ก๊องงงงงง—-
 

“อ่ะ— อุตส่าห์ได้คาบเรียนมาติดกันตั้งเกือบสี่คาบแต่ก็ดูเหมือนว่าจะหมดเวลาซะแล้วสินะจ๊ะเนี่ย ถ้างั้นพวกเราก็พักเอาไว้เท่านี้ก่อนละกันเนอะ~”

 

หลังจากที่การสอนของอาจารย์อายะดำเนินไปได้สักพักใหญ่ๆ ก็ได้มีเสียงระฆังดังขึ้นมาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้จะถึงเวลาหมดคาบเรียนช่วงเช้าเพื่อเข้าสู่ช่วงพักทานอาหารกลางวันสำหรับเหล่านักเรียนและอาจารย์กันแล้ว

 

ซึ่งอาจารย์อายะที่สอนลากยาวมาตั้งแต่เช้านั้นก็ได้ปิดหนังสือเรียนในมือที่เธอใช้มันในการอธิบายให้เหล่าเด็กนักเรียนฟังกันลงไปพร้อมกับเดินกลับไปยังโต๊ะของอาจารย์เพื่อที่จะได้จัดเก็บอุปกรณ์การเรียนการสอนอย่างพวกคริสตัลหลากหลายสีที่เธอนำมันมาแสดงตัวอย่างการใช้งานให้กับเหล่านักเรียนดูเข้ากระเป๋าของตัวเองไป

 

“ถ้ายังไงก็อย่าลืมไปฝึกวิธีการใช้คริสตัลที่อาจารย์สอนไปด้วยล่ะ เพราะถึงต่อให้พวกเธอจะกลับไปอ่านทบทวนจากในหนังสือได้ก็เถอะ แต่ถ้าเกิดว่าพวกเธอไม่ฝึกฝนวิธีการใช้งานมันให้คล่องล่ะก็หนังสือพวกนั้นก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะจ๊ะ~”

 

“คร๊าบ~ / ค่า~”

 

“อ่ะ แล้วสำหรับใครที่ยังไม่มีคริสตัลประจำตัวหรือว่าสนใจอยากจะลองฝึกใช้คริสตัลที่ไม่ตรงกับธาตุหลักของตัวเองล่ะก็ร้านขายของในโรงเรียนก็มีคริสตัลวิซขายอยู่เหมือนกันนะจ๊ะ อย่าลืมไปเตรียมตัวกันให้พร้อมก่อนจะถึงคาบของอาจารย์ในครั้งหน้าด้วยล่ะ~”

 

อาจารย์อายะพูดออกมาทิ้งท้ายเอาไว้ก่อนที่เธอจะหยิบกระเป๋าของตัวเองขึ้นมาและโบกมือลาเหล่าเด็กนักเรียนห้องสามแล้วจึงเดินออกไปจากห้องด้วยความอารมณ์ดีเพื่อที่จะได้ไปทวงสัญญาณเลี้ยงอาหารกลางวันของเธอจากเอริซาเบธ

 

“เฮ้อ… ในที่สุดก็หมดคาบได้สักทีสินะ…”

 

นากาที่นั่งเกร็งและคอยหลบสายตาของอาจารย์อายะมาตลอดคาบเรียนนั้นได้พ่นลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยอ่อนก่อนที่เขาจะฟุบหน้าลงไปกับหนังสือเรียนที่ถูกกางทิ้งเอาไว้บนโต๊ะ ซึ่งคอนแนลที่ถูกอารอนปล่อยตัวออกมาจากห้องพยาบาลและกลับเข้ามาในห้องเรียนในระหว่างคาบเรียนที่สองนั้นก็ได้หันกลับมาพูดบอกนากาด้วยความเห็นใจ

 

“ฮะฮะ มาถึงวันแรกก็เจออาจารย์อายะสอนยาวตั้งสามคาบแบบนี้ก็เหนื่อยหน่อยนะครับนากา”

 

“ให้ตายสิ… ถ้ารวมวิชาของอลิซเมื่อเช้าด้วยแล้วนี่มันก็ตั้งสี่คาบไปแล้วนะแล้วไหนยังจะมีคาบเรียนในช่วงบ่ายต่ออีก… นี่โรงเรียนในเมืองเขาเรียนกันเยอะขนาดนี้เลยหรอน่ะ…”

 

“เอ๋… ปกติที่ไหนๆ เขาก็เรียนกันราวๆ นี้กันทั้งนั้นเลยนะครับ… โรงเรียนที่หมู่บ้านของนากาไม่ได้ใช้เวลาเรียนราวๆ นี้กันหรอครับ?”

