บทที่ 57 สมบัติวิญญาณระดับสี่ ผู้สืบทอดราชาพิษ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 57 สมบัติวิญญาณระดับสี่ ผู้สืบทอดราชาพิษ
ผ่านไปเนิ่นนาน

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น สีหน้าเผยความประหลาดใจ

คาดไม่ถึงเลยว่าจะมีเคล็ดวิชาซ่อนอยู่ในป้ายไม้แผ่นนี้

หุ่นเชิดแห่งสวรรค์!

หุ่นเชิดชนิดนี้สร้างขึ้นจากพลังวิญญาณ หานเจวี๋ยสามารถสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ที่มีตบะเหมือนกับตนเองได้ ข้อเสียก็คือหุ่นเชิดแห่งสวรรค์อยู่ได้ไม่นาน หลังจากพลังวิญญาณหมดสิ้น หุ่นเชิดก็จะหยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหว จนกว่าจะถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไปใหม่ถึงจะกลับมาเคลื่อนไหวได้อีกครั้ง

หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ใช่ว่าจะทำศึกได้ด้วยตนเอง จำเป็นต้องแบ่งจักขุวิญญาณส่วนหนึ่งเข้าไปควบคุม ซึ่งคล้ายกับการแยกร่างอยู่บ้าง ทว่าเมื่อหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ถูกทำลาย ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ที่สร้างมัน

เพราะไม่จำเป็นต้องหายใจ หุ่นเชิดแห่งสวรรค์จึงสามารถใส่ในแหวนเก็บสมบัติได้

เป็นเคล็ดวิชาที่ดียิ่งนัก

หานเจวี๋ยสามารถสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ไว้จำนวนหนึ่ง เอาไว้ให้คนที่เขาอยากจะปกป้อง

หานเจวี๋ยรีบหยัดกายลุกขึ้น “เป็นสมบัติชั้นดีจริงๆ ข้าจะกลับไปฝึกบำเพ็ญก่อน ช่วงนี้จะมาหาเจ้าใหม่!”

กล่าวจบ เขาก็หายวับไปในอากาศ

สิงหงเสวียนนิ่งอึ้งอยู่กับที่

สีหน้าของนางเผยความขมขื่นที่เก็บซ่อนออกมาในทันใด

แต่พอมาหวนคิดดูแล้ว นี่จะต้องเป็นสมบัติชั้นดีจริงๆ ถึงทำให้หานเจวี๋ยอดใจรอไม่ไหวเช่นนี้

สีหน้าของนางดูหวานชื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ครั้งนี้เขาจะต้องชอบนางมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแน่!

……

พอกลับมาถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยก็เริ่มสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ทันที

สองมือเคลื่อนย้ายพลังวิญญาณ ดูราวกับกำลังปั้นมนุษย์ดินไร้ลักษณ์

เขาต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าการใช้พลังวิญญาณหกสายสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์นั้นกลับไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางเลยแม้แต่น้อย

ความทรงจำที่ได้รับมาก่อนหน้านี้บอกเขาว่า ขั้นตอนการสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์นั้นยากยิ่งนัก ระดับความยากนั้นจะสัมพันธ์กับพลังวิญญาณ

ในสถาณการณ์ปกติพลังวิญญาณยากที่จะกลายเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสร้างหุ่นเชิดขึ้นมาเลย

แต่ตามหลักในการสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์แล้ว ก็สามารถทำออกมาได้จริงๆ นี่ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก

ขณะเดียวกัน เคล็ดวิชาในการแบ่งจักขุวิญญาณก็ค่อนข้างพบเจอได้น้อย สามารถไปใช้กับวิชาเวทอื่นได้

จักขุวิญญาณก็เทียบเท่ากับการมีดวงตาเพิ่มอีกคู่

หานเจวี๋ยคิดจะสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์จำนวนหนึ่งให้กับสิงหงเสวียน ฉางเยวี่ยเอ๋อร์และเซียนซีเสวียน

อ้อ รวมถึงหยางเทียนตงศิษย์ของเขาด้วย

ครั้งหน้าตอนที่เขาออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ของเขาก็สามารถช่วยชีวิตพวกเขาได้

แต่ทว่า

หานเจวี๋ยยังประเมินความยากในการสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ต่ำไป

ใช้เวลาหนึ่งปีเต็มๆ!

