ตอนที่ 81 ทราบเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 81 ทราบเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว

ตอนที่ 81 ทราบเรื่องทุกอย่างหมดแล้ว

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงมองหวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งด้วยความประหลาดใจ “พวกพี่อยากได้สูตรลับการตั้งท้องอย่างนั้นเหรอคะ?”

หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งรีบพยักหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว มู่หลาน ดูสิว่าตอนนี้เธอท้องแล้ว แต่พวกเราแต่งงานมาตั้งนานยังไม่ท้องเลย วันนี้ก็เลยอยากจะมาถามเธอสักหน่อยว่ามียาดีอะไรที่ช่วยให้คนตั้งท้องได้”

เมื่อเอ่ยจบ ทั้งสองก็จ้องมองฉินมู่หลานด้วยแววตาเป็นประกาย

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนจริงจังมาก ฉินมู่หลานจึงอดไม่ได้จะเอ่ยบอกพวกเขา “ขอฉันตรวจชีพจรของพวกพี่หน่อยค่ะ”

“ได้”

หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งนั่งลงอย่างว่าง่าย สุดท้ายหวังจาวตี้ก็เป็นคนยื่นมือออกมาก่อน

“มู่หลาน ฉันก่อนนะ”

ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างไม่ขัดข้องอะไร แล้วตรวจคลำชีพจรของหวังจาวตี้เป็นคนแรก เธอเคยตรวจให้หวังจาวตี้มาก่อนแล้ว จึงค่อนข้างคุ้นเคยกับชีพจรของหล่อน “พี่สะใภ้ใหญ่ โรคที่พี่เป็นก่อนหน้านี้หายขาดหมดแล้ว ร่างกายก็แข็งแรงดีไม่มีอะไรผิดปกติ ดังนั้นพี่วางใจได้เลย ถ้าถึงเวลาแล้วพี่จะตั้งท้องได้แน่นอน”

“แต่ว่า…ฉันตั้งท้องตอนนี้ยังไม่ได้ใช่ไหม”

หวังจาวตี้รู้สึกกังวลใจนิดหน่อย เพราะอยากตั้งครรภ์โดยเร็ว

ซ่งอวี้เฟิ่งเห็นว่าฉินมู่หลานตรวจชีพจรให้หวังจาวตี้เรียบร้อยแล้ว จึงรีบไล่อีกคนออกไป แล้วมองฉินมู่หลานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้นตรวจชีพจรให้ฉันด้วยสิ ดูให้หน่อยว่าฉันจะตั้งท้องได้เร็วที่สุดเมื่อไหร่”

หวังจาวตี้อยากจะเอ่ยพูดอะไรสักหน่อย แต่ฉินมู่หลานก็เริ่มจับชีพจรของซ่งอวี้เฟิ่งไปแล้ว จึงทำได้เพียงกลืนคำพูดของตัวเองเข้าไปก่อน แล้วจึงเก็บเอาไว้ถามในภายหลัง

ฉินมู่หลานใช้เวลาตรวจชีพจรของซ่งอวี้เฟิ่งนานกว่านิดหน่อย ทำให้ใบหน้าของซ่งอวี้เฟิ่งเต็มไปด้วยความกังวลใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่กล้ากวนสมาธิของฉินมู่หลาน ทำได้เพียงมองด้วยสายตาลังเล

หลังจากฉินมู่หลานดึงมือกลับแล้ว เธอก็เริ่มเอ่ยปากถาม “พี่สะใภ้รอง ตอนที่วันนั้นของเดือนมาทุกครั้ง พี่ใช้น้ำเย็นตลอดเลยใช่ไหม?”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของซ่งอวี้เฟิ่งก็เต้นเร็วมากขึ้น

