียงตะโกนอีกมาอีก
หยางจื่อต้ง?
อู๋ฉี่หางและหวังเจิ้งเหว่ยมองหน้ากัน
โจวอี้พูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่อู๋ พี่หวัง ผมบอกพี่หยางว่าผมชอบกินเป็ดเค็ม มันเป็นอาหารขึ้นชื่อของท้องถิ่น ไม่คิดว่าเขาจะมาส่งให้เร็วขนาดนี้ เดี๋ยวผมจะไปพาเขามาที่นี่”
“ดี!”
ณ วิลล่าข้าง ๆ
ถังหว่านยืนอยู่ตรงหน้าต่างชั้นสอง เธอมองดูหยางจื่อต้งที่กำลังถือเป็ดเค็มสองตัวไปที่ลานบ้านข้าง ๆ
ก่อนหน้านี้เธอบังเอิญสังเกตเห็นว่าอู๋ฉี่หางก็เข้าไปพร้อมกับบางสิ่งบางอย่าง ต่อมาหวังเจิ้งเหว่ยก็มาหาโจวอี้ แล้วตอนนี้ก็หยางจื่อต้งก็ยังมาที่นี่อีก?
ทั้งสามคนรวมตัวกันเพื่อทานอาหารกับโจวอี้เท่านั้น ความสัมพันธ์ของพวกเขาสนิทสนมกันได้อย่างไร?!
“แม่จ๋า หนูอยากกินเป็ดเค็มด้วย” ถังเหมียวเหมี่ยวที่ไม่รู้ว่าเข้ามาใกล้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็พูดขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“เหมียวเหมี่ยว…”
“หนูจะไปหาพ่อ”
เด็กน้อยดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เธอจึงรีบวิ่งไปที่ประตู
“เหมียวเหมี่ยว! ค่อย ๆ เดิน ระวังล้ม!” ถังหว่านรีบเตือน
หยางจื่อต้งติดตามโจวอี้ไปที่ห้องหนังสือ เขาพลันตกตะลึงเมื่อเห็นเพื่อนบ้านสองคนที่มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว “โชคดีที่เจอพวกคุณพอดี! มา ๆ โจวอี้ เพิ่มชามตะเกียบและแก้วเหล้าด้วย!”
“ครับ” โจวอี้ยิ้มและเอ่ยต่อ “หายากนะที่เราจะมารวมกัน”
“พ่อจ๋า หนูอยากกินเป็ดเค็ม!” ทันใดนั้นถังเหมียวเหมี่ยวก็ร้องตะโกนและวิ่งเข้ามา
“ไม่มีปัญหา!” โจวอี้มีความสุขเสมอที่ได้เห็นลูกสาว
ถ้าเขารู้ว่าเป็ดเค็มสามารถดึงดูดลูกสาวของเขาได้ เขายินดีที่จะแขวนเป็ดเค็มไว้ทั่วบ้าน
ครู่ต่อมา…
โจวอี้ล้างมือในครัว ฉีกขาเป็ดเค็มแล้วยื่นให้ลูกสาวลองชิม จากนั้นก็หั่นเป็ดจัดใส่จาน และในขณะที่เขากำลังเตรียมที่จะผัดผัก ประตูกระจกบานเลื่อนของห้องครัวก็ถูกเคาะ
ถังหว่านนั่นเองยืนอยู่ข้างนอก!
เมื่อโจวอี้เห็นเธอ เขาก็หยิบขาเป็ดเค็มอีกข้างหนึ่งออกมา ชายหนุ่มเปิดประตูกระจกยื่นมันให้เธอแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “อร่อยดีนะ ลองดูสิ”
“ไม่ต้อง! ฉันไม่ใช่เด็ก!” ถังหว่านมองเขาด้วยสายตาว่างเปล่า และพูดต่ออีกว่า “…นี่เป็นอาหารที่ฉันทำเมื่อตอนเย็น ตอนนี้มันเย็นแล้ว อย่าลืมอุ่นให้ร้อนด้วย!”
“ตกลง!” โจวอี้รับไว้อย่างเริงร่าและถามขึ้นทันทีว่า “คุณทำมันเองเหรอ?”
“ไร้สาระ!” ถังหว่านจับมืออีกข้างของลูกสาวและหยุดสนทนากับโจวอี้ “เหมียวเหมี่ยว ลูกได้เป็ดเค็มแล้ว กลับกันเถอะ! พ่อเขามีอย่างอื่นที่ต้องทำ!”
“อื้ม! ไว้เจอกันนะคะพ่อ!” ถังเหมียวเหมี่ยวกล่าวอำลาขณะเขย่าขาเป็ดในมือ
“ไว้เจอกัน แล้วพรุ่งนี้อย่าลืมมากินอาหารเช้าด้วยล่ะ” โจวอี้กระตุ้น
เมื่อเห็นว่าลูกสาวของเธอไม่ตอบ ถังหว่านก็เป็นฝ่ายตอบเองโดยไม่หันกลับมามอง “เข้าใจแล้ว”
โจวอี้ยิ้มและหันไปดูจานอาหารที่ถังหว่านส่งมาให้ มันมีทั้งปลาเปรี้ยวหวาน ซี่โครงหมูตุ๋น หมูสับและมะเขือยาว และยังมีกุ้งแม่น้ำผัดแห้ง
“ดูดี แต่รสชาติจะเป็นยังไงนะ?” ชายหนุ่มลองชิมทีละอย่างแล้วก็ขดริมฝีปากอยู่อย่างนั้น
มันดูธรรมดามาก รสชาติไม่ดีเท่าอาหารที่เขาปรุง
จากนั้นเขาก็จัดการอุ่นอาหารทันที
ก๊อก ๆ
ประตูกระจกของห้องครัวถูกเคาะอีกครั้ง หยางจื่อต้งเปิดประตูมาแล้วพูดอย่างเร่งรีบ “โจวอี้ ผมรีบ เอาไว้ผมจะมาดื่มกับคุณวันหลังนะ”
“เป็นอะไรไป มีอะไรให้ผมช่วยไหม?” โจวอี้ถาม
“เรื่องเล็กน้อย ไม่เป็นไรหรอก” หยางจื่อต้งเอ่ยจบก็หันหลังและรีบวิ่งออกไปทันที