ตอนที่ 145 วิธีการสื่อสารของอารามเต๋าช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะ

คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า

ตอนที่ 145 วิธีการสื่อสารของอารามเต๋าช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเสียจริง

เมื่ออารามชิงผิงเปิดประตูต้อนรับผู้ศรัทธา ก็ได้ต้อนรับผู้สูงศักดิ์สองท่าน
หลังจากที่ฉีเชียนจุดธูปบูชาเจ้าลัทธิเต๋าแล้ว เขาก็มองไปที่นักพรตเต๋าวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง เอ่ยถามว่า “นักพรตชิงหย่วน ขอถามได้หรือไม่ว่านักพรตชื่อหยวนอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
ชิงหย่วนยกมือขึ้นแล้วโค้งคำนับ ตอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริง เจ้าอาวาสของเราเพิ่งจะออกเดินทางไป”
ฉีเชียนถามอีกว่า “เจ้าอาวาสไม่อยู่ก็ไม่เป็นไร จริงๆ แล้วพวกเรามาที่นี่เพื่อขอรับการรักษา ขอนักพรตช่วยแนะนำข้าให้ได้พบกับอาจารย์ปู้ฉิวด้วยเถิด”
ชิงหย่วนมองไปที่อวี้ฉังคงซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าเจ้าลัทธิเต๋า ดวงตาของเขาไม่เคยมองมา เพียงแต่เปลือกตาของเขากระตุกเป็นครั้งคราว ดวงตาของเขาดูเหมือนว่าจะมองไม่เห็น
เมื่อนึกถึงตอนที่เขาเดินเข้ามาในอาราม มักจะมีบ่าวรับใช้พยุงแขนอยู่เสมอ จึงรู้ได้ว่าเขาเป็นโรคเกี่ยวกับตา
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับโรคตาของเขา ใบหน้าของชายผู้นี้ดูเยือกเย็น แม้ว่าเขาจะเกิดในตระกูลขุนนาง แต่ก็สูญเสียบิดามารดาไปทั้งคู่ ซ้ำยังเป็นการถูกฆ่าตาย รัศมีรอบตัวเขามีทั้งดีและชั่ว ซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ชิงหย่วนเหลือบมองยศศักดิ์ของฉีเชียน ลดสายตาลง แอบพึมพำอยู่ในใจ ‘คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำอย่างนั้นหรือ’
คนตาบอดมีประสาทสัมผัสทั้งห้าที่เฉียบแหลม อวี้ฉังคงหันมา สีหน้าของเขาเย็นชาราวกับตระหนักได้ถึงการจ้องมองของชิงหย่วน
“ท่านนักพรต พวกเราเดินทางมาไกล ตั้งใจมาขอการรักษา ขอให้ท่านช่วยแนะนำให้ด้วยเถิดขอรับ” ลุงเฉียนเดินเข้ามาคำนับชิงหย่วน เอ่ยอย่างจริงใจว่า “หากอาจารย์ปู้ฉิวสามารถรักษาโรคตาของคุณชายพวกเราได้ พวกเรายินดีที่จะสร้างรูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋าสีทองขอรับ”
ปุ่มที่ 4 ใน 4 ตอนถัดไป
ปุ่มที่ 3 ใน 4 ตอนก่อนหน้า
ปุ่มที่ 2 ใน 4 ความคิดเห็น
ปุ่มที่ 1 ใน 4 สารบัญ
6
“ท่านนักพรต พวกเราเดินทางมาไกล ตั้งใจมาขอการรักษา ขอให้ท่านช่วยแนะนำให้ด้วยเถิดขอรับ” ลุงเฉียนเดินเข้ามาคำนับชิงหย่วน เอ่ยอย่างจริงใจว่า “หากอาจารย์ปู้ฉิวสามารถรักษาโรคตาของคุณชายพวกเราได้ พวกเรายินดีที่จะสร้างรูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋าสีทองขอรับ”
ดวงตาของชิงหย่วนเป็นประกาย ‘สร้างรูปปั้นทองหรือ’
เขามองไปที่รูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋า มีภาพลวงตาเหมือนว่าปากของท่านกำลังยิ้ม ดูสิ ธูปบนกระถางธูปก็ไหม้เร็วขึ้น ไม่ใช่เพราะความดีใจหรอกหรือ
เขาละสายตาไป กระแอมเบาๆ เอ่ยว่า “วาสนานั้นไร้ขอบเขต อาจารย์ปู้ฉิว…อยู่ในการฝึกฝน ไม่รู้ว่าจะออกมาเมื่อใด อาตมาไม่กล้าตัดสินใจแทนเขา ผู้ศรัทธาไปพักผ่อนที่เรือนรับแขกก่อนเถิด อาตมาจะส่งจดหมายไปถามให้”
ฉีเชียนเอ่ย “เขาไม่อยู่ที่อารามหรือ”
“ใช่แล้ว”
“ส่งจดหมายช้าเกินไป ไม่สู้นักพรตชิงหย่วนบอกพวกเราว่าเขาอยู่ที่ไหน ข้าจะส่งม้าเร็วไปรับมา” ฉีเชียนเอ่ย
ชิงหย่วนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ไม่ช้า”
เขาดึงกระดาษสีเหลืองแผ่นหนึ่งออกมาเขียนสองสามคำ แล้วพับเป็นนกกระเรียนหนึ่งตัว ปากสวดมนต์คาถาแล้วแตะมันด้วยนิ้ว นกกระเรียนกระดาษกระพือปีกเคลื่อนไหวรอบรูปปั้นเจ้าลัทธิเต๋าแล้วบินออกไปต่อหน้าทุกคน
“มี มีชีวิต?” ซื่อฟังอ้าปากค้าง เอ่ยตะกุกตะกักว่า “นายท่าน นกกระเรียนกระดาษมีชีวิตบินออกไปแล้วขอรับ”
พระเจ้า ช่างน่าทึ่งเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นนกกระเรียนที่ทำจากกระดาษ แต่ไม่รู้ว่านักพรตผู้นั้นท่องคาถาอะไรถึงได้มีชีวิตขึ้นมาอย่างที่พวกเขาเห็น ซ้ำยังบินออกไปแล้ว!