แม้หล่อนจะไม่ทราบว่าเหตุใดฉินมู่หลานจึงรู้เรื่องนี้ แต่เนื่องจากอีกฝ่ายถามเช่นนี้ ดังนั้นต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับร่างกายของหล่อนอย่างแน่นอน หล่อนจึงรีบพยักหน้าแล้วบอกกล่าว “ใช่แล้วมู่หลาน ฉันใช้น้ำเย็นซักเสื้อผ้ากับล้างผัก ไม่เว้นแม้ในฤดูหนาว สรุปว่าใช้น้ำเย็นไม่ได้เหรอ แต่พวกสาว ๆ ในหมู่บ้านก็ใช้น้ำเย็นกันตลอดเลยนะ”

ต่อให้ขึ้นเขาไปเก็บฟืนได้ แต่การทำเช่นนี้ก็จะช่วยประหยัดฟืนไปได้สักหน่อย นอกจากนี้ ที่บ้านก็ไม่ยอมให้ต้มน้ำเพื่อเอามาใช้ซักผ้าหรือล้างผักด้วย

ฉินมู่หลานดึงมือของเธอกลับมา หลังจากคิดวิเคราะห์สักพักจึงเขียนใบสั่งยาให้หล่อน

“ถ้าให้ดี ตอนวันนั้นของเดือนของผู้หญิงไม่ควรใช้น้ำเย็นนะคะ โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาว กรณีของพี่ยังไม่ถือว่าร้ายแรงขนาดนั้น แต่ตอนนี้ต้องกินยาเพื่อรักษาก่อน ไม่เช่นนั้นก็จะตั้งท้องได้ยากค่ะ”

หากเป็นหญิงสาวที่สุขภาพแข็งแรงดีอาจไม่มีปัญหา แต่ซ่งอวี้เฟิ่งมีร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงดีเท่าใด อาจก่อให้เกิดภาวะมดลูกเย็นได้

ตอนแรกซ่งอวี้เฟิ่งรู้สึกโล่งใจเมื่อฉินมู่หลานบอกว่าอาการไม่ได้ร้ายแรงมากนัก แต่หลังจากได้ยินประโยคสุดท้ายว่าจะตั้งครรภ์ยากก็รู้สึกแย่มาก

“มู่หลาน ที่ตั้งนานแล้วฉันยังไม่ท้องคงไม่ใช่เพราะมีลูกไม่ได้ใช่ไหม นี่…ยานี่จะทำให้ดีขึ้นใช่ไหม?” หล่อนไม่อยากจะคิดถึงมันเลย ว่าหากแม่สามีและสามีทราบเรื่องนี้เข้าจะเป็นอย่างไร ต่อไปหล่อนคงไม่เป็นที่ต้องการอีกแล้วกระมัง สุดท้ายแล้วหญิงสาวที่ให้กำเนิดบุตรไม่ได้ก็จะไร้ซึ่งอนาคตในสายตาของชาวชนบทโนเวลพีดีเอฟ

เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของซ่งอวี้เฟิ่ง ฉินมู่หลานจึงเอ่ยพร้อมทั้งขมวดคิ้ว “ฉันยังไม่ได้บอกแบบนั้นเลยนะคะ กรณีของพี่ถือว่าไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แค่กินยาและดูแลตัวเองให้ดี แล้วอย่าคิดมากเกี่ยวกับเรื่องตัวเองค่ะ”

เมื่อเห็นว่าซ่งอวี้เฟิ่งไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใด ๆ หวังจาวตี้ก็รีบดึงแขนเสื้อของเธออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเอ่ยกระซิบ “อวี้เฟิ่ง เธอกำลังทำอะไรอยู่ มู่หลานก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ครั้งก่อนที่ฉันไม่สบาย มู่หลานก็เป็นคนรักษาให้ นี่เธอไม่เชื่อฝีมือการรักษาของมู่หลานหรือ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งอวี้เฟิ่งก็กลับมาได้สติอีกครั้ง ก่อนจะหันมองฉินมู่หลานแล้วรีบเอ่ย “มู่หลาน ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะ ฉัน…ฉันแค่กังวล”

ฉินมู่หลานส่ายหัวแล้วเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรค่ะ พี่ไม่ต้องกังวลอะไรแล้ว แค่กินยาให้ตรงเวลาก็พอ”ดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

เมื่อเห็นฉินมู่หลานส่งใบสั่งยาให้ซ่งอวี้เฟิ่ง หวังจาวตี้ก็หันมองเธอแล้วเอ่ยถาม “มู่หลาน แล้วฉันล่ะ?”