 

“ซะที่ไหนกันล่ะ… ตอนอยู่ที่หมู่บ้านพวกฉันเรียนกันวันนึงแค่สักสองสามชั่วโมงเองล่ะมั้ง แถมวันไหนอาจารย์เกิดไม่ว่างขึ้นมาก็ไม่มีคาบเรียนจนยัยพรีมูล่าได้มีโอกาสวิ่งวุ่นก่อเรื่องไปทั่วอีกต่างหาก…”

 

นากาพูดตอบคอนแนลกลับไปพลางนึกถึงหมู่บ้านโมริโกะที่แสนจะสงบสุขของพวกเขาจนทำให้คอนแนลที่เห็นว่านากาเหมือนจะเริ่มคิดถึงบ้านเกิดขึ้นมาต้องพูดอธิบายให้เขาฟัง

 

“เอาจริงๆ ปกติแล้วพวกเราก็ไม่ค่อยจะได้เรียนวิชาเดียวกันต่อเนื่องยาวถึงสามสี่คาบแบบนี้กันสักเท่าไหร่หรอกนะครับ แต่ดูเหมือนว่าสัปดาห์นี้พวกอาจารย์หลายๆ ท่านเขาจะงานยุ่งเลยแลกคาบสอนกันไปกันมาจนอาจารย์อายะได้มาสอนติดกันตั้งสามคาบแบบนี้น่ะครับ”

 

“งานยุ่ง? ไม่ใช่ว่าหน้าที่ของอาจารย์ก็มีแค่สอนหนังสือหรอกหรอ แล้วแบบนั้นจะไปงานยุ่งจนต้องขอแลกคาบสอนกันได้ยังไงกันล่ะ…”

 

“อ๋อ… เอาจริงๆ แล้วโรงเรียนของเราไม่ค่อยจะมีอาจารย์ประจำที่สอนหนังสือแค่อย่างเดียวสักเท่าไหร่น่ะครับ เพราะส่วนมากแล้วทางโรงเรียนจะไปเชิญตัวพวกผู้เชี่ยวชาญจากสาขาต่างๆ ให้มาสอนหนังสือในโรงเรียนกันซะมากกว่า แต่นี่ก็ยังดีนะครับที่คุณประธานนักเรียนได้จัดระเบียบการเรียนการสอนให้เป็นระบบไปเมื่อปีที่แล้วแล้วน่ะครับไม่งั้นเผลอๆ วันนี้อาจจะกลายเป็นคาบว่างสองคาบไปแทนแล้วก็ได้”

 

“นี่ๆ นากาดูนี่สิ! ฉันเพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าวิซธาตุดินมันทำอะไรแบบนี้ได้ด้วยน่ะ!!”

 

ในขณะที่นากาและคอนแนลกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น อยู่ๆ โมโกะที่นั่งอยู่ข้างๆ คอนแนลก็ได้ร้องเรียกนากาขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาได้พบว่าในตอนนี้ได้มีก้อนคริสตัลสีเหลืองก้อนหนึ่งกำลังลอยตัวอยู่นิ่งๆ อยู่เหนือฝ่ามือของโมโกะนั่นเอง

 

“ตอนอยู่ที่หมู่บ้านฉันก็นึกว่าจะมีแต่วิซธาตุลมเท่านั้นที่ทำให้ของลอยได้ซะอีก คิดไม่ถึงเลยนะเนี่ยว่าวิซธาตุดินเองก็ควบคุมตัวคริสตัลให้ลอยได้ได้เหมือนกันน่ะ!”

 

“อ้อ ดูเหมือนว่าอาจารย์ที่หมู่บ้านโมริโกะจะสอนแค่วิธีสั่งให้ตัวคริสตัลมันแสดงผลตามที่ถูกดัดแปลงเอาไว้ออกมาแต่ไม่ได้สอนวิธีควบคุมตัวคริสตัลโดยตรงงั้นสินะครับเนี่ย… แต่ว่านั่นมันหลักสูตรของพวกเด็กๆ ที่เพิ่งจะเริ่มหัดใช้วิซเลยไม่ใช่หรอครับนั่น…”

 

“…..”

 

ในขณะที่คอนแนลกำลังพูดตอบโมโกะกลับไปนั้นทางด้านนากาที่เห็นโมโกะแสดงความสามารถออกมาก็ได้เหลือบไปมองดูก้อนคริสตัลสีแดงในมือที่โมโกะส่งมาให้เขาก่อนหน้านี้อย่างเงียบๆ และฟุบหน้าลงไปกับโต๊ะอีกครั้งหนึ่งด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย ก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีอะไรบางอย่างสัมผัสกับศีรษะของเขาและขยับไปมาเบาๆ

 

แหม่ะ

 

“พรีมูล่า…?”

