ตอนที่ 72 อาจารย์อา

เมื่อเห็นสัตว์ร้ายตัวนี้ คนที่รู้จักมันต่างนึกถึงใครคนหนึ่งขึ้นมา อดีตเทพีรุ่นก่อนของนิกายมาร สัตว์พาหนะของมารสาวตัวนั้นคือโห่วขนทองที่หาได้ยากยิ่งตัวหนึ่ง ต่อมามารสาวผู้นั้นได้เข้าไปพัวพันกับศิษย์คนหนึ่งของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ผูกสมัครรักใคร่กัน จนสิ้นชีพลงด้วยเหตุนี้ ส่วนศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ผู้นั้นก็ถูกขับไล่ออกจากสำนักเพราะมารสาวผู้นั้น

ต่อมา โห่วขนทองหายากตัวนั้นก็ไปติดตามอยู่ข้างกายศิษย์ที่ถูกขับออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ผู้นั้น

เมื่อเชื่อมโยงเข้ากับเรื่องราวในอดีตแล้ว ยามนี้โห่วขนทองหายากปรากฏตัวขึ้นที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ นี่มิใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน ทุกคนที่รู้เรื่องต่างทราบกันดีว่าคนที่อยู่ที่ยอดเขาภูตมารผู้นั้นมาแล้ว!

สีหน้าคนของสำนักเซียนสถิตที่ก่อนหน้านี้ยังวางท่าดุดันพลันแปรเปลี่ยนเป็นดูแย่ขึ้นมา คล้ายจะคาดคิดไม่ถึงกันทั้งสิ้น

เมื่อเห็นโห่วขนทองที่ส่องประกายอร่ามตัวนั้นยืนโดดเด่นผึ่งผายอยู่บนยอดเขาทอดมองลงมาด้านล่าง สีหน้าของถังซู่ซู่ก็ดูแย่ขึ้นมาเล็กน้อยเช่นกัน เพราะนางชิงชังผู้เป็นนายของโห่วขนทองยิ่งนัก!

โห่วขนทองปรากฏตัวขึ้นในเวลานี้ โผล่มาตอนที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กำลังเผชิญกับอันตรายที่เลวร้ายที่สุด สีหน้าของหลัวหยวนกงซับซ้อนยิ่ง ความรู้สึกเองก็ซับซ้อนเช่นกัน

“อาจารย์อา!” ถังอี๋พึมพำกับตัวเอง นางรู้สึกประหลาดใจจริงๆ ดวงตาฉายแววปรีดายิ่ง คนผู้นั้นคือคนที่นางเคารพเลื่อมใสมาตั้งแต่เล็ก ไม่ทำให้นางผิดหวังเลย

ดวงตาซูพั่วฉายแววยินดีเล็กน้อย เขาไม่มั่นใจเลยว่าคนผู้นั้นจะมาหรือไม่ เพียงแค่ส่งถูฮั่นไปลองดูเท่านั้น ไม่คิดเลยว่าคนผู้นั้นจะมาจริงๆ

ชัดเจนยิ่งนัก คนผู้นั้นน่าจะมาถึงนานแล้ว คอยเฝ้าอยู่ในละแวกใกล้เคียงสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มาโดยตลอด มิเช่นนั้นคงไม่บังเอิญขนาดนี้ ปรากฏตัวขึ้นในตอนที่สำนักสวรรค์พิสุทธิ์กำลังเผชิญภัยใหญ่หลวงพอดี น่าจะเป็นเพราะเห็นธนูแจ้งเหตุและได้ยินเสียงระฆังเตือนภัยถึงได้ปรากฏตัวขึ้น

พอได้ยินว่าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์มีภัย ก็มาเฝ้าอยู่ในละแวกสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตลอด อาศัยเพียงน้ำใจในส่วนนี้ก็ทำให้ซูพั่วโล่งใจยิ่งนัก แต่ก็รู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมากเช่นกัน ศิษย์พี่ ดวงวิญญาณของท่านที่อยู่บนสวรรค์สามารถวางใจได้แล้ว ยังคงเป็นศิษย์พี่ที่สายตาเฉียบแหลม ศิษย์ทั้งสามที่รับเข้ามาต่างยอดเยี่ยมทั้งสิ้น!

