ตอนที่ 50 ประโยชน์ของหยางต้าซ่านเหริน

อลวนรักหมอหญิงชิงลั่ว

ตอนที่ 50 ประโยชน์ของหยางต้าซ่านเหริน

อวี๋จั้วหลินหน้าเปลี่ยนสี เขารีบดึงผ้าสีดำที่ปิดตาลงทันที

ครั้นหันมามอง ก็พบว่ามีสตรีนางหนึ่งกำลังยืนอาบแสงอาทิตย์อัสดงอยู่ข้างประตู เขาถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อมองอย่างละเอียดอีกครั้ง กลับพบว่านางปิดบังใบหน้าไว้ครึ่งหนึ่ง มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ฉายแววฉลาดปราดเปรื่อง รวมถึง…รูปโฉมอันสง่างาม

อวี๋จั้วหลินกะพริบตาปริบ ๆ ยังไม่ทันได้มองมากไปกว่านั้น ก็ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างรู้สึกคุ้นเคยเมื่อครู่ดังขึ้น “คุณชาย โรงเตี๊ยมเกิดปัญหาขึ้นนิดหน่อย เชิญคุณชายตามสบาย ข้าขอตัวลาก่อน”

  

ครั้นอวี้ชิงลั่วกล่าวจบ นางก็วิ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว

ใครจะไปคาดคิดว่านางเพิ่งก้าวเท้าวิ่งได้เพียงสองก้าว จู่ ๆ ที่เอวของนางก็ปรากฏมือข้างหนึ่งขึ้น กลิ่นสดชื่นที่คุ้นเคยปะทะเข้าที่จมูกของนาง ตามมาติด ๆ ด้วยเท้าทั้งคู่ที่ลอยขึ้นจากพื้นดิน ก่อนจะถูกพาขึ้นมาอยู่ด้านบนหลังคา

นางหันกลับไปถลึงตามองเย่ซิวตู่ด้วยสายตาดุดัน “เหตุใดท่านถึงยังอยู่ที่นี่?”

“ชู่ เขาออกมาแล้ว” เย่ซิวตู๋ใช้มือข้างหนึ่งโอบเอวของนาง ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นมาปิดปากของนางไว้ และชี้ลงไปด้านล่างให้นางมอง

อวี๋จั้วหลินไล่ตามออกมาจากด้านในห้องจริง ๆ บัดนี้กำลังกวาดตามองซ้ายแลขวา ตามหานางอย่างไม่หยุด “แม่นาง…แม่นาง?”

เย่ซิวตู๋เลิกคิ้วขึ้น จู่ ๆ ก็ใช้มือบีบแก้มเรียบเนียนของนาง กล่าวเสียงขรึมว่า “คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมีฝีมือในการยั่วยวนบุรุษ”

 

นางตั้งใจกระตุ้นความสนใจจากอวี๋จั้วหลินอย่างชัดเจน ให้ได้ชัดว่าใช้วิธีหลอกให้ตายใจเพื่อให้อวี๋จั้วหลินเกิดความอยากรู้อยากเห็นในตัวนาง

บุรุษจะยิ่งเกิดความสนใจต่อสตรีเช่นนี้ โดยเฉพาะสตรีที่ลึกลับและเป็นตำนาน

ดูสิ พูดไปแค่ไม่กี่ประโยค อวี๋จั้วหลินก็เรียกคนที่เป็นเป้าหมายในการรักษาว่าน้องสาวแล้ว เหอะ มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าน้องสาวของเขามาจากที่ใด

 

สตรีผู้นี้มีความรู้ลึกซึ้งในด้านนี้ ทั้งยังใช้อย่างเป็นอิสระ สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกพึงพอใจอย่างมาก

อวี้ชิงลั่วถูกเขาบีบแก้มจนรู้สึกปวดไปหมด นางจึงใช้นิ้วมือหยิกเนื้อข้างเอวเขาอย่างไม่เกรงใจ และบิดแรง ๆ หนึ่งครั้ง “เย่ซิวตู๋ ปล่อย มิเช่นนั้นข้าจะกัดท่านแล้วนะ”

“เหอะ” เย่ซิวตู๋แค่นเสียงเบา ก่อนดึงมือกลับมา

เพียงแต่การเคลื่อนไหวรอบตัวนางกลับไม่ได้ผ่อนคลายลงเลย

อวี้ชิงลั่วอยากผลักเขาออกไป แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญ หากเป็นที่ดึงดูดความสนใจจากอวี๋จั้วหลิน เช่นนั้นแผนการคงล้มเหลวในตอนท้าย

ช่างเถอะ กอดนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ได้ทำให้เนื้อหายไปสักหน่อย

ถึงอย่างไรหากเขาเป็นพ่อของหนานหนานจริง ๆ เมื่อหกปีก่อนสิ่งที่ควรทำก็คงทำไปแล้ว

ระหว่างที่นางกำลังวิเคราะห์ทางจิตวิทยา เรือนด้านหลังก็เต็มไปด้วยคนแน่นขนัด คนที่ได้ยินว่าเกิดปัญหาขึ้นกับหมอปีศาจทั้งหมดได้บุกเข้ามาที่เรือนด้านหลัง มีลูกน้องเข้าไปจับมือของอวี๋จั้วหลินเป็นคนแรก ถามด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “บอกมา ใช่เจ้าหรือไม่ เจ้าเป็นคนทำให้หมอปีศาจเกิดปัญหาใช่หรือไม่?”

