ตอนที่ 85 – กรีดร้องและเก็บเสียง

“เหี้ย!” หลิวเต๋อจู้วิญญาณหลุดลอยไปแล้ว แทบจะถอยหลังไปชนกับชั้นวางหนังสือ

กลางดึก ในสภาพแวดล้อมอันมืดมิดอึมครึม พอหันหน้ากลับก็เห็นหน้ากากประหลาด

ความรู้สึกชนิดนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว

อย่างกับการได้ประสบกับหนังผีตัวเป็น ๆ

เวลานี้ เยี่ยหว่านกับหลินเสี่ยวเสี้ยวเดินออกจากในเงามืดของชั้นวางหนังสือ

หลิวเต๋อจู้มีปฏิกิริยาขึ้นมาแล้ว สามคนนี้จู่ ๆ ปล่อยตัวเองออกมาดึกดื่นก็เพื่อแกล้งตัวเองเล่นเหรอ

เขากล่าวอย่างเจ็บใจเคียดแค้นว่า “ท่านสามคนก็รังแกคนเกินไปนะ!”

“พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย คุณก็มีประโยชน์นิดหน่อยแค่นี้แหละ” หลินเสี่ยวเสี้ยวหิ้วหลิวเต๋อจู้กลับห้องขังเดี่ยว

เยี่ยหว่านกล่าวกับชิ่งเฉินว่า “ด้านรายละเอียดมีพัฒนาการเยอะมาก แต่เวลาฝึกฝนรีบเร่งเกินไป การปฏิบัติไม่ถือว่าดีนัก”

ชิ่งเฉินฟังอย่างตั้งใจ

เยี่ยหว่านกล่าวต่อว่า “สิ่งสำคัญที่สุดของการลอบจู่โจมก็คือไม่ถูกคนค้นพบ ตอนที่คุณเข้าใกล้หลิวเต๋อจู้ครั้งแรกรีบร้อน อากาศกับเสียงในทางเดินจะมีความเปลี่ยนแปลงอันละเอียดอ่อน ตัวหลิวเต๋อจู้เองไม่ค้นพบ แต่ว่าร่างกายเขาจะเตือนเขา”

“หลังจากนั้น ตอนที่เป้าหมายเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว การหายใจและฝีเท้าของคุณก็ไม่ได้ควบคุมให้ดี เสียงนั้นผมฟังแล้วอย่างกับเสียงกลอง แม้แต่หลิวเต๋อจู้ยังสัมผัสได้ ถ้าเปลี่ยนเขาเป็นทหารที่ฝึกฝนมาดี คุณตายแล้วล่ะ”

“อืม ผมจะพยายามต่อไป” ชิ่งเฉินย่ำบนพื้นเท้าเปล่า

เคล็ดลับที่ใหญ่ที่สุดของการลบเสียงฝีเท้าอยู่ที่การควบคุมการออกแรงและเก็บแรงของฝีเท้าอย่างไร แต่ทว่ารองเท้าของเขาถูกเกินไป กาวติดส้นรองเท้าแข็งเกินไป ไม่ว่าจะควบคุมอย่างไรล้วนไม่ไหว

เยี่ยหว่านเตือนว่า “เวลาที่คุณเรียนสั้นเกินไป ดังนั้นได้แต่ทำไร้เสียงตอนเดิน จำไว้ ห้ามวิ่ง คุณยังทำลบเสียงฝีเท้าตอนวิ่งไม่ได้”

“อืม ผมจะจำไว้” ชิ่งเฉินกล่าว

เยี่ยหว่านมองส้นเท้าของเขา “ตามที่คุณพูด หลังกลับคืนอยู่ในภูเขา ถ้าก่อนหน้านี้คุณไม่เคยเดินเท้าเปล่า เกรงว่าหลังคืนนี้สองเท้าจะเลือดเนื้อเลอะเลือนแล้ว”

ชิ่งเฉินส่ายหน้า “นี่ไม่สำคัญ อาการบาดเจ็บจะหายไม่ช้าก็เร็ว”