คนบางส่วนทราบเพียงว่าโห่วขนทองตัวนี้คือสัตว์ประหลาดที่อยู่ในบันทึกสัตว์ประหลาด เป็นสัตว์สายพันธุ์โบราณ ปัจจุบันนี้พบเห็นได้ยากยิ่ง ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ ไม่ทราบเรื่องราวที่แฝงอยู่ภายใน

อูเซ่าฮวนมีสีหน้าตึงเครียดไม่น่ามอง หันมองไปรอบๆ ไม่เห็นผู้เป็นนายของโห่วขนทอง แต่หลังจากส่งสายตาสื่อสารกับศิษย์น้องที่ขนาบอยู่สองฝั่งซ้ายขวาแล้ว พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าไม่ควรผลีผลามลงมือ คนที่อยู่บนยอดเขาภูตมารผู้นั้นคือคนบ้าที่ขึ้นชื่อลือชา บุกตะลุยกวาดล้างสำนักสิบกว่าแห่งด้วยตัวคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้นล้วนมิใช่สำนักเล็กๆ ด้วย ยอดฝีมือลำดับที่เก้าบนทำเนียบโอสถมิใช่คนที่สำนักเซียนสถิตจะไปหาเรื่องได้

ทางฝั่งนี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าศิษย์ที่ถูกขับไล่ออกจากสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไปแล้วผู้นั้นจะออกหน้าช่วยเหลือสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ทันทีที่โห่วขนทองปรากฏตัวขึ้น อูเซ่าฮวนก็ไม่กล้าก่อเรื่องอีก มิเช่นนั้นจะเป็นการชักนำหายนะมาสู่สำนักเซียนสถิตได้ และตอนนี้ก็ไม่มีความมั่นใจที่จะหาเรื่องแล้ว

อูเซ่าฮวนรวมดาบวงเดือนในมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกัน เอ่ยเสียงขรึมว่า “ไป!”

ศิษย์สำนักเซียนสถิตบางส่วนแปลกใจ เกิดอะไรขึ้น? มาอย่างโอหังวางท่า พูดจาเหี้ยมหาญ แต่ยังไม่ทันทำอะไร ก็จะกลับไปเช่นนี้เลยหรือ?

แต่ผู้อาวุโสคนอื่นๆ ล้วนโบกมือส่งสัญญาณ สื่อให้ล่าถอยทันที แต่ละคนยังมีสีหน้าตึงเครียดอย่างเห็นได้ชัด

คนของสำนักเซียนสถิตเพิ่งหันหลังกลับ สายตาของถังอี๋ที่กวาดตามองขุนเขารอบข้างพลันจ้องมองพวกเขา ตวาดกร้าวออกมาว่า “หยุดเดี๋ยวนี้!”

เมื่อคนผู้นั้นมา นางก็มีความมั่นใจแล้ว!

คนของสำนักเซียนสถิตต่างหยุดฝีเท้า พวกอูเซ่าฮวนหันกลับมา อูเซ่าฮวนเอ่ยเสียงเคร่งขรึม “สำนักเซียนสถิตของพวกเรามีตาหามีแววไม่ ล่วงเกินสำนักท่านเข้า ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย หวังว่าท่านจะให้อภัย!”

ถังอี๋เอ่ยเสียงกร้าว “บุกมาถึงสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ของข้า สังหารศิษย์พิทักษ์หุบเขาของข้า คิดจะจบเรื่องได้ด้วยคำขอโทษเพียงประโยคเดียวหรือ?”

“…..” อูเซ่าฮวนอึกอักลังเล แต่สุดท้ายก็ชักดาบวงเดือนเล่มหนึ่งออกมาจากด้านหลังอย่างเด็ดเดี่ยว ยื่นแขนข้างหนึ่งออกมา มืออีกข้างหนึ่งตวัดดาบวงเดือน เกิดเสียงดังฉับ คมดาบฟันลงไป โลหิตสาดกระจาย แขนขาดหลุดออกมาจากหัวไหล่ ร่วงดิ่งลงบนพื้น

“ศิษย์พี่!” เหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซียนสถิตต่างตกตะลึง ก้าวเข้าไปประคองเขา ลงมือสกัดจุดให้เขา ห้ามเลือดที่ไหลทะลักออกมา

ศิษย์สำนักเซียนสถิตที่ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นล้วนตกตะลึง ศิษย์สำนักเซียนสถิตใช้วิชาดาบคู่ หากเสียแขนไปข้างหนึ่ง เท่ากับพลังจะลดลงครึ่งหนึ่ง ต้องเป็นสถานการณ์แบบไหนกันถึงทำให้ผู้อาวุโสระดับโอสถทองยอมตัดแขนตนได้?

อูเซ่าฮวนที่สีหน้าค่อนข้างซีดขาวสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากศิษย์น้องที่ประกบอยู่สองฝั่งซ้ายขวา ค้อมคำนับเหล่าศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ “ขออภัยด้วย!”