 

นากาที่กำลังถูกลูบหัวอยู่นั้นได้พูดถามพรีมูล่าผู้ที่เป็นเจ้าของฝ่ามือบนหัวของเขาขึ้นมาด้วยความแปลกใจก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นสีหน้าของพรีมูล่าที่กำลังมองตรงมาทางเขาด้วยแววตาอ่อนโยนแตกต่างจากช่วงเวลาปกติที่จะมีแต่ความบ้องตื้นซะมากกว่า

 

“เธอลูบหัวพี่เล่นแบบนี้เดี๋ยวผมพี่ก็ยุ่งหมดหรอก…”

 

“แต่ผมของพี่นากาก็ยุ่งอยู่ตลอดอยู่แล้วนี่นา~”

 

“ฮะฮะ… นั่นสินะ…”

 

นากาหัวเราะตอบพรีมูล่ากลับไปเบาๆ ก่อนที่เขาจะยันตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ แล้วจึงหยิบเอาหนังสือที่ถูกกางทิ้งไว้ไปเก็บในช่องเก็บของที่อยู่ใต้โต๊ะ ซึ่งนั่นก็ทำให้พรีมูล่าที่เมื่อสักครู่นี้ยังดูเป็นคนปกติดีอยู่กลับไปเป็นมีท่าทีบ้องๆ เหมือนกับทุกครั้งในทันที

 

“พี่นากา~ หนูหิวแล้วอ้ะ~”

 

“จะว่าไปอาจารย์อายะก็ออกไปได้สักพักแล้วนี่ แบบนี้พวกเราออกไปกันได้เลยหรือเปล่าน่ะคอนแนล?”

 

“อ่ะ เดี๋ยวพวกเราจะต้องรอให้เสียงระฆังพักเที่ยงดังขึ้นมาก่อนน่ะครับ เพราะว่าเสียงเมื่อสักครู่นี้มันเป็นสัญญาณบอกว่ากำลังจะหมดคาบเรียนแล้วเฉยๆ”

 

ก๊องงงงงง—- ปึ้ง!!

 

“ว๊าย!?”

 

“เฮ้ย!?”

 

“อะไรน่ะ!?”

 

ทันทีที่เสียงของระฆังที่บ่งบอกว่าถึงช่วงเวลาพักเที่ยงของเหล่าเด็กนักเรียนได้ดังขึ้นมานั้นก็ได้มีเสียงของประตูที่ถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรงจนมันแทบจะหลุดออกมาจากกรอบประตูดังลั่นตามขึ้นมาติดๆ จนถึงกับทำให้เหล่าเด็กนักเรียนทุกคนสะดุ้งตกใจและรีบหันไปดูทางต้นเสียงกันในทันที

 

ซึ่งนั่นก็ทำให้ทุกคนได้พบว่าซึบากิที่นั่งอยู่ติดกับประตูหลังห้องนั้นได้หายตัวไปเสียแล้วโดยเหลือทิ้งเอาไว้เพียงดาบใหญ่สีม่วงที่มีโซ่พันอยู่ของเธอที่ไม่ได้ถูกเก็บเข้าตู้เก็บของไปตั้งแต่แรก

 

“…….”

 

ตึกตึกตึก…

 

ในขณะที่ในห้องเรียนกำลังตกอยู่ท่ามกลางความเงียบนั้นก็ได้มีเสียงฝีเท้าวิ่งกลับมาด้วยความเร่งรีบก่อนที่ซึบากิจะโผล่มากลับเข้ามาในห้องและคว้าเอาดาบใหญ่ของเธอขึ้นมาถือเอาไว้ก่อนจะพุ่งตัวออกไปจากห้องอีกครั้งหนึ่งด้วยสีหน้าปานจะกินเลือดกินเนื้อ โดยที่ในครั้งนี้เธอไม่ลืมที่จะปิดประตูห้องให้ด้วยตามมารยาทถึงแม้ว่ามันจะเสียงดังไปหน่อยก็ตาม

 

ปึ้ง!!

 

“…..”

 

“หวังว่าอารอนจะยังปลอดภัยดีนะ…”

 

นากาที่เคยได้เห็นท่าทางแบบเดียวกันนี้ของซึบากิมาก่อนที่คลินิกของอารอนนั้นได้แต่พูดอวยพรอารอนขึ้นมาเบาๆ ด้วยความเป็นห่วงก่อนที่เขาจะหันไปถามคอนแนลเกี่ยวกับเรื่องเสียงระฆังสัญญาณครั้งเมื่อสักครู่นี้ขึ้นมา

 

“เสียงระฆังดังไปแล้วแบบนี้พวกเราไปกันได้หรือยังน่ะคอนแนล แล้วว่าแต่นี่คาบเรียนช่วงบ่ายที่ถูกเว้นว่างเอาไว้นั่นเป็นวิชาอะไรกันแน่น่ะ?”

