ตอนที่ 87 – มีอีกสามคน

ลมพัดในภูเขา เขาเหล่าจวินอยู่เหนือระดับน้ำทะเลสองพันกว่าเมตร ตั้งอยู่ในเทือกเขาฝูหนิว

ค่ำคืนนี้ ลมภูเขาทั้งเร็วทั้งหนาว

ในอากาศมีหมอกควบแน่น จนถึงรุ่งอรุณ เครื่องเรือนที่ตั้งอยู่นอกบ้านทั้งหมดล้วนจะเคลือบด้วยละอองน้ำบนพื้นผิวหนึ่งชั้น

ในลาน มีคนโยนไม้ฟืนท่อนใหม่เข้าไปในกองไฟ แสงไฟก็ถูกไม้ฟืนใหม่ปิดบังจนสลัวลงมาหน่อย

แสงไฟที่ไหววูบนั้นหักเหอยู่ในม่านหมอกที่ค่อย ๆ เคลื่อนตัว คล้ายกับเป็นแสงเงาอันมหัศจรรย์ยามราตรี

ในเงามืด มีเด็กหนุ่มถือมีด เขายืนอยู่ตรงที่หมอกกับเงาพาดทับกันเงียบ ๆ จับสังเกตคนร้ายเดี่ยว ๆ ที่อยู่นอกประตูลาน

จนกระทั่งขณะนี้เขาจึงเข้าใจที่เยี่ยหว่านพูด :

ชีวิตเปราะบางอย่างยิ่งจริง ๆ มีดหนึ่งแทงเข้าหัวใจ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเป็นบุคคลเลิศล้ำอย่างไรก็จะตาย

แต่การฆ่าคนไม่ง่ายเลย

เพราะสิ่งที่คุณต้องเผชิญคือเรื่องที่โหดร้ายที่สุดในโลกมนุษย์

ชิ่งเฉินเอาผ้าพันคอที่ขโมยมาหนึ่งผืนมาพันใบหน้า ไม่ส่งเสียงสักคำ

สัญญาณโทรศัพท์มือถือบนยอดเขาติด ๆ ดับ ๆ แต่คนร้ายเพื่อให้ปฏิบัติการอย่างราบรื่น ทุกคนได้เปลี่ยนไปใช้วิทยุสื่อสารติดอยู่ที่อกซ้าย

ชิ่งเฉินนับเลขในใจเงียบ ๆ คนร้ายนั้นทุก ๆ สิบนาทีจะก้มหน้าลงกดวิทยุสื่อสารตอบอะไรบางอย่าง

ทันใดนั้น ลมภูเขาหอบหนึ่งกรรโชกมา กองไฟที่กองไปด้วยไม้ฟืนในลานจู่ ๆ ปะทุขึ้นมา ส่องให้โลกนอกลานสว่างขึ้นมาด้วย

เวลานี้ ชิ่งเฉินที่ซ่อนอยู่ในมุมจู่ ๆ เห็นว่าคนร้ายที่นอกประตูนั้นคล้ายกับอาศัยแสงไฟตระหนักรู้ขึ้นมาบ้าง ถึงกับใช้สีหน้าระแวงมองมาทางตนเอง เคลื่อนมาใกล้นิด ๆ

ชิ่งเฉินในใจหดเกร็ง

แต่ทว่าในขณะนี้เอง หลี่ถงอวิ๋นจู่ ๆ ปรากฏตัวขึ้นนอกประตูรีสอร์ท เธอยืนอยู่ตรงประตูกล่าวกับคนร้ายอย่างขลาดเขลาว่า “คุณอาตำรวจคะ คุณเห็นแม่หนูไหมคะ”

คนร้ายนั้นอึ้งไป “แม่หนู? ไม่เห็นนะ หนูมานี่มา อาตำรวจจะช่วยหนูหาแม่ด้วยกันดีรึเปล่า”

ทันใดนั้น จู่ ๆ เขาตระหนักว่าไม่ถูกต้อง!

ศัตรูโจมตี!

คนร้ายยกมือซ้ายโบกกระบองตำรวจไปด้านข้างจากจิตใต้สำนึก มือขวาเอื้อมไปที่เอวเตรียมจะชักปืน

ในแสงเงาที่วูบไหวเบา ๆ ของกองไฟที่ข้ามกำแพงมา

เด็กหนุ่มในม่านหมอกเดินไปถึงข้างตัวเขาอย่างไร้สุ้มเสียงแล้ว

ใกล้เพียงเอื้อม ระยะของมีด

เห็นเพียงชิ่งเฉินจู่ ๆ ย่อตัวลงหลบกระบองตำรวจที่อีกฝ่ายโบกมา หมุนตัวไปถึงเบื้องหน้าคนร้ายตามลมภูเขาที่หวีดหวิด

