ตอนที่ 84 พวกเราซื้อเป็นกลุ่มเถิด

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 84 พวกเราซื้อเป็นกลุ่มเถิด

หลังจากเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงเสร็จสิ้น ผู้อพยพในชุมชนสุ่ยจื๋อขยันขันแข็งอย่างมาก ที่ดินเปล่าถูกถมมากยิ่งขึ้น

ในเวลาเดียวกัน ท่ามกลางผู้อพยพมีแม่สื่อกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้น

ทุกวันพวกนางเดินอยู่ในแปลงนา กระตือรือร้นในการจับคู่

ชายโสด หญิงใหญ่ต่างกำลังวุ่นวายกับการบุกเบิก ไม่เป็นใด เจ้าทำของเจ้า ข้าพูดของข้า

พวกนางนั่งยองอยู่บนคันนา แนะนำเสียงดัง

ข้าจะบอกเจ้า ชายหนุ่ม ที่พักอยู่ในเรือนฟางแถวที่นั้นนี้ดีมาก!

ร่างกายดี ทำงานคล่องแคล่ว เป็นผู้ช่วยที่ดี…

เหล่าแม่สื่อไม่เบื่อหน่าย ไม่รู้สึกถึงความยากลำบาก แนะนำสะใภ้(สามี) ที่เหมาะสมให้กับชาย(หญิง) โสดทีละคน

เหล่าชายโสดที่หวั่นไหวจึงวานให้แม่สื่อช่วยเจรจากับหญิงสาวของครอบครัวนั้นนี้

ดังนั้น ทุกวันหลังเลิกงานในยามเย็น จึงกลายเป็นเวลานัดพบของเหล่าชายหนุ่มหญิงสาว

หากมีคนที่ถูกใจ ลานกว้างด้านหน้าโรงอาหารก็กลายเป็นสถานที่นัดเที่ยวของทุกคน

ชาวนาชายหญิง อีกทั้งล้วนเป็นผู้อพยพ ไม่มีวัฒนธรรมมากมาย

พบหน้ากันอย่างเปิดเผยในลานกว้าง ดีกว่าหลบอยู่ในป่าไม้ ไม่มีคนซุบซิบนินทา

เหล่าแม่สื่อมีฝีปากกล้า ผลงานของพวกนางน่ายินดี

ระยะเวลาเพียงหนึ่งเดือน พวกนางจับคู่ให้หญิงสาว ชายหนุ่มนับร้อยคู่สำเร็จ

เยียนอวิ๋นเกอได้ยินว่ามีหญิงสาว ชายหนุ่มนับร้อยคู่เตรียมแต่งงาน นางจึงโบกมือเป็นเจ้างานนี้อย่างใจปล้ำ เตรียมจัดงานแต่งรวม ค่าใช้จ่ายสำหรับงานเลี้ยงนางเป็นคนรับผิดชอบ

ข่าวนี้แพร่กระจายไปทุกครอบครัวผ่านปากของแม่สื่อ

“สิ่งใดคืองานแต่งรวม”

“ก็คือคู่บ่าวสาวทั้งหมดแต่งงานพร้อมกัน ทุกคนกินเลี้ยงพน้อมกัน เงินของงานเลี้ยง เถ้าแก่เหมา”

“จริงหรือ”

“เรื่องแบบนี้ข้าจะหลอกเจ้าหรือ งานเลี้ยงกำหนดไว้วันที่สิบห้าเดือนหน้า คู่บ่าวสาวที่ต้องการเข้าร่วมงานแต่งรวม รีบไปรายงายชื่อที่ห้องหลวง ข้าบอกพวกเจ้า หากพลาดครานี้ไป อาจไม่มีคราหน้าแล้ว”

“จัดงานแต่งให้พวกเจ้าอย่างงดงามโดยไม่ต้องให้พวกเจ้าเสียเงินแม้แต่น้อย ทุกคนมีกินมีดื่ม เรื่องดีแบบนี้ หญิงชราอย่างข้าอยู่มาหลายสิบปี ไม่เคยพบเห็นมาก่อน”

“เพียงแค่รายงานชื่อก็แต่งงานได้หรือ”

