บทที่ 63 คืนวันเข้าหอ 3
นางรอนานแล้ว เขาไม่กลับไปที่ห้องนอนของเขา มานอนที่ห้องของนางแบบนี้หมายความว่ายังไง?
คิดจะยึดที่นอนของนางหรือยังไงกัน?
ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด
“คืนนี้เป็นวันเข้าหอ เจ้าจะให้ข้าไปนอนที่ไหน?”
เขาไม่เอาเรื่องที่นางพาจาวหยางออกจากจวนไปในวันแต่งงาน อีกทั้งไม่เอาเรื่องที่นางเปิดผ้าคลุมหน้าเองด้วย
แต่นางกล้าไล่เขาออกไป?
ใครให้ความกล้านางมากขนาดนี้กัน?
“เอ่อ คืนวันเข้าหอ? โถ่ ท่านอ๋อง เราเป็นแค่สามีภรรยากันในนามเท่านั้น อีกทั้งที่นี่ก็เป็นที่ของท่านเอง ไม่ต้องเล่นละครหรอก ไม่มีใครรู้”
ยังไงก็ไม่มีใครเห็นอยู่แล้ว?
พวกเขาไม่จำเป็นต้องนอนอยู่บนเตียงเดียวกันเลย
“เจ้าคิดว่าคนที่คิดไม่ดีมีแค่พวกนักฆ่าพวกนั้นเหรอ?”
พอได้ยินดังนั้น
หลานยาเยาก็เกร็งไปหมด
หรือว่าในจวนของเขามีสายลับแฝงตัว?
แต่ว่าในจวนมีสายลับกับเขานอนเตียงเดียวกับนางหรือเปล่ามันเกี่ยวอะไรกัน?
เพราะยังไงทุกคนก็เข้าใจไปแล้วว่านางหน้าตาอัปลักษณ์ คืนวันเขาหอเย่แจ๋หยิ่งไม่อยากร่วมหอด้วยมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
คิดอยากจะยึดที่นอนของนาง เพื่อที่นางจะได้ไม่มีเตียงให้นอนใช่ไหม?
ฝันไปเถอะ
คืนนี้ยังไงนางก็จะนอนเตียงให้ได้
“ในเมื่อท่านรู้ว่ามีคนคิดไม่ดีอยู่ งั้นก็รีบไปจับตัวเขาสิ ให้กรมอาญาลงมือสืบสวนพวกเขา ยังไงก็ต้องสารภาพจนหมดแน่
เฮ้อ ไม่สิ ท่านอ๋อง ท่านมองแบบนี้หมายความว่าไง? ท่านอย่ามองข้าแบบนี้ได้ไหม ข้าไม่ใช่คนเลวนะ อีกอย่างเราลงเรือลำเดียวกันแล้วด้วย”
หลานเยาเยามองเข้าใจทุกอย่าง
เดิมทีที่เขาไม่ไปไหนก็เพราะอยากจะจับตาดูนางเอาไว้ แต่ว่ามันจำเป็นจริง ๆ เหรอ?
นางก็แค่อยากได้ทรัพย์สินของเขา ยึดจนเขา แล้วไล่เขาออกไปเท่านั้นเอง
นางไม่ได้คิดไม่ดีอะไรสักหน่อย
“ข้าก็แค่อยากตรวจสอบอะไรระยะหนึ่ง แล้วค่อยจัดการคนที่คิดไม่ซื่อพวกนั้นทีเดียว คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายากลับให้แผนการที่ดีกับข้าขนาดนี้ ข้าจะไม่ใช่ก็ไม่ได้เลย”
สายตาของเย่แจ๋หยิ่งจ้องไปที่ผู้หญิงที่คิดไม่ซื่อตรงหน้าคนนี้ จากนั้นก็ยิ้มมุมปาก
ไอ้บ้าเอ้ย
นี่มันขุดหลุมฝังตัวเองชัด ๆ ?
สิบแปดวิธีการของกรมอาญาก็ช่างมันเถอะ นางบอบบาง ใบหน้าสวยงาม หากทำร้ายจนนางเสียโฉมนางคงไม่มีหน้าไปเจอใครได้อีกแน่
นางรีบพูดว่า
“ท่านอ๋อง พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ข้าเป็นผู้หญิงจะไปรู้เรื่องอะไร? ท่านอ๋องทรงฉลาดกว่าตั้งเยอะ ส่วนคนที่คิดไม่ซื่อก็ควรจะตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน จะได้ไม่เป็นการใส่ร้ายคนดี ท่านว่าจริงไหม?”