มีดในมือชิ่งเฉินแทงไปทางมือซ้ายของคนร้ายที่กำลังอยากจะชักปืน อีกฝ่ายรู้ว่าตนเองคว้าปืนไม่ทันแล้วจึงหดกลับจากจิตใต้สำนึก

คมมีดของเด็กหนุ่มกดลงต่ำ คนร้ายใช้สองแขนคว้าลงไปตามสัญชาตญาณ อยากจะจับมือของเด็กหนุ่ม

แต่ชิ่งเฉินก้าวถอยหลังไปครึ่งก้าวเล็ก ๆ อย่างเหมือนจะคาดการณ์ไว้แต่แรก มือซ้ายกับกระบองตำรวจที่อีกฝ่ายฟาดนั้นล้วนตีโดนอากาศ

ไม่ดี!

คนร้ายเงยหน้ามองไปในยามค่ำคืนอย่างตื่นตะลึง

แต่เขาเพียงสามารถมองเห็นดวงตาที่เด็กหนุ่มเผยออกมา กำลังจับจ้องตนเองอย่างเยือกเย็น

พริบตาที่เขาใช้แรงจนสิ้น มีดในมือเด็กหนุ่มผู้โหดเหี้ยมได้ตัดผ่านสายหมอกมาอีกครั้ง

ผ่านรอยแยกระหว่างแขนทั้งคู่ของเขา

“หายใจ”

หลี่ซูถงบอกว่า การต่อสู้ระหว่างสัตว์ร้าย สิ่งสำคัญที่สุดก็คือการหายใจ

นั่นเป็นกุญแจที่ควบคุมระดับออกซิเจนในร่างกายคุณและพลังใจอันแจ่มชัด พอคุณเข้าใจถึงความสำคัญของการหายใจ อย่างนั้นก็จะควบคุมตนเอง แล้วควบคุมทุกสิ่ง

เป็นผู้ล่าหรือผู้ถูกล่า ตนเองเลือก

ในชั่วระยะเท่าประกายไฟ ขอบของผ้าพันคอที่ชิ่งเฉินปกปิดใบหน้ามีลวดลายเปลวเพลิงเบ่งบานขึ้นมาอย่างกะทันหัน

คล้ายกับว่าพลังทั้งหมดโถมไปที่รวมตัวบนมือขวา แล้วถ่ายทอดไปยังปลายมีด แทงเข้าม้ามของคนร้ายอย่างดุดัน

ดวงตาคนร้ายโปนเหมือนกระดิ่งในทันใด

ในพริบตาสั้น ๆ นี้เกิดอะไรขึ้น

ความเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มที่ปิดหน้าไหลลื่นดั่งก้อนเมฆสายน้ำ สำเร็จในท่าเดียว คล้ายกับว่าทุกสิ่งล้วนคำนวณเอาไว้ดีแล้ว รู้ว่าตนเองจะโบกกระบองตำรวจ รู้ว่าตนเองไม่กล้าชัดปืนต่อในการโจมตีหลอก รู้ถึงวิถีต่อต้านของสองแขนตนเองในความชุลมุน

อีกฝ่ายรู้ทุกสิ่งจึงหลบไปได้หมด ไม่ให้โอกาสเขาได้ปะทะซึ่งหน้าเลย

จนกระทั่งมีดแทงเข้าม้ามเขา นี่จึงเป็นการสัมผัสทางกายจริง ๆ ของทั้งสองฝ่าย

ในเกมจิตวิทยาของการต่อสู้ระยะประชิด ทุก ๆ ก้าวของตนเองล้วนอยู่ในการคำนวณของอีกฝ่าย

เหมือนกับว่าตนเองเล่นไปตามบทที่เด็กหนุ่มเขียนเอาไว้

แล้วเด็กหนุ่มก็เขียนจุดจบให้ตนเองแต่แรกแล้วด้วย

รู้ว่าตนเองไม่มีเวลาสักเท่าไหร่แล้ว คนร้ายดิ้นรนอยากจะเอื้อมมือไปที่วิทยุสื่อสาร

กลับเห็นเด็กหนุ่มผลักร่างกายของคนร้ายพุ่งไปข้างหน้าอย่างดุดัน กดอีกฝ่ายกับกำแพงแน่น ๆ

มือซ้ายชิ่งเฉินปิดปากของอีกฝ่าย มือขวากำมือออกแรงบิด

อวัยวะจักรกลส่วนขาของคนร้ายอยากจะใช้แรงออกมา แต่ความเจ็บปวดอย่างสาหัสที่ถ่ายทอดสู่สมองแทบจะตัดขาดการคิดอย่างมีประสิทธิภาพทุกอย่างของเขาไปแล้ว

