ตอนที่ 80 หลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า (2)

ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80

ตอนที่ 80 หลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า (2)

ตอนที่ 80 หลอกลวงครั้งแล้วครั้งเล่า (2)

เขามองเธอ พยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่เสแสร้งและอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ “หลินเซี่ย กลับไปกับฉันเถอะนะ เฉินเจียเหอไม่มีทางเป็นสามีที่ดีให้เธอได้หรอก ฉันรู้ว่าเธอยังมีฉันอยู่ในใจ”

“ฉันจะไม่กลับไปตระกูลเสิ่น” หลินเซี่ยมองเขา มุมปากของเธอโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม และพูดอย่างจริงจัง “ในเมื่อนายแสดงความรักชัดเจนขนาดนี้ พยายามพร่ำบอกว่าไม่เคยลืมฉัน ได้ยินแล้วรู้สึกประทับใจจริง ๆ ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็อย่าพูดเรื่องกลับไปที่นั่นอีกเลย เรามาแต่งงานกันไหมล่ะ? ฉันจะย้ายไปอยู่ที่บ้านนายแทน ไปกันเดี๋ยวนี้เลยก็ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ หลิวจื้อหมิงก็แทบซวนเซจนเกือบจะล้มลงด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ว่าไงนะ?”

หลินเซี่ยมองดูสีหน้าหวาดกลัว ตกตะลึง และไม่เชื่อหูของเขา ก็พูดด้วยรอยยิ้ม “นายขอให้ฉันออกมาจากชีวิตเฉินเจียเหอเพราะนายยังลืมฉันไม่ได้ ตลอดระยะเวลาที่ฉันไม่อยู่ นายก็บอกไม่ใช่เหรอว่าคิดถึงฉันมากแค่ไหน แถมยังดั้นด้นไปถึงบ้านนอกเพื่อตามหาฉันอีก ไม่นึกเลยว่านายจะแสดงความรักและอาทรต่อฉันมากมายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของผู้อำนวยการเสิ่นอีกต่อไป แต่นายกลับยังรักฉันจากก้นบึ้งของหัวใจ ฉันซาบซึ้งใจจริง ๆ ฉันตัดสินใจแล้ว เราสองคนไปจดทะเบียนสมรสกันวันพรุ่งนี้เลยเป็นไง จากนั้นก็จัดงานแต่งอย่างเป็นทางการ ฉันจะได้ย้ายไปอยู่บ้านนายอย่างถูกต้อง”

เหงื่อเย็นเยียบพรั่งพรูออกมาจากหน้าผากของหลิวจื้อหมิง เขาปฏิเสธด้วยรอยยิ้มกระดาก “นี่… นี่มันเร็วเกินไป ฉันไม่ทันเตรียมใจเลย”

“ยังต้องเตรียมใจอะไรอีก ก่อนหน้านี้นายไล่ตามจีบฉันมานาน รักฉันจนจะเป็นจะตายให้ได้ ตอนนี้จะเปลี่ยนใจไม่อยากแต่งงานกับฉันแล้วเหรอ? ตอนนี้ฉันยอมให้โอกาสนายได้แต่งงานกับฉันแล้วนะ นายควรตกลงทันทีสิ ทำไมถึงได้ลังเลเหรอ? หรือว่านายไม่ชอบฉันแล้ว?”

หลินเซี่ยจ้องมองนัยน์ตาที่สั่นไหวของอีกฝ่าย หัวเราะเบา ๆ “นายคงไม่ได้คิดว่าฉันไม่ดีพอสำหรับนายหรอกใช่ไหม?”

หลิวจื้อหมิงคิดในใจว่าถ้าคิดว่าดีพอก็โง่แล้ว

แต่เขาไม่กล้าพูดออกไปอย่างใจนึก เพราะกลัวจะทำให้เธอไม่พอใจ แล้วจะเสียการใหญ่

เขาไม่กล้าสบตาเธอ เม้มปากพลางกระแอมไอ “เปล่าเลย”

“ฉันแค่คิดว่ามันยังเร็วเกินไป เธอยังเด็ก แถมหน้าที่การงานของฉันก็ยังไม่มั่นคง ฉันอยากรอจนกว่าจะได้เลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายผลิตซะก่อน ถึงค่อยพิจารณาเรื่องแต่งงาน เธอควรสนับสนุนให้อาชีพของฉันก้าวหน้าก่อนสิ”