หานเจวี๋ยถึงสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมาได้ตัวหนึ่ง แม้จะสร้างได้ไม่ยาก แต่รายละเอียดก็หยุมหยิมเกินไป ต้องใช้เวลาและกำลังเป็นจำนวนมาก

พลังวิญญาณของหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ที่สร้างสำเร็จในครั้งแรกก็อยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว

หุ่นเชิดแห่งสวรรค์ตัวนี้คล้ายกับมนุษย์ท่อนไม้คนหนึ่ง ลักษณะดูหยาบไร้ความละเอียด

หานเจวี๋ยก็ไม่กล้าสลักใบหน้าของตนเองลงไป นั่นไม่เท่ากับว่าจะนำมาซึ่งความอาฆาตแค้นหรอกหรือ

หลังจากนั้น หานเจวี๋ยหายวับมายังถ้ำเทวาของสิงหงเสวียน

นางยังกำลังฝึกบำเพ็ญอยู่ การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของหานเจวี๋ยจึงทำให้นางรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก

แต่พอเห็นว่าเป็นหานเจวี๋ย รอยยิ้มแห่งปีติยินดีก็ปรากฏบนใบหน้าของนางอีกครั้ง

หานเจวี๋ยนำหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมาทันที เอ่ยว่า “เก็บหุ่นเชิดตัวนี้ไว้ในแหวนเก็บสมบัติของเจ้า ต่อไปไม่ว่าจะไปที่ใดต้องพกมันไปด้วยเสมอ ช่วงเวลาสำคัญมันสามารถช่วยชีวิตเจ้าได้”

หลังจากทิ้งคำพูดนี้ไว้แล้ว หานเจวี๋ยก็เคลื่อนตัวกลับถ้ำเทวาฟ้าประทาน

สิงหงเสวียนดีใจอย่างถึงที่สุด นางจ้องมองหุ่นเชิดแห่งสวรรค์อย่างชื่นมื่น

รูปร่างของมันคล้ายกับหานเจวี๋ยยิ่งนัก

อีกด้านหนึ่ง

หานเจวี๋ยสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ต่อไป

หลังจากมีประสบการณ์ในครั้งแรก เวลาหนึ่งปีต่อมาหานเจวี๋ยก็สร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ออกมาได้สองตัว

หุ่นเชิดแห่งสวรรค์เทียบได้กับร่างแยกของเขา นอกจากไม่มีของวิเศษของเขาแล้ว ก็สามารถสำแดงพลังแท้จริงของร่างจริงได้

วิเศษมาก!

หานเจวี๋ยเคยคิดว่า จะสร้างกองทัพขึ้นมาดีหรือไม่

แต่หลังจากที่สร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ไปสามตัว เขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไป

จักขุวิญญาณก็เทียบได้กับการที่เขาเฉือนวิญญาณของตนเองออกมาหนึ่งชิ้น จักขุวิญญาณไม่กี่สายยังพอทำเนา หากต้องใช้สิบกว่าสาย เช่นนี้ต้องเกิดปัญหาแน่!

หากเฉือนออกมามากกว่านี้ วิญญาณของเขาอาจจะกลายเป็นเศษวิญญาณได้

อีกอย่าง การสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ก็ทำให้เวลาในการฝึกบำเพ็ญของเขาล่าช้าออกไปอีก

ช่วงเวลาสองปีนี้ ตบะของเขาไม่ได้เพิ่มพูนขึ้นเลย หากมัวจมอยู่กับการสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ เช่นนั้นไม่เท่ากับเสียเวลาศึกษาหรือ

ไม่สิ!

เสียเวลาฝึกบำเพ็ญต่างหาก!