นางพูดจบก็รีบเบี่ยงประเด็นทันที แล้วก็รีบพูดต่อเลยว่า
“ท่านอ๋อง ท่านจะล้างเท้าก่อนไหม? คืนนี้อากาศเย็นนะต้องห่มผ้าหนา ๆ อย่าให้โดนลม ข้าทำให้ผ้าห่มของท่านอุ่นให้ดีไหม?”
พูดจบ ตัวของหลานเยาเยาก็แทบจะอ้วกกับคำพูดตัวเอง
ดูจากสายตาของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาในใจก็มีแต่คำว่า mmp ไม่รู้ว่าควรจะพูดออกมาดีไหม?
ถึงแม้นางจะรู้ว่าเย่แจ๋หยิ่งคงไม่คิดจริงจังกับคำพูดของนาง แต่นางกลับคิดไม่ถึงว่า เขาจะพูดขึ้นมาว่า
“เจ้าไปนอนข้างนอก”
คำพูดที่เป็นคำสั่ง ทำให้หลานเยาเยานั้นโมโหมาก
หากเขาสั่งให้นางนอนพื้น นางยังพอจะคิด แต่เขาสั่งให้นางไปนอนข้างนอก?
ไอ้บ้าเอ้ยรังแกกันมากไปแล้วนะ
“ลานซวนซีข้าใช้เงินซื้อไว้หมดแล้ว คนที่ควรไปนอนข้างนอกคือท่านมากกว่า” นางพยายามโน้มน้าวใจ
“ตั๋วเงินคืนไปแล้ว”
เอ่อ
เหมือนจะได้คืนมาจากโม่เหลียงเฉินแล้ว
“ลานซวนซีเป็นห้องพักของพระชายาอ๋องเย่ ท่านนอนอยู่ที่นี่มันทำร้ายชื่อเสียงของข้านะ”
เราตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือไง?
ภายในสามปี จะต้องรักษาความชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของนาง ปกป้องชีวิตนาง ให้นางมีกินมีใช้ตลอด
ถ้าเป็นแบบนี้ มันเหมือนกำลังทำลายชื่อเสียงความบริสุทธิ์ของนาง
“ข้าไม่ได้แตะต้องเจ้าสักหน่อย อีกทั้งความบริสุทธิ์มันสำคัญกว่าที่ข้าจะกำจัดคนคิดไม่ซื่ออย่างนั้นเหรอ?” น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา
เมื่อพูดแบบนี้ออกมา
หน้าของหลานเยาเยา นิ่งลงทันที นางกำหมัดแน่น แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“แล้วความบริสุทธิ์ของข้าไม่สำคัญหรือยังไง?”
เขาลองพูดอีกคำดูนะ? นางรับรองจะฟาดให้เขาฟันหลุดหมดปากเลย
“ไม่สำคัญ”
ไอ้บ้าเอ้ย จะมากไปแล้วนะ
ได้ วันนี้ถือว่าแหย่นางเข้าให้แล้ว เพราะตอนนี้นางโกรธจนไม่อาจระบายออกมา
เย่แจ๋หยิ่งเป็นอ๋องเทพสงครามที่เลือดเย็นเป็นนิสัย คนอื่นเคารพเขา กลัวเขา แต่นางโกรธจริง ๆ แล้ว ยมบาลก็ต้องหลีกทางให้นาง อย่างมากก็แค่ตายแล้วไปเกิดใหม่
ใครจะไปกลัวกัน
“ไม่สำคัญจริง ๆ เหรอ?” นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่นางจะทน
“สำหรับข้าแล้วมันไม่สำคัญสักนิด”
เขามองมาที่นางอย่างเย็นชา ดูนางร้อนใจ สายตาของเขาก็ดูเหยียดหยาม เขาหัวเราะ เหมือนกำลังบอกกับนางว่านี่มันคือเรื่องจริงที่โหดร้าย
