หลังจากขึ้นมายังภูเขาได้ไม่นานนัก ฮาโรลด์สังเกตว่าเอริกะนั้นดูแย่มาก เธอเริ่มเดินช้าลง และเหมือนจะปล่อยออร่าหนักๆออกมาอยู่ตลอด แม้ว่าเขาเองจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก แต่การเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหันของเอริกะมันทำให้เขารู้สึกกังวล มันเหมือนกับลางร้ายอย่างไรอย่างงั้น
ด้วยความสงสัยว่าหมอกพิษอาจส่งผลอะไรกับเธอรึปล่าว ฮาโรลด์จึงพยายามเรียกเธอ จริงๆเขาก็ไม่ได้คิดจะทำอะไรแบบนั้นหรอก แต่ยูโนะได้เข้ามาพูดคุยกับเขาว่า “พวกเราจะทำอย่างไรดีคะ ท่านฮาโรลด์” และคนอื่นๆ ก็เริ่มมีสีหน้าราวกับจะบอกว่า “เราควรทำยังไงดี ?” ดังนั้นฮาโรลด์จึงไม่สามารถเพิกเฉยกับเรื่องนี้ไปได้
นั้นเป็นเหตุผลที่เขาเข้าไปคุยกับเอริกะ แม้ว่าปฎิกิริยาตอบกลับของเธอจะดูค่อนข้างน่าสงสัย แต่ดูเหมือนว่าร่างกายของเธอจะไม่ได้ผิดปกติอะไร จากคำพูดของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
แต่ว่า ความคิดอะไรที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวเธอมืดมนขนาดนี้ ?(TL: ก็คิดเกี่ยวกับมึงเนี้ย ) ขณะที่เขากำลังถามกับตัวเองเช่นนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกกังวล
ที่แย่กว่านั้น กลับมีมอนเตอร์เข้ามาโจมตีเอริกะอย่างกะทันหัน ดังนั้นฮาโรลด์จึงดึงเธอมากอดไว้เพื่อปกป้องเธอ ซึ่งมันควรเป็นเรื่องที่ดีหากมองในมุมมองของคนปกติ แต่จากมุมมองของเอริกะผู้ที่เกลียดชังฮาโรลด์ สิ่งนี้ไม่ต่างอะไรจากการล่วงละเมิดทางเพศ เขาได้แต่สาปแช่งสัญชาตญาณของตัวเองที่มีอำนาจเหนือเหตุผลในเวลานี้ และตอนนี้เหตุการณ์คงจะจบลงด้วยการที่เขาโดนตบหน้า
อย่างไรก็ตาม การตอบสนองของเอริกะช่างเบาบางกว่าที่คิดเอาไว้ หรือพูดอีกอย่างก็คือ จิตใจของเธอยังคงมัวลงไปทางอื่นจนไม่ได้จดจ่อกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า นั้นยิ่งทำให้ฮาโรลด์รู้สึกเป็นกังวลเข้าไปใหญ่
ดังนั้น ขณะที่เขาต้องการจะถามออกไปว่า “เธอไม่เป็นอะไรนะ” แต่ทว่าปากของเธอกับแปลเป็นภาษาเวรให้ประมาณว่า “มันใช่เวลามาจมอยู่กับความคิดไร้สาระรึปล่าว?” และหลังจากนั้น เอริกะก็ดูเหมือนว่ากำลังจะร้องไห้ออกมา ถึงแม้ว่าการถูกประนามว่าเป็นไอ้เลวไอ้ชั่วที่ทำผู้หญิงร้องไห้ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฮาโรลด์มากนัก แต่มันก็สร้างดาเมทต่อมโนธรรมในจิตใจของเขาได้อยู่พอสมควร
ไม่เพียงแค่นั้น หากเป็นตามเนื้อเรื่องของเกมส์ ต่อจากฉากนี้ เอริกะจะมีบทบาทสำคัญในภารกิจครั้งนี้ ดังนั้นด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของเธออาจจะกลายเป็นเรื่องยากที่เธอจะเล่นบทบาทนี้ได้สำเร็จ
ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาต้องเรียกสติของเธอกลับมาให้ได้ นั้นเพราะ จะปล่อยให้ยูโนะเข้ามาดูแลเอริกะและแบ่งภาระหน้าที่ของทีมใหม่คงไม่ไหว เพราะพวกเธอทั้ง 2 เป็นกำลังสำคัญที่ปาร์ตี้ไม่สามารถขาดไปได้
ดังนั้น ฮาโรลด์จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนที่จะคว้าไปที่ข้อมือของเอริกะ จากนั้นเขาก็บังคับให้เธอเดินต่อไปข้างหน้าเพิ่อไปยังจุดหมาย
เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบที่เกิดจากหมอกพิษ เจ้าอุปกรณ์นั้นต้องถูกปิดการทำงานลงให้เร็วที่สุด ดังนั้น ฮาโรลด์จึงไม่สามารถปล่อยให้เอริกะไว้ตามลำพังได้ โชคดีที่สถานที่ที่อุปกรณ์นั้นถูกติดตั้งอยู่ในระยะสายตาแล้ว สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือเคลียภารกิจนี้ให้เร็วที่สุดและทุกอย่างจะออกมาเรียบร้อย