 

“ถ้าเป็นตอนนี้ล่ะก็ไปกันได้แล้วล่ะครับ ส่วนคาบเรียนช่วงบ่ายปกติแล้วจะเป็นช่วงเวลาสำหรับทำกิจกรรมชมรมน่ะครับยกเว้นแต่ว่าจะมีอาจารย์คนไหนแจ้งมาก่อนว่าต้องการจะสอนเพิ่มเติมหลังจากช่วงพักกลางวันไปแล้วน่ะครับ”

 

“เห… ชมรมงั้นหรอ…”

 

นากาที่ได้ยินคำว่าชมรมจากปากของคอนแนลนั้นได้พูดพึมพำขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะเคยได้ยินอาจารย์ที่หมู่บ้านพูดถึงเรื่องนี้อยู่บ้างแต่ว่าด้วยปริมาณของเด็กๆ ในหมู่บ้านที่มีอยู่เพียงแค่ไม่กี่คนนั้นก็เลยทำให้ที่หมู่บ้านโมริโกะไม่เคยมีการทำกิจกรรมชมรมกันจริงๆ จังๆ สักที

 

“ครับ แต่ว่าช่วงสัปดาห์แรกนี่ส่วนมากแล้วจะเป็นการเปิดรับสมัครสมาชิกใหม่หรือไม่ก็วางแผนการจัดกิจกรรมซะมากกว่านะครับเพราะว่าถ้าวางแผนกันดีๆ จนสามารถสร้างผลงานอะไรเด่นๆ ที่ถูกตาพวกอาจารย์เข้าก็อาจจะมีโอกาสได้คะแนนเสริมหรือไม่ก็พวกรางวัลอะไรเป็นพิเศษด้วยน่ะครับ”

 

“หืมม~ รางวัลงั้นหรอ?”

 

“เข้าชมรมงั้นหรอ…”

 

โมโกะที่ได้ยินคำว่ารางวัลนั้นได้กระดิกหูและหางแมวของเธอไปมาด้วยความสนอกสนใจ ในขณะที่ทางด้านนากานั้นกลับมีท่าทีเอื่อยเฉี่อยเหมือนกับไม่สนใจที่จะเข้าชมรมไหนสักเท่าไหร่เลยซะมากกว่าจนทำให้คอนแนลได้ตัดสินใจที่จะพูดอธิบายขึ้นมาเพิ่มเติมให้นากาฟัง

 

“ถ้าเกิดว่านากาไม่สนใจจะเข้าชมรมไหนเลยก็ไม่เป็นอะไรหรอกนะครับ อย่างมากก็แค่อดได้รางวัลหรือว่าคะแนนที่อาจจะมีโอกาสได้เพิ่มเติมเท่านั้นเองนั่นแหล่ะครับ อ่ะ– แต่ว่าต่อให้จะไม่ได้เข้าร่วมชมรมไหนเลยก็ตามแต่ว่าทางโรงเรียนก็ไม่อนุญาตให้กลับบ้านก่อนจะถึงเวลาที่กำหนดเอาไว้อยู่ดีนะครับ”

 

“ว่าง่ายๆ ก็คือให้เลือกว่าจะอยู่เฉยๆ จนกว่าจะถึงเวลาเลิกเรียนหรือว่าจะมีอะไรให้ทำบ้างจนกว่าจะเลิกเรียนงั้นสินะ..”

 

“ครับ แล้วอีกอย่างนึงก็คือว่าห้ามไปรบกวนนักเรียนคนอื่นที่กำลังจัดกิจกรรมชมรมกันอยู่ด้วยน่ะครับ”

 

“ถ้าต้องมานั่งว่างตั้งหลายชั่วโมงแบบนั้นหนูยอมไปหาชมรมเข้าดูดีกว่าอีกอ่ะ… แล้วนี่เมื่อไหร่พวกเราจะไปกันสักทีเนี่ย ตอนนี้หนูหิวแล้วอ้ะ!!”

 

พรีมูล่าที่นั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันมาได้สักพักหนึ่งแล้วได้พูดขึ้นมาก่อนที่เธอจะร้องโวยวายขึ้นมา เพราะว่าในตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ ได้ทยอยเดินออกไปจากห้องเรียนกันซะเกือบหมดแล้ว ซึ่งท่าทางของพรีมูล่านั้นก็ทำให้คอนแนลอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดชวนคนอื่นๆ ออกไปจากห้องเรียนกัน

 

“ฮะฮะ ถ้ายังไงตอนนี้พวกเราก็ไปกินข้าวกันก่อนเถอะครับ ส่วนเรื่องชมรมเดี๋ยวเอาไว้ค่อยมาคิดกันหลังพักกลางวันก็ได้”

 

“นั่นสินะ… ว่าแต่ถ้าจะกินข้าวกันนี่ต้องไปซื้อกินกันที่โรงอาหารเท่านั้นหรือเปล่าน่ะ?”