“เจ้าต้องมีสะใภ้ หรือมีสามีก่อน”

“ฮ่าๆ…”

“ไม่ว่าฐานะใด เพียงแค่มีคู่หมั้นคู่หมาย ย่อมเข้าร่วมงานแต่งรวมได้จริงหรือ”

“พวกเจ้าช่างขี้ระแวงเสียจริง เรื่องแบบนี้หลอกกันได้หรือ หลอกพวกเจ้าแต่งงานจะมีประโยชน์ใด แต่ละคนไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ เหตุใดจึงสงสัยเรื่องนี้เรื่องนั้นทั้งวัน หรือว่าก่อนหน้านี้เจ้าเคยทำผิด มีบันทึกในราชการ?”

ชายหนุ่มที่ถามหัวเราะเสียงแห้ง “ข้าไม่รู้แม้แต่ทิศทางของประตูที่ว่าการ ข้าจะทำผิดได้อย่างไร”

ถุย!

แม่สื่อแอบเหยียดหยัน

แม่สื่อมีความสามารถทางการพูด ดวงตาของนางก็ร้ายกาจเช่นเดียวกัน

คนบางคน เพียงแค่มองก็รู้ว่าแต่ก่อนไม่ได้ทำงานที่ถูกต้อง

เหตุใดจึงกลายเป็นผู้อพยพ ไม่มีคนสนใจ

เพียงแค่ไม่ก่อเรื่องในเรือนพักร่ำรวยก็พอ

เมื่อข่าวงานแต่งรวมออกไป วันนั้นก็มีคู่บ่าวสาวรับร้อยคู่มารายงาน

เหล่าชายโสดหรือหญิงสาวที่ไม่รีบร้อนแต่งงานในเดิมทีร้อนใจขึ้นมาในทันใด

งานแต่งรวม งานเลี้ยงไม่เสียเงิน พบได้แต่ขอไม่ได้

ใช้ชีวิตอย่างจริงจัง ประหยัดได้ย่อมประหยัด

หากประหยัดเงินแต่งงานเอาไว้ได้ พวกเขาย่อมสามารถซื้อชุดใหม่ได้หนึ่งสองชุด

หรือว่าไปหาหญิงสาว(ชายหนุ่ม) แต่งงานในเวลานี้ เพื่อสวัสดิการในครานี้

สวัสดิการของเถ้าแก่ไม่ได้มีทุกเวลา

ขึ้นอยู่กับโชคชะตา

เหล่าหญิงสาวชายหนุ่มที่โสดต่างลังเล แม่สื่อใส่ไฟอยู่ด้านข้าง ในที่สุดก็มีคนหวั่นไหว

หาคนแต่งงานเถิด!

บ้านเกิดกลับไปไม่ได้แล้ว มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าต่อจากนี้จะต้องปักหลังในชุมชนสุ่ยจื๋อ

คาดหวังหาคนรวย ไม่เป็นจริง

สู้หาคนที่มีความสามารถ สร้างครอบครัวอย่างมั่นคงดีกว่า

เพียงแค่ขยันทำงาน เถ้าแก่ใจดี ชีวิตย่อมดีขึ้นได้

ดังนั้น เมื่อรอถึงวันที่สิบห้า ชายหญิงที่เข้าร่วมงานแต่งรวมนี้มีมากกว่าสามร้อยคู่

เยียนอวิ๋นเกอยังตกใจ

นางถามอาเป่ย “มีชายหญิงที่ยังไม่แต่งงานมากเพียงนี้หรือ”

“มีเจ้าค่ะ มีแต่จะมากกว่าด้วยเจ้าค่ะ คุณหนูอาจไม่รู้ ผู้อพยพหนีความยากจน ระหว่างทางไม่มีกินดื่ม ตากแดดตากลม คนที่ล้มลงอันดับแรกล้วนเป็นคนชราและเด็ก ผู้อพยพที่อยู่รอดจนถึงเวลานี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนที่แข็งแรง พวกเขาบางคนสามีตาย บางคนภรรยาตาย งานแต่งรวมในครานี้ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นการแต่งงานครั้งที่สอง หรือครั้งที่สาม”

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!

ไม่ว่ามีคนแต่งงานมากน้องเพียงใด อย่างไรค่าใช้จ่ายงานเลี้ยง เยียนอวิ๋นเกอก็เหมา

ไม่ใช่ว่านางมีเงินมาก หากแต่ชุมชนสุ่ยจื๋อ รวมทั้งเรือนพักร่ำรวยต้องการความกระฉับกระเฉง

นางไม่ใช่ที่ว่าการ ผู้อพยพบุกเบิกให้นาง ไม่อาจได้ที่ดินของตนเองเหมือนกับทำงานให้ราชการ

ประสบการณ์ที่ผ่านมา การบุกเบิกให้ราชการ อาทิบุกเบิกห้าสิบไร่ สามารถเก็บเอาไว้เองห้าไร่ ไม่ต้องเสียส่วยสามปี

สามปีต่อมา ที่ดินห้าไร่นั้นจะหลายเป็นของผู้บุกเบิก ราชการทำเช่นนี้ได้ เยียนอวิ๋นเกอทำเช่นนี้ไม่ได้

ที่ดินว่างเปล่าล้วนเป็นหนี้ที่นางติดค้างไว้ ซื้อมาจากเซ่าฝู่

สิทธิที่ดินเป็นของนางทั้งหมด

นางออกเงินออกเสบียง ออกเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์เกษตร วันไถนา ออกค่ากินค่าอยู่เลี้ยงผู้อพยพ ยังคิดจะเอาที่ดินของนางเป็นไปไม่ได้

บุกเบิกให้ราชการ ราชการไม่มีทางออกค่ากินค่าอยู่

ผู้อพยพบุกเบิกให้นาง นอกจากแรงงาน นางรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด แบกรับความเสี่ยงทั้งหมด

การให้เช่าแปลงนาราคาถูกส่วนหนึ่งให้ผู้อพยพเป็นเรื่องที่นางยอมได้มากที่สุดแล้ว

แต่การไถนาในความคิดของผู้อพยพแต่ละคน ไม่มีที่ดินของตนเอง เปรียบเสมือนจอกแหนที่ลอยอยู่บนน้ำ ไร้ที่อาศัย

เมื่อมีคลื่นซัดมาก็มีโอกาสบ้านแตกสาแหรกขาด

อย่างไรก็ตาม ผู้อพยพไม่มีความรู้สึกพึ่งพาชุมชนสุ่ยจื๋อ ต่อเรือนพักร่ำรวยนัก

เวลานี้เพื่อเสบียง พวกเขาสามารถอยู่ต่อได้

วันอื่นเพื่อเสบียง พวกเขาก็สามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้

พื้นที่มากมาย เยียนอวิ๋นเกอต้องการผู้บุกเบิกจำนวนมากมาเพาะปลูก

ชุมชนสุ่ยจื๋อล่มสลาย ชาวพื้นเมืองตายบ้าง หนีบ้าง หาผู้ใหญ่หนึ่งพันคนยังเป็นเรื่องลำบาก

คนในพื้นที่ยากที่จะจากไป เยียนอวิ๋นเกออยากจะรับสมัครชาวนาจากชุมชนอื่น เมืองอื่นเป็นเรื่องที่ยากลำบากมาก

ผู้อพยพจึงกลายเป็นแรงงานสำคัญ

เพื่อให้ผู้อพยพวางใจบุกเบิก อยู่อย่างมั่นคง ปักหลักในสถานที่แห่งนี้ นางต้องแสดงท่าที

ทำให้ผู้อพยพรับรู้ถึงบุญคุณ สัมผัสถึงผลประโยชน์ที่แท้จริง

งานแต่งรวม นางแบกรับค่าใช้จ่ายงานแต่งย่อมเป็นผลประโยชน์ที่แท้จริง

บ่าวสาวสามร้อยกว่าคู่แต่งงาน ย่อมเป็นการยอมรับต่อชุมชนสุ่ยจื๋อ ยอมรับต่อเรือนพักร่ำรวย