อีกทั้งปากของฮาโรลด์มักจะพ่นคำเลวร้ายออกมาอยู่เสมออาจทำให้สถานการณ์แย่ลงไปอีกได้ ดังนั้น แทนที่จะใช้คำพูดกับเธอ ฮาโรลด์จึงเลือกที่จะใช้การกระทำกับเอริกะเสียมากกว่า แต่น่าแปลกที่เอริกะยอมติดตามเขามาแต่โดยดี บางทีเธออาจจะหมดพลังกายและใจที่จะขัดขืนละมั้ง
“ มาคิดๆดู ตอนนั้นเมื่อครึ่งปีก่อนที่ผมถูกส่งไปทำภารกิจที่งานแต่งงานของอิสุกิในเมืองคาบลัน ดูเหมือนจะเกิดเหตุการณ์แนวๆนี้ขึ้น แต่บทบาทของพวกเรากำลีงสลับกันแฮะ ” ขณะที่ฮาโรลด์กำลังหวนคิดถึงความหลัง พวกเขาก็เดินมาถึงยังที่หมาย
มันเป็นหลุมขนาดใหญ่ที่อยู่ใจกลางของภูเขา แม้รูปร่างของมันจะดูบิดเบี้ยว แต่ก็ดูๆคล้ายทรงกลม มันมีทางลาดเอียงเล็กน้อยไปยังจุดศูนย์กลาง ความกว้างของหลุมนี้ไม่ต่ำกว่า 100 เมตร เพราะทัศนวิสัยที่ถูกบดบังทำให้ฮาโรลด์มองเห็นได้ไม่ชัด แต่เขาก็พอกะได้ว่าหลุมนี้มีขนาดใหญ่มากๆ
ขณะที่กำลังยืนมองมันอยู่ ฮาโรลด์รู้สึกถึงความกังวลที่แพร่มาจากทุกๆคนที่อยู่ด้านหลังของเขา สาเหตุของความกังวลนั้นมาจากสิ่งที่อยู่ภายในหลุม
[ นะ– นี่คืออะไร … ? ] – ไลเนอร์
ภาพที่อยู่ตรงหน้าทำให้ไลเนอร์ถึงกับพึมพัมออกมาอย่างไม่รู้ตัว บางทีคนอื่นๆก็คงกำลังรู้สึกเช่นเดียวกับเขา เพราะภายในหลุมขนาดใหญ่นั้น มีมอนเตอร์จำนวนมากมายอัดแน่นกันอยู่ภายในนั้น และเนื่องมาจากสถานที่แห่งนี้เป็นต้นต่อที่ทำให้เกิดหมอกพิษ จึงไม่แปลกอะไรที่มอนเตอร์เหล่านั้นจะอยู่ในสถาวะคลุ้มคลั่งทั้งหมด เรื่องราวมันคงจะง่ายกว่านี้ถ้าหากพวกมอนเตอร์เริ่มฆ๋ากันเอง แต่ดูเหมือนว่าฉากที่สะดวกสบายเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้น
และก็ ทุกๆอย่างเป็นไปตามที่ฮาโรลด์คาดการณ์เอาไว้
ในเนื้อเรื่องของเกมส์นั้น ฉากๆนี้ ลีฟาจะเป็นเพียงคนเดียวที่จะต้องลงไปทำการปิดการทำงานของอุปกรณ์ที่อยู่ ณ ใจกลางของหลุมยัก โดยที่คนอื่นๆภายในทีมจะรับหน้าที่ปกป้องเธอจากมอนเตอร์ที่เข้ามาโจมตีจาทุกทิศทางให้ได้เป็นเวลา 10 นาที มอนเตอร์ที่บุกเข้ามาโจมตีจะมีราวๆ 2 ถึง 5 ตัวต่อรอบ และทันทีที่มอนเตอร์ชุดแรกถูกเคลีย ชุดต่อไปจะปรากฎขึ้นที่ขอบๆจอทันที ฉากนี้จะกินเวลาราวๆ 10 นาทีเต็ม และผู้เล่นจะต้องต่อสู้อยู่แบบนี้จนกระทั้งหมดเวลา ดังนั้น ฮาโรลด์จึงเดาๆว่าคงจะมีมอนเตอร์อยู่มากมายที่รอบๆอุปกรณ์
อันที่จริงในฉากๆนี้ฟรานซิสจะยังไม่ได้เข้าร่วมกับทีม ดังนั้นภายในเกมส์ ผู้เล่นจะต้องสู้กับมอนเตอร์ด้วยตัวละครเพียง 4 ตัว ไลเนอร์ คลอเล็ต ฮิวโก้ และเอริกะ และในหมู่ของพวกเขา เอริกะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถใช้เวทมนตร์เยียวยาและเวทมนตร์โจมตีระยะไกลได้ ดังนั้น ฉากนี้ภายในเกมส์ ถ้าตัวละครเอริกะกลับจุดเซฟไปก่อนเพื่อน สถานการณ์ของทีมจะตกที่นั่งลำบาก
แต่ว่าในเวลานี้ไม่เหลือกัน เพราะไม่ใช่แค่ฟรานซิส แต่ที่นี่ยังมียูโนะและเขาอยู่ด้วย ดังนั้น ฮาโรลด์จึงไม่คิดว่าทีมของพวกเขาคงรับมือกับเหล่ามอนเตอร์ได้ไม่ยากเท่าไหร่ แต่ทว่าภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขา จำนวนมอนเตอร์มากมายขนาดนั้น อาจจะต้องใช้เวลานับชั่วโมงกว่าจะจัดการพวกมันได้หมด
แม้ฮาโรลด์จะไม่รู้ว่า ลีฟาต้องการเวลาเท่าไหร่ในการปิดการทำงานของอุปกรณ์นั้น แต่ถ้าหากเธอทำสำเร็จ มันคงจะดีกว่าถ้าจะถอนตัวทันที
[ เอาล่ะการแสดงที่แท้จริงกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ทุกๆคน เอาอาวุธออกมาซะ ] – ฮาโรลด์
[ เดี่ยว– ฮาโรลด์รอเดี่ยว นะ-นายกำลังคิดที่จะเข้าไปด้านในจริงๆหรอ ? ] – ไลเนอร์
[ ใช่ จุดหมายของพวกเราอยู่ที่ใจกลางของหลุมนั้น ที่ที่อุปกรณ์ถูกติดตั้งอยู่ ] – ฮาโรลด์
แผนการณ์สุดบ้าบิ่นที่ฮาโรลด์เสนอก็คือให้ทุกๆคนต่อสู้กับมอนเตอร์ไปเรื่อยๆจนกว่าลีฟาจะทำงานของเธอได้สำเร็จ แม้ว่ามันจะดูประมาทไปหน่อย แต่ถ้าคำนึงจากทีมพวกเขา พวกเขาเองก็เกินมาตรฐานอยู่เช่นกัน