  

อวี๋จั้วหลินขมวดคิ้ว เขาคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนมารวดเร็วขนาดนี้ เขาเพิ่งตัดสินใจจะออกไป ก็มีคนปรี่ตัวมาตรงหน้าเขาแล้ว ระดับความเร็วดูราวกับมารออยู่ข้าง ๆ เพื่อจับตัวเขาตั้งแต่แรกอย่างไรอย่างนั้น

แต่บุคคลผู้นี้มีพละกำลังมาก เขาพยายามบิดตัวออกอยู่หลายหนแต่ก็มิอาจหลุดพ้นได้ ขณะที่เขาตัดสินใจจะลงมือ ก็มีคนจำนวนมากขึ้นวิ่งมาด้านหลังเรือนและห้อมล้อมเขาไว้

อวี้ชิงลั่วมองท่าทางของอวี๋จั้วหลินที่ถูกห้อมล้อมอย่างมิอาจแก้ตัวได้อยู่ตรงกลางด้วยความพึงพอใจ และหัวเราะพรืดออกมาหนึ่งเสียง

อวี๋เฟิงพยายามจะเบียดเข้าไปอย่างสุดชีวิต แต่คนเหล่านี้มีความแข็งแกร่งอย่างมาก ต่างก็ขวางเขาไว้ทำให้เข้าและถอยออกไม่ได้ “นายน้อย นายน้อย”

ต้าอู่วิ่งตรงเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นอวี๋จั้วหลินที่ถูกลูกน้องจับตัวไว้ จึงรีบตะคอกเสียงดัง “เสี่ยวลิ่ว เจ้าทำอะไรของเจ้า? นี่คือคุณชายอวี๋จากห้องหมายเลขหนึ่งของเรา คนที่ใช้เงินหนึ่งหมื่นตำลึงซื้อแผ่นป้ายไม้จากหยางต้าซ่านเหริน เขาเข้าพบหมอปีศาจอย่างถูกต้อง เขาจะเป็นคนสร้างปัญหาให้หมอปีศาจได้อย่างไรกัน?”

 

อวี๋จั้วหลินได้ยิน หน้าพลันเปลี่ยนสีอย่างหนัก เกิดความรีบร้อนแทบอยากไปปิดปากต้าอู่เสียเหลือเกิน

แต่มีหรือที่เขาจะหยุดได้ ซ้ายขวาหน้าหลังของเขาเต็มไปด้วยผู้คนที่ยืนอยู่

เป็นอย่างที่คาดไว้ ครั้นต้าอู่พูดออกมา ชาวบ้านที่เข้ามาห้อมล้อมเหล่านั้นก็ยิ่งเกิดความฉงนยิ่งขึ้น แต่ละต่างพากันชะโงกหน้าอยากเห็นหน้าของผู้ที่จ่ายเงินอย่างใจกว้างผู้นี้ และชี้มือชี้ไม้มาที่เขา

เสี่ยวลิ่วพอจะทราบแล้วว่าตนเองจับผิดคน แต่เขาก็ยังไม่เต็มใจรับผิดอยู่ดี พยายามหาข้อแก้ตัว “แต่ตอนที่ข้าเข้ามายังเรือนด้านหลัง ข้าเห็นเขาเพียงคนเดียว ไม่มีใครอื่น หากไม่ใช่เขาแล้วจะมีใครได้?”

“เสี่ยวลิ่ว” ในที่สุดจินหลิวหลีก็ ‘เบียด’ เข้ามาท่ามกลางผู้คน และเดินตรงมาทางนี้ ครั้นเดินเข้ามาใกล้ ก็ถลึงตาตำหนิเสี่ยวลิ่ว “ยังไม่รีบปล่อยมือคุณชายตระกูลอวี๋อีก? เหตุใดเจ้าถึงได้ประมาทเลินเล่อเช่นนี้ คุณชายตระกูลอวี๋แค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นผู้ดีมีมารยาท เขาจะสร้างปัญหาให้หมอปีศาจได้อย่างไรกัน?”

