ภาคที่สอง-หิมะใต้หล้า ตอนที่ 28 คุณชายคราม (rewrite)

เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า

ตอนที่ 28 คุณชายคราม (rewrite)

บรรยากาศแข็งค้างอย่างยิ่ง

ระหว่างศิษย์จวนขานฟ้ามีการแบ่งระดับสูงต่ำ ชุดคลุมครามคือระดับหนึ่ง ชุดคลุมแดงคือระดับหนึ่ง เข็มขัดติดหัวสัตว์หรือไม่ก็เป็นอีกระดับ ชุดคลุมแดงติดหัวสัตว์เป็นศิษย์สายตรงของคนระดับอาจารย์อาในจวนขานฟ้า สูงไปกว่านั้นก็เป็นคุณชายน้อยของจวนขานฟ้า

คุณชายน้อยไม่ได้แบ่งระดับตามชุดคลุม คล้ายๆ กับว่าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาศักดิ์สิทธิ์ คุณชายน้อยพวกนี้ต่างจากว่าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาศักดิ์สิทธิ์บางคนเป็นตำแหน่งลอยยังไม่ได้กำหนด ว่าที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ยังมีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่ง แต่คุณชายใหญ่ของจวนขานฟ้ากำหนดไว้แล้ว

เป็นคุณชายครามตรงหน้า

ก่วนชิงผิงมีพลังบำเพ็ญไม่ธรรมดาจริงๆ แต่น่าเสียดายเข้าประชิดตัวหนิงอี้ ต่อให้เป็นคุณชายน้อยที่พลังบำเพ็ญสูงกว่าเล็กน้อย หากไม่ระวังปะทะระยะประชิดกับหนิงอี้ ก็ไม่ได้เปรียบแม้แต่นิด

คุณชายครามหน้ามืดลง ก้มหน้ามองก่วนชิงผิงที่หมดสติอยู่

เขาได้ยินคำพูดของหนิงอี้แล้วก็มีสีหน้าปั้นยากยิ่งกว่าเดิม

เข้ามาทีละคน หรือจะเข้ามาพร้อมกันหรือ

เขาคาดเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่อยากเชื่อว่าจวนขานฟ้าจะขายหน้าต่อหน้าทุกคนขนาดนี้

และยังเป็นที่ที่ตนเชิญท่านเจ้าลัทธิมาอีกหรือ

คุณชายครามสูดลมหายใจเข้าลึก ไฟโทสะเหมือนจะไหลหลากไปมาในดวงตา

เขามองเด็กหนุ่มที่ห้อยผ้าดำตรงเอวและนูนเป็นลักษณะกระบี่

ตอนที่บุรุษคนนี้มาถึง หนิงอี้ก็รู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล บุรุษสวมอาภรณ์หยาบคนนี้ให้ความรู้สึกกดดันแข็งแกร่ง หนิงอี้ไม่สงสัยเลยว่าอีกฝ่ายอาจจะบรรลุจุดสูงสุดขอบเขตพลัง กระทั่งเป็นผู้บำเพ็ญขอบเขตที่สิบ…แทบไม่ต้องคิด นี่คือกลุ่มคนนั้นที่เป็นอัจฉริยะที่สุดในทุกเขาศักดิ์สิทธิ์

ถ้ามาจากจวนขานฟ้า…ก็น่าจะเป็นคุณชายครามที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้น

พลังบำเพ็ญขอบเขตที่ห้าของตน หากสู้กัน เกรงว่าตนคงจะเป็นเหมือนก่วนชิงผิง ถูกบุรุษที่พลังบำเพ็ญไม่ชัดเจนคนนี้เหยียบย่ำ

หนิงอี้สูดลมหายใจเข้าลึก

ผู้คนส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว หลีกทางกว้างๆ ให้เด็กหนุ่มชุดคลุมขาว ภายใต้การล้อมรอบของนักพรตชุดคลุมหยาบ มีเสียงอ่อนโยนดังแว่วเข้ามา

“หืม”