ม้ามเป็นเครื่องจักรเก็บเลือดของร่ายกายมนุษย์ ในพริบตา เลือดปริมาณมากไหลออกจากม้ามที่ฉีกขาดของอีกฝ่าย จากนั้นไหลไปตามมีดถึงมือของชิ่งเฉิน

นั่นเป็นเลือดอุ่น ๆ อุณหภูมิที่หายไปอย่างรวดเร็วในคืนอันเหน็บหนาวเตือนชิ่งเฉินว่าถึงที่สุดแล้วอะไรคือความตาย

จนกระทั่งคนร้ายหัวใจไม่เต้นและไม่หายใจ ชิ่งเฉินจึงดึงมีดช้า ๆ

เด็กหนุ่มปิดหน้ายืนนิ่งหน้าศพหอบหายใจ ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่เงียบ ๆ

เลือดหยดจากปลายมีดที่ห้อยอยู่ในมือเขา หยดลงบนถนนคอนกรีตทีละหยด

ที่แท้ นี่ก็คือความรู้สึกของการฆ่าคน

การหอบหายใจของชิ่งเฉินไม่ได้เป็นเพราะเหน็ดเหนื่อยและหัวใจปอดทำงานหนักเลย ทว่าในใจเขามีความหวาดกลัวและตระหนกอย่างที่บรรยายไม่ได้ชนิดหนึ่ง

ตอนนี้เขาจึงได้ตระหนักว่าเหตุใดหลี่ซูถงพูดว่าการฆ่าคนครั้งแรกจำเป็นต้องใช้มีด

ใช้ปืนฆ่าคน ยิงปืนโดนจากหลายสิบเมตร คนก็ไม่อยู่แล้ว

ในสถานการณ์ชนิดนี้ อารมณ์และปฏิกิริยาของคุณล้วนจะเลือนรางไปเพราะระยะทาง คุณไม่เหมือนกับฆ่าคนคนหนึ่ง แต่เหมือนยิงเป้าเป้าหนึ่งยิ่งกว่า

มองไม่เห็นเลือด สัมผัสไม่ได้ถึงการเต้นของหัวใจที่ค่อย ๆ หายไป

คุณก็จะไม่มีความยำเกรงต่อชีวิต

หลี่ซูถงในฐานะครูไม่อาจเป็นพยานต่อการฆ่าคนครั้งแรกของนักเรียน แต่เขาได้สอนบทเรียนที่สำคัญที่สุดให้ชิ่งเฉินแล้ว : จะยำเกรงชีวิตได้อย่างไร

“พี่ชิ่งเฉิน” หลี่ถงอวิ๋นร้องเรียกอย่างขลาดกลัวเสียงค่อย ๆ

เสียงนี้ดึงชิ่งเฉินกลับสู่ความเป็นจริง เหมือนกับมีมือข้างหนึ่งดึงแขนเสื้อของเขาแน่น ๆ ก่อนที่เขาจะตกลงสู่ห้วงอเวจี

เด็กหนุ่มหันหน้ามองไปทางหลี่ถงอวิ๋นที่อยู่ไม่ไกล

เด็กหญิงนิ่งอึ้งไม่พูดไม่จา เหมือนกับว่าถูกฉากเมื่อครู่นี้ทำให้หวาดผวา

เธอเห็นกับตาว่าเด็กหนุ่มที่ปิดหน้าฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม เห็นกับตาถึงการหายลับไปของชีวิต

ชิ่งเฉินมาถึงเบื้องหน้าเธอย่อตัวลง

เขาไม่ได้ถอดผ้าพันคอที่ปิดใบหน้าตนเอง เพียงถามเสียงอ่อนโยนว่า “กลัวไหม”

หลี่ถงอวิ๋นพยักหน้าด้วยน้ำตาปริ่ม ๆ หางตา “นิดหน่อย”

“ทำไมออกมาล่ะ แม่เธอล่ะ” ชิ่งเฉินถาม

เวลานี้เจียงเสวี่ยจึงได้วิ่งลงบันไดมาอย่างว้าวุ่น คล้ายกับว่ากำลังหาตัวของหลี่ถงอวิ๋น

ถึงชิ่งเฉินจะปิดบังหน้าตา เธอก็สามารถจดจำเด็กหนุ่มออกในแวบเดียว เพราะที่อยู่บนหน้าอีกฝ่ายคือผ้าพันคอของเธอ

ดังนั้นหลังจากที่เธอค้นพบว่าหลี่ถงอวิ๋นอยู่กับชิ่งเฉินจึงได้ถอนหายใจโล่งอกทันที

เจียงเสวี่ยมาถึงหน้าประตูอธิบายกับชิ่งเฉินว่า “ฉันเพิ่งจะไปห้องน้ำ ผลคือพอออกมาก็ไม่เห็นเธอแล้ว เสี่ยวอวิ๋น ลูกทำแม่กลัวแทบตายเลยนะ!”

