ตอนที่ 132 กลัว
เหตุผลที่เธอไม่บอกซูฟ่านว่าเธอกลับมาตั้งแต่แรกก็เพราะเธอต้องการปกปิดอาการบาดเจ็บของตัวเอง
ซูฟ่านโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่อยากทะเลาะกับแม่ของเขาเพราะไม่ใช่แม่ที่ผิด
เขากําลังรอคําตอบจากซุนเตือจื้อ แต่ในขณะนั้นเองโทรศัพท์ของหลี่หงสี่ก็ดังขึ้น
เมื่อรับโทรศัพท์เสียงจากปลายสายก็ดูรุนแรงมาก
ก็ยังได้ยินมันชัดเจน
“หลี่หงสี่ แกกําลังหาเรื่องฉันอยู่ใช่ไหม! แกจะให้ฉันหาใครซักคนไปเจอแกดีไหม?”
“ฉันบอกแล้วไงว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นกรรมการในบริษัท แกคิดว่าจะไล่ฉันออกเพราะไอ้สารเลวลูกของแกได้ไหม?”
“แกรู้ไหมว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันในเมืองหลวงมีอํานาจมากแค่ไหน แกรอฉันเถอะ ฉันจะให้ลูกพี่ลูกน้องของฉันไปฆ่าแกในไม่ช้าก็เร็ว!”
เสียงจากโทรศัพท์ดูหยิ่งทนงมาก
ฝงมาก
แม่กลัวเกินกว่าจะพูดอะไร
ซูฟ่านต้องการหยิบโทรศัพท์นั้นแต่แม่ของเขารีบวางสายไป
“อย่ากังวลไปเลย”
เธอทําเช่นนี้เพื่อปกป้องซูฟ่าน
ซูฟ่านโกรธกับการพยายามปกป้องตนเองของแม่ของเขา
เขากระแทกประตูเปิดออกจากห้องแม่ของเขาเพื่อสงบสติอารมณ์ เขาสั่งกาแฟหนึ่งถ้วยที่แผนกต้อนรับชั้นล่าง
ตอนนี้เขากําลังรอซุนเต๋อจื้อตอบคําถามของเขา
เห็นได้ชัดว่าไอเวรนี่ที่เป็นหัวหน้าของแม่ของเขาคิดว่าตัวเองกําลังถูกปกป้องโดยญาติของเขาที่เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท
ดูเหมือนว่าซุนเต๋อจือจะไม่รู้ว่าซูฟ่านมีอํานาจแค่ไหน
ไอเวรหัวหน้าคนนี้ของหลี่หงสี่ยังคิดที่จะเล่นงานอีกรอบ?
ถ้าผู้ชายคนนี้กล้าที่จะมาจริง ๆ ซูฟ่านจะปล่อยให้เขาคลานออกจากเมืองหลวงแห่งนี้
ซูฟ่านกําลังรอข่าวจากซุนเต๋อจื้อ ทันใดนั้นชื่อ Lingfeng Group ก็ดูคุ้นเคยขึ้นมา
บริษัทนี้
ซูฟ่านก็คิดได้ว่าเขาเคยอ่านข้อมูลของเฉียนซินฟาแล้วมันเขียนไว้ว่าเขาถือหุ้น 12% ของ Lingfeng Financial
เขาโทรหาเฉียนซินฟาทันที
“คุณเฉียน ฉันเองซูฟ่าน”
“โอ้! น้องซู! มีอะไรหรือ!”
เฉียนซินฟากล่าวอย่างกระตือรือร้นมาก
“ฉันอยากถามคุณ…”
ซูฟ่านพูดถึงเรื่องของตัวเอง
เฉียนซินฟาเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากฟังแล้วบอกซูฟ่านว่าเขาจะช่วยติดต่อให้
แล้วเขาก็วางสายไป
สิบนาทีต่อมาซุนเต๋อจื้อก็โทรมาอีกครั้ง
“สวัสดีคุณซู หลังจากการตัดสินใจของคณะกรรมการ เฉียนคุนหยาง ผู้ทําร้ายแม่ของคุณได้ถูกไล่ออกจากองค์กรแล้ว”
“และเราขอให้เขาไปที่เมืองหลวงเพื่อขอโทษแม่ของคุณทันที”
เฉียนคุนหยาง? นามสกุลเดียวกับเฉียนซินฟา?