หานเจวี๋ยสูดหายใจเข้าลึกๆ เพียงครั้ง

เขาโบกมือเก็บหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ทั้งสองตัวให้เรียบร้อย จากนั้นก็เคลื่อนกายออกไป

ซูฉีแอบประหลาดใจ หุ่นไม้สองตัวนั่นคืออะไรกันแน่

ในเวลาสองปีนี้ เขาเห็นหานเจวี๋ยสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์กับตาตนเอง รู้สึกเหมือนของที่วิเศษอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อเขาคิดไม่ออก เช่นนั้นจึงไม่ฝืนคิดต่อ

หานเจวี๋ยมอบหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ให้กับฉางเยวี่ยเอ๋อร์และเซียนซีเสวียนคนละตัว

ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ดีใจมาก นางเอาแต่พัวพันหานเจวี๋ยอยู่ตลอดเวลา

หานเจวี๋ยเสียเวลาตั้งครึ่งวันกว่าจะหนีออกมาได้

แต่เซียนซีเสวียนกลับมีท่าทีสงบ ทั้งสองก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันมากนัก

คนหนึ่งร้อนแรงราวกับไฟ คนหนึ่งเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง

หานเจวี๋ยเดาะลิ้นด้วยความประหลาดใจ

หยางเทียนตงติดตามเจ้าสำนักออกไปข้างนอกตลอดปี ช่วงนี้ก็ไม่พบเจอเขาเลย

ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าจะสร้างหุ่นเชิดแห่งสวรรค์ให้โม่จู๋สักตัวดีหรือไม่ แต่กลับได้ยินฉางเยวี่ยเอ๋อร์บอกว่าโม่จู๋ไปที่ตำหนักลับแล้ว

ตำหนักลับก็คือแดนลึกลับบรรพกาลที่นักพรตเต๋าจิ่วติ่งค้นพบ เขาสร้างที่อยู่อาศัยของสำนักไว้ในนั้น พลังวิญญาณในนั้นหนาแน่นกว่าภายในสำนักมาก หากจะเข้าตำหนักลับ อย่างน้อยต้องเป็นศิษย์อัจฉริยะ

หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ตอนนี้สำนักหยกพิสุทธิ์ก็ได้มีการจัดระดับใหม่แล้ว

ตำหนักลับ สิบแปดยอดเขาในสำนักฝ่ายใน และสำนักฝ่ายนอก!

แดนลึกลับบรรพกาลยังไม่ถูกสำรวจอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นมีเพียงตำหนักลับที่ปลอดภัยที่สุด สำนักฝ่ายในมีค่ายกลส่งตัวไปยังตำหนักลับด้วย

แต่ว่าระดับความหนาแน่นของพลังวิญญาณในตำหนักก็เทียบไม่ได้กับภูเขาที่หานเจวี๋ยอยู่

เพราะอย่างนั้นหานเจวี๋ยจึงคร้านที่จะย้ายออกไป

เมื่อกลับถึงถ้ำเทวา

หานเจวี๋ยรวบรวมจิตสมาธิ เริ่มต้นทำการฝึกบำเพ็ญ

เพียงพริบจา

เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปสามปี

อักขระสามแถวพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ท่านอายุครบสองร้อยปีบริบูรณ์ นับว่าชีวิตได้ผ่านช่วงเวลาที่ยาวนานมาช่วงหนึ่ง ท่านมีตัวเลือกบนเส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียรในภายภาคหน้าดังต่อไปนี้]

[หนึ่ง ถ่อมตนฝึกบำเพ็ญ เหมือนที่ท่านเป็นมาในช่วงชีวิตแรก บำเพ็ญเพียรเงียบๆ ไม่ช่วงชิงผลประโยชน์ชื่อเสียง จากนี้ไปรางวัลของตัวเลือกนี้จะเอนเอียงไปทางถ่อมตนฝึกบำเพ็ญ จะได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[สอง ฝึกบำเพ็ญอย่างโดดเด่น กลายเป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์แห่งยุค ชื่อเสียงสะท้านไปทั่วหล้า จากนี้ไปรางวัลของตัวเลือกนี้จะเอนเอียงไปทางการฝึกบำเพ็ญอย่างโดดเด่น จะได้รับอาวุธเวทหนึ่งชิ้น เคล็ดวิชาเวทหนึ่งเล่ม สืบทอดพลังวิเศษหนึ่งครั้ง]

โดยไม่รู้ตัว หานเจวี๋ยกมีอายุสองร้อยปีแล้ว

พูดได้เลยว่าเวลาผ่านไปไวจริงๆ

หานเจวี๋ยเลือกตัวเลือกที่หนึ่งอย่างไม่ลังเล

บุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์แห่งยุค?