ฉีเชียนและคนอื่นรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก ช่างเป็นเรื่องลึกลับที่คาดไม่ถึง
เมื่อชิงหย่วนเห็นความประหลาดใจและความนับถือของทุกคนก็รู้สึกภูมิใจเล็กน้อย เขาแสดงกลยุทธ์นี้เพื่อดึงดูดผู้ศรัทธาให้เข้ามาอารามเต๋า เพื่อความศรัทธาในการบูชา
ลุงเฉียนสีหน้าเคร่งขรึม ยกมือคำนับชิงหย่วนพลางเอ่ยว่า “คาถาของท่านนักพรตลึกล้ำจริงๆ ขอรับ”
นี่ขนาดไม่ใช่เจ้าอาวาส เช่นนั้นวิชาเต๋าของเจ้าอาวาสอารามชิงผิงจะลึกล้ำแค่ไหน ซ้ำยังมีอาจารย์ปู้ฉิวผู้นั้นอีก
ทันใดนั้นเขาก็มีความหวังเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย หลายปีก่อนพระภิกษุผู้สูงส่งนามว่าฮุ่ยอวิ๋นได้ทำนายไว้ว่าโรคตาของคุณชายจะดีขึ้นเมื่อเขาอายุย่างเข้ายี่สิบปี หรือว่าจะเป็นครั้งนี้
ชิงหย่วนส่ายหน้าอย่างถ่อมตน “เพียงแค่คาถาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ข้าใช้เวลาอยู่นานกว่าจะเรียนรู้สิ่งนี้ได้”
ซึ่งไม่เหมือนคนประหลาดบางคนที่เกิดมาก็ทำได้เลย จนทำให้เขามักจะถูกเจ้าอาวาสบ่นอยู่เสมอ ลองดูเขา แล้วดูเจ้าสิ ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันบ้าง
เขาสามารถเทียบกับคนประหลาดเช่นนั้นได้ด้วยหรือ
ไม่มีทาง!
เมื่อนึกถึงช่วงหลายปีที่การฝึกฝนอาคมของเขาถูกบดขยี้โดยคนประหลาดคู่นั้น ชิงหย่วนก็อยากจะร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น
“แค่นี้เองหรือ อาจารย์ปู้ฉิวจะได้รับหรือไม่”
“แค่รอก็พอแล้ว ไม่นานจะมีการตอบกลับ” ชิงหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่สู้พวกเราเดินไปรอที่เรือนรับรองแขกดีหรือไม่”
รูปปั้นทองเชียวนะ เจ้าลัทธิเต๋าก็ได้ยินแล้ว นางจะไม่ทำก็ไม่ได้ มิเช่นนั้นเจ้าลัทธิเต๋าจะโกรธ
ฉินหลิวซีจามหลายครั้งตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว ฉีหวงตื่นตระหนกมากจึงตามใส่เสื้อคลุมเพิ่มให้นาง ซ้ำยังช่วยจับชีพจร
“ไม่ต้องตื่นตระหนก ข้าไม่ได้เป็นหวัด” ฉินหลิวซีโบกมือ จู่ๆ ก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เมื่อเปิดหน้าต่างก็มีนกกระเรียนกระดาษตกอยู่บนผ้าม่าน นางหยิบขึ้นมาเปิดดู
‘มีคนมาขอรับการรักษา สัญญาว่าจะสร้างรูปปั้นทองเจ้าลัทธิเต๋า รีบมา’
นี่คือสารจากชิงหย่วน
รูปปั้นทอง ค่าตอบแทนไม่น้อยเลย!