  

เสี่ยวลิ่วเห็นว่าเถ้าแก่เนี้ยของตนเองเอ่ยปากพูด ไหนเลยจะกล้ามีความเห็นเป็นอื่น เขาปล่อยมือทันทีพร้อมกับเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน กล่าวด้วยความละอายอย่างยิ่งว่า “เอ่อ ขอโทษคุณชายอวี๋ด้วยขอรับ ข้าน้อย ข้าน้อยเพียงแค่ใจร้อนเกินไปหน่อย”

สายตาเย็นชาของอวี๋จั้วหลินนิ่งงันไป นัยน์ตาของเขาปรากฏแรงสังหารจาง ๆ ขึ้น ครั้นเห็นว่าอวี๋เฟิงเบียดกลุ่มคนเข้ามาตรงหน้า จึงแค่นเสียงเย็นหนึ่งเสียงและหมุนกายเพื่อจะเดินออกไป

 

จินหลิวหลีกลับย้ายมายืนตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว ทั้งยังกล่าวขอโทษเป็นพิเศษด้วยรอยยิ้ม “คุณชายอวี๋ ท่านเป็นนายท่านผู้ยิ่งใหญ่ อย่าได้ถือสาลูกน้องผู้ต้อยต่ำกว่าท่านเลย เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทำให้ท่านขุ่นเคืองมากเพียงใด เป็นเพราะข้าอบรมสั่งสอนได้ไม่ดี ท่านอย่าได้เป็นกังวล ข้าจะรีบสั่งให้คนตระเตรียมของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อคลายความตกใจของท่าน และให้คนเตรียมห้องพักสะดวกสบายให้ท่านพัก ต้าอู่ ยังไม่รีบไปอีก?”

อวี๋จั้วหลินเม้มปากแน่น สะบัดแขนอย่างหมดความอดทน “ไม่ต้อง ข้ายังมีธุระ ขอตัวลา”

“เอ๋? แต่ว่า…” จินหลิวหลีดูเหมือนจะยิ่งรู้สึกแย่ยิ่งขึ้น แต่ก็ไม่กล้าขวางทางเขา จึงปล่อยให้เขานำลูกสมุนของตนเองเดินออกจากฝูงชนไป

แต่ทุกคนต่างรู้แล้วว่าเขาคือคนที่อยู่ในห้องหมายเลขหนึ่ง และรู้ว่าเขาใช้เงินหนึ่งหมื่นก้วนเพื่อซื้อแผ่นป้ายไม้จากหยางต้าซ่านเหริน ย่อมรู้สึกเกิดความสงสัยเกี่ยวกับเขาอย่างมาก ดังนั้นพวกเขาต่างก็ขวางทางของอวี๋จั้วหลินและยกมือชี้มาที่เขากันยกใหญ่

อวี๋เฟิงหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เขาพยายามปิดกั้นการมองของคนอื่น ๆ แต่เป็นเพราะมีคนมากเกินไป เบียดเสียดจนเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่คิดจะกระโดดขึ้นบนหลังคา

พวกเขามิอาจลงมือกับชาวบ้านที่อยู่โดยรอบได้ มิเช่นนั้นเรื่องนี้คงเอิกเกริกเข้าไปใหญ่

คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ นี่เป็นชั่วยามสุดท้ายแล้ว กลับเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายเช่นนี้ขึ้น

“ประหลาดนัก เขาดูไม่ได้เจ็บไข้ได้ป่วยอะไรเลย เหตุใดถึงได้จ่ายเงินหนึ่งหมื่นตำลึงเพื่อไปหาหมอปีศาจให้รักษา” จู่ ๆ ก็มีคนที่อยู่ในกลุ่มคนพูดขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ

 

จากนั้นคนอื่น ๆ ก็เริ่มพูดเสริมขึ้นมาติด ๆ “นั่นสิ ร่างกายแข็งแรงมากไม่ใช่หรือ? เถ้าแก่เนี้ยจิน ไม่ใช่ว่าเขามีความคิดอย่างอื่นจริง ๆ และคิดอยากสร้างปัญหาให้หมอปีศาจจริง ๆ หรอกกระมัง? หมอปีศาจล่ะ? จริงสิ หมอปีศาจไปไหนแล้ว?”

จินหลิวหลีรีบพูดประนีประนอม “พวกเจ้าอย่าได้เดาส่งเดช พวกเจ้าต่างก็ไม่ใช่หมอ จะมองออกได้อย่างไรกัน? ร่างกายของคุณชายอวี๋มีจุดใดที่รู้สึกไม่สบาย นั่นเป็นสิ่งที่หมอปีศาจจะบอกได้ เอาล่ะ อย่ามาเบียดกันอยู่ที่นี่ แยกย้ายไปเถอะ”

อวี๋จั้วหลินสาวฝีเท้าเร็วขึ้นเล็กน้อย เขาไม่อยากแก้ตัวอะไรทั้งนั้น เขาแค่อยากรีบออกไปจากสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม เรื่องราวต่าง ๆ มักไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

เขาเพิ่งจะก้าวเท้าออกจากซุ้มประตูเล็กที่เชื่อมกับด้านหลังสวน ก็พบว่าหยางต้าซ่านเหรินกำลังยืนอยู่ตรงนั้น

ข้างกายของเขายังมีคนที่รู้จักเป็นอย่างดียืนอยู่ด้วย

…………………………

สารจากผู้แปล

ตีกันเก่งเหลือเกิน เขาว่าตีกันเก่งแบบนี้มีลูกหัวปีท้ายปีนะ

โลกกลมแท้นะอวี๋กระจั๊วหลิน เจอแต่คนรู้จัก

ไหหม่า (海馬)