“การโหดร้ายต่อตนเองเป็นเรื่องดี แต่รอหลังจากเรื่องยุติยังคงไปซื้อรองเท้าที่เหมาะสมให้เร็วที่สุดเถอะ” เยี่ยหว่านกล่าว “ยังมีอะไรอยากถามไหม”

“อันที่จริง ในการต่อสู้ครั้งนี้สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมคือบทเรียนลอบจู่โจมนี้ ทำไมถึงสอนท้ายสุดล่ะ” ชิ่งเฉินอยากรู้

“การลอบจู่โจมไม่ใช่เกมโลกเสมือนโหมดง่าย ศัตรูก็ไม่เหมือน NPC ในเกมที่จะยืนบื้ออยู่ตรงนั้นให้คุณฆ่าจากนั้นอยู่ให้คุณฆ่าพวกเขาจนหมด รอถึงตอนที่คุณฆ่าคนที่สองตายก็จะมีความเป็นไปได้มากว่าจะถูกค้นพบ” เยี่ยหว่านกล่าว

“ถัดจากนั้น สามคนที่เหลือรู้ถึงการคงอยู่ของคุณแล้ว จากนั้นจะใช้ฝีมือทั้งหมดของพวกเขาฆ่าคุณ นอกเสียจากการต่อสู้ซึ่งหน้าคุณก็ไร้ทางเลือก นั่นจึงเป็นช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด”

“ตอนที่ศัตรูไม่รู้ว่าคุณคงอยู่ ลอบจู่โจมฆ่าสองคนแรกง่ายที่สุด ดังนั้นเวลาที่ผมสอนคุณซ่อนร่องรอยสั้นที่สุด จากนั้นเวลาที่พวกพ้องของพวกเขาค้นพบคุณ คุณจึงจะอันตรายที่สุด ดังนั้นเวลาที่ผมสอนคุณต่อสู้ซึ่งหน้านานที่สุด”

“แต่ว่า” ชิ่งเฉินจู่ ๆ กล่าวขึ้น “ผมไม่ได้มีแผนที่จะเอาชีวิตไปแลกกับชีวิตของคนอื่นเลยนะ ถ้าอันตรายเกินไป ผมอาจจะยอมแพ้”

“จุดนี้ผมสนับสนุนคุณ” เยี่ยหว่านกล่าว “บนโลกนี้ ชีวิตของตัวเองสำคัญที่สุด ถ้าเพียงเพื่อช่วยนายหน้ากับเพื่อนร่วมโต๊ะของตนเองคนเดียว ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงสุดชีวิต แต่คุณต้องเข้าใจว่า สิ่งของประเภทความเลือดร้อนนี่ถ้าตัวเองสามารถควบคุมได้ก็ไม่เรียกว่าความเลือดร้อนแล้ว บางเวลา มีเพียงตอนที่คุณเผชิญหน้ากับเรื่องเรื่องหนึ่งจึงจะเข้าใจตัวเลือกของตนเอง”

เยี่ยหว่านกล่าวต่อว่า “บอสเคยพูดว่ากระดูกของคุณมีความเลือดร้อนอย่างหนึ่ง ก็เหมือนกับที่วันแรกคุณเข้ามาก็กล้ามาหาบอสเพื่อเดินหมากรุก นั่นเป็นส่วนหนึ่งของคุณ ลืมไม่ลง ลบทิ้งก็ไม่ได้ จำสี่ศัตรูจับราชาเกมนั้นของคุณกับบอสได้ไหม ทหารที่ข้ามแม่น้ำไม่ใช่ว่าไม่คิดจะหันหน้ากลับ ทว่าไม่สามารถ”

ชิ่งเฉินตกอยู่ในห้วงคิด

เวลานี้ เยี่ยหว่านย้ายเก้าอี้หนึ่งตัวจากเขตอ่านหนังสือข้าง ๆ มาวางตรงหน้าชิ่งเฉิน ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างอยากรู้ว่า “นี่คือทำอะไร”