 

“เอาจริงๆ ทางโรงเรียนก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้พวกนักเรียนเอาข้าวกล่องมากันเองนะครับ แต่ว่าส่วนมากแล้วก็จะไปซื้อกินกันที่โรงอาหารกันเพราะว่ามันสะดวกดีน่ะครับ”

 

“เอาข้าวกล่องมากันเองได้ด้วยงั้นหรอ… ถึงจะอยากประหยัดเอาไว้สักหน่อยก็เถอะแต่ว่าถ้าจะให้ตื่นเช้ามาทำข้าวกล่องทุกวันก่อนจะมาโรงเรียนก็คงจะยากล่ะมั้งเนี่ย”

 

นากาพูดบ่นขึ้นมาเบาๆ เพราะถึงแม้ว่าเขาจะอยากประหยัดเงินเอาไว้เพื่อที่พรีมูล่าจะได้มีเงินใช้ซื้อขนมกินเล่นเต็มที่ก็ตามทีแต่ว่าถ้าจะให้เขาตื่นเช้าเพื่อทำข้าวกล่องมาเองทุกวันก็คงจะไม่ไหวเหมือนกัน ซึ่งคำพูดของนากาที่พูดเหมือนกับว่าเขาทำอาหารเป็นนั้นก็ทำให้คอนแนลพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจในทันทีเพราะว่าตั้งแต่อาศัยอยู่บ้านเดียวกันมานี้เขาไม่เคยเห็นนากาเข้าครัวเลยแม้แต่สักครั้งเดียว

 

“เอ๋? นากาทำอาหารเป็นด้วยหรอครับ… นี่ผมนึกสภาพนากาเข้าห้องครัวไม่ออกเลยนะครับเนี่ย…”

 

“เอ้า ก็ตอนที่อยู่บ้านเอริกะ ไม่นายก็เอริกะเป็นคนทำอาหารให้พวกเรานี่ แถมพอย้ายไปอยู่ที่คฤหาสน์นายกับอลิซก็แย่งกันเข้าครัวอีกแล้วแบบนี้จะให้ฉันแสดงฝีมือตอนไหนกันล่ะ?”

 

“เห… พูดแบบนี้นี่แปลว่านากามั่นใจในฝีมือการเข้าครัวของตัวเองมากอยู่พอสมควรเลยสินะครับเนี่ย”

 

“ม่ายอ่ะ~ ถึงตอนอยู่ที่หมู่บ้านพี่นากาจะทำอาหารให้หนูกินทุกวันก็เถอะแต่ว่าถ้าไม่ใช่เมนูไข่แล้วล่ะก็แทบจะถึงขั้นกินไม่ได้เลยอ่ะ~”

 

“เรื่องบางเรื่องไม่ต้องพูดก็ได้นะยัยตัวแสบ!!”

 

“อุ๊บ… หึหึหึ…”

 

คอนแนลที่ได้ยินพรีมูล่าพูดนินทาพี่ชายของตัวเองออกมานั้นถึงกับหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยจนทำให้นากาหันกลับไปมองเขาตาขวางและพูดแขวะอัศวินหนุ่มคนนี้เข้าไปสักทีหนึ่ง

 

“ใครมันจะไปเหมือนนายที่เหมาะจะเป็นพ่อบ้านมากกว่าอัศวินกันอีกล่ะหะ!?”

 

“จุ๊ๆ อย่าให้ผมรู้ว่านากาเผลอทำอะไรพลาดไปบ้างนะครับ”

 

“อ๋อ ถ้าเรื่องของนากาล่ะก็ฉั—–”

 

“เธอก็อย่าตามน้ำไปด้วยคนสิโมโกะ!!”

 

นาการีบหันไปพูดว่าโมโกะที่รู้จักกับเขามาตั้งแต่จำความได้และทำท่าเหมือนกับว่าจะเล่าเรื่องวีรกรรมสมัยก่อนของเขาให้คอนแนลฟังขึ้นมาเสียงดังจนทำให้ทุกคนหลุดหัวเราะออกมาก่อนที่พวกเขาจะลุกขึ้นจากที่นั่งเพื่อที่จะได้ออกเดินไปยังโรงอาหารที่อยู่อีกตึกหนึ่งกัน

 

ซึ่งในขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านสนามหญ้าเพื่อไปทางโรงอาหารกันอยู่นั้นพวกเขาก็ได้เห็นเหล่าเด็กนักเรียนบางคนกำลังยืนจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องของสนามหญ้าที่เป็นหลุมเป็นบ่อกันอยู่ด้วยความสงสัยว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นมากันแน่ ในขณะที่เหล่าภารโรงของโรงเรียนเองก็กำลังช่วยกันซ่อมแซมสนามหญ้ากันอยู่ด้วยสีหน้าปานจะร้องไห้ที่สนามหญ้าของโรงเรียนพังเละกันตั้งแต่วันแรกกันแบบนี้

 

“โหววว~ คนเยอะจังเลยอ้ะ”

 

ในทันทีที่พวกเขาเดินเข้ามาด้านในโรงอาหารนั้นพรีมูล่าก็ได้ส่งเสียงร้องขึ้นมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้นเพราะว่าในขณะนี้เหล่าเด็กนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสได้มารวมตัวกันอยู่ภายในโรงอาหารเพื่อพักทานข้าวกลางวันกันจนแทบไม่มีที่เดิน

 

แต่ถึงแบบนั้นปริมาณนักเรียนที่อัดแน่นกันอยู่ในโรงอาหารนี้ก็ยังคงดูน้อยกว่าปริมาณเด็กนักเรียนที่ตั้งแถวกันอยู่ในตอนเช้ามาก ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นเพราะว่านักเรียนบางส่วนคงจะไม่ต้องการเข้ามาเบียดเสียดกับคนอื่นจึงได้เตรียมข้าวกลางวันมากันเองนั่นเอง

 

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพวกนากาลองไปเดินดูกันก่อนก็ได้นะครับว่าในโรงอาหารมีอะไรขายกันบ้างน่ะ เดี๋ยวผมจะไปจองที่นั่งให้ก่อนเอง”

 

“โอ้ งั้นฝากด้วยนะคอนแนล”

 

“อ่ะ— เดี๋ยวสิพี่คอนแนล! แล้วนี่ซิลจังเขาอยู่ไหนอ่ะ? เห็นพี่คอนแนลบอกว่าซิลจังเขาน่าจะออกมาจากห้องพยาบาลตอนพักเที่ยงนี่นา”

 

“เอ่อ… ถ้าเกิดว่าไม่ได้กลับขึ้นไปหยิบของข้างบนห้องก็น่าจะอยู่ในโรงอาหารนี่ล่ะมั้งครับ ถ้ายังไงพรีมูล่าก็กินข้าวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยลองออกไปเดินหาดูน่าจะดีกว่านะครับ”

 

“บู่วววว แต่หนูอยากกินข้าวกับซิลจังเขานี่นา”

 

คำตอบของพรีมูล่านั้นทำให้คอนแนลเผยรอยยิ้มออกมาและยื่นมือไปลูบหัวพรีมูล่าที่กำลังพองแก้มอยู่เบาๆ ในขณะที่นากาและโมโกะนั้นก็กำลังหันไปมาเพื่อมองสำรวจดูโรงอาหารกันอยู่และหันไปพูดคุยกันเองด้วยความตื่นเต้น

 

“ร้านขายอาหารเยอะจังแฮะ… ด้านนั้นมีเมนูข้าวจากเมืองซายูกิ ทางด้านนั้นก็มีร้านขายเมนูเส้นของเมืองกราวิทัส ตรงนู้นก็มีพวกขนมจากเมืองแพนเทร่าด้วย… นี่มันศูนย์รวมอาหารจากทั่วทั้งทวีปหรือไงกันเนี่ย?”

 

“นั่นสิ แถมราคาเองก็ไม่ได้แพงอะไรขนาดนั้นด้วย นี่ถ้าเกิดว่าที่หมู่บ้านของพวกเรามีอะไรแบบนี้บ้างก็ดีนะ”

 

โมโกะที่กำลังมองสำรวจดูเมนูอาหารของแต่ละร้านอยู่นั้นได้พูดตอบนากาไปเพราะว่าราคาอาหารที่เธอเห็นก็ไม่ได้แตกต่างไปจากร้านอาหารในเมืองสักเท่าไหร่นัก แถมเผลอๆ บางร้านเองก็ยังจะขายถูกกว่าข้างนอกอีกซะด้วยซ้ำ

 

“อ่ะ— นั่นซิลจังนี่นา! พี่นากาไปกันเร็ว!!”

 

“อ่ะ— เดี๋ยว— อย่าลากพี่แบบนี้สิพรีมูล่า—!!”

 

ในขณะที่สองหนุ่มสาวจากหมู่บ้านโมริโกะกำลังตื่นตาตื่นใจอยู่กับบรรยากาศการพักกลางวันของโรงเรียนรีมินัสกันอยู่นั้น พรีมูล่าที่เหลือบไปเห็นเส้นผมสีฟ้าและหูแมวบนศีรษะของเด็กสาวคนหนึ่งเข้าก็ได้ร้องขึ้นมาด้วยความดีใจ ก่อนที่เธอจะลากแขนของพี่ชายของตัวเองไปทางด้านนั้นในทันที จนทำให้โมโกะที่ถูกทิ้งเอาไว้คนเดียวได้แต่ยิ้มออกมาแบบหน่ายๆ

 

“ยัยตัวแสบนั่นก็หาเพื่อนคนอื่นได้เหมือนกันงั้นสินะเนี่ย…”

 

โมโกะพูดบ่นขึ้นมาเบาๆ พลางนึกกลับไปถึงตอนที่ยังอยู่ในหมู่บ้านโมริโกะที่พรีมูล่าแทบจะตัวติดกับนากาและเธอเกือบจะทั้งวันโดยไม่ค่อยจะยอมเข้าหาเด็กๆ คนอื่นสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าเมื่อโมโกะได้นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องสมัยเก่าๆ ภาพใบหน้าของคุณพ่อของเธอในตอนที่เขาพยายามจะดึงตัวเธอกลับไปที่หมู่บ้านก็ผุดกลับขึ้นมาอีกครั้งจนทำให้โมโกะได้แต่ต้องถอนหายใจออกมา

 

“เฮ้อ… หืม…? นั่นเซซิลนี่นา… จะว่าไปเมนูข้าวปั้นจากซายูกิเองก็น่าลองเหมือนกันแฮะ แล้วจะได้ใช้เป็นเรื่องลองชวนเซซิลคุยดูได้ด้วย…”

 

โมโกะที่กำลังกลุ้มใจเพราะว่าเธอยังไม่ได้พูดขอโทษคุณพ่อของเธอก่อนที่เขาจะยอมแพ้และกลับหมู่บ้านไปตามที่อลิซบอกมาก็ได้สังเกตเห็นเซซิลที่กำลังยืนอยู่แถวร้านขายอาหารจากเมืองซายูกิที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล ทำให้เธอได้ตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปต่อแถวที่ด้านหลังของเซซิลเพื่อที่จะได้ลองทานอาหารจากเมืองซายูกิดูและจะได้ถือโอกาสนี้ลองคุยกับอีกฝ่ายไปด้วยเลย

 

“อ่ะ–”

 

แต่ว่าโมโกะที่เดินเข้าไปใกล้เซซิลนั้นก็ได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเธอได้พบว่าเซซิลที่เธอคิดว่ากำลังต่อแถวรอซื้ออาหารอยู่นั้นแท้จริงแล้วกลับกำลังถูกเด็กนักเรียนชายสามคนยืนล้อมกรอบเอาไว้ต่างหาก

 

ซึ่งเด็กนักเรียนสองคนที่ยืนประจันหน้ากับเซซิลอยู่ด้วยท่าทางชวนเรื่องนั้นคนหนึ่งมีเส้นผมสีแดงและนัยน์ตาสีเขียว ในขณะที่อีกคนหนึ่งมีเส้นผมสีน้ำเงินเข้มประบ่าที่มัดไว้เป็นทรงหางม้า

 

แต่ถึงแม้ว่าเด็กนักเรียนทั้งสองคนจะกำลังแสดงท่าทีคุกคามเซซิลออกมาอย่างชัดเจน ทางด้านเด็กหนุ่มผมสีเขียวเข้มกับนัยน์ตาสีฟ้าที่ดูเหมือนว่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับพวกเขากลับยืนเว้นระยะห่างออกไปเล็กน้อยและเฝ้าจับตาดูการกระทำของเพื่อนของตนอยู่อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่ได้เข้ามาร่วมวงด้วย

 

“เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย…”

 

โมโกะที่เห็นเซซิลที่เป็นคนรู้จักของเธอกำลังถูกคุกคามอยู่อย่างโจ่งแจ้งกลางโรงอาหารนั้นได้หรี่ตามองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความแปลกใจก่อนที่เธอจะตัดสินใจที่จะเข้าไปช่วยเหลืออีกฝ่ายในทันที

 

“นี่เซซิ—”

 

“พูดอะไรบ้างสิเฮ้ย! หรือว่ากลายเป็นใบ้ไปแล้วหรือไง!?”

 

ในขณะที่โมโกะกำลังจะเดินเข้าไปเรียกเซซิลนั้นอยู่ๆ เด็กนักเรียนผมสีแดงที่ยืนประจันหน้ากับเซซิลอยู่ก็ได้ตะคอกใส่เซซิลด้วยเสียงที่แทบจะดังก้องไปทั่วทั้งโรงอาหารจนทำให้โมโกะถึงกับสะดุ้งสุดตัวและรีบเปลี่ยนแผนการไปเป็นหลบดูสถานการณ์อยู่หลังกระถางต้นไม้ประดับที่อยู่ใกล้ๆ กันแทนในทันที

 

“เฮ้ย! พวกฉันพูดกับแกอยู่นะ หูหนวกหรือไง!?”

 

ปึ๊ก

 

เด็กนักเรียนผมสีน้ำเงินเข้มได้พูดขึ้นมาเสียงดังและยื่นมือออกไปเพื่อที่จะได้คว้าแขนของเซซิลเอาไว้ แต่ว่าเซซิลก็ปัดมือของอีกฝ่ายทิ้งไปอย่างไม่ไยดีก่อนที่เธอจะหันหลังกลับเพื่อที่จะได้เดินหนีไปทานข้าวที่ร้านอื่นแทน

 

หมับ

 

“ยัยนี่! คิดว่าหนีมาหลบที่เมืองอื่นแบบนี้แล้วจะรอดตัวไปได้ง่ายๆ หรือไงหะ!?”