“พี่ไม่ได้เป็นอะไรนี่คะ นอกจากนี้การที่ไม่ท้องสักทีไม่ใช่แค่ปัญหาของฝ่ายหญิงเพียงอย่างเดียวนะคะ บางที่ฝ่ายชายก็อาจจะมีปัญหาเหมือนกัน” ฉินมู่หลานเอ่ยตามตรง

ในตอนนี้ หวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งก็เงยหน้าขึ้นมองฉินมู่หลาน ก่อนอดไม่ได้ที่เอ่ยออกไป “มู่หลาน ถ้าอย่างนั้น…หากมีเวลาเธอลองไปตรวจชีพจรของลูกพี่ลูกน้องทั้งสองคนของเธอด้วยได้ไหม?”

เมื่อเอ่ยจบ พวกหล่อนก็รู้สึกว่าอาจจะรบกวนฉินมู่หลานมากเกินไป จึงเตรียมหยิบของที่นำมาด้วยออกมา

สิ่งที่หวังจาวตี้หยิบออกมาคือชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้ม

“มู่หลาน ฉันเห็นเธอน้ำหนักลดลงไปมาก เสื้อผ้าที่ใส่อยู่จึงไม่ค่อยพอดีตัวนัก นี่เป็นของที่ฉันพอจะทำให้เธอได้ ถึงแม้ว่ามันอาจจะยังใหญ่ไปสักหน่อย แต่ตอนนี้เธอเองก็ท้อง จึงน่าจะพอดีตัว”

ฉินมู่หลานมองหวังจาวตี้ด้วยสายตาประหลาดใจ ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะนำของขวัญขอบคุณมาให้ด้วย

ซ่งอวี้เฟิ่งเองก็รีบนำสิ่งที่หล่อนเตรียมไว้ออกมาเช่นกัน เพียงแต่เมื่อเทียบกับของหวังจาวตี้แล้ว ของหล่อนนั้นค่อนข้างเล็กกว่านิดหน่อย มันคือกระเป๋าถักที่ปักเป็นลายดอกไม้ใบหญ้า ซึ่งหล่อนไม่รู้ว่าฉินมู่หลานจะชอบมันหรือเปล่า

ฉินมู๋หลานไม่ค่อยถูกใจมันสักเท่าใด แต่ก็มองซ่งอวี้เฟิ่งด้วยความประหลาดใจนิดหน่อย ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นี่พี่สะใภ้รองปักเองเหรอคะ?”

ซ่งอวี้เฟิ่งพยักหน้าแล้วกล่าวขึ้น “ใช่แล้ว ฉันปักเอง ถ้าเธอไม่ชอบมัน เอาไว้ครั้งหน้าถ้ามีผ้าเหลือพอ ฉันจะเย็บชุดให้เธอแทนนะ”

ฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้น จึงยกยิ้มแล้วเอ่ยว่า “ถ้าอย่านั้นต้องขอบคุณพี่สะใภ้รองมากค่ะ กระเป๋าใบนี้สวยมาก ฉันชอบมากค่ะ”

ถึงไม่ได้ปักลวดลายบนกระเป๋ามากนัก แต่ฝีมือการปักงานก็ละเอียดมาก เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าซ่งอวี้เฟิ่งจะมีทักษะเช่นนี้

ซ่งอวี้เฟิ่งเห็นฉินมู่หลานพูดแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอก

และฉินมู่หลานก็ได้ตัดสินใจที่จะกลับบ้านในวันพรุ่งนี้ เพื่อไปตรวจชีพจรให้ฉินเคอเหล่ยและฉินเคอเจี๋ย “เอาเถอะ พี่สะใภ้ทั้งสอง พวกพี่รีบกลับกันก่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้จะเข้าไปดูให้นะคะ”