หลี่ถงอวิ๋นก้มหน้าลง “หนูแค่อยากช่วยพี่ชิ่งเฉิน”

ชิ่งเฉินอึ้งไป ที่แท้อีกฝ่ายปรากฏตัวที่นี่ไม่ใช่บังเอิญ แต่มาช่วยเหลือตนเอง

เขาคิดแล้วตั้งใจจะยกมือขึ้นลูบศีรษะของหลี่ถงอวิ๋น ผลคือนึกขึ้นได้ว่ามือของตนเองล้วนเป็นเลือด จึงค่อย ๆ หดแขนกลับ

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะหดกลับไปเสร็จ กลับเห็นหลี่ถงอวิ๋นเอื้อมมือมาคว้าฝ่ามือของเขา วางลงบนศีรษะของตนเอง “พี่ชิ่งเฉิน ระวังตัวด้วยนะคะ หนูกับแม่จะรอพี่กลับมา”

“อืม” ชิ่งเฉินยิ้มขึ้นมา “คำไหนคำนั้น”

พูดจบ เขาให้เจียงเสวี่ยช่วยลากศพของคนร้ายเข้าลานโฮมสเตย์ จากนั้นยื่นปืนพกที่เอวคนร้ายให้เจียงเสวี่ย “ผมตั้งใจจะลอบเข้ารีสอร์ทอวิ๋นซ่าง อยู่ที่นั่นพอยิ่งปืนขึ้นมา ถึงจะใส่อุปกรณ์เก็บเสียงก็จะดึงดูดความสนใจ ดังนั้นอันนี้ให้คุณ”

เจียงเสวี่ยส่ายหน้า “คุณเอาไปเถอะ คุณอันตรายกว่า พอถึงเป็นถึงตายขึ้นมายังจะแคร์ได้ที่ไหนว่าจะดึงดูดความสนใจรึเปล่า ยิงปืนก็ยิงเถอะ”

ชิ่งเฉินอึ้งไป จากนั้นยิ้มแล้วถอดซองปืนที่เอวคนร้าย ผูกที่เอวของตนเอง

ถึงเขาจะไม่เคยสัมผัสปืน แล้วก็ไม่รู้ว่าปืนใช้อย่างไร แถมการยิงปืนจะดึงดูดความสนใจของคนร้ายคนอื่นและถูกล้อมโจมตี

แต่ตนเองมีปืนก็ดีกว่าไม่มีเสมอนั่นล่ะ

หลี่ซูถงเคยพูดว่าอัศวินฆ่าคนครั้งแรกต้องใช้มีด ส่วนเขาตอนนี้ทำไปแล้ว

ฆ่าคนอีกน่าจะไม่นับว่าเป็นครั้งแรกแล้วรึเปล่า

สามารถใช้ปืน

ชิ่งเฉินตบศีรษะเล็ก ๆ ของหลี่ถงอวิ๋น “ครั้งนี้จะต้องเชื่อฟังนะ รอฉันกลับมา”

“อืม” หลี่ถงอวิ๋นพยักหน้า

ขณะนี้เอง วิทยุสื่อสารบนอกของศพคนร้ายมีเสียงพูดดังขึ้นมา “ตอนนี้เริ่มนับจำนวน 1”

เสียงของเหล่าคนร้ายดังขึ้นอย่างเย็นชา “2”

“3”

“4”

ขณะนี้ขาดช่วงไปหน่อย ชิ่งเฉินเปิดใช้วิชาหายใจทันที ลอกเลียนเสียงของคนร้ายอย่างสมบูรณ์แบบด้วยพลังความทรงจำอันสมบูรณ์แบบ “5”

เขากำลังจะปิดวิทยุสื่อสาร ในลำโพงกลับมีเสียงนับเลขใหม่ดังขึ้นมาอีก

“6”

“7”

“8”

ชิ่งเฉินอึ้งงันไปทันที

คนร้าย……มีอีกสามคน!

……………………………………………….

ใครที่รอดูน้องชิ่งเฉินต่อสู้คงได้สมใจกันแล้วนะคะ ยังจะสู้กันอีกยาว ๆ เลยค่ะ

MVP ของตอนนี้ขอมอบให้น้องเสี่ยวอวิ๋นเลย

มือขวามือซ้ายเหมือนผู้เขียนพิมพ์มั่ว ๆ ยังไงไม่รู้ ตอนแรกบอกใช้มือขวาชักปืน แล้วกลายเป็นมือซ้ายได้ไงไม่รู้

ตอนที่ 88 – ศิลปะในการเก็บเกี่ยวชีวิต