ฟังดูไม่เลวนะ แต่ข้าไม่เชื่อในอำนาจ!

คุณสมบัติของข้ายอดเยี่ยมเพียงนี้ เหตุใดต้องทำตัวโดดเด่นด้วย

รอข้าสำเร็จมหามรรคา ท่องไปทั่วหล้าอย่างอิสระ เช่นนั้นจะไม่สบายใจกว่าหรือ

หานเจวี่ยคิดอย่างภาคภูมิใจ

[ท่านเลือกถ่อมตนฝึกบำเพ็ญ ได้รับสมบัติวิญญาณหนึ่งชิ้น]

[ยินดีด้วย ท่านได้รับสมบัติวิญญาณระดับสี่–มงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์]

[มงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์: สมบัติวิญญาณป้องกันระดับสี่ สามารถสะท้อนการโจมตีตั้งแต่ระดับสุญตาลงมา ไม่รวมถึงพลังวิเศษที่มีลักษณะพิเศษ มีผลลัพธ์ในการป้องกันการโจมตีของวิญญาณและพลังจิต]

สมบัติวิญญาณแบบป้องกันอีกแล้วหรือ!

ระบบช่างรู้ใจข้าดีจริงๆ!

หานเจวี๋ยคิดอย่างประหลาดใจ

เขารีบนำมงกุฎแก้วเจ้าแห่งเหมันต์ออกมา หยดโลหิตให้มันยอมรับเจ้าของทันที

มงกุฎนี้สง่างามยิ่งนัก เป็นสีน้ำเงินม่วงทั้งชิ้น ประณีตและละเอียดอ่อน

จากนี้เป็นต้นไป ตั้งแต่หัวจรดเท้าของหานเจวี๋ยล้วนเป็นสมบัติวิญญาณ ติดอาวุธเต็มขั้น ระดับเปลี่ยนวิญญาณก็ไม่สามารถทำอันตรายเขาได้!

ส่วนระดับสุญตาก็อย่าคิดว่าจะสังหารเขาได้ภายในเสี้ยววินาที!

ซูฉีสังเกตเห็นมงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ เอาแต่จ้องมองไม่ละสายตา

เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นมงกุฎที่งดงามเช่นนี้

ใช้เวลาครึ่งวัน หานเจวี๋ยถึงทำให้มงกุฎแก้วเจ้าเหมันต์ยอมรับเจ้าของได้สำเร็จ

เขาสวมใส่มงกุฎนี้ในทันที ความรู้สึกปลอดภัยยกระดับขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นหานเจวี๋ยก็ทำการฝึกบำเพ็ญต่ออย่างเบิกบาน

……

เวลาผ่านพ้นไปอีกห้าปี

นักพรตเต๋าจิ่วติ่งพาศิษย์กลุ่มหนึ่งจากไป มุ่งหน้าสู่ต่างแดน

ก่อนที่จะไปนั้น ฉางเยวี่ยเอ๋อร์ได้มาบอกลาเขา

หานเจวี๋ยใช้เวลาครึ่งค่อนวันถึงทำให้ศิษย์พี่ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจากไปได้

หลังจากนักพรตเต๋าจิ่วติ่งไปแล้ว หานเจวี๋ยก็รู้สึกว่างจนเบื่อหน่าย เขาใช้ฟังก์ชันจำลองการทดสอบตรวจสอบดูผู้แข็งแกร่งที่สุดในสำนักหยกพิสุทธิ์นอกจากเขา

[หลี่เฉียนหลง: ระดับเปลี่ยนวิญญาณขั้นห้า ผู้สืบทอดราชาพิษ]

……………………………………….