“ได้สิมู่หลาน ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอรบกวนเท่านี้ล่ะ”

หลังจากหวังจาวตี้และซ่งอวี้เฟิ่งกลับไป เสิ่นหรูฮวนก็เข้ามา

“มู่หลาน พี่สะใภ้ของเธอเพิ่งมาหาเหรอ เห็นพวกเธอกำลังคุยธุระกัน ฉันก็เลยยังไม่กล้าเข้ามา”

ฉินมู่หลานเห็นเสิ่นหรูฮวนจึงยกยิ้มแล้วเอ่ย “ธุระเสร็จเรียบร้อยแล้วล่ะ หรูฮวน วันนี้ฉันจะพาเธอไปเดินรอบหมู่บ้านนะ”

“เอาสิ”

ตอนแรกเสิ่นหรูฮวนก็อยากออกไปเดินข้างนอกเหมือนกัน เมื่อเห็นฉินมู่หลานเอ่ยเช่นนี้ จึงยกยิ้มแล้วรีบพยักหน้าทันที

อีกด้านหนึ่ง หลังจากเซี่ยเจ๋อหลี่กลับไปร่วมทัพแล้ว เขาก็โดนผู้บัญชาการเวินโหย่วเหลียงเรียกเข้าพบทันทีดฯฌซ,ฑ๊โฌฮฤ

“เสี่ยวเซี่ย ฉันได้ยินว่าภารกิจครั้งนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี ทั้งหมดเป็นเพราะภรรยาของเธอ ทำไมครั้งนี้ไม่เห็นพามาด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าลงทะเบียนห้องครอบครัวเรียบร้อยแล้วหรอกหรือ”

“ท่านผบ.ครับ ตอนนี้ภรรยาของผมกำลังตั้งครรภ์ จึงต้องรอไปอีกสองเดือน แล้วจึงจะมาอยู่ที่นี่ครับ”

เมื่อเอ่ยจบ เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กล่าวต่ออีกครั้ง “และเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ภรรยาของผมเองก็ไม่ทราบว่าผมจะไปที่นั่นเหมือนกัน พูดได้แค่ว่ามันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยความผิดพลาดครับ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวินโหย่วเหลียงก็เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ถึงจะเป็นความผิดพลาดก็เถอะ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าภรรยาของเธอเก่งกาจมาก แต่ถึงอย่างไร ภารกิจในครั้งนี้ก็ต้องเก็บเป็นความลับ ดังนั้นภรรยาของเธอจะบอกให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้เหมือนกันนะ ก็ได้แต่รอจนกว่าภรรยาของเธอจะมา หลังจากนั้นทางกองทัพจะมอบรางวัลให้เธอ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินเช่นนั้น จึงรีบเอ่ยทันที “ขอบคุณครับท่านผบ.”

อันที่จริงแล้วเขากับมู่หลานไม่เคยคิดอยากบอกให้คนอื่นทราบเรื่องพวกนี้เลย เพราะแม้แต่ผู้บังคับบัญชายังพูดอย่างนั้น หากเป็นเช่นนั้นคงดีกว่า

เวินโหย่วเหลียงตบบ่าเซี่ยเจ๋อหลี่ แล้วเอ่ยชมเขา เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่เพียงแต่ยอดเยี่ยมด้วยตัวเองเท่านั้น แต่ภรรยาของเขาเองก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

แม้จะไม่สามารถบอกกล่าวความสำเร็จของฉินมู่หลานให้หลายคนทราบได้ แต่พวกเขาทราบดีว่าเซี่ยเจ๋อหลี่มีภรรยาที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว และยอดเยี่ยมเพียงใด

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เริ่มตั้งตัวได้ดีแล้วมู่หลาน ตอนนี้มีแต่คนชมเธอเต็มไปหมดเลย

ไหหม่า(海馬)