เยี่ยหว่านคิดแล้วกล่าวว่า “รอเดี๋ยวคุณก็…… ไม่ถูก เป็นสองวันให้หลังคุณก็จะเข้าใจ”

เยี่ยหว่านกล่าวว่า “ยังมีประโยคหนึ่งที่บอสไม่ได้พูด งั้นผมจะยกมาพูดแทนเขาแล้วกันนะ”

“คำพูดอะไร” ชิ่งเฉินสับสน

เยี่ยหว่านยิ้มเอ่ยว่า “รอดกลับมานะ”

……

นับถอยหลัง 00:05:00

ห้านาทีสุดท้าย

ชิ่งเฉินมาที่เบื้องหน้าหลิวเต๋อจู้ถามอย่างสงบนิ่งว่า “ทวนเรื่องสองอย่างที่ผมแจกแจงกับคุณซิ”

หลิวเต๋อจู้เอ่ยอย่างหวาดกลัวว่า “ข้อหนึ่ง หลังกลับไปให้เพื่อนนักเรียนทุกคนหนีเอาชีวิตรอด ข้อสอง ถ้าไม่สามารถหนี คิดหาหนทางถามออกมาว่าก่อนหน้านี้ใครถูกคนร้ายพาออกไปเดี่ยว ๆ”

“อืม สองวันนี้นึกรายละเอียดอะไรขึ้นมาได้รึเปล่า อย่างเช่นใครที่ดูมือถือส่งข้อความตลอดเวลา หรือว่าไปเข้าห้องน้ำกลางทาง” ชิ่งเฉินถาม

หลิวเต๋อจู้ตอบอย่างอ่อนแรงว่า “พวกเขาล้วนเคยไปห้องน้ำ ถ้าดูมือถือ พวกเขาน่าจะดูจำนวนครั้งไม่น้อยกันหมด…… บอสใหญ่ครับ ตอนนั้นผมแค่โฟกัสที่การเล่นเกม ไม่ได้สังเกตจริง ๆ”

ชิ่งเฉินถอนหายใจ ขอแค่ตนเองมีตัวเลือกที่ดีกว่านี้ก็จะไม่ให้เจ้าหมอนี้มาเป็นนายหน้าหรอก

“จำไว้นะ คนร้ายจะต้องอยากรู้ความลับบนตัวคุณมาก แต่คุณต้องเข้าใจจุดหนึ่ง เวลาไหนที่พวกเขารู้ความลับของคุณ คุณจะตายเวลานั้น”

ชิ่งเฉินกล่าวต่ออย่างเย็นชาว่า “ความผิดของคุณครั้งนี้ไม่อาจอภัย คืนกลับครั้งหน้าผมจะช่วยคุณรับรู้ใหม่อีกครั้งถึงโลกอันโหดร้ายนี้ แน่นอนว่า คุณสามารถรอดมาแล้วค่อยว่ากัน”

พูดจบ เขามองดูเวลาบนท้องแขน

นับถอยหลัง 00:00:01

คืนกลับ

ในความมืด มีเสียงกลองลอดออกมา ยังมีเสียงหัวเราะ

เวลาที่ถูกตัดขาดและหยุดลงของโลกภายนอกนั้น ในที่สุดได้เริ่มเดินอีกครั้ง

วินาทีก่อนยังเป็นห้องขังเดี่ยวอันมืดสลัว วินาทีต่อมา โลกถูกแสงไฟย้อมเป็นสีส้มแดงแล้ว แสงและเงาก็สั่นไหวอย่างรวดเร็ว

หลิวเต๋อจู้เบิกตากว้าง เขามองดูกองไฟเบื้องหน้า ยังมีกลุ่มคนที่สนุกสนานรื่นเริงด้านข้าง ปรับตัวได้ยากอยู่บ้าง

ความมืดและแสงสว่างตัดกัน ความตึงเครียดและสนุกสนานก็ตัดกัน

แม้แต่ตัวหลิวเต๋อจู้ยังเหมือนจะตัดขาดจากพวกเพื่อนนักเรียนที่ยิ้มแย้มเต็มหน้าเหล่านั้น

ในสมองคล้ายจะมีคนกำลังเตือนเขา : อันตราย!