[ ชั้นจะเป็นคนเปิดทางให้เอง พวกนายทุกคนก็แค่ตามชั้นมาก็พอ ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ ดึงดาบทั้ง 2 เล่มของเขาออกมาและทำการเปิด “สวิทช์” ฮาโรลด์เตรียมตัวพร้อมแล้วที่จะต้องสู้กับมอนเตอร์จำนวนมากด้วยตัวคนเดียว สถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้า ณ ตอนนี้นั้นเหมาะมากที่จะเขาจะใช้เป็นสำหรับฝึกฝนเพื่อต่อสู้กับเหตุการณ์ที่เลวร้ายกว่านี้ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต
[ ยะ-อย่าบอกนะว่า ท่านฮาโรลด์มีแผนที่จะเข้าไปโจมตีพวกมันก่– ? ] – ยูโนะ
[ ไม่ต้องห่วง .. ว่าแต่ไลเนอร์ แสดงให้ชั้นหน่อยว่าไอ้งั้งอย่างนายเติบโตขึ้นแค่ไหน ] – ฮาโรลด์
[ เอ๊ะ ? ได้สิ! มาแข่งกันฮาโรลด์! มาดูกันว่าใครจะจัดการพวกมอนเตอร์ได้มากกว่ากัน ] – ไลเนอร์
[ ไอ้งั้ง นั้นไม่ใช่ประเด็นโว้ย ] – ฮาโรลด์
สำหรับตอนนี้ ไลเนอร์ดูอยากจะพุ่งเข้าไปโจมเหล่ามอนเตอร์เต็มแก่แล้ว แม้ว่านิสัยมุทะลุติดประมาทของเขาจะทำให้ฮาโรลด์เป็นกังวลตลอดการเดินทาง แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เหมาะที่จะใช้ลักษณะนิสัยของไลเนอร์ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว ฮาโรลด์จึงเริ่มดำเนินแผนการณ์
[ เอริกะ ] – ฮาโรลด์
[ —- คะ ] – เอริกะ
แม้จะเว้นช่วงไปสักพักกว่าเธอจะตอบกลับมา แต่ฮาโรลด์ก็รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นที่ไม่อาจสั่นคลอนได้ของเอริกะอย่างชัดเจน แม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะดูหดหู่มากและพร้อมจะร้องไห้ออกมาอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้กลับไม่เหลือร่องรอยใดที่เกิดจากความหดหู่ก่อนหน้าอีกแล้ว มีเพียงเอริกะที่กำลังมองมายังฮาโรลด์ด้วยสายตาที่เข็มแข็ง
เธอแตกต่างไปจากเมื่อสักครู่จนฮาโรลด์รู้สึกกลัวๆนิดหน่อย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เอริกะจะได้รับแรงบัลดาลใจแล้ว ดังนั้นคงจะดีกว่าหากไม่ต้องกังวลอะไร
[ ในหมู่เวทมนตร์ที่เธอใช้ได้ อันไหนทรงพลังที่สุด? ] – ฮาโรลด์
[ ก็ น่าจะ < Meteor Blast > ล่ะมั้งคะ ] – ฮาโรลด์
[ ….. ] – ฮาโรลด์
“เอ๊ะ??” ฮาโรลด์เกือบเผลอร้องออกมาด้วยความตกใจ คำตอบของเอริกะมันดูน่าตกใจมากในมุมมองของเขา นั้นเพราะเวทมนตร์ < Meteor Blast > เอริกะควรจะสามารถใช้มันได้ตอนเลเวล 50 มันเป็นเวทมนตร์โจมตีหมู่ที่มีระยะโจมตีเกือบ 2 ใน 3 ของหน้าจอ กล่าวอีกนัยก็คือ มันคือเวทมนตร์ที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้เลยหากใช้ได้สำเร็จนั้นเพราะมันใช้พลังเวทมนตร์จำนวนมหาศาลและใช้เวลาร่ายค่อนข้างนาน ดังนั้นมันจึงเป็นเวทมนตร์ที่เธอไม่ควรจะสามารถเรียนรู้ได้ ณ ตอนนี้
ปัญหาพลังเวทมนตร์หมด สามารถแก้ไขได้ด้วย “ขวดยามานา” มันคือยาฟื้นฟูพลังเวทมนตร์ ดังนั้นหากเอริกะที่สามารถใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังขนาดนี้ได้ ด้วยความแข็งแกร่งของเธอในปัจจุบัน หากเธอเข้าร่วมทีมของกลุ่มผู้กล้าจริงๆ สมดุลของเกมส์คงพังแน่ๆ
แม้จะมีอีกหลายๆสิ่งที่ฮาโรลด์อยากจะถาม เช่น ทำไมเธอถึงใช้เวทมนตร์นี้ได้ ? เธอแข็งแกร่งขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ? แต่เขาก็ทำได้เพียงกลั้นใจเอาไว้และพยายามสงบสติอารมณ์
ตอนนี้ ฮาโรลด์ไม่สนใจเหตุผลใดๆแล้ว “จริงๆแล้ว ผมควรจะดีใจ ที่ฉากนี้จะถูกเคลียง่ายขึ้นเยอะกว่าเดิมมากสิ” ขณะคิดเช่นนั้น เขาก็หันเหสายตาไปทางด้านหน้า
[ ยิงไป 1 ครั้งตรงใจกลางพวกมันเลย ] – ฮาโรลด์
[ เข้าใจแล้วค่ะ ] – เอริกะ
