บทที่ 71 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ปลาย)

ระบบวายร้ายแห่งโชคชะตา

บทที่ 71 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ปลาย)

บทที่ 71 เอาชนะเขาเพื่อแม่เสีย! (ปลาย)

ฟู่!

กลิ่นอายน่าสะพรึงกลัวแผ่ออกมาจากศีรษะของลู่หยวน ค่ายกลขนาดใหญ่กระจายออกไปทั่วท้องนภา อัดแน่นสังหารราวกับขุมนรกเคลื่อนลงมาจากสวรรค์!

เส้นด้ายสีแดงเข้มพลันสลายไป ค่ายกลที่กำลังลอยอยู่ถึงกับเริ่มหดลง ราวกับบางสิ่งกำลังขัดขืนอยู่ภายใน

ลู่หยวนเงยหน้าขึ้น หรี่ดวงตาลง… กลิ่นอายนี้มัน

โฮก! โฮก! โฮก!

เสียงคำรามดังกึกก้องในค่ายกล ถึงกับปลดปล่อยมังกรเกล็ดดำออกมา!

เปลวเพลิงสีแดงอยู่ในดวงตาของมัน ทั่วทั้งร่างปราศจากพลังชีวิต เนื้อหนังส่วนใหญ่เน่าเฟะจนเห็นกระดูกบางส่วน

“อัญเชิญมังกรเกล็ดดำจากปรโลกงั้นหรือ?”

ลู่หยวนขมวดคิ้ว “น่าสนใจ”

ทันทีที่มังกรเกล็ดดำปรากฏตัว ผู้อาวุโสแทบทุกคนต่างลุกขึ้นยืน

ตอนที่ค่ายกลนี้ถูกใช้ พวกเขาส่วนใหญ่ต่างคาดเดาเอาไว้ในใจอยู่ก่อนแล้ว ค่ายกลนี้มีชื่อว่า ‘ค่ายกลปรภพ’ มันถูกสร้างโดยอดีตเจ้าสำนักอักขระสวรรค์ สามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตที่ร่างกายดับสูญไปแล้วแต่วิญญาณยังคงอยู่จากโลกแห่งความเป็นความตายมาได้

แต่คนธรรมดาทำได้เพียงอัญเชิญสัตว์อสูรระดับสูงเท่านั้น แต่กู่หงเฟยถึงกับอัญเชิญมังกรเกล็ดดำมาได้!

มังกรเกล็ดดำที่อยู่ในอากาศจับจ้องบุตรศักดิ์สิทธิ์ ก่อนแผดเสียงร้องคำรามแผ่บารมีออกมาทันที

ตูม! ตูม! ตูม!

แรงกดดันบดขยี้อากาศทั้งหมด พื้นที่รอบชายหนุ่มเริ่มบิดเบี้ยว

ไม่ไกลกันนั้นใบหน้าของกู่หงเฟยซีดเผือด ร่างมายารอบข้างหายไปกลับมารวมกับร่างจริง เขาใช้พลังมหาศาลเพื่อใช้งานค่ายกลนี้ หากไม่ใช่เพราะร่างมายาของเขากับพลังของลู่หยวนที่ถูกดูดกลืนมาบางส่วน เขาเพียงลำพังย่อมไม่สามารถอัญเชิญมังกรเกล็ดดำออกมาได้

คุณชายลู่ผู้อยู่ใจกลางค่ายกลยังคงสงบ พลังของมังกรอันแก่กล้าแผ่ลงมา ทว่าเขาก็ไม่ขยับไปไหน

มังกรเกล็ดดำในอากาศหันหลัง ก่อนพุ่งตัวตามลงมาพร้อมปากขนาดใหญ่ที่อ้าออก

ลู่หยวนถอนสายตาจากมัน และมองตรงไปข้างหน้า จับจ้องกู่หงเฟย พร้อมมุมปากที่ยังคงยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

เมื่อเห็นท่าทีสงบผ่อนคลายของคู่ต่อสู้ กู่หงเฟยกลับรู้สึกเหยียดหยัน มังกรเกล็ดดำกำลังจะพุ่งลงมาแท้ ๆ แต่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ ช่างรนหาที่ตายนัก!

บุตรศักดิ์สิทธิ์คงไม่คิดว่าจะสามารถต่อสู้กับมังกรเกล็ดดำด้วยการบ่มเพาะขั้นจักรพรรดิยุทธ์หรอกใช่ไหม!

ลู่หยวนยื่นมือขวาออกไป วาดเส้นโค้งในความว่างเปล่า ก่อนอักขระจะค่อย ๆ ปรากฏขึ้น… ค่ายกลกำลังถูกสร้าง

สีหน้าของกู่หงเฟยที่เดิมเหยียดหยันกลับค่อย ๆ จางหายไป ค่ายกลที่ชายหนุ่มกำลังสำแดงคือค่ายกลปรภพไม่ใช่หรือ?

วิ้ง!

หลังจากลู่หยวนวาดอักขระ แสงสว่างสีทองพลันกระจายออกจากลานประลองทันที ค่ายกลที่ปกคลุมทั่วลานประลองปรากฏขึ้นฉับพลัน!

กรร!!

เสียงของมังกรที่ทุ้มดังยิ่งกว่าเดิมดังมาจากค่ายกลสีทอง หมู่เมฆสีดำพลันม้วนตัวในท้องนภาของสำนักอักขระสวรรค์ เสียงฟ้าคำรนเลื่อนลั่น

มังกรเกล็ดดำที่กำลังพุ่งลงมาจากกลางอากาศถึงกับเริ่มลดความเร็ว มันพึมพำด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง ร่างขนาดใหญ่ม้วนตัวกลับ พร้อมดวงตาสีแดงเข้มจับจ้องไปเบื้องล่างราวกับหวาดกลัว

ในค่ายกลสีทอง ร่างขนาดใหญ่ลอยขึ้นมา แรงกดดันรอบตัวลู่หยวนถึงกับพุ่งทะยาน พลังที่ปลดปล่อยออกมาเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้สิบเท่า

กู่หงเฟยมองร่างที่ค่อย ๆ ลอยขึ้นมาจากด้านหลังชายหนุ่ม ในใจพอจะคาดเดาได้ เขากลืนน้ำลายลงไป ตอนนี้จิตใจเริ่มหมองหม่น

“กู่หงเฟย บอกข้าที ในโลกแห่งความเป็นความตาย ใครชนะ?”

เสียงของลู่หยวนดังขึ้นในหูของกู่หงเฟย ตรงหน้าเขา บุตรศักดิ์สิทธิ์ยืนขึ้นอย่างภาคภูมิ ทั่วทั้งร่างเป็นสีทอง ราวกับบุตรแห่งสวรรค์ หลังจากยืนขึ้น ศีรษะมังกรสีทองขนาดใหญ่ก็ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมา

“มังกรเจินหลง…”

กู่หงเฟยประหลาดใจ ตั้งแต่ค่ายกลปรภพถูกสร้างขึ้นมา ไม่มีใครเคยได้ยินมาก่อนว่าสามารถอัญเชิญสัตว์เทพหรือมังกรเจินหลงออกมาได้!

มังกรสีทองชำเลืองมองกู่หงเฟย จนอัจฉริยะหนุ่มถูกความแตกต่างของพลังนี้กดดัน

“ไป!”

ลู่หยวนออกคำสั่ง มังกรสีทองเงยหน้าขึ้นก่อนพุ่งไปข้างหน้า

ร่างสีทองขนาดใหญ่พุ่งทะยาน พลังมังกรปกคลุมทั่วทั้งยอดเขาหลัก มังกรเกล็ดดำที่อยู่กลางอากาศม้วนกลับไปทันทีเพื่อหลบหนี

กรร!!

มังกรสีทองคำรามจนมังกรเกล็ดดำที่อยู่กลางอากาศนิ่งงันไป ผ่านไปหนึ่งอึดใจ มังกรสีทองเปิดปากขนาดใหญ่ และกัดลงไปที่อีกฝ่าย

กรร!!

เสียงอันน่าเวทนาของมังกรเกล็ดดำกระจายไปทั่วสำนักอักขระสวรรค์ มันดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง แต่ภายใต้พละกำลังของมังกรเจินหลง ทำให้มันไม่สามารถหลบหนีได้

กลิ่นเหม็นของโลหิตปกคลุมทั่วยอดเขาหลัก เนื้อเน่าของมังกรเกล็ดดำตกลงมาจากกลางอากาศเช่นกัน หลายคนสำรอกเพราะกลิ่นดังกล่าว

ลู่หยวนยกมือขึ้น มังกรเจินหลงที่อยู่กลางอากาศทะยานบินหมุนวนไปมาโดยมีมังกรเกล็ดดำอยู่ในปาก ก่อนตรงเข้าสู่ค่ายกลสีทอง

ร่างของมังกรเจินหลงจมเข้าสู่ค่ายกลอย่างสมบูรณ์ แสงสว่างสีทองหายไปพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าของเลือด ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ใบหน้าของกู่หงเฟยซีดเผือด สายตาจ้องมองลู่หยวนอย่างเหม่อลอย ในใจเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน

เขาคิดว่าตนเองมีพรสวรรค์มากมายในวิถียันต์ค่ายกล แต่ภาพทุกสิ่งในตอนนี้บ่งบอกได้ว่า นามอัจฉริยะที่ถูกกล่าวขวัญช่างไร้ค่าเมื่ออยู่ต่อหน้าชายผู้นี้!

แสงสว่างในดวงตาของเขาดับมอด แรงกดดันจากร่างกายแหลกสสายไปกับสายลม

ไม่ว่าใครก็มองออก สภาพจิตใจของยอดฝีมือรุ่นเยาว์ผู้นี้ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

หวังเหิงเห็นดังนี้ก็รู้สึกวิตกขึ้นมา เขายืนขึ้นทันทีและตะโกนเสียงดังว่า “หงเฟย ตั้งสติหน่อย อย่าหมดศรัทธาในตัวเอง เชื่อมั่นในวิถียันต์ค่ายกลของตัวเองไว้!”

กู่หงเฟยในลานประลองคล้ายกับไม่ได้ยิน จนผู้เป็นอาจารย์หงุดหงิดยิ่งนัก หากความศรัทธาในวิถีทางของตนเองถูกทำลาย เขาย่อมไม่มีโอกาสบ่มเพาะรากฐานของตนเองจนทะลวงขั้นสู่สวรรค์!

ชายชรากำลังจะพุ่งออกไปจากแท่นสูงในทันที แต่ตอนนี้เสียงของอู่หมิงเสวี่ยพลันดังขึ้น “ผู้อาวุโสใหญ่คิดให้รอบคอบ หากท่านก้าวขึ้นสู่ลานประลอง กู่หงเฟยจะถูกตัดสิทธิ์”

หวังเหิงหยุดนิ่ง ในใจเริ่มว้าวุ่น อีกฝ่ายเป็นศิษย์เอก หากไม่สามารถสืบทอดตำแหน่งนายน้อยได้ เช่นนั้นความพยายามของเขาตลอดหลายปีที่ผ่านเท่ากับสูญเปล่า

แต่ในเมื่อกู่หงเฟยเป็นเช่นนี้ แสดงว่าความศรัทธาในวิถีของตนไม่มั่นคงแล้ว!

ขณะที่ชายชรากำลังดิ้นรน เสียง ‘ชิ้ง’ พลันดังขึ้น

กระบี่ไม้ข้ามผ่านฟากฟ้าพุ่งเข้าสู่ลานประลอง ร่างผอมบางเหาะเหินมาจากท้องนภา ห้อมล้อมด้วยเจตจำนงกระบี่ราวกับบุตรแห่งเซียนมาเยือนโลก

สายตาทุกคู่จับจ้องมองตาม ศิษย์หลายคนโล่งอกที่หลุดจากแรงกดดันเมื่อครู่ แต่เมื่อเห็นว่าผู้ที่เข้ามาเป็นใคร พวกเขาก็อุทานออกมาทันที “ศิษย์พี่ฉิน! ศิษย์พี่ฉินลงมาจากยอดเขาบาปสวรรค์แล้ว!”

“ศิษย์พี่ฉินมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการคัดเลือกผู้สืบทอดเหมือนกันหรือ?”

“ศิษย์พี่ฉินมาเองแบบนี้ ลู่หยวนอาจจะพ่ายแพ้ก็ได้”

ทุกคนมองฉินอี่หานด้วยสายตาคาดหวังเล็กน้อย ในสายตาของพวกเขา ลู่หยวนอาจสามารถเอาชนะกู่หงเฟยได้ แต่หากเป็นศิษย์พี่ฉิน ลู่หยวนอาจจะไม่สามารถเอาชนะได้

ฉินอี่หานอยู่ห่างจากลานประลองเพียงหนึ่งก้าว ขณะวาดปราณกระบี่ออกไปวนเวียนอยู่รอบกู่หงเฟย ช่วยผ่อนคลายพลังอันผันผวนของศิษย์น้อง

นางคลี่ริมฝีปากสีแดงออกเล็กน้อย ท่องบางสิ่งอย่างแผ่วเบา กู่หงเฟยหลับตาลง หัวใจของเขาค่อย ๆ สงบลง

เมื่ออัจฉริยะรุ่นเยาว์ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แสงในแววตาของเขากลับมาชัดเจนดังเดิม ก่อนหันมาคำนับหญิงสาว “ขอบคุณศิษย์พี่ฉิน”

ฉินอี่หานส่ายหน้า “เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”

กู่หงเฟยยืนขึ้น มองฉินอี่หานด้วยสายตาคะนึงหา เมื่อนางชำเลืองมองมา นัยน์ตาของเขาก็เสกลับไปที่เดิมอย่างรวดเร็ว