ซูฟ่านไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ
หลังจากที่เขาขอบคุณซุนเต๋อจื้อก็มีสายเรียกเข้าจากเฉียนซินฟาอีกครั้ง
น้ําเสียงของเขาดูกระวนกระวาย
เขาถามว่าซูฟ่านอยู่ที่ไหน เขาต้องการคุยกับซูฟ่านเป็นการส่วนตัว
ซูฟ่านดูเหมือนจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
หลังจากบอกที่อยู่แล้ว เฉียนซินฟาก็มาถึงอย่างเหนื่อยหอบหลังจากส่งที่อยู่ไปไม่ถึงยี่สิบนาที
“โอ้ น้องซู! ผมขอโทษที่ผมมาช้า! เราไปคุยกันที่อื่นไหมครับ”
เดิมทีเฉียนซินฟาต้องการเชื่อมสัมพันธ์กับซูฟาน แต่ตอนนี้ญาติของเขาได้ไปยั่วยุแม่ของซูฟ่านแล้ว
เขาโคตรตื่นตระหนก
ถ้าเป็นเพราะญาติของเขาทําให้เขาต้องเลื่อนเรื่องธุรกิจออกไป เขาคงต้องฆ่าญาติของเขา! “บอสเฉียนคงมีเรื่องจะพูดก็พูดมันที่นี่ซะ”
ซูฟ่านไม่ต้องการไปไหน ตอนนี้เขาโกรธมาก
ใบหน้าของเฉียนซินฟารู้สึกอับอาย
เขาเกาผมที่เหลืออยู่สองสามเส้นแล้วนั่งลง
“เรื่องนั้นคือ…ไอ้บ้าที่ข่มเหงแม่ของคุณคือลูกพี่ลูกน้องของผม…”
“แต่ผมด่าเขาไปแล้ว! เขากําลังจองตั๋วที่เร็วที่สุดแล้วและจะมาที่นี่ในอีกสักพัก!”
เฉียนซินฟาสาบาน หลังจากพูดเสร็จ เขาก็ดูนาฬิกาและบอกว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาซื้อเที่ยวบินที่เร็วที่สุดแล้ว และเขาจะไปถึงที่นี่ภายในสองชั่วโมง
ซูฟ่านเดาได้แล้วว่ามันเป็นแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่แปลกใจมากนัก
“เอาล่ะบอสเฉียน เราจะรอให้ลูกพี่ลูกน้องของคุณมาอธิบายเอง”
“ใช่ นี่มันเป็นความผิดของลูกพี่ลูกน้องผมจริง ๆ ไอ้สารเลวนั่น!”
ฟันของเฉียนซินฟาขบแน่นด้วยความเกลียดชัง
ถ้าเขาทําได้ เขาอยากจะตบลูกพี่ลูกน้องของเขาเดี๋ยวนี้
เมื่อเวลาผ่านไปซูฟ่านก็ไม่รู้สึกอะไรเลย
เขารู้ว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน
แต่ในทางเฉียนซินฟานั้นใบหน้าของเขาตอนนี้ประหม่าจนเปลี่ยนเป็นสีซีด
ตอนนี้บริษัทโทรมาถามเฉียนซินฟาว่าจะจัดประชุมหรือไม่ เฉียนซินฟายังด่าอีกฝ่ายว่าเขายังมีบางอย่างที่ต้องทําและจะไม่กลับไปตอนนี้
จะเห็นได้ว่าตอนนี้เขาพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อทําให้ซูฟ่านพอใจและจะไม่ยอมให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ
เพราะตราบใดที่ซูฟ่านขุ่นเคือง อนาคตของเขาก็จะจบสิ้น
สองชั่วโมงผ่านไป
โทรศัพท์ของเฉียนซินฟาก็ดังขึ้น
เขาขอตัวไปที่ประตูของโรงแรมหัวเป่าเพื่อรับคนที่โทรมา
หลังจากนั้นไม่นาน ผู้ชายที่ดูคล้ายกับเฉียนซินฟาก็เดินตามเฉียนซินฟามาด้วยท่าทางมึนงง
เฉียนซินฟาเดินนําหน้าชายคนนั้นด้วยใบหน้าที่จริงจัง
“รีบไปขอโทษคุณซูซะ!”