เสียงนี้ฟังดูมีความแปลกใจเสี้ยวหนึ่ง เหมือนไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะปรากฏตัวที่นี่

หลังกลุ่มคนหลีกทางให้ เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวมองข้ามศิษย์จวนขานฟ้าที่นอนอยู่บนพื้นพวกนั้น เดินเข้ามาช้าๆ มาอยู่ข้างกายหนิงอี้ เขาหมุนตัวกลับมองคุณชายครามที่มีสีหน้าปั้นยาก ก่อนพูดอย่างจริงจัง “เหลียนชิง ขอแนะนำหน่อย นี่คือสหายที่เคยช่วยชีวิตข้าไว้ อาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซาน…หนิงอี้”

ตอนที่เอ่ยนาม เฉินอี้เน้นน้ำเสียงหนัก สีหน้าไม่เปลี่ยนไป ตั้งแต่แรกก็เฉยชาเหมือนสายลมเบาเมฆบาง

ศิษย์จวนขานฟ้าพวกนี้ เฉินอี้ไม่สนใจ กฎการวิวาทในเมืองหลวง…ความจริงมีการฝ่าฝืนกฎไม่ใช่น้อยครั้ง คนตัวเล็กไม่มีตาไปล่วงเกินคนใหญ่คนโต หรือคนใหญ่คนโตจะต้องอดกลั้นเงียบไว้กัน ขอแค่อย่าวิวาทให้มากเกินไปก็จะพูดคำสองคำปล่อยผ่านไปได้

ตัวตนของหนิงอี้สูงกว่าคนที่นอนบนพื้นพวกนี้มาก

เฉินอี้กวาดสายตามองศิษย์จวนขานฟ้าที่ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ถึงตอนนี้ เสียงเขาเพิ่งจะเปลี่ยนเป็นจริงจัง เอ่ยขึ้นราบเรียบ “ข้าคิดว่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นที่นี่ เกรงว่าคงเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเล็กน้อย”

คุณชายครามกำสองหมัดในแขนเสื้อแน่น

เขาเย้ยเยาะตัวเอง ใจนึกท่านเจ้าลัทธิเอ่ยคำว่าเข้าใจผิดได้มีชั้นเชิงจริงๆ

คนที่นอนเกลื่อนพื้นล้วนเป็นคนของจวนขานฟ้าเขา นี่ยังเข้าใจผิดอะไรได้อีก

เหลือหนิงอี้ยืนอยู่คนเดียว เรื่องเป็นอย่างไร แค่อ้าปากก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ

แต่คนที่รู้เรื่องวันนั้นในพิธีศพของสวีจั้งจะรู้ว่าวันนั้นจนช่วงสุดท้าย หนิงอี้เป็นสิงโตอ้าปากกว้าง ขู่กรรโชกที่หลังภูเขา ทุกอย่างก็แค่ใช้ปากพูดเท่านั้น ไม่ใช่แค่จวนขานฟ้า เจ็ดเขาศักดิ์สิทธิ์ต่างโดนลูกหลง โดนวางอุบายไปด้วย

ปากนี้อ้าทีก็เสี้ยมเขาควายให้ชนกัน พลิกดำกลับเป็นขาว ก็แค่พูดตามอำเภอใจไม่ใช่หรือ

ไม่ทันที่หนิงอี้จะพูด คุณชายครามก็สะบัดแขนเสื้อสบายๆ พูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านเจ้าลัทธิไม่ต้องพูดอะไรมาก…ข้าก็รู้ว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิดกัน”

เหลียนชิงได้ถูกกำชับจากผู้อาวุโสบางคนในจวนขานฟ้ามาเป็นพิเศษ อาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานหนิงอี้ หากมาเมืองหลวงจริงๆ จะต้อง ‘ปฏิบัติต่ออย่างดี’ แต่จะ ‘ดูถูกไม่ได้’

เฉินอี้ไม่ได้มีสีหน้าโอนอ่อนลงเลย

เป็นอย่างที่คิดไว้จริงๆ

คุณชายครามเอ่ยเนิบนาบ “แต่ศิษย์จวนขานฟ้าข้าถูกทุบตีอยู่ในสภาพอนาถเช่นนี้ เป็นศิษย์พี่พวกเขา…ข้าจะนั่งเฉยไม่ดูดายไม่ได้ ท่านเจ้าลัทธิ ท่านว่าอย่างไร”

เฉินอี้มีสีหน้าปั้นยากเล็กน้อย

หนิงอี้เอ่ยอย่างเฉยชา “เจ้าจะเอาอย่างไร”

เขายื่นมือมาข้างหนึ่ง คว้าผ้าดำที่ห่อพินิจเหมันต์ไว้

คุณชายครามหรี่ตาลง เขานึกถึงรายละเอียดที่ราชันดาราอี๋อู๋เคยอธิบายไว้ตัวต่อตัว สามารถกินครรภ์ราชันปีศาจสามพันปีสดๆ ได้ เขารู้ตัวเองว่าก็ทำได้เช่นกัน แต่ต้องจ่ายไปไม่น้อย…อาจารย์อาน้อยแห่งเขาสู่ซานหนิงอี้คนนี้ มีพลังบำเพ็ญใดกันแน่ คุณชายครามอ่านไม่ออก

สี่สำนักศึกษาดูเหมือนกลมเกลียวกัน แต่ความจริงไม่ใช่เช่นนั้น เพราะ ‘ปัญหาที่หลงเหลือมาจากประวัติศาสตร์’ บางอย่าง จึงมีคลื่นลับถาโถมใส่ระหว่างกัน หากคุณชายครามลงมือ ก็จะเผยศักยภาพจริงของตน มีโอกาสสูงมากที่จะก่อให้เกิดผลที่ไม่ดี

เขาไม่คิดว่าตนจะเอาชนะอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนี้ไม่ได้

หนิงอี้ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายของผู้อ่อนแอกับคุณชายคราม

ไม่ใช่การอ่อนข้อ

แต่ต่อให้หนิงอี้จะซ่อนแสงดาราทั้งหมด ไม่เผยออกมา ด้วยสัมผัสของคุณชายครามก็ยังรู้สึกว่านี่เป็นผู้บำเพ็ญที่มีกลิ่นอายพลังอ่อนแอ

กระทั่งคุณชายครามสงสัยว่า…หนิงอี้เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตกลาง

เขาก้มหน้า ชำเลืองตามองบาดแผลของก่วนชิงผิง…น่าเวทนาจริงๆ อนาถจนทนดูไม่ได้

พลังบำเพ็ญของหนิงอี้…ต้องรู้ให้แน่ชัด ไม่อย่างนั้นจะลงมือไม่ได้

คุณชายครามเอ่ยราบเรียบ “ความเข้าใจผิดระหว่างผู้บำเพ็ญแก้ไขได้ง่ายมาก เกิดเพราะอะไรก็แก้ด้วยอย่างนั้น”

“เจ้าทุบตีก่วนชิงเผิงอยู่ในสภาพนี้” เขาพูดเสียงเฉยเมย “เช่นนั้นก็มาสู่กันอย่างยุติธรรม”

หนิงอี้เลิกคิ้วขึ้น ลมหายใจกระชั้นขึ้นมาเบาๆ

ข้างหลังคุณชายครามมีคนก้าวออกมา คนนั้นสวมอาภรณ์ครามตามใจเช่นกัน เส้นผมยุ่งเหยิง กลิ่นอายพลังเคร่งขรึม แกร่งกว่าก่วนชิงผิงหลายขั้น แต่เทียบกับคุณชายครามก็ด้อยกว่าหลายขั้นเช่นกัน

หนิงอี้หรี่ตาลง นี่คือคุณชายน้อยของจวนขานฟ้า

หนิงอี้มองคุณชายครามด้วยใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ เอ่ยถาม “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

คุณชายครามที่เก็บกลิ่นอายพลังไว้ข้างในลึกลับเหมือนหุบเหวลึกไม่ได้มองหนิงอี้ แต่มองคนสวมอาภรณ์ครามข้างกายนิ่งๆ “เรื่องสายเลือดของก่วนชิงผิงก็ให้คุณชายพิรุณจัดการแล้วกัน”

คุณชายพิรุณจวนขานฟ้าที่กลิ่นอายพลังแผ่มาข้างนอก บรรลุถึงขอบเขตหลังแล้วขานรับเสียงเบา

สายเลือดก่วนชิงผิงเป็นชนรุ่นหลังของ ‘อาภรณ์ครามวรุณ’ คุณชายพิรุณก็เป็นฉายาของหยวนหลิน เขาย่อตัวลง คลึงระหว่างคิ้วก่วนชิงผิง ก่อนจะยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งใส่ปากเขาด้วยใบหน้าราบเรียบ ออกแรงตบสองที ได้ยินเสียงกระแอมไอแรงๆ ถึงจะยืนขึ้นช้าๆ มาตรงหน้าหนิงอี้

หนิงอี้มองผ่านหยวนหลินไปมองคุณชายคราม

เขาเหมือนสังเกตเห็นความผิดแปลกเล็กๆ เทียบกับแรงกดดันที่คุณชายพิรุณให้ตนแล้ว…เขารู้สึกได้ชัดเจนกว่าว่าสิ่งที่กระชั้นชิดมาตอนนี้คือการหยั่งเชิงของคุณชายคราม

คุณชายครามกำลังหยั่งเชิงพลังบำเพ็ญของตน

การท้าสู้ครั้งนี้ จะรับหรือไม่รับ เป็นปัญหาอย่างหนึ่ง

หนิงอี้สูดลมหายใจเบาๆ เขาเอามือข้างหนึ่งจับด้ามผ้าดำที่ห่อพินิจเหมันต์ไว้ จ้องตากับคุณชายคราม

ข้างหลังเขามีเหงื่อเย็นๆ ละเอียดซึมออกมา พินิจเหมันต์ออกจากฝักได้ทุกเมื่อ ทั้งตัวหลอมรวมเข้าสู่เจตจำนงกระบี่ จะส่งออกไปได้ทุกเมื่อ เรื่องมาจนถึงตอนนี้ เขาไม่มีทางให้ถอย จะเผยช่องโหว่ไม่ได้เด็ดขาด

ทางแคบพบกัน ผู้กล้าชนะ

คุณชายครามจ้องหนิงอี้ อยากจะหาความร้อนใจ ความขลาดกลัวสักนิด แต่กลับไม่มีเลย

หนิงอี้พลันแสยะปากยิ้ม ออกแรงห้านิ้วมือกดที่ด้ามกระบี่ จับผ้าดำไว้

คุณชายครามหรี่ตาลง

นี่ไม่มีทางเป็นขอบเขตกลาง…

มีโอกาสสูงที่จะเป็นขอบเขตหลัง

กระทั่งขอบเขตที่สิบ!

คุณชายครามพลันนึกถึงอดีตอันดับหนึ่งรายนามดาราลั่วฉางเซิง สัตว์ประหลาดนั่นมาจากภูเขาเชียงพำนักเทพ ตอนตนยังอยู่เพียงขอบเขตที่แปด เขาก็ไปถึงจุดสูงสุดขอบเขตที่เก้าแล้ว

ลั่วฉางเซิงในตอนนั้นมีกลิ่นอายที่ธรรมดาอย่างยิ่ง ไม่ได้เผยพลังบำเพ็ญ

บรรยากาศตอนนี้แข็งค้าง ทุกคนกลั้นหายใจ

หยวนหลินมีสีหน้าจริงจัง เขารู้สึกถึงกลิ่นอายสังหารผลุบๆ โผล่ๆ แม้จะน้อยมาก แต่ก็มองข้ามไม่ได้

มาจากกระบี่นั้นที่หนิงอี้จับด้ามกระบี่ผ้าดำไว้

หากสู้กัน ผลเป็นอย่างไร หยวนหลินยังไม่แน่ใจ…เขาถูกคุณชายครามยกขึ้นแท่น ก็เพื่อหยั่งเชิงพลังบำเพ็ญของหนิงอี้ ราชันดาราอี๋อู๋เคยกำชับกับอัจฉริยะจวนขานฟ้าทุกคน หากวันใดเจอหนิงอี้ ทั้งยังมีโอกาสท้าสู้…พวกเขาควรทำเช่นไรก็ทำอย่างนั้น

หยวนหลินเอ่ยเสียงต่ำ “หนิงอี้ ข้าขอท้าสู้กับเจ้า แค่ตัดสินแพ้ชนะ ไม่ใช่ความเป็นตาย”

หนิงอี้เลิกคิ้วขึ้น

“เพื่อความยุติธรรม เจ้ากับข้าจะใช้เพียงพลังของขอบเขตแรกเท่านั้น” หยวนหลินสูดลมหายใจเข้าลึก คุณชายครามสังเกตเห็นได้ว่ากลิ่นอายพลังของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไป เขาก็รู้สึกได้เล็กน้อยเช่นกัน เกรงว่าหนิงอี้คงจะเป็นคนโหดที่แต่งตัวเป็นหมูไปกินเสือเหมือนลั่วฉางเซิง ถึงตอนนั้นตนคงจะถูกทุบตีอย่างหนัก

หยวนหลินพูดอย่างจริงจัง “ว่าอย่างไร”

เขามองเด็กหนุ่มตรงหน้า ก็ยังใบหน้าไร้คลื่นอารมณ์ แต่พลังในตัวกลับเหมือนถอนหายใจโล่งอก ร่างกายผ่อนคลายลงทันที

หนิงอี้พูดเสียงเบามาก “ได้”

หยวนหลินหรี่ม่านตาลง

ชุดคลุมดำนั่นพลันหายไปตรงหน้าตน

หินดำตรงหน้าพลันระเบิดกระจาย ร่างเงาหนึ่งกระโดดลอยขึ้นสูง…

ไม่ใช้กระบี่ เสียงผ้าดำฉีกขาดไม่ได้ดังขึ้นเช่นกัน

หยวนหลินที่กดพลังบำเพ็ญมาจุดสูงสุดขอบเขตที่สามยกสองมือขึ้นบังหน้า ใช้กำลังทั้งหมดต้านการโจมตีตกจากฟ้า

หนิงอี้ที่ลอยขึ้นสูงกำสองหมัดแน่นทุบลงมา

มีพลังที่หมื่นชายไม่อาจต้าน

ปะปนความหมายลึกลับ ‘กระบี่ฟาด’ ที่สวีจั้งถ่ายทอดให้

และยังมีวิชายักษ์ดาราของศิษย์พี่หญิงพันกร

การโจมตีเดียว

ฟาดที่แขนของหยวนหลิน พาสองแขนกระแทกใบหน้าคุณชายพิรุณ

สิ่งที่หนิงอี้รู้ ทุกวิชา กดรวมอยู่ในขอบเขตที่สาม ใส่ในการโจมตีนี้!

เกิดเสียงดังสนั่น

เงียบ

ก่อนจะเป็นเสียง ‘ปึก’

หยวนหลินคุกเข่ากับพื้น หัวเข่ากระแทกพื้นหินดำ

หนิงอี้ลอยลงเบาๆ

พื้นดินปรากฏใยแมงมุมแตกลายขึ้นโดยมีคุณชายน้อยพิรุณแห่งจวนขานฟ้าเป็นใจกลาง

คุณชายน้อยจวนขานฟ้าที่กดพลังบำเพ็ญมาสู้กับหนิงอี้อย่างยุติธรรม แววตาหย่อนยาน คุกเข่ากับพื้น ตัวหงายไปข้างหลัง จากนั้นล้มลงช้าๆ ท่ามกลางสายตาของทุกคน…ไม่ต่างอะไรกับศิษย์จวนขานฟ้าที่นอนกับพื้นไปก่อนหน้านี้เลย

…………………….