พูดจบก็หันหลังจากไป ศิษย์ของสำนักเซียนสถิตที่มีสีหน้าสับสนไม่แน่ใจรีบตามหลังเขาออกไปอย่างว่องไว ล่าถอยไปอย่างรวดเร็ว

ศิษย์ของสำนักเซียนสถิตหลายคนพอจะตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ล้วนมองไปทางโห่วขนทองงามสง่าทรงพลังที่แยกเขี้ยวแหลมคมอยู่บนยอดเขา จุดเปลี่ยนของเรื่องราวเกิดขึ้นหลังจากโห่วขนทองตัวนี้ปรากฏขึ้นมา บางคนคิดไว้แล้วว่าหลังกลับไปจะต้องสืบให้รู้ให้ได้ว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

เหล่าศิษย์สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ยืนมองศิษย์ของสำนักเซียนสถิตที่ล่าถอยไปอย่างตื่นตระหนก จากนั้นก็มองท่อนแขนที่อูเซ่าฮวนทิ้งไว้เพื่อขอขมา บางคนตื่นตะลึงและสับสน ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ บางคนมีสีหน้าซับซ้อน

เมื่อเห็นศิษย์สำนักเซียนสถิตจากไปไกลแล้ว โห่วขนทองบนยอดเขาแหงนหน้าคำรามดัง “โฮก!” อีกครั้ง เสียงก้องสะท้อนไปทั่วป่าเขา จากนั้นโห่วขนทองตัวนั้นก็ค่อยๆ หันหลังกลับ ท่วงท่าองอาจ สะบัดหางหายลับไปจากยอดเขา

ถังอี๋พุ่งทะยานออกไปในทันใด กระโจนโผออกไปไกลร้อยจั้ง เหินตรงไปยังยอดเขาที่โห่วขนทองหายลับไป

“เจ้าสำนัก กลับมา!” ถังซู่ซู่ตะคอกด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว นางทราบดีว่าถังอี๋คิดจะไปหาผู้ใด

ขณะที่นางกำลังจะขยับตัวตามไปเรียกถังอี๋กลับมา หลัวหยวนกงที่อยู่ด้านข้างพลันคว้าแขนนางไว้ รั้งตัวนางไม่ให้ขยับไปไหน

หลัวหยวนกงรู้ดีว่านางเกลียดชังคนผู้นั้นมากแค่ไหน เขาถอนหายใจเบาๆ กล่าวไปว่า “ศิษย์น้องหญิง ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ช่วยคลี่คลายภัยพิบัติครั้งใหญ่ให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ว่ากันตามหลักเหตุผลและน้ำใจแล้ว เราสมควรไปขอบคุณเขาสักคำ”

ถังซู่ซู่ขบกรามแน่น

…….

ถังอี๋ไม่สนใจเสียงตะคอกของถังซู่ซู่ เหาะขึ้นไปค้นหาบนยอดเขา

โห่วขนทองวิ่งห้อตัดผ่านป่าเขาราวกับอยู่ในพื้นที่ราบ เงาร่างแวบหายไปในส่วนลึกของป่าทึบ ถังอี๋รีบไล่ตามไปทันที มุ่งหน้าไปยังทิศทางที่โห่วขนทองหายไป

ผ่านไปครู่หนึ่ง นางเห็นโห่วขนทองแช่น้ำอยู่ในลำธารสายหนึ่งกลางหุบเขาพลางสะบัดเส้นขนสีทองทั่วร่าง

มีบุรุษสภาพซอมซ่อมอซอคนหนึ่งนั่งชันเข่าข้างหนึ่งอยู่บนโขดหินริมลำธาร แหงนหน้าพลางยกสุราไหหนึ่งกรอกสุราใส่ปากดังอั่กๆ ถูกต้อง มิใช่ดื่มสุรา หากแต่เป็นกรอกสุรา สุราหกกระเด็นใส่หน้า หยดน้ำที่โห่วขนทองสะบัดออกมาก็สาดกระเซ็นใส่ร่างเขา อาจจะกระเด็นเข้าปากเขาด้วยซ้ำ แต่เขาหาได้สนใจไม่ ยังคงดื่มสุราต่อไป

เขาวางไหสุราลงพลางเรอออกมาคำหนึ่ง จ้องมองถังอี๋ที่ร่อนลงตรงหน้า อมยิ้มเล็กน้อย

เมื่อได้พบคนผู้นี้อีกครั้ง ถังอี๋แทบไม่อยากเชื่อเลย คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มงามสง่าในอาภรณ์ขาวพิสุทธิ์ดุจหยกกระจ่างที่แตกฉานกาพย์กลอนกวีศิลป์ในความทรงจำผู้นั้นจะมีสภาพสกปรกมอมแมมเช่นนี้ เส้นผมยุ่งเหยิงปนเศษไม้ใบหญ้า ราวกับเคยนอนซุกพงหญ้ามา หนวดเครารุงรัง คราบเปื้อนบนใบหน้าเป็นหลักฐานบ่งบอกว่าไม่ได้ล้างหน้ามาระยะหนึ่งแล้ว อาภรณ์บนร่างน่าจะมิใช่สีสันดั้งเดิม หากแต่เป็นคราบสกปรกที่หมักหมมไม่ซักล้างมานานจนกลายเป็นสีดำ

ถังอี๋หวนนึกถึงยามเยาว์ เมื่อนำเอารูปลักษณ์สมัยที่อีกฝ่ายเคยอบรมสั่งสอนนางมาเทียบกับรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายในตอนนี้แล้ว ถังอี๋ไม่รู้เลยว่าสมควรจะพูดอะไรดี

เดิมทีเขาคือศิษย์ที่เปี่ยมพรสวรรค์ที่สุดของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เป็นผู้ที่หลายๆ คนคาดว่าจะได้เป็นผู้สืบทอดตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์รุ่นต่อไป คนมากมายในสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ล้วนฝากความหวังในการฟื้นฟูสำนักไว้กับเขา ทว่าเขากลับไปหลงรักสตรีที่ไม่ควรรักเข้า เป็นคนในวิถีมาร ซ้ำยังเป็นเทพีแห่งนิกายมารด้วย สุดท้ายจึงโดนขับไล่ออกจากสำนัก

ภายหลังถังอี๋ยังเคยได้ยินเรื่องราวของเขาด้วย สมกับที่เป็นบุคคลที่นางเลื่อมใสมาตั้งแต่เยาว์วัย แล้วก็สมกับที่เป็นผู้ที่ได้รับความนับหน้าถือตาและชื่นชมจากศิษย์ทั้งระดับบนและระดับล่างของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ ความสามารถพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทำให้ทั่วหล้าตกตะลึง เขาติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของยอดฝีมือบนทำเนียบโอสถ หลังจากถังมู่ผู้เป็นบิดาเข้ารับตำแหน่งเจ้าสำนัก นางก็ได้ยินท่านพ่อรำพันอยู่บ่อยครั้ง บอกว่าเสียดายศิษย์น้องสาม หากไม่หลงเดินทางผิด ตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์คงไม่ตกมาอยู่กับเขา

ในใจของถังอี๋คิดว่าคนผู้นี้สมควรจะเป็นผู้ที่ท่องทะยานไปทั่วหล้า แย้มยิ้มชมทิวทัศน์ นางไม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์อาผู้สง่างามดั่งหยกคนนั้นจะมีสภาพตกต่ำซอมซ่อเช่นนี้ เพียงเพราะมารสาวคนหนึ่งมันคุ้มกันแล้วหรือ?

“อาจารย์อา!” ถังอี๋รวบรวมความกล้าเอ่ยเรียก

“เอิ้ก…” ชายสกปรกมอซอเรอออกมาอีกครั้ง ส่ายหน้าพลางเอ่ยยิ้มๆ ว่า “แม่หนู ที่นี่ไม่มีอาจารย์อาของเจ้า อย่าเที่ยวเรียกส่งเดช”

ถังอี๋ยังคงยืนกรานเรียกตามเดิม “ขอบพระคุณอาจารย์อาที่ช่วยเหลือสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ให้พ้นภัย”

ชายสกปรกมอซอตบไหสุราสองใบที่วางอยู่ข้างกาย “ในอดีตข้ากับบิดาเจ้า รวมถึงตงกัวเฮ่าหรานฝังสุราไว้ที่นี่คนละไห นัดกันเอาไว้ดิบดีว่าอีกหลายปีให้หลังจะมาร่ำสุราด้วยกัน…ได้ยินว่าบิดาเจ้าและตงกัวเฮ่าหรานต่างจากไปแล้ว จึงนึกถึงสุรานี้ขึ้นมา ไม่รู้ว่าจะยังอยู่หรือไม่ ก็เลยเดินทางมาดูเสียหน่อย ไม่น่าเชื่อว่ายังอยู่ดี สุราดี เลิศรสนัก! ข้ามาเพื่อสุรา มิได้ช่วยเหลืออันใดสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ เรื่องของสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า เจ้าคิดมากไปแล้ว”

ถังอี๋เห็นอีกฝ่ายไม่ยอมรับ นางก็ไม่ได้โต้เถียงกลับไป เพียงประสานมือกล่าวว่า “ขณะนี้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก อาจารย์อาชื่อเสียงก้องหล้า เป็นขุนเขาให้สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ได้พึ่งพิง หวังว่าอาจารย์อาจะยอมรั้งอยู่ช่วยเหลือ!”

ชายสกปรกมอซอไม่ตอบรับเรื่องนี้ แต่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “แม่หนู ได้ยินว่าเจ้าออกเรือนแล้วหรือ?”

พอเอ่ยถึงเรื่องออกเรือน ถังอี๋พลันกระอักกระอ่วนขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ยากจะเอ่ยปากบอกเล่าความจริงในเรื่องราวได้

“ตัวข้าไร้สินทรัพย์ และไม่มีสิ่งใดจะมอบให้เจ้า ขอมอบสุราชั้นเลิศที่บ่มนานสามสิบปีให้เจ้าแล้วกัน!” ชายสกปรกมอซอสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง สุราไหหนึ่งลอยออกไป

ถังอี๋รับเอาไว้ เงียบไปเล็กน้อย ลูบเศษดินบนไหเบาๆ ไม่ทราบเช่นกันว่าใช่สุราที่บิดาตนฝังเอาไว้หรือไม่

ชายสกปรกมอซอโอบไหสุรายกกรอกปากอีกครั้ง หัวเราะฮ่าๆ จากนั้นกล่าวว่า “ตงกัวเฮ่าหรานจอมปากเสีย ปีนั้นเขาเคยบอกว่าชื่อของข้าไม่ถูกโฉลกกับตัวข้า ท้ายที่สุดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่คิดเลยว่าสมพรปากจริงๆ ได้ยินว่าสามีคนนั้นของเจ้าคือศิษย์คนสุดท้ายของเขากระมัง? ถึงแม้จะเป็นการรับศิษย์ก่อนสิ้นใจ ออกจะฉุกละหุกไปบ้าง แต่เขาไม่มีทางรับศิษย์ส่งเดช เขาทำเช่นนั้นต้องมีเหตุผลแน่นอน หากพอแก้ไขได้ มิสู้หาทางคืนดีกันซะ”

พอกล่าวจบก็ลุกขึ้น หยิบสุราอีกไหขึ้นมา ทะยานกายขึ้นไปนั่งลงบนหลังโห่วขนทองที่กำลังเล่นน้ำอยู่ตัวนั้น

เมื่อเห็นเขากำลังจะจากไป ถังอี๋รีบร้องเรียก “อาจารย์อา ท่านอยากเห็นสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ล่มสลายลงเช่นนี้จริงๆ หรือ?”

“อดีตผ่านพ้นไปแล้ว ไม่มีทางหวนกลับมาได้ เบื้องหน้าของทุกคนไม่มีอดีตในวันวาน มีเพียงอนาคตในวันพรุ่ง สำนักสวรรค์พิสุทธิ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ ฝืนยื้อไว้ก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะย่ำแย่ลงไปเรื่อยๆ แม่หนู เจ้ามิใช่คนโง่ ไม่ว่าเจ้าจะขึ้นเป็นเจ้าสำนักได้อย่างไร แต่ในเมื่อเจ้าขึ้นเป็นเจ้าสำนักแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคล้อยตามเพียงอย่างเดียว เมื่อถึงเวลาที่สมควรแสดงอำนาจของเจ้าสำนักก็อย่าได้ลังเล เผชิญหน้าอย่างกล้าหาญตามความคิดของตน มิเช่นนั้นตำแหน่งเจ้าสำนักสวรรค์พิสุทธิ์ของเจ้าจะมีประโยชน์อันใด? ลาล่ะ!

ชายสกปรกมอซอหันหลังพลางเอ่ยทิ้งท้ายไว้หลายประโยค พอกล่าวจบ โห่วขนทองพลันกางสี่ขาออก วิ่งฝ่าสายธาร ทวนกระแสน้ำขึ้นไป ละอองน้ำสาดกระจายไปตลอดทาง บุกตะลุยไปเบื้องหน้า บุรุษที่นั่งอยู่บนแผ่นหลังเชิดหน้ากรอกสุราใส่ปากท่ามกลางละอองน้ำที่สาดกระเซ็น ราวกับก้านเกสรที่อยู่กลางบุปผาที่บานสะพรั่ง ทิ้งห่างออกไป…

……………………………………………………………..