เมื่อมีความรู้สึกพึ่งพาแล้ว ถึงได้ยอมสร้างครอบครัว ใช้ชีวิตอย่างสงบ

งานเลี้ยงของบ่าวสาวสามร้อยคู่เป็นเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่มาก

บ่าวสาวแต่ละคู่ กับบิดามารดาของพวกเขา เดินขึ้นแท่นสูงเพื่อทำพิธีตามลำดับ

บ่าวสาวที่ไม่มีญาติ หลังจากไหว้ฟ้าดินแล้ว ก็กราบไหว้ไปยังทิศทางของบ้านเกิด

งานเลี้ยงเรียบง่ายมาก เป็นหม้อข้าวรวมที่คุ้นเคย แต่มีเนื้อ ผักเพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีน้ำแกงกระดูกชามใหญ่

ไม่อลังการ แต่กินอิ่ม

อีกทั้ง เยียนอวิ๋นเกอยังให้ผ้านุ่นผืนหนึ่งแก่คู่บ่าวสาว ถือเป็นของขวัญแต่งงาน

“เถ้าแก่ใจดี! เหมางานเลี้ยง อีกทั้งยังส่งผ้าผืนมาด้วย”

“มันเป็นผ้านุ่นละเอียดหรือ”

“หยาบกว่านุ่นละเอียดเล็กน้อย แต่คล้ายคลึงกันเมื่อสวมอยู่บนตัว ได้ยินว่าผลิตจากทางตะวันตก ไม่ใช่จากเจียงหนาน”

“ไม่ว่าจะเป็นทางตะวันตกหรือเจียงหนาน เถ้าแก่ส่งผ้านุ่นมาผืนหนึ่งก็เพียงพอแล้ว แก้ไขปัญหาได้ไม่น้อย”

คำพูดนี้มีเหตุผล

ผู้อพยพขาดแคลนผ้าทุกครอบครัว วันปกติอยากจะตัดเย็บเสื้อผ้า แต่เสียดายที่ไม่มีผ้า

เสื้อผ้าสวมจนขาด อยากจะปะซ้ายปะขวา ก็ต้องมีผ้าถึงจะปะได้

ไม่มีผ้า ทำได้เพียงสวมชุดขาด

หากขาดจนเห็นก้น ทำให้คนเห็นถึงความอับอายก็ไร้หนทาง

ไม่ได้สวมชุดใหม่มาหลายปีแล้ว เวลานี้มีผ้านุ่นผืนหนึ่ง ใช้อย่างประหยัด บางทีอาจตัดเย็บได้สองชุด

เมื่อมีชุดใหม่เปลี่ยน ชุดเก่าที่ขาดแล้วสามารถนำมาทำพื้นรองเท้า

รองเท้าก็ขาดจนใส่ไม่ได้แล้ว

ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อนไม่เป็นอันใด สามารถเดินเท้าเปล่าได้

แต่ฤดูหนาวต้องมีรองเท้าจริงจังสักคู่

ต้องใช้เศษผ้า เสื้อผ้าขาดทากาว ซ้อนทับกันเป็นชั้น กลายเป็นพื้นรองเท้า

เมื่อมีผ้าทำชุดใหม่ จึงยอมใช้เสื้อผ้าเก่ามาทำพื้นรองเท้า

ชีวิตประจำวันไม่อาจห่างจากเครื่องปรุงได้ ในเวลาเดียวกันก็ไม่อาจห่างจากด้ายเข็มและผ้าได้

ทุกวันหลังเลิกงาน เดินผ่านร้านผ้าสี่ฤดู สตรีน้อยใหญ่ล้วนยืดคอมองเข้าไปด้านใน ภายในดวงตาลุกวาว

มีสตรีที่ใจกล้า เดินเข้าไปในร้าน ดูชุดสำเร็จรูปที่ตัดเย็บอย่างประณีต ภายในใจชอบใจอย่างมาก