เอริกะจดจ่อไปกับการรวบรวมสมาธิและเริ่มร่ายเวทมนตร์ เอฟเฟกต์สีแดงซีดๆปรากฎขึ้นรอบๆเธอ มันเป็นความงดงามที่แฝงไปด้วยความน่ากลัว และนั้นทำให้ฮาโรลด์รู้สึกตัวถึงความจริงอะไรบางอย่าง เพราะตั้งแต่มาที่โลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคยเห็นเอริกะร่ายเวทมนตร์อื่นนอกเสียจากเวทมนตร์เยียวยา และการค้นพบในครั้งนี้ถูกเป่ากระจุยไปพร้อมๆกับเวทมนตร์ของเอริกะ
[ < Meteor Blast > ] – เอริกะ
จาก 2 คำที่เอริกะกล่าวออกมา พายุฝนดาวตกก็เทลงมาจากท้องฟ้า นอกจากเสียงท้องฟ้าคำรามแล้ว ฮาโรลด์และคนอื่นๆก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลจากพลังทำลายของมันอีกด้วย คนอื่นๆในกลุ่มถึงกับเผลอหลุดเสียงร้องออกมา มีเพียง 2 คนที่ยังเงียบอยู่คือ เอริกะ ผู้ที่เป็นคนร่ายเวทมนตร์ และฮาโรลด์ที่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น
แม้ว่าเขาจะยังสงบ แต่ภายในใจนั้น “นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะเนี้ย!!!!!” นี่คือสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังคิด
อันดับแรก มีอะไรแปลกๆเกี่ยวกับพลังโจมตีของเวทมนตร์นั้น ขนาดฮาโรลด์ยืนอยู่ตั้งไกล ยังมีซากมอนเตอร์ถูกซัดปลิวว่อนจนเกือบมาถึงพวกเขา “เอริกะคนเดิมจากภายในเกมส์หายไปไหน ? คนที่จะรู้สึกเสียใจทุกครั้งที่จะต้องสังหารมอนเตอร์แม้้ว่าพวกมันจะทำร้ายผู้คนก็ตาม ?” ขณะที่กำลังคิดเช่นนั้นพร้อมกับหลุมที่เกิดจากฝนดาวตกถูกสร้างขึ้นจำนวนนับไม่ถ้วนรอบๆบริเวณ
ขณะที่คิดว่าสักวันหนึ่งการโจมตีเหล่านี้จะมีเป้าหมายคือตัวเขาเองฮาโรลด์ถึงกับหนาวสั่น อย่างไรก็ตาม ผลที่ได้ก็ตามที่เขาออกคำสั่ง หรือเกินที่เขาสั่งไปหน่อยก็เถอะ ตอนนี้เส้นทางที่พวกเขาจะใช้บุกเข้าไปง่ายกว่าเดิมขึ้นเยอะ
[ ไปกันเถอะ ไลเนอร์ ] – ฮาโรลด์
[ …. เอ๊ะ ? .. อ้อใช่แล้ว !!!!! ] – ไลเนอร์
[ พอแล้วเหรอคะ ? ดิฉันยังสามารถร่ายได้อ— ] – เอริกะ
[ .. ประหยัดพลังเวทมนตร์ของเธอเอาไว้ ] – ฮาโรลด์
หากแม่นี่ใช้เวทมนตร์ที่ทรงพลังแบบนั้นอีก การกำจัดเหล่ามอนเตอร์คงเป็นไปอย่างราบลื่น และฮาโรลด์คงไม่ได้วัดฝีมือของไลเนอร์รวมไปถึงคนอื่นๆในปาร์ตี้กันพอดี
ไม่ต้องพูดถึงผลลัพธ์หลังจากนั้น ฮาโรลด์และไลเนอร์รีบรุดหน้าเข้าไปสังหารศัตรูและเปิดทางให้คนอื่นๆ ลีฟามาถึงที่อุปกรณ์โดยไม่มีปัญหาใดๆ หลังจากนั้น 20 นาทีหลังจากที่ให้สมาชิกภายในทีมสังหารมอนเตอร์ไปเรื่อย เธอก็ปิดการทำงานของมันได้สำเร็จ
ดูเหมือนว่าผู้ที่จะสังหารศัตรูได้มากที่สุดจะเป็นเอริกะ เธอทำหน้าที่เป็นกองหลังและยืนอยู่ข้างๆลีฟาและกลายเป็นปืนใหญ่ประจำทีม เธอสลับการใช้เวทมนตร์กับธนูเพื่อโจมตี สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเธอและพลังทำลายล้างอันสูงส่ง
ด้วยเหตุนี้ ฮาโรลด์จึงไม่มีอะไรให้ลงมือมากนัก เขาก็เพียงแค่สังหารมอนเตอร์ไปเรื่อยๆ พร้อมกับสังเกตการต่อสู้ของสมาชิกคนอื่นๆ
ในความคิดของฮาโรลด์ ณ ตอนนี้ เขาประเมิณว่าความสามารถของไลเนอร์และคนอื่นๆไม่แย่เลย พวกเขาสามารถรับมือกับฝูงมอนเตอร์ที่เข้ามาถาโถมได้อย่างสบายๆ ดังนั้น ฮาโรลด์จึงสามารถให้ทุกคนผ่านเกณที่เขาตั้งไว้ไปได้ และค่อยแนะนำอะไรเพิ่มเติมในภายหลัง
แต่พวกเขาทั้งหมดก็ยังตามหลังเอริกะอยู่มากโข แต่นั้นก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เพราะตัวของฮาโรลด์ ก็ยังสงสัย ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ กับระดับเลเวลของเอริกะ
——————————–
พลังที่บริสุทธิ์ได้กลับคืนสู่ดินแดนสุเมรากิ เป็นดั่งที่ฮาโรลด์คาดการณ์ ความทุกข์ทรมานที่ชาวสุเมรากิเผชิญมาหลายปีได้ถูกปัดเป่าไปจนสิ้นแล้ว เหล่าผู้คนที่ป่วยติดเตียงตอนนี้ก็หายดีกันหมดแล้ว
ทุกๆสิ่งเป็นจริงตามที่ฮาโรลด์พูด ตระกูลสุเมรากิเป็นหนี้บุญคุณเขาขนาดไหนแล้วตอนนี้ ? พวกเราจะสามารถตอบแทบใดๆให้กับตัวของฮาโรลด์ได้บ้าง ?