ในโลกนี้ ผู้ชายเป็นใหญ่กว่าผู้หญิงมันเป็นค่านิยมทางความคิดที่รุนแรงมาก อีกทั้งมันยังฝังรากลึกเข้าไปในใจของแต่ละคนด้วย
ผู้หญิงต้องเป็นช้างเท้าหลังให้กับผู้ชาย ต่อให้นางจะร้ายกาจแค่ไหน ก็หนีผู้ชายไปไม่พ้น
ดังนั้น ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งมันก็ไม่ได้สำคัญ
“ดี ดีมาก ข้าไม่สนแล้วว่าเจ้าจะเป็นเทพหรือผี เพราะตอนนี้ข้าโกรธแล้ว”
นางโกรธจริง ๆ แล้ว แม้แต่ตัวนางเองยังกลัวเลย
พูดจบนางก็เดินเข้าไปกระชากผมของเย่แจ๋หยิ่ง นางจะต้องให้เขาลงมาจากเตียงให้ได้
เย่แจ๋หยิ่งปฏิกิริยาไวมาก เห็นนางพุ่งเข้ามา ก็รีบหลบ
เขาเดิมไม่ได้คิดอยากจะใช้กำลังภายในกับผู้หญิงเลย แต่เขาพบว่า หลานเยาเยารวดเร็วและแม่นยำมาก อีกทั้งลงมือมาทีเอากันถึงตายเลยทีเดียว
ท่าทางบอบบาง แต่ลงมือโหดเหี้ยม เทียบกับคนที่มีกำลังภายในนางยังร้ายกาจกว่ามาก
เพราะหลานเยาเยาไม่มีกำลังภายในเลย ดังนั้นเย่แจ๋หยิ่งเลยไม่ใช้กำลังภายในเหมือนกัน
เขายิ้มมุมปาก
วันนี้จะดูสิว่า นางจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว?
กำลังคิดอยู่ เขาก็เห็นของอะไรแปลก ๆ อยู่ตรงปลายเตียง
เย่แจ๋หยิ่งกระพริบตา
ของชิ้นนี้ เป็นของที่หลานเยาเยาเคยใช้ตอนที่ฆ่ายายเมิ่งยิงจวนกับนักฆ่าในยิงจวน ของชิ้นนี้หากระเบิดออกแล้ว แม้แต่ยายเมิ่งยิงจวนที่ว่าแน่ยังไม่อาจต้านทานได้เลย
ดูท่าทางนางดูจะโกรธมากแล้วจริง ๆ
ไม่อย่างนั้นคงไม่เอาของแบบนี้ออกมา
เย่แจ๋หยิ่งรีบออกจากเตียงเลย ถึงแม้เขาจะออกมาห่างแล้ว แต่หลังจากของนั่นระเบิดออก เขารู้สึกเหมือนว่าหูของเขาถูกโจมตีอย่างรุนแรง สายตาของเขาเหมือนโล่งไปหมด
ส่วนหลานเยาเยาเองก็คิดไม่ถึงว่า เย่แจ๋หยิ่งจะมีปฏิกิริยาไวขนาดนี้ ไม่รู้ว่าระเบิดมือทำให้มึนงง จะใช้ได้ผลกับเขาหรือเปล่า?
เพราะนางเพิ่งใช้ระเบิดมือทำให้มึนงง แต่เลือกระดับที่ต่ำที่สุด
เพราะยังไงเขาก็เป็นถึงอ๋อง ต่อให้โกรธยังไงจะทำให้เขาตายไม่ได้เด็ดขาด
ไม่อย่างนั้นนางสิ่งที่นางโยนคงไม่ใช่แค่ระเบิดมือทำให้มึนงง
แต่ว่าดูจากท่าทางของเขาแล้ว เหมือนจะมีผลกระทบอยู่บ้าง แบบนี้ก็ดี วันนี้ได้ทำให้เขาเจ็บ จะได้ลดความเหย่อหยิ่งกับการดูถูกคนอื่นของเขาลงบ้าง
หลานเยาเยายิ้มมุมปาก โอกาสดีดีจะพลาดไม่ได้ พอเขารู้สึกตัวแล้ว เรื่องนี้จะยากไปอีก นางเลยรีบพุ่งเข้าใส่เย่แจ๋หยิ่ง ไม่นานนักทั้งคู่ก็เริ่มสู้กัน