เมื่อฟังหลิวจื้อหมิงพูดถึงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายผลิต หลินเซี่ยก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้

ชาติเธอจะไม่มีวันแสร้งทำเป็นตาบอด ปล่อยให้เขาและผู้อำนวยการเสิ่นหาเรื่องใส่ร้ายเพื่อนร่วมงานตามอำเภอใจ

เมื่อเห็นว่าเธอไม่ตอบกลับอะไร หลิวจื้อหมิงก็เกลี้ยกล่อมเธอต่อไป “เซี่ยเซี่ย ฟังฉันนะ ออกมาจากบ้านของเฉินเจียเหอ แล้วกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเสิ่นดีกว่า ต่อให้เร็ว ๆ นี้เราจะยังไม่ได้แต่งงานกัน แต่เราก็ยังได้เจอหน้ากันบ่อย ๆ”

หลินเซี่ยมีท่าทางสงบเสงี่ยมมาก เฝ้าดูเขาแสดงละครต่อไป

ชาติที่แล้วไม่น่าเชื่อเลยว่าคนอย่างเธอจะถูกหลอกด้วยคำพูดไม่กี่คำนี้

พอถึงตอนนี้…

หลินเซี่ยมองเขานิ่ง พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “หลิวจื้อหมิง เป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะกลับไปอยู่กับตระกูลเสิ่น ฉันจะให้ทางเลือกกับนายแค่ทางเดียว กลับบ้านไปเอาสมุดทะเบียนบ้านของตัวเองมาซะ แล้วมาหาฉันที่นี่ วันพรุ่งนี้จะได้ออกไปจดทะเบียนสมรสกันที่สำนักงานเขต”

หลิวจื้อหมิงจะยอมจดทะเบียนกับเธอง่าย ๆ ได้อย่างไร?

ถ้าไม่ใช่เพราะตระกูลเสิ่น ชีวิตเขาคงไม่มีทางก้าวหน้าได้จนถึงป่านนี้

เขาเป็นเพียงเครื่องมือที่ตระกูลเสิ่นส่งมา เพื่อทำลายการแต่งงานระหว่างเธอกับเฉินเจียเหอ

หลินเซี่ยปฏิเสธไม่ยอมรับข้อเสนอ แต่กลับยื่นข้อเสนอให้กับเขาเสียเอง ทำให้สีหน้าของหลิวจื้อหมิงค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นกังวล

“หลินเซี่ย อย่ารีบร้อนไปหน่อยเลย ฉันหวังว่าเธอจะพิจารณากลับไปอยู่กับตระกูลเสิ่นอย่างจริงจัง ถ้าอีกหน่อยเราสองคนจะแต่งงานกัน ฉันก็ยังหวังว่าภรรยาของฉันจะเป็นคนที่มาจากตระกูลเสิ่นอย่างชอบธรรม คงดีกว่าการแก้ไขปัญหาด้วยเรื่องส่วนตัวกันอย่างเร่งรีบแบบนี้”

“สุดท้ายแล้ว สิ่งที่นายให้ความสำคัญที่สุดก็ยังเป็นสถานะลูกสาวของตระกูลเสิ่นอยู่ดี ไม่ใช่ตัวฉันที่เป็นหลินเซี่ย”

หลินเซี่ยมองชายคนนี้ อาจเป็นเพราะก่อนหน้านี้เธอมีแต่เขาในหัวใจ ทำให้เธอมองเขาเป็นคนดีที่สุดในโลกตลอดมา แต่เมื่อพินิจหน้าตาเขาในตอนนี้ ก็พบว่ายิ่งมองยิ่งไม่ถูกชะตา ยิ่งรู้สึกดูถูกเหยียดหยามอีกฝ่าย มองแวบแรกก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดี

ในโลกนี้ไม่มีใครเทียบเคียงเฉินเจียเหอผู้ซื่อสัตย์ได้สักคน

สำหรับผู้หญิง เมื่อตกหลุมรักเป็นครั้งแรก พวกเธอมักจะตกอยู่ในเงื้อมมือของคนใจร้ายที่ปากหวานแบบนี้เสมอ