 

เด็กนักเรียนผมสีน้ำเงินได้ตะคอกใส่เซซิลอีกครั้งหนึ่งก่อนที่เขาจะยื่นมือไปจับหลังคอเสื้อของเซซิลและกระชากดึงตัวเธอกลับเข้ามาใกล้ๆ จนทำให้โมโกะที่แอบหลบอยู่หลังกระถางต้นไม้ตัดสินใจที่จะออกไปช่วยเหลือคนรู้จักของเธอในทันที

 

“ย—หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ!!”

 

เสียงร้องของโมโกะนั้นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังยืนล้อมกรอบเซซิลอยู่ถึงกับชะงักไปก่อนที่เซซิลจะพูดขึ้นมาด้วยความแปลกใจ

 

“ยัยแมวระเบิด…?”

 

“หือ? เพื่อนของแกหรือไงยัยกาฝาก? เหอะ… ท่าทางบ้านนอกชะมัด”

 

“หื้ย— ที่โรงเรียนนี้มันกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์พวกบ้านนอกไปแล้วหรือไงเนี่ย”

 

“พวกนายทั้งสองคนพูดแรงเกินไปแล้วนะ…”

 

เด็กหนุ่มผมสีเขียวเข้มที่ยืนดูอยู่เงียบๆ มาสักพักแล้วได้ขมวดคิ้วพูดเตือนเพื่อนของเขาทั้งสองคนขึ้นมา เมื่อเขาเห็นว่ามีคนนอกอย่างโมโกะเข้ามาติดร่างแหไปด้วยจนเรื่องมันชักจะเลยเถิดไปกันใหญ่แล้วแต่ถึงแบบนั้นเด็กหนุ่มผมสีแดงก็กลับไม่สนใจคำเตือนของเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“หา? ก็มันเป็นเรื่องจริงนี่หว่าน๊อกซ์ หรือนายคิดว่าอย่างยัยกาฝากนี่จะหาเพื่อนที่เป็นคนเมืองได้จริงๆ น่ะ?”

 

“ก็ตามที่อากิเขาพูดนั่นแหล่ะน๊อกซ์ อย่างยัยหูแมวนี่น่ะต่อให้ดูยังไงอย่างมากก็เป็นได้แค่ลูกสาวของผู้ใหญ่บ้านชายแดนที่ไหนสักทีที่ที่คนในหมู่บ้านน่าจะต้องอดมื้อกินมื้อเพราะว่าทำเรื่องเกินตัวอย่างการส่งยัยบ้านนอกนี่มาเข้าเรียนในเมืองนั่นแหล่ะ! ฮะฮะฮะ”

 

“เฮ้อ… ก็เอาเป็นตามแบบที่พวกนายว่ามาละกัน…”

 

เด็กหนุ่มผมสีเขียวเข้มที่ชื่อว่าน๊อกซ์นั้นได้ถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายก่อนที่เขาจะถอยกลับไปมองดูอยู่ด้านหลังอย่างเงียบๆ ตามเดิม ในขณะที่ทางด้านโมโกะนั้นก็กำลังคิ้วกระตุกอยู่กับความปากเสียของเด็กหนุ่มทั้งสองคนเบื้องหน้า

 

“อะไรของพวกนายกันหะ!? คำก็บ้านนอกสองคำก็บ้านนอก นี่พวกนายคิดว่าแค่ได้เกิดมาในเมืองก็สูงส่งกว่าคนอื่นเขาแล้วหรือไง!?”

 

คำพูดของโมโกะนั้นทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองคนที่กำลังหัวเราะกันอยู่ถึงกับชะงักและหยุดเสียงหัวเราะของพวกเขาไปในทันทีก่อนที่พวกเขาจะหันมามองทางโมโกะด้วยสายตาดุร้าย ซึ่งนั่นก็ทำให้เซซิลต้องรีบเดินเข้าไปขวางหน้าโมโกะเอาไว้ในทันที

 

“แล้วแกคิดว่าพวกบ้านนอกอย่างพวกแกมีสิทธิ์ที่จะขึ้นเสียงใส่ขุนนางอย่างพวกฉันหรือไงหะ!?”

 

ฟุ๊บ—ปึ๊ก!!

 

หมัดของเด็กหนุ่มผมสีแดงที่พุ่งตรงเข้าใส่สองสาวนั้นถูกหยุดเอาไว้ด้วยฝ่ามือของนากาที่กำลังขมวดคิ้วแน่นก่อนที่เขาจะจ้องมองดูกลุ่มเด็กนักเรียนทั้งสามคนเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียดและเค้นเสียงพูดขึ้นมา

 

“เฮ้ย… พวกนายคิดจะทำอะไรเพื่อนของฉันกันหะ…?”