แต่ก็ไม่กล้าเอื้อมมือออกไปจับ

มือที่ทำนาตลอดทั้งปี นิ้วมือหยาบดร้าน

ชุดสำเร็จรูปราคาแพง หากเอื้อมมือออกไปจับ เกี่ยวชุดใหม่เป็นรอยจะทำอย่างไร

บ่าวสาวสามร้อยคู่ได้รับของขวัญจากเถ้าแก่ ผ้านุ่นหนึ่งผืนทำให้เหล่าสตรีน้อยใหญ่ต่างอิจฉา

มีสตรีหยอกล้อตนเอง “ดูพวกเจ้าทั้งงานแต่ง ทั้งผ้าผืน ทำให้ข้าอยากแต่งงานอีกรอบ”

“แม้ท่านจะแต่งงานอีกรอบ แต่ก็ไม่มีงานแต่งรวม ไม่มีผ้านุ่น”

“ดังนั้นถึงอิจฉาพวกเจ้า วาสนาดีเสียจริง มีโอกาสที่ดี เสียดายบุตรสาวของข้า ไม่ยอมออกเรือน บอกว่ารออีกสองปี ดู พลาดโอกาสที่ดีเพียงใดไป”

สตรีเสียดายอย่างมาก เสียดายที่บุตรสาวของตนเองดื้อรั้น พลาดโอกาสใหญ่ครั้งนี้ไป

ร้านผ้าสี่ฤดูต้อนรับลูกค้าเข้ามาอีกกลุ่ม

เข็มและด้ายที่วางเอาไว้นาน ในที่สุดก็มีคนซื้อ

ฉวยโอกาสที่มีลูกค้าเข้ามา คนงานจี้เสี่ยวซื่อได้โอกาสเสนอขาย “พวกเรามีอาจารย์ตัดเย็บ สามารถช่วยตัดเย็บได้ รับรองขนาดเหมาะสม ไม่สิ้นเปลืองเนื้อผ้า มีเพียงเก็บค่าใช้จ่ายเล็กน้อย นอกจากนี้ พวกเรายังมีหญิงปักผ้า สามารถช่วยเย็บปัก ค่าใช้จ่ายคุยกันได้”

“พวกท่านสามารถช่วยตัดเย็บได้จริงหรือ”

“แน่นอน!”

“ราคาเท่าใด”

“เนื้อผ้าของเจ้าเป็นของจากทางตะวันตกเฉียงเหนือที่เถ้าแก่ให้ใช่หรือไม่ ถึงแม้ของจากทางตะวันตกเฉียงเหนือไม่อาจเทียงของเจียงหนานได้ แต่ตัดเย็บง่ายกว่า ค่าตัดเย็บไม่แพง เพียงแต่สิบห้าเหวิน”

“สิบห้าเหวินยังไม่แพงอีกหรือ” เจ้าสาวใหม่ขมวดคิ้ว เสียดายเงินอย่างมาก

ปกติแล้ว เงินหนึ่งเหวินยังต้องใช้เทียบเท่าเงินสองเหวิน เสียเงินสิบห้าเหวินจ้างตัดเย็บ ไม่ได้เด็ดขาด

จี้เสี่ยวซื่อไม่รีบร้อน “ชุดหนึ่งชุด ค่าตัดเย็บสิบห้าเหวินแพงไปเสียเล็กน้อยก็จริง แต่หากท่านตัดสองชุดในคราวเดียว จ่ายเพียงยี่สิบเหวิน หากตัดสามชุดในคราวเดียว จ่ายเพียงยี่สิบห้าเหวิน ยิ่งตัดมาก ค่าใช้จ่ายยิ่งลดลง หากท่านต้องการประหยัดเงิน สามารถซื้อผ้าอีกเล็กน้อย ตัดสองชุดในคราวเดียว คนละชุด อีกทั้งสามารถร่วมกับผู้อื่น หลายครอบครัวรวมกันตัดเย็บสิบยี่สิบชุด ค่าใช้จ่ายหารกัน”

จับกลุ่มหารค่าใช้จ่ายตัดเย็บเสื้อผ้า วิธีนี้ดี

เมื่อจี้เสี่ยวซื่อบอกเจ้าสาวใหม่ ช่างตัดเย็บของพวกเขาเป็นอาจารย์จากเมืองหลวง นางก็หวั่นไหวทันที