ฉินหลิวซีดูเหมือนจะเห็นรูปปั้นทองแวววาวขนาดเท่าตัวจริงอยู่ตรงหน้า ตายแล้ว แสบตาเหลือเกินเพราะแสงทองสว่างเกินไป
“ให้พี่เฉิงเตรียมรถไปอารามเต๋า”
ฉีหวงอุทานด้วยความสงสัย “ตอนนี้หรือเจ้าคะ”
“ใช่ ตอนนี้ เจ้าลัทธิเต๋าคงจะรอไม่ไหวแล้ว!” ฉินหลิวซีหยิบกระดาษสีเหลืองอีกแผ่นออกมาตัดเป็นรูปคนเล็กๆ แล้วเขียนลงไปสองคำ
รอข้า
ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยถูกตัดอย่างเรียบง่าย ศีรษะยังถูกตัดแต่งเป็นรูปผมทรงไม้กวาด ใช้พู่กันจุดลูกตาทั้งสองข้าง จากนั้นนางก็ท่องคาถา นิ้วยาวของนางจิ้มที่ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยเพื่อลงอาคม
ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยที่นอนอยู่บนโต๊ะ ยกมือทั้งสองข้างคำนับฉินหลิวซีแล้วหมุนตัวเป็นวงกลม
“ไปเถิด” ฉินหลิวซีดีดไปที่หัวไม้กวาดของมัน
ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยกระโดดลงจากโต๊ะ เดินไปด้วยท่าทางที่ไม่อยากจากไป แต่เมื่อออกนอกประตูก็หายไปอย่างรวดเร็ว
อารามชิงผิง
ชิงหย่วนนำชากุหลาบแดงกับติ่มซำมังสวิรัติมาให้ฉีเชียนและคนอื่นๆ เอ่ยแนะนำว่า “เราขอให้แม่ครัวจากหมู่บ้านตรงเชิงเขามาช่วยทำอาหาร รสชาติพอใช้ได้”
ลุงเฉียนถามว่า “ดูเหมือนจะไม่มีนักพรตเต๋าในอารามมากนัก”
“ความจริงแล้วอารามชิงผิงของพวกเราพึ่งเปิดใหม่อีกครั้งเมื่อสิบปีที่แล้ว ก่อนหน้านั้นถูกทิ้งร้าง ผู้คนที่อยู่ที่นี่นอกเหนือจากเจ้าอาวาสแล้วก็มีศิษย์พี่ปู้ฉิว และข้า ยังมีนักพรตเต๋าน้อยอีกสองคน แล้วก็นักพรตเฒ่าที่อยู่ประจำในอารามอีกหนึ่งท่าน นักพรตเต๋าประจำอารามมีไม่มาก พวกเรายังคงรับคนอยู่ แต่ก็ยังมีฆราวาสอีกไม่น้อย แต่ไม่ได้อยู่ในอาราม”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ซื่อฟังวางชาและติ่มซำมังสวิรัติไว้ข้างหน้าอวี้ฉังคง เอ่ยว่า “คุณชาย ซาลาเปานี้ไม่เลวเลย ท่านกินสักหน่อยเถิดขอรับ”
“อืม”
ฉีเชียนค่อนข้างใจร้อนเล็กน้อย ถามว่า “ไม่ทราบว่าอาจารย์ปู้ฉิวจะตอบกลับเมื่อใด”
“คาดว่าใกล้แล้ว” ชิงหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ทันทีที่สิ้นเสียง เขาก็เลิกคิ้วแล้วเอ่ยว่า “มาแล้ว”
ทุกคนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าทันที อยู่ไหน
ไม่เห็นมีเงาของนกกระเรียนกระดาษเลย
อวี้ฉังคงที่พึ่งหยิบซาลาเปาขึ้นมากัด จู่ๆ ก็ตัวแข็งทื่อ
มือของเขากวาดไปตามขา สัมผัสเข้ากับบางสิ่งบางอย่าง มือของเขาชา รีบดึงกลับมาทันที ร่างกายของเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว “ตัวอะไรกัน! ”
ทุกคนหันไปมอง
ตุ้บ
ซาลาเปาในมองของซื่อฟังหล่นลงบนโต๊ะ
เห็นว่าที่ขาของอวี้ฉังคงที่สวมกางเกงขายาวผ้าไหมสีดำมีตุ๊กตากระดาษตัวเล็กๆ กำลังดึงขากางเกงของเขาด้วยมือทั้งสองข้าง ตะเกียกตะกายปีนขึ้น ซ้ำยังสะบัดหัวไม้กวาดไปมา
ปีนขึ้นมายากลำบากขนาดนี้ เขายังปัดข้าตกลงมาเสียได้ เหอะ!
“จดหมายตอบกลับของศิษย์พี่ปู้ฉิว” ชิงหย่วนชี้ไปที่ตุ๊กตากระดาษตัวน้อยแล้วอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ลุงเฉียนหัวเราะเบาๆ ด้วยสีหน้าเจื่อน ปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “วิธีการส่งสารของอารามนี้ช่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ขอรับ”
หากก่อนหน้านี้มีคนบอกเขาว่าตุ๊กตากระดาษสามารถขยับได้ เขาคงจะถ่มน้ำลายใส่หน้า แต่ตอนนี้…
ใช้ชีวิตมายาวนานจริงๆ ด้วย อะไรๆ ก็ได้เห็น!