ถ้อยคำหวานล้ำฆ่าคนมาแล้วนักต่อนัก

จนกระทั่งเจ็บปวดจากความรักแล้วเท่านั้น ถึงจะเข้าใจว่าผู้ชายที่ดีส่วนใหญ่ การกระทำภายนอกเป็นเหมือนยักษ์ แต่จิตใจเป็นเหมือนคนแคระ

ส่วนคนงี่เง่าประเภทนี้มักจะอาศัยลมปากของตัวเองเพื่อรับผลประโยชน์ก้อนใหญ่ หลีกหนียิ่งไกลได้ยิ่งดี

“ไม่ใช่อย่างนั้น ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของเธอเองทั้งนั้น เธอเพิ่งจะอายุแค่ยี่สิบ ถ้าแต่งงานกับผู้ชายวัยใกล้สามสิบที่เป็นพ่อม่ายแถมยังมีลูกติด ชีวิตนี้คงจบสิ้นหนทางก้าวหน้าแล้ว เธอเคยชอบทำผมมากไม่ใช่เหรอ? ลุงเสิ่นกับคนอื่น ๆ ยอมให้เธอกลับไปทำงานในร้านเสริมสวยที่เธอเคยไปฝึกงานแล้ว ตราบใดที่เธอกลับไป เธอจะมีทั้งครอบครัวและงานการที่ดี และในอนาคตเธอจะไม่ต้องกลับไปอยู่บ้านนอกอีกต่อไป”

หลิวจื้อหมิงเริ่มหมดความอดทน มองหน้าหลินเซี่ยอย่างกระตือรือร้นอย่างยิ่งที่จะโน้มน้าวเธอ

หลินเซี่ยเห็นว่าผู้ชายคนนี้เริ่มอยากเอาชนะเธอจนอยู่ไม่สุขแล้วก็อดเหยียดยิ้มไม่ได้

ตัวอักษรหกตัวเขียนอยู่บนหน้าเขาตัวใหญ่ : หลอกลวง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า!

“เธอแค่แต่งงานกับเฉินเจียเหอเป็นฉากบังหน้าใช่ไหม? เรื่องมันเป็นมายังไงกันแน่?”

ถึงหลิวจื้อหมิงจะมีแผนการแอบแฝง แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแต่งงานกับลูกสาวตัวปลอมอย่างเธอ แต่ในขณะนี้ เมื่อมองไปที่ใบหน้าขาวผ่องงดงามและละเอียดอ่อน รวมถึงรูปร่างเพรียวบางของหลินเซี่ย ดวงตาของเขาก็มืดลงเล็กน้อย

น่าเสียดายชะมัดที่ตาลุงพ่อม่ายคนนั้นได้ลิ้มรสสวาทของหญิงสาวที่เขาไม่เคยแม้แต่จะจับมือถือแขน

หลินเซี่ยหัวเราะหึ ๆ “นายเดาดูสิ”

“พรหมจรรย์ของหญิงสาวสำคัญมาก เธอต้องป้องกันตัวเองให้ดี อย่าปล่อยให้ตาลุงนั่นเอาเปรียบเธอได้”

“ลุงเสิ่นและคนอื่น ๆ กำลังรอเธออยู่ที่บ้าน ควรคิดเรื่องนี้ได้แล้ว”

หลินเซี่ยไม่ได้แสดงอารมณ์ใด ๆ เลย ทั้ง ๆ ที่หลิวจื้อหมิงพยายามชักแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมเป็นเวลานาน แต่เธอยังคงยืนกรานคำเดิม “ฉันยังยืนยันคำขอข้อเดียว ถ้าอยากให้ฉันออกไปจากชีวิตเฉินเจียเหอนัก พรุ่งนี้นายก็เอาสมุดทะเบียนบ้านมาด้วยเลย เราไปจดทะเบียนกันให้เสร็จสรรพแล้วค่อยจัดพิธีแต่งงาน ไม่มีทางเลือกที่สอง”

เธออยากรู้เหมือนกันว่าถึงขั้นนี้แล้ว หลิวจื้อหมิงและตระกูลเสิ่นจะทำอย่างไรต่อไป

ถ้าเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ ก็คงถึงเวลาที่เสิ่นอวี้อิ๋งจะออกโรงด้วยตัวเอง

หลิวจื้อหมิงรับรู้แล้วว่าหลินเซี่ยยื่นคำขาดจะแต่งงานกับเขาเดี๋ยวนี้เท่านั้น

ทัศนคติของเธอในเวลานี้ ไม่ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบสำหรับเขาเลย

จะให้เขาแต่งงานกับเธอได้อย่างไร

และมันก็สายเกินไปแล้วที่จะล้มเลิกความสัมพันธ์กลางคัน

เสิ่นเถี่ยจวินคือคนที่ขอให้เขามาตรวจสอบสถานการณ์ในวันนี้ ไม่อย่างนั้น จากนี้เขาคงจะแกล้งทำเป็นไม่รู้จักหลินเซี่ยไปซะ

“ฉันขอกลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับครอบครัวก่อน แต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ ฉันตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเองไม่ได้จริง ๆ”

หลิวจื้อหมิงไม่ตอบคำถาม ในที่สุดก็หาข้อแก้ตัวมาอ้างเพื่อที่จะจากไป

หลินเซี่ยมองตามทิศทางที่หลิวจื้อหมิงเดินจากไปด้วยสายตาเย็นชา สาปแช่งในใจว่าไอ้สวะเอ๊ย สักวันแกจะต้องตายอย่างสาสม จากนั้นก็หันหลังกลับและเดินไปอีกทาง

แทนที่จะกลับขึ้นไปชั้นบน เธอกลับไปที่ถนนโฮ่วฉ่างซึ่งเพิ่งมาสำรวจบ้านเมื่อวานเพื่อจ่ายค่าเช่า วางแผนว่าจะต้องลงหลักปักฐาน และเริ่มทำธุรกิจเพื่อหาเงินอย่างรวดเร็ว

สิ่งที่เธอไม่รู้ก็คือ เมื่อครู่นี้มีใครบางคนได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับหลิวจื้อหมิงอย่างชัดเจน

หวังซิ่วฟางตกใจมากเมื่อเธอได้ยินการสนทนาระหว่างหลิวจื้อหมิงและหลินเซี่ย

ที่แท้ผู้หญิงคนนี้ก็เป็นจอมโกหกหลอกลวง

เหตุผลที่เธอยอมแต่งงานกับเฉินเจียเหอก็เพราะอยากกลับเข้ามาอยู่ในเมืองนี่เอง

อีกอย่าง เธอไม่ใช่เด็กสาวบ้านนอกไม่รู้ประสา แต่เป็นลูกสาวบุญธรรมของครอบครัวผู้อำนวยการโรงงานเสิ่น

ชื่อผู้อำนวยการเสิ่นล้วนเป็นที่รู้จักกันในบรรดาโรงงานทั้งหมดในเมืองไห่เฉิง มีแค่โรงงานเครื่องจักรเท่านั้นที่เถ้าแก่ใช้แซ่เสิ่น

เฉินเจียเหอไม่รู้เรื่องทั้งหมดนี้แน่ ๆ

ผู้ชายแสนดีผู้โง่เขลาและน่าสงสาร เขามีทักษะความสามารถในการทำงานที่ไม่มีใครเทียบได้ แต่กลับไม่มีประสบการณ์ชีวิตจนถูกเด็กสาวเล่นละครตบตา

หวังซิ่วฟางคิดว่าจะไปตามหาหลินเซี่ย ลากเธอออกมาประจาน และบอกให้ทุกคนในอาคารนี้รู้กันไปเลยว่าเธอเป็นคนโกหกหลอกลวงอย่างไร

แต่แล้วพอคิดเรื่องนี้อีกที หล่อนหรือจะกล้าทำให้เฉินเจียเหอต้องอับอายขายหน้า?

จากตอนแรกที่คิดจะพาเสี่ยวฮวาไปเยี่ยมญาติ มาตอนนี้หล่อนก็ไม่อยากทำอะไรอีกต่อไป

หล่อนส่งเสี่ยวฮวาไปเล่นที่ห้องของเพื่อนบ้าน ขณะที่ตัวเองอยู่ในบ้าน เปิดหน้าต่างมองออกไปข้างนอก รอคอยอย่างจดจ่อให้เฉินเจียเหอกลับมา

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

วางแผนโต้กลับแบบเจ็บแสบมาก คราวนี่เซี่ยเซี่ยไม่ใช่ลูกพลับนิ่มแล้วน้า

ป้าอย่าใจร้อน ขืนใจร้อนรีบแฉไปเดี๋ยวจะเป็นป้าที่หน้าแหกเองนะ

ไหหม่า(海馬)