เฉียนซินฟาตะคอกเฉียนคุนหยาง
“ซู…บอสซู…”
“ไม่ต้องบอกฉัน ไปขอโทษแม่ฉันซะ”
หลังจากนั้นซูฟ่านก็เดินนําไปโดยไม่หันกลับมามอง
เฉียนคุนหยางเดินตามหลังไป เหงื่อหยดจากหน้าผากของเขาด้วยความเครียด
เฉียนซินฟาเองก็รู้สึกประหม่ามาก
เมื่อเห็นท่าที่สงบของซูฟ่าน เขารู้สึกว่ายิ่งสถานการณ์สงบลงเท่าไหร่ สิ่งต่าง ๆ ก็อาจเกิดขึ้นได้มากเท่านั้น
หากซูฟ่านไม่ได้จัดการลูกพี่ลูกน้องของเขา เขาเกรงว่าความโกรธของซูฟ่านจะไม่สงบลง
เมื่อเขามาถึงประตูของหลี่หงสี่ ซูฟ่านก็กดกริ่งประตู
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีประตูก็เปิดออก
ทันทีที่เขาเปิดประตู หลี่หงสี่ก็เห็นซูฟ่านเป็นคนแรก แต่จากนั้นก็เห็นเฉียนซินฟาและเฉียนคุนหยางยืนอยู่ข้างหลังซูฟ่าน
ใบหน้าของหลี่หงสี่ซีดเพราะคิดว่าเฉียนคุนหยางกําลังหาทางเล่นงานเธอ
เธอเอาตัวปกป้องซูฟ่านไว้ข้างหลังโดยไม่รู้ตัว
“ผู้จัดการเฉียน ถ้ามีอะไรก็มาลงที่ฉัน มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับลูกชายของฉัน”
หลี่หงลี่ยอมปกป้องซูฟ่านจนตัวตาย
“แม่………..”
ซูฟ่านต้องการอธิบาย แต่ถูกหลี่หงลี่ผลักกลับไป
ในขณะนี้หลี่หงสี่ตัวสั่นไปทั้งตัว แต่เธอต้องการปกป้องลูกชายของเธอ!
“สวัสดี คุณแม่ของคุณซู…”
“ผมเป็นประธานของ Xinfa Group เฉียนซินฟา”
หลังจากพูดแล้วเฉียนซินฟาก็ส่งนามบัตรออกไป
ในฐานะพนักงานรุ่นเก๋ หลี่หงสี่รู้ดีว่าเฉียนซินฟาเป็นผู้อํานวยการของบริษัทใด
ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็น่าเกลียดยิ่งขึ้น
เฉียนคุนหยางพูดถึงลูกพี่ลูกน้องคนนี้ในเมืองหลวงมากกว่าหนึ่งครั้ง
เขายังใช้ชื่อลูกพี่ลูกน้องของเขาให้ตัวเองทําตัวหยิ่งผยองมาเป็นเวลานาน
“คุณเฉียน เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับลูกชายของฉัน…”
“ไม่ ไม่ คุณหลี่ คุณเข้าใจผิดแล้ว น้อซูเป็นน้องชายของผม!”
เฉียนซินฟาเตะเฉียนคุนหยางออกไปข้างหน้า
“ไอ้บ้านี่ คุกเข่าลง!”
เฉียนคุนหยางไม่คาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเขาคุกเข่าด้วยสีหน้าตกใจ
แต่ทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขานั้นขึ้นอยู่กับลูกพี่ลูกน้องคนนี้
เขารู้ว่าคราวนี้เขาเตะเหล็กเข้าแล้วแถมไปยั่วยุคนที่ไม่ควรทําให้โกรธเคือง และลูกพี่ลูกน้องของเขาก็ไม่ต้องการปกป้องเขา
เขาต้องคุกเข่าลง!
เมื่อเห็นเฉียนคุนหยางคุกเข่าลง หลี่หงสี่ก็สับสนมากกว่าเดิม!
“นี่ นี่”
“คุณหลี่ ลูกพี่ลูกน้องของผมถูกครอบครัวทําร้ายมาโดยตลอด และผมช่วยเขามามาก ดังนั้นเขาจึงนิสัยเสียนะ!”
เฉียนซินฟาอธิบายด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา