บทที่ 57 เยี่ยมเพื่อนบ้านที่บาดเจ็บ
บทที่ 57 เยี่ยมเพื่อนบ้านที่บาดเจ็บ
ณ โรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง…
โจวอี้ออกมาจากห้องผ่าตัดตอนบ่ายสอง หลังจากทักทายทั้งสามครอบครัวแล้วเขาก็มาถึงที่จอดรถ
“คุณทำงานเสร็จแล้วเหรอ?” หวงไห่เทาโยนบุหรี่ให้โจวอี้
“ผมนึกว่าคุณกลับไปนานแล้วซะอีก ไม่นึกว่ายังอยู่รอจนผมทำงานเสร็จ!” โจวอี้ยิ้มพลางจุดบุหรี่
“ผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์ จางเหล่ยทำงานได้ดีมาก เขากำจัดศพเอง และผู้บาดเจ็บก็ถูกส่งไปยังโรงพยาบาลใหญ่ด้วย” หวงไห่เทาตอบก่อนจะมองโจวอี้ด้วยสายตาแปลก ๆ
“คุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่?” โจวอี้ถามอย่างใจเย็น
“ผมมีสองคำถามอยากจะถามคุณ”
“ถามมา!”
“ลูกน้องสิบคนของจางเหล่ยต่อสู้อย่างกล้าหาญและโหดเหี้ยม สองคนในนั้นเป็นถึงนักสู้เหรียญทอง และเท่าที่ผมรู้ คนที่คุณฆ่ามีปืนอยู่กับตัวด้วย แต่คุณมีเพียงมือเปล่า คุณจัดการเขาได้ยังไง?”
“เพราะผมแข็งแกร่ง ผมเจ๋งไง!” โจวอี้ยิ้ม
“เอาล่ะ ผมจะพูดถึงคำถามที่สอง” หวงไห่เทาพ่นควันแล้วโยนก้นบุหรี่ลงบนพื้นและใช้เท้าขยี้ “ตามข้อมูลที่ผมได้รับ คุณไปที่บาร์ซินเทียนเพื่อช่วยเพื่อนบ้านทั้งสามของคุณ ทั้งหมดนี้ไม่เกี่ยวข้องกับคุณ แต่คุณกลับไปที่นั่นคนเดียว และยังฆ่าคนด้วย มันคุ้มไหม?”
“สามคนนี้เป็นเพื่อนที่ดีของผม” โจวอี้ยิ้มและกล่าวเสริมว่า “แม้ว่าจะรู้จักกันเพียงไม่กี่วันก็ตาม…”
“แค่เป็นเพื่อนกันน่ะเหรอ?” ดวงตาของหวงไห่เทาฉายแววฉงนมากขึ้น
“คุณลองคิดตามนะ ถ้าคุณถูกรังแก ผมก็จะไปช่วยคุณเช่นกัน” โจวอี้หยุดยิ้มและพูดอย่างจริงจัง
“ฟู่…”
ส่วนหวงไห่เทาจุดบุหรี่อีกครั้งและไม่ได้พูดอะไร
เขาเข้าใจแล้ว!
โจวอี้สามารถฆ่าคนเพื่อเพื่อนของเขาได้ แต่คำว่าเพื่อนนั้นจะต้องได้รับการยอมรับจากโจวอี้ก่อน
หลังจากสูบบุหรี่แล้ว เขาก็โบกมือและเตรียมจะจากไป “มีคนรอผมอยู่ กลับก่อนล่ะ!”
“อย่าเพิ่งไป ผมขับรถไม่ได้ถ้าไม่มีใบขับขี่ กรุณาพาผมกลับไปด้วย!” โจวอี้รีบหยุดอีกฝ่ายไว้
หวงไห่เทาหันกลับมาถามด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย “คุณไม่มีใบขับขี่แต่คุณไปที่ร้านผมเพื่อซื้อรถ นี่คุณว่างมากหรือไง?!”
“ก็ลูกสาวของผมต้องการให้ผมซื้อรถ ดังนั้นผมจะต้องหาทางทำใบขับขี่โดยเร็วที่สุด” โจวอี้หัวเราะ
“ทาสลูกสาว” หวงไห่เทาเบะปากและเข้าไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับ
เมื่อเห็นโจวอี้ขึ้นรถแล้วเขาก็เริ่มขับรถออกไปข้างนอก “ผมจะพาคุณไปโรงเรียนสอนขับรถทีหลัง ผมจะหาคนทำแบบทดสอบให้คุณในวิชาที่หนึ่งและวิชาที่สี่ คุณสามารถฝึกที่โรงเรียนสอนขับรถสักสองสามวัน แล้วผมจะขอให้โรงเรียนสอนขับรถจัดการให้คุณทดสอบวิชาที่สองและสามโดยเร็วที่สุด ถ้าผ่านแล้ว คุณก็รับใบขับขี่ของคุณได้ในสิบวันหรือนานสุดก็ครึ่งเดือน”
“สุดยอด คุณทำได้! ขอบคุณมาก!” โจวอี้ยิ้ม
“ฮ่า ๆ!”
เช้าตรู่วันต่อมา…
โจวอี้เตรียมอาหารเช้าให้ถังหว่านและถังเหมียวเหมี่ยว
วันนี้ถังหว่านสวยมาก เธอสวมเสื้อแจ็กเก็ตสีเบจด้านนอก เสื้อกันหนาวสีขาวด้านใน และกางเกงสแล็กในรองเท้าบูทยาวของเธอ ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเธอดูเหมือนจะแต่งหน้าอ่อน ๆ มาด้วย ซึ่งทำให้เธอดูสวยและสดใสมากขึ้น
น่าเสียดายที่เธอปล่อยบรรยากาศเย็นชาออกมา มันจึงดูเหมือนกับความงามของภูเขาน้ำแข็ง มันไม่ได้สวยงามที่สุด แต่ก็สามารถกระตุ้นความปรารถนาของมนุษย์ที่จะพิชิตมันได้
“เมื่อคืนคุณนอนดึกเหรอ ไปดื่มรึเปล่า?” ถังหว่านถามขณะรับประทานมื้อเช้า
“ผมไม่ได้ดื่ม แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นกับพี่หยาง…”
จากนั้นโจวอี้ก็เริ่มเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ แต่เขาไม่ได้บอกว่าเขาไปช่วยเหล่าเพื่อนบ้านเพียงลำพังและเรื่องที่เขาฆ่าคน ไม่อย่างนั้นอีกฝ่ายคงยิ่งโกรธเขามากกว่าเดิมแน่
“อายุมากแล้วยังยกพวกตีกันเป็นเด็กช่างอยู่เหรอ?” ถังหว่านรู้สึกรังเกียจเล็กน้อย แต่เธอคิดว่าทั้งสามครอบครัวนั้นเป็นเพื่อนบ้านที่ดี ดังนั้นเธอจึงส่ายหัวและพูดต่อไปว่า “ช่างเถอะ ไว้ฉันจะไปเยี่ยมพวกเขาทีหลังแล้วกัน…”
“ตกลง โทรหาผมก่อนถ้าจะไป วันนี้ผมต้องไปโรงพยาบาลอีกวัน และห้าวันถัดไปของสัปดาห์นี้ก็เป็นเวลาพักผ่อนแล้ว”
“เฮอะ!”
ถังหว่านยังไม่เชื่อว่าโจวอี้ทำงานในโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนจินหลิง เธอจึงยิ้มอย่างเย็นชา จากนั้นก็จัดการกับมื้อเช้าตรงหน้าต่อไป
เช้านี้ถังหว่านยังคงพาลูกสาวไปโรงเรียน
โจวอี้ทำน้ำแกงที่มีคุณค่าทางโภชนาการไปที่แผนกผู้ป่วยใน และเข้าไปในวอร์ดที่อู๋ฉี่หางพักอยู่
“สวัสดีครับ” เมื่อโจวอี้เห็นหลีฟาง หูชุ่ย และโจวลี่ลี่ เขาก็ยิ้มและกล่าวทักทายภรรยาเพื่อนบ้านทั้งสาม
“โจวอี้ ขอบคุณมาก พวกเขาบอกพวกเราแล้วว่าหากไม่มีคุณ พวกเขาคงจะ…”
“ใช่! ขอบคุณที่ช่วยชีวิตพวกเขา ไม่อย่างนั้นผลที่ตามมาคงจะ… !”
“โจวอี้ ขอบคุณนะ คุณคือผู้มีพระคุณของเรา ไม่งั้นพวกเราทั้งสามคงได้เป็นม่ายสามีตายพร้อมกันแล้ว!”
หญิงสามคนขอบคุณพร้อมกัน และความซาบซึ้งในบุญคุณของพวกเธอก็มาจากก้นบึ้งของหัวใจ
โจวอี้โบกมือเป็นพัลวันและมองไปที่ชายสามคนบนเตียง ชายหนุ่มพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ญาติห่าง ๆ คงไม่ดีเท่าเพื่อนบ้านที่สนิทกัน เราไม่ใช่คนแปลกหน้า อย่าสุภาพกับผมเลย อ้อ! ผมต้มน้ำแกงมาด้วย มาแบ่งให้พวกเขากันเถอะ!”
“ดีค่ะ!” หลีฟางรับช่วงต่อ
เธอวางกระติกน้ำร้อนไว้ข้าง ๆ มองโจวอี้และชายสามคนบนเตียงแล้วก็ยิ้ม “โจวอี้ พวกเราจะออกไปซื้อของเพิ่ม คุยกันไปก่อน คงจะไม่รบกวนเวลางานของคุณใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรครับ” โจวอี้ส่ายหัว
ครู่ต่อมา ผู้หญิงทั้งสามคนก็ออกจากห้องผู้ป่วย
โจวอี้มองดูทั้งสามคนแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณมองอะไร ผมก็ยังเป็นผม ไม่เปลี่ยนชื่อ ไม่เปลี่ยนแซ่ ผมก็ยังเป็นโจวอี้ เป็นเพื่อนบ้านที่ดีของพวกคุณสามคน ผมเข้าใจว่าผมหล่อมาก แต่อย่าบูชาผมเลย ผมเป็นแค่ตำนานน่ะ แหะ ๆ”
“หน้าไม่อาย!”
“ไร้ยางอาย!”
“หนังคงด้านเกินไป!”
อู๋ฉี่หาง หวังเจิ้งเหว่ย และหยางจื่อต้งหัวเราะและสบถแซวพร้อมกัน
อู๋ฉี่หางหมดสติไปเมื่อคืนนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่เห็นฉากที่โจวอี้ช่วยพวกเขาไว้ แต่ได้ยินหวังเจิ้งเหว่ยและหยางจื่อต้งเล่ารายละเอียดว่าโจวอี้เป็นคนจัดการสั่งสอนพวกในบาร์ซินเทียนแทนพวกเขา
และนั่นทำให้เขาประทับใจมาก แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด อู๋ฉี่หางประทับใจที่โจวอี้กล้าบุกเข้าไปในถ้ำของมังกรและเสือเพื่อช่วยพวกเขาและยังฆ่าคนเพื่อพวกเขา
ความเมตตานี้หนักเท่าภูเขาเชียวล่ะ และมิตรภาพนี้ลึกซึ้งยิ่งกว่ามิตรภาพระหว่างพี่น้องของเขาเสียอีก
โจวอี้หัวเราะ
พวกเขาพูดคุยกันสักพัก อู๋ฉี่หางก็นึกกังวลและถามว่า “โจวอี้ แล้วมันจะมีปัญหาอะไรตามมาไหม?”
“ไม่! ไม่ต้องกังวล! หวงไห่เทาส่งคนมาช่วยดูทุกอย่าง สิ่งที่ควรจัดการก็ถูกกำจัดไปหมดแล้ว และทุกคนก็ได้รับคำเตือนแล้ว ดูเหมือนว่าชายที่ชื่อจางเหล่ยได้มอบเงินจำนวนมากให้กับคนที่ตาย ส่วนลูกน้องที่เหลือก็ได้ค่ารักษาพยาบาลแล้ว” โจวอี้อธิบาย
“ดีแล้ว!” อู๋ฉี่หางพยักหน้าก่อนจะพูดว่า “ผมรู้ว่าคุณไม่ชอบฟังคำพูดเดิมซ้ำ ๆ แต่ผมก็อยากจะขอบคุณอีกครั้ง”
“เอาเป็นว่าหลังจากที่คุณออกจากที่นี่แล้ว พวกคุณแต่ละคนก็ค่อยเลี้ยงเครื่องดื่มผมแทนคำขอบคุณแล้วกันนะครับ” โจวอี้โบกมือและเดินออกไปข้างนอก จากนั้นก็พูดทิ้งท้ายไว้ว่า “ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ผมจะไปทำงานก่อน ถ้าคุณมีอะไร คุณสามารถโทรหาหมอและพยาบาลที่นี่ หรือจะโทรหาผมก็ได้”
“อืม” ชายทั้งสามพยักหน้า
บัดนี้เหลือเพียงสามคนในห้องพักผู้ป่วยเท่านั้น…
รอยยิ้มบนใบหน้าของพวกเขาพลันหายไป หลังจากเงียบไปนาน หวังเจิ้งเหว่ยก็พูดขึ้นว่า “มีคนที่ไว้ใจได้ไม่กี่คนในชีวิต ผมคิดว่าผมโชคดีที่มีคุณสองคน แต่ไม่คิดว่าจู่ ๆ ก็มีอีกคนมาแบบนี้ แถมยังรู้จักกันได้ไม่นานแท้ ๆ เราควรขอบคุณเขาจริง ๆ!”
“ใช่!”
“เห็นด้วย!”
ทั้งสามคนมองหน้ากัน จากนั้นเสียงหัวเราะอย่างมีความสุขก็ดังขึ้น