แต่ฮาโรลด์นั้นไม่ต้องการสิ่งใด เขาไม่สนใจอยากจะได้รางวัลหรือชื่อเสียงใดๆเลยซักนิด สิ่งเดียวที่เขาต้องการคือตัดความสัมพันธ์กับพวกเธอชาวสุเมรากิ ดังนั้นทางตระกูลสุเมรากิจึงไม่สามารถมอบอะไรให้กับเขาได้เลย และนี่ก็เป็นปัญหาที่ยากสำหรับตัวของเอริกะด้วยเช่นกัน
ฮาโรลด์พูดเอาไว้ว่าสุเมรากินั้นไม่ได้ติดค้างอะไรเขาเลยซักนิด ส่วนไลเนอร์และคนอื่นพวกเขาขอแค่ผ่านเส้นทางบนภูเขาไปได้ก็พอ ดังนั้นตระกูลสุเมรากิไม่ได้มอบรางวัลเพื่อแสดงความขอบคุณใดๆ นอกเสียจากชื่นชมในความสำเร็จของพวกเขาเท่านั้น และนั้น ก็ทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
มันเป็นวันถัดมาหลังจากที่ภารกิจปิดการทำงานของอุปกรณ์สำเร็จลงด้วยดี ภายในคฤหาสน์ของตระกูลสุเมรากิ เสียงของไลเนอร์ที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจก็ดังขึ้น
[ ผมยอมรับกับเรื่องนี้ไม่ได้หรอก ! ทำไมพวกเขาไม่เอาชื่อของฮาโรลด์ใส่ไว้ด้วย!!!! ] – ไลเนอร์
[ ก็เพราะชั้นบอกพวกเขาไม่ต้องเอาชื่อชั้นใส่ลงไปด้วย ] – ฮาโรลด์
ข้อมูลที่แสดงความความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของกลุ่มที่สามารถแก้ไขปัญหาหมอกพิษที่แพร่กระจายอยู่ภายในดินแดนสุเมรากิ และเริ่มแพร่กระจายไปที่ต่างๆในทวีปได้รับการเปิดเผย อย่างไรก็ตาม ชื่อของฮาโรลด์ไม่ถูกรวมอยู่ในผู้ที่ทำสำเร็จ
เดาได้ไม่ยาก นั้นก็เพราะฮาโรลด์ปฎิเสธที่จะให้มีชื่อของเขารวมอยู่ในนั้นด้วย
[ ทำไมนายถึงทำแบบนั้น? ] – ไลเนอร์
[ แกนี่จะงั้งไปไหน สมองของแกได้รับการกระทบกระเทือนหรือไง? แม้ว่าชั้นเองจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เหมือนกัน แต่ชั้นก็ยังเป็นลูกน้องของยูสทัส แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับชั้นถ้าหมอนั้นรู้ว่าชั้นมายุ่งวุ่นวายและกำลังขัดขวางแผนของเขา? ] – ฮาโรลด์
[ งั้นนายก็หนีออกมาจากหมอนั้นซะสิ! ] – ไลเนอร์
[ ไอ้งั้ง ก่อนหน้านี้ชั้นก็บอกไปแล้วไงว่าชั้นยังมีบางสิ่งที่จะต้องจัดการ ดังนั้นชั้นเลยจำเป็นต้องรักษาสถานะตรงนี้เอาไว้ ] – ฮาโรลด์
ความเห็นของฮาโรลด์และไลเนอร์เป็นดั่งเส้นขนานที่ไม่อาจบรรจบกัน อย่างไรก็ตาม ในท้ายที่สุด ตระกูลสุเมรากิก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากต้องทำตามความต้องการของฮาโรลด์
นี่เป็นความต้องการของตัวเขาเอง และเมื่อพิจารณาถึงจุดยืนของฮาโรลด์ ตระกูลสุเมรากิจำเป็นที่จะต้องปฎิบัติตาม จริงๆแล้วทางสุเมรากิคิดว่าไม่ควรที่จะประกาศความสำเร็จของคนอื่นๆออกไปสู่สาธารณะ แม้ว่ามันจะแย่ต่อไลเนอร์และคนอื่นๆที่ความพยายามของพวกเขาจะไม่ได้รับการเปิดเผย แต่มันอาจจะกลายเป็นจุดสนใจมากจนเกินไป ซึ่งตัวของฮาโรลด์เองที่เป็นคนแนะนำให้ตระกูลสุเมรากิเปิดเผยความสำเร็จของคนอื่นๆ
เขาถามไลเนอร์ต่อว่าจะเอายังไงต่อจากนี้ ไลเนอร์ก็ตอบเขากลับไปว่าจะไปเอาดาบของเขาคืนและจัดการยูสทัส อะไรประมาณนั้น
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮาโรลด์จึงยืนกรานว่าผลงานของไลเนอร์ควรที่จะได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณะชน ด้วยวิธีนี้ผู้คนจะหันเหความสนใจมาที่พวกเขา และหลังจากนั้น ถ้าประชาชนมองพวกเขาว่าเป็น วีรบุรุษ มันจะทำให้ศัตรูเข้ามายุ่งกับพวกเขาได้ยากยิ่งขึ้น ในทางกลับกัน พวกไลเนอร์จะลงมือได้สะดวกขึ้น
แม้การเป็นจุดสนใจจะเป็นเหมือนดาบ 2 คม แต่ถ้าวางแผนจัดการได้ดีมันก็เป็นแผนการที่มีประสิทธิภาพสูง
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ได้สั่งทางตระกูลสุเมรากิเอาไว้ว่าห้ามนำชื่อของเขาใส่รวมลงไปด้วย และไลเนอร์ก็ได้คัดค้านเกี่ยวกับเรื่องนี้ …. และนั้นคือสถานการณ์ในปัจจุบัน
[ แต่ว่า การที่ยังอยู่ใกลๆตัวยูสทัสมันจะไม่เป็นอันตรายไปหน่อยหรอ ? นายไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้…. ] – ไลเนอร์
[ นั้นไม่ใช่เรื่องของนาย ] – ฮาโรลด์
ไม่ว่าไลเนอร์จะหาข้ออ้างใดๆ ฮาโรลด์ก็ไม่มีท่าทีที่จะยอมรับคำขอของไลเนอร์ นั้นยิ่งทำให้ไลเนอร์อารมณ์เสียและเดือดยิ่งขึ้น
[ มันก็ต้องเป็นเรื่องของผมด้วยสิ! ครั้งสุดท้ายที่พวกเราพบกัน นายช่วยผมไว้ และคลอเล็ตเองก็—– อุ๊บบบ ! ] – ไลเนอร์
ไลเนอร์ส่งเสียงแปลกๆออกมา สาเหตุเพราะฮาโรลด์ที่กำลังประชันหน้ากับเขา เขาโยนขนมเข้าไปในปากของไลเนอร์ที่เริ่มพูดไม่หยุดเพื่อให้เขาหุบปาก จากนั้นฮาโรลด์ก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และคว้าที่หลังคอเสื้อของไลเนอร์ที่กำลังเคี้ยวขนมตุ้ยๆอยู่
[ ดูเหมือนว่านายจะต้องได้รับการสั่งสอนซักหน่อย ] – ฮาโรลด์
[ งั่มๆ?! ] – ไลเนอร์
โดยไม่สนใจไลเนอร์ที่พยายามดิ้น ฮาโรลด์ลากเขาตามออกจากห้องไป ดูเหมือนที่ไลเนอร์ถูกทำให้หยุดพูดเพราะฮาโรลด์สังเกตได้ว่าไลเนอร์กำลังจะพูดถึงเรื่องราวในอดีตที่คลอเล็ตเองก็เคยถูกฮาโรลด์ช่วยเอาไว้ เมื่อเธอหันไปมองที่คลอเล็ตที่กำลังยิ้มอย่างขมขื่นบนใบหน้า ทุกๆคนที่รู้สถานการณ์ของฮาโรลด์ที่พยายามจะซ่อนอดีตของเขาอีกครั้งต่างการแสดงออกทางสีหน้าเหมือนๆกันกับคลอเล็ต
[ ถ้างั้น เราปล่อย 2 คนนั้นไว้ตามลำพังเถอะ คลอเล็ต หลังจากนี้ เธอและคนอื่นจะออกเดินทางกันต่อใช่มั้ย ? ] – ลีฟา
[ ค่ะ เหมือนอย่างที่ไลเนอร์พูดเอาไว้ก่อนหน้า ] – คลอเล็ต
[ ถ้างั้น จะเป็นอะไรมั้ยถ้าฉันเองจะขอเดินทางไปด้วยคน ? ] – ลีฟา
ลีฟาเสนอตัวที่จะเดินทางไปด้วยกับคลอเล็ตและคนอื่นๆ
[ เอ๋ ? เธอก็อยากจะไปกับพวกเราด้วยหรือ ลีฟาจัง ? ] – คลอเล็ต
[ ไม่มีทางที่ฉันจะปล่อยให้เธอเดินทางไปกับเจ้าพวกงั้งนั้นตามลำพังได้หรอก ] – ลีฟา
[ ฉันมีความสุขมากๆ ฉันดีใจเหลือเกินที่จะได้เดินทางกับเธอ! ] – คลอเล็ต
คลอเล็ตยิ้มกว้างออกมา พร้อมกับจับไปที่มือของลีฟาและเขย่าอย่างรุนแรงด้วยความดีใจ ซึ่งการกระทำนั้นทำให้เอริกะตระหนักได้ว่าคลอเล็ตยังคงแสดงออกอย่างสุภาพกับเธอ แต่กับลีฟาเธอกลับแสดงออกอย่างจริงใจ อาจเพราะตัวของเธอเป็นถึงขุนนางทำให้คลอเล็ตยังคงเว้นระยะห่างกับเธอ มันทำให้เธอรู้สึกเหงาเล็กน้อย
[ อืมมม ถ้างั้น ผมเองก็จะขอเดินทางไปด้วยคน ] – ฟรานซิส
[ ฮืม ? นายเป็นส่วนหนึ่งของราชวงค์ไม่ใช่หรอ ? แล้วแบบนี้มันจะไม่เป็นอะไรหรอ ? ] – ลีฟา
[ นั้นแหละคือเหตุผลที่ผมถึงจะต้องไปกับพวกเธอ ผมไม่สามารถอภัยพวกโจรที่พวกคุณกำลังไล่ตามได้ ยิ่งไปกว่านั้น ผมไม่สามารถอภัยยูสทัสสำหรับความวุ่นวายที่เขากำลังจะเป็นคนก่อขึ้น ชายคนนี้ทำให้ประชาชนในอาณาจักรต้องทนทุกข์ทรมาน ในฐานะผู้สืบเชื้อสายจากราชวงค์ ผมจะต้องจับเขาให้ได้ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม ] – ฟรานซิส
[ … ว้าว ฉันต้องมองนายใหม่แล้ว ตอนแรกฉันคิดไว้นายเป็นเพียงเจ้าชายที่เที่ยวเล่นไปวันๆ ] – ลีฟา
[ หยาบคายมาก! ] – ฟรานซิส
ดูเหมือนว่าฟรานซิสจะตัดสินใจที่จะเดินทางไปพร้อมกับไลเนอร์และคนอื่นๆด้วยเช่นกัน
และนั้นทำให้คลอเล็ตเกิดนึกขึ้นได้
[ ถ้างั้น ลีฟา ทำไมเธอถึงอยากจะมากับพวกเราด้วยล่ะ ? ] – คลอเล็ต
[ ฉันมีเหตุผลของฉันเองเช่นกัน นอกจากนั้น ฉันก็พอจะเข้าใจเล็กๆแล้วว่าเป้าหมายของหมอนั้นคืออะไรกันแน่ ] – ลีฟา
[ เป้าหมายของหมอนั้น ? ] – คลอเล็ต
ดูเหมือนว่าคลอเล็ตจะไม่เข้าใจที่ลีฟาพูด แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ลีฟาพูดนั้นจะหมายถึงเป้าหมายของฮาโรลด์ ซึ่งเอริกะเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน การกระทำของฮาโรลด์ในครั้งนี้นั้นไม่สมกับเป็นตัวของเขาเอง ความตั้งใจจริงๆของเขาน่าจะเป็นรวมทุกคนที่อยู่ที่นี้เข้าด้วยกัน
เอริกะ ไลเนอร์ คลอเล็ต ลีฟา และฟรานซิส ฮาโรลด์คุ้นเคยกับทั้ง 5 คนมาก่อนอยู่แล้ว และราวกับปฎิหาริย์ที่ทั้ง 5 คนเดินทางมาที่ดินแดนสุเมรากิพร้อมๆกัน บางทีแม้แต่ฮิวโก้เองก็อาจรวมอยู่ด้วย
ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลย สถานการณ์นี้เป็นสิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการให้เกิดขึ้น แม้จะพิจารณาจากลำดับเหตุการณ์แล้ว ฮาโรลด์คงเตรียมการเรื่องนี้มานานเพื่อสร้างสถานการณ์นี้ขึ้น แต่คงไม่ได้วางแผนอะไรซับซ้อนถึงขนาดที่จะให้พวกเขาทั้งหมดมาแก้ไขปัญหาหมอกพิษ
แล้ว ทำไมฮาโรลด์ถึงต้องรวบรวมพวกเขาทั้งหมดด้วย ? นี่เป็นอีก 1 การกระทำที่ดูไม่เหมือนกับเป็นตัวของเขา แถมเขายังเล่าถึงอดีตและเปิดเผยว่ายูสทัสคือตัวการของเบื้องหลังเรื่องร้ายๆต่างๆ ซึ่งโดยปกติแล้ว ฮาโรลด์จะเก็บเงียบเรื่องพวกนี้เอาไว้ แล้วคงเข้าไปลุยเดี่ยวกับยูสทัสตามลำพัง แต่แทนที่จะจำแบบนั้น เขากับเล่าให้เธอและคนอื่นได้ตระหนักถึงความอันตรายและโหดร้ายจากชายที่ชื่อยูสทัสคนนี้
และตอนนี้ ฮาโรลด์พยายามที่จะขัดขวางแผนการของยูสทัส นั้นอาจเป็นเหตุผลที่เขายอมไปเป็นลูกน้องของยูสทัส ซ่อนตัวอยู่ภายในเงามืดและรอคอยเวลาที่จะก่อกบฎ นอกจากนี้ หากเธอและคนอื่นๆขัดขวางจากแผนการของยูสทัสจากภายนอก นั้นยิ่งทำให้ฮาโรลด์ดำเนินแผนการจากภานในได้ง่ายยิ่งขึ้น
การขัดขวางแผนการของยูสทัสที่มาจากทั้งภายนอกและภายใน นั้นคือเป้าหมายของฮาโรลด์แน่ๆ อีกครั้งที่ฮาโรลด์ต้องรับบทข้ามสะพานบางๆสุดแสนอันตราย นั้นแสดงให้เห็นถึงว่าแผนการของยูสทัสร้ายแรงขนาดไหน
หากมีสิ่งใดที่เธอจะสามารถตอบแทนฮาโรลด์ได้ มันก็คงเป็นการที่ให้เขายืมพลังของเธอ ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ว่าจะช่วยเขาได้แค่ไหน แต่ถ้าพลังของเธอสามารถสนับสนุนเป้าหมายของฮาโรลด์ เธอก็พร้อมที่จะทำอย่างไม่ลังเล
[ คลอเล็ตซังคะ ] – เอริกะ
[ อะ- อะไรหรอคะ เอริกะซัง ? ] – คลอเล็ต
[ ได้โปรดอนุญาตให้ดิฉันเดินทางไปกับพร้อมกับพวกคุณได้รึปล่าวคะ ? ] – เอริกะ
ราวกับตอบสนองคำพูดของเอริกะ ทุกๆคนในที่นี้ต่างมีสีหน้าประหลาดใจ ยกเว้นเพียงลีฟา ซึ่งเอริกะก็คิดว่าความคิดของลีฟามีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกับเธอ
หรือบางที ลีฟาเองก็อยากจะเป็นกำลังให้กับฮาโรลด์ด้วยเช่นกัน
[ อะ-อะ-เอ๋?? เอริกะซัง ? คุณเองก็อยากจะมาด้วยหรอคะ ? อาาา ฉันควรทำไงดี …. ! ] – คลอเล็ต
[ เอริกะ … ] – ทาสุคุ
[ ท่านพ่อคะ ท่านพี่คะ ได้โปรดอย่างห้ามหนูเลยค่ะ นี่คือสิ่งที่ตระกูลสุเมรากิ – .. ไม่สิ นี่คือสิ่งที่หนูควรจะทำค่ะ ] – เอริกะ
เธอไม่ละสายตาออกเลยแม้แต่น้อย เอริกะจ้องมองเข้าไปในดวงตาของพ่อและพี่ชายของเธออย่างแน่วแน่ ไม่นานนั้งพวกเขาทั้งคู่ก็ยอมแพ้ และถอนหายใจออกมา
[ นี่เป็นครั้งแรกที่เอริกะผู้ที่ไม่เคยขออะไรที่เห็นแก่ตัวเลยขอออกมา ดังนั้น ฟังที่เธอขอร้องเถอะครับ ท่านพ่อ ] – อิสุกิ
[ ….. อืม ถึงข้าจะพยายามห้ามน้องเจ้า เธอเองก็คงไม่ยอมอยู่ดี ข้ารู้สึกได้ชัดเจนจากภายในดวงตาของเธอ ] – ทาสุคุ
[ ขอบพระคุณพวกท่านทั้ง 2 ค่ะ ] – เอริกะ
เอริกะ โค้งศีรษะลงขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
เนื่องจากตำแหน่งของเธอที่เป็นถึงลูกสาวของตระกูลสุเมรากิ คำขอนี้จึงอุกอาจเกินไปหน่อย อย่างไรก็ตาม ทั้งพ่อและพี่ชายของเธอก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของเธอในสายตาคู่นั้น และยอมให้เธอออกเดินทาง สำหรับเธอ เธอรู้สึกเหมือนกับว่าท่านพ่อและท่านพี่ของเธอยอมรับแล้วว่าตัวของเธอนั้นได้เติบโตขึ้นแล้ว
[ เอ๊ะ – .. ถ้างั้น คุณจะมากับพวกเราจริงๆใช่มั้ย ? ] – คลอเล็ต
[ ค่ะ ดิฉันรอบคอยที่จะได้เดินทางพร้อมๆกับคุณนะคะ คลอเล็ตซัง ] – เอริกะ
[ ไลเนอร์ !! พวกเราจะทำยังไงดี ?? นี่มันกลายเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่สำหรับพวกเราแล้ววว !! ] – คลอเล็ต
คลอเล็ตตะโกนของความช่วยเหลือกับไลเนอร์ที่ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้วตอนนี้ ซึ่งตอนนี้ เขาคงกำลังโดนฮาโรลด์ฝึกฝนให้อยู่ การฝึกฝนของฮาโรลด์นั้นเรียกได้ว่ายากลำบากทั้งกายและจิตใจ นั้นเพราะเขาเข้มงวดกับคนอื่นพอๆกับที่เขาเข้มงวดกับตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นั้นเป็น 1 ในวิธีแสดงความมีน้ำใจของฮาโรลด์
เอริกะตกหลุมรักในความจริงจังของเขา เช่นเดียวกับที่เธอรักเขา เพื่อที่จะทำให้ความปรารถนาของเธอเป็นจริง เธอต้องลงมือปฎิบัติบ้างเช่นกัน แม้ว่าตอนนี้เธอยังไม่สามารถถ่ายทอดความรู้สึกที่เธอมีต่อฮาโรลด์ออกไปได้ ทั้งคำพูดหรือการกระทำก็ตาม
[ ลีฟาซัง ดิฉันเองก็รอคอยที่จะได้เดินทางพร้อมกับคุณเหมือนกันนะคะ ] – เอริกะ
[ จ้าจ้า เช่นกันนะ ทอมบอยตัวน้อย ] – ลีฟา
[ คิกคิก นี่เป็นครั้งแรกเลยนะคะที่มีคนเรียกดิฉันแบบนั้น ] – เอริกะ
เอริกะหัวเราะออกมาเล็กๆ ส่วนลีฟาเองก็ยิ้มออกมาเบี้ยวๆ
เอริกะรู้สึกว่าลีฟานั้นเหมือนกับเธอ ที่อยากจะสนับสนุนฮาโรลด์ให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
และบางทีทั้งเธอและลีฟาก็เป็นคู่แข่งทางความรักด้วยเช่นกัน
[ พวกเราทั้งคู่คงผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากเหมือนกันสินะคะ … ] – เอริกะ
[ มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ ยังไงซะ หมอนั้นมันก็เป็นผู้ชายเห็นแก่ตัวนินา ] – ลีฟา
[ ใช่ค่ะ เขามันเห็นแก่ตัวจริงๆ ] – เอริกะ
ขณะที่พวกเธอทั้งคู่กล่าวออกมาเช่นนั้น เอริกะและลีฟาก็ยิ้มออกมา
รอยยิ้มของทั้งคู่ไม่ได้มีความโศกเศร้าแต่อย่างใด แต่มันสดใสราวกับท้องฟ้าสีครามในฤดูใบไม้ผลิ
——————————-
จบเล่ม 4 แล้ว (แปะๆ/ตบมือให้ตัวเอง) ถึงทำตามธรรมเนียมปฎิบัติเดิมของผู้แปลที่เวลาแปลจบเล่มจะต้องพักไปเล่นเกมส์ 1 เดือน