เขาคิดถึงคำพูดทั้งหมดของชิ่งเฉิน ลุกขึ้นยืนทันที ร้องตะโกนว่า “หนี! ทุกคนหนีเร็ว! มีอันตราย!”

แต่ว่า ภาพเหตุการณ์ที่ทุกคนหลบหนีไปทุกทิศทางในจินตนาการไม่ได้ปรากฏ ทุกคนเพียงมองเขาด้วยใบหน้าว่างเปล่า

เหล่าเพื่อนนักเรียนไม่เข้าใจ หลิวเต๋อจู้ที่วินาทีก่อนยังพูดยังหัวเราะทำไมถึงได้สีหน้าแตกตื่นหวาดกลัว

มีเพียงหูเสี่ยวหนิวเกิดปฏิกิริยาเป็นคนแรก เพราะสำหรับเหล่าเพื่อนนักเรียน เวลาไหลต่อเนื่องเชื่อมต่อกัน

แต่สำหรับพวกเขาเหล่านักท่องเวลากลับได้ใช้เวลาที่โลกภายในมาสองวันแล้ว

ดังนั้น หลิวเต๋อจู้ไม่ได้ประกาศเตือนอย่างไร้เหตุไร้ผลเป็นอันขาด ทว่าประสบกับเรื่องพิเศษบางอย่างในโลกภายใน!

หูเสี่ยวหนิวลุกขึ้นถามว่า “พี่หลิว เกิดอะไรขึ้น”

หลิวเต๋อจู้ดันเพื่อนนักเรียนที่อยู่ข้างกายพลางกล่าวพลางว่า “ไม่ไปอีกก็จะไม่ทันแล้วนะ มีคนร้ายจะล้อมที่นี่แล้ว ช่างเถอะ ๆ พวกนายไม่ไปฉันไป!”

แต่ว่า ถึงแม้เขาจะพูดชัดเจนขนาดนี้แล้ว พวกเพื่อนนักเรียนก็ยังสีหน้าว่างเปล่า

หูเสี่ยวหนิวสีหน้าแปรเปลี่ยนไป เขาขยิบตาให้จางเทียนเจินไล่ตามหลิวเต๋อจู้อย่างรวดเร็ว

เพียงแต่ ตอนที่พวกเขาเพิ่งไปถึงประตูของลานก็มีชายกลางคนสวมเครื่องแบบตำรวจสองคนถามว่า “สวัสดีครับนักเรียน พวกคุณสีหน้าแตกตื่นอยากจะไปที่ไหนครับ”

หลิวเต๋อจู้เห็นเครื่องแบบตำรวจก็ดีใจแทบคลั่งทันที “คุณลุงตำรวจครับ แถว ๆ นี้มีคนร้าย!”

ชายกลางคนที่สวมเครื่องแบบตำรวจสองนายสบตากัน จากนั้นดึงปืนพกออกมาจากข้างเอว แยกย้ายกันก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวจี้ใส่หน้าอกหลิวเต๋อจู้กับหูเสี่ยวหนิว คนหนึ่งหัวเราะเสียงเบาเอ่ยว่า “มีคนร้ายเหรอ ทำไมผมไม่เห็น”

อีกคนหนึ่งมองหูเสี่ยวหนิวอย่างเย็นชา “อ้าปากขอความช่วยเหลือก็จะยิงคุณตายเลย กลับไป!”

หูเสี่ยวหนิวก้มหน้าลงมองปืนพกที่จี้ใส่หน้าอกเขากระบอกนั้นอึ้ง ๆ บนปืนมีอุปกรณ์เก็บเสียง!

………………………………….

ตอนที่ 86 – คนร้าย 7 คน