ตอนที่ 105 จะโตขึ้นอีกไม่ได้แล้ว ตอนที่ 106 ราคาขายส่ง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 105 จะโตขึ้นอีกไม่ได้แล้ว

ก่อนหน้านี้ซ่งอิงกังวลใจมาโดยตลอดว่า ภูตโสมจะคงลักษณะไว้ที่ประมาณห้าหกขวบตลอดไปหรือไม่

ลักษณะประเภทนี้ คงอยู่อีกปีสองปีคงไม่มีปัญหา แต่หากเวลานานวันเข้า ก็จะทำให้คนอื่นเกิดความเคลือบแคลงใจ นางยังคิดอยู่ว่า หากเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องคิดหาวิธีรับมือเอาไว้ด้วย

ตอนนี้เห็นทีว่า จะดีงามกว่าที่นางคิดเอาไว้หน่อย

ร่างเดิมยังเติบโตอย่างรวดเร็วถึงเพียงนั้น ไม่มีเหตุผลที่ร่างที่เปลี่ยนจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงกระมัง

ทว่าเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตาจนเป็นภัย จากนี้นางจะพยายามเว้นช่วงเวลาวัดขนาดมันสักครั้งเป็นระยะๆ

“ต้องเป็นเพราะน้ำผ่านจิตแน่นอน! ท่านแม่! ท่านแม่ขอรับ ข้าต้องการดื่มน้ำ จะได้ตัวสูงๆ ขึ้นอีก” ภูตกระโดดมาอยู่บนตัวนาง

รากฝอยที่พะรุงพะรังนั้น ทำให้เบื้องหน้าซ่งอิงพร่าเลือนไปหมด และสร้างความรำคาญเสียยิ่งอะไร “ไม่ได้ ไม่ว่าของสิ่งนั้นจะดีสักเท่าใดก็ต้องกำหนดปริมาณการดื่ม ขืนเจ้าดื่มมากเกินไปแล้วตัวสูงใหญ่ยิ่งกว่าข้าจะทำอย่างไร”

แปลกจัง? น้ำผ่านจิตของนางไม่ได้มีประสิทธิผลในการเร่งโตนี่?

หรือว่าจะมีปฏิกิริยาแตกต่างออกไปต่อพืชที่กลายเป็นภูตแล้ว หรือว่า น้ำผ่านจิตของนางจะเพิ่มทักษะเช่นการบำเพ็ญเพียรให้ภูตผีปีศาจได้ เพราะเมื่อบำเพ็ญเพียรลงลึกหน่อย ดังนั้นร่างเดิมก็แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย และเติบโตขึ้นไม่น้อยด้วยเช่นกัน?

มีความเป็นไปได้มากทีเดียว

ภูตโสมห่อเหี่ยวในทันทีทันใด

คนใจร้าย ไม่ยอมให้น้ำที่เปี่ยมไปด้วยพลังข้าดื่ม

ทว่าโสมน้อยก็ไม่ได้โกรธเคืองจริงจังแต่อย่างใด อย่างไรเสียแม้ว่ามันเป็นเพียงพืชที่มีพลังจิตและสติปัญญาเป็นของตัวเองตนหนึ่ง แต่ก็ยังรู้จักแยกแยะดีชั่ว หากไม่มีซ่งอิง มันก็คงไม่อาจมีวาสนาได้เติบใหญ่ขึ้นอีกถึงเพียงนี้ ทั้งยังได้ดูดซับน้ำที่มีพลังจิตเสริมสติปัญญา และสะอาดบริสุทธิ์ถึงเพียงนี้อีกด้วย

อีกทั้งการเป็นมนุษย์ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมาก แต่มีความสุขมากกว่า ของที่มนุษย์กินรสชาติก็อร่อยด้วยเช่นกัน แล้วยังมีลุงซ่งสวิน ท่านตาท่านยาย ล้วนเป็นคนดีมากทั้งนั้น

การเป็นมนุษย์ให้ความรู้สึกอบอุ่นในจิตใจอย่างยิ่ง!

เมื่อคิดเช่นนี้ ภูตโสมก็สะบัดๆ รากฝอย ช่างเถอะ เห็นแก่ความที่เจ้าคนใจร้ายปฏิบัติต่อเขาอย่างดีจริงๆ ดื่มน้อยลงหน่อยก็ได้…

ภูตโสมยอมรับด้วยความเต็มใจโดยง่ายดาย ไม่ทันไรก็มุดลงดินอีกครั้ง แม้ไม่ใช่มนุษย์ ซ่งอิงก็ยังสัมผัสได้ถึงลักษณะที่สุขสำราญของมัน

ถึงขั้นอดประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ว่า ดินนี่…เอร็ดอร่อยถึงเพียงนั้นจริงๆ หรือ

ครั้งหน้ายามที่มันไม่อยู่ คงต้อง…ลองลิ้มรสสักคำ?

ไก่ที่หลิวซื่อยกให้ ถูกซ่งอิงเอาไปไว้ลานหลังบ้าน

ตอนนี้ต้าหวงเป็นจ่าฝูงบรรดาไก่ที่มีอยู่ เมื่อเห็นสมาชิกมาใหม่ ก็เดินเช้ามาอย่างหน้าเชิดอกผาย ตะกุยฝีเท้าอยู่บนพื้นหนึ่งที เศษดินและหินก้อนเล็กๆ กระเด็นมาถูกตัวแม่ไก่แก่

“ต้าหวง นี่เจ้าไม่รู้จักผู้ใหญ่หรือเด็กสินะ? มันเป็นยายเจ้าได้แล้วด้วยซ้ำ” ซ่งอิงกล่าวเรื่อยเปื่อย

ลูกไก่น้อยตัวสีเหลืองในตอนนี้ยังเยาว์วัย ประสบการณ์น้อย แต่เห็นได้ชัดว่านิ่งอึ้งไป

จากนั้น…

“พั่บๆๆ…”

อุ้งตีนไก่ตัวนั้นเหมือนจอบไฟฟ้า ตะกุยอยู่บนดินอย่างรวดเร็ว ในชั่วพริบตาเดียว แม่ไก่แก่ก็เต็มไปด้วยฝุ่นดิน!

ซ่งอิงนิ่งอึ้ง

ประมาณหนึ่งถึงสองนาที สถานการณ์ดังกล่าวก็สงบนิ่งลง

แม่ไก่แก่นั่งยองอยู่ตรงนั้นอย่างว่าง่าย นางมองไปเข้าใจถึงอารมณ์ของแม่ไก่แก่ แต่แอบคิดว่า…แม่ไก่แก่ตัวนี้ว่าง่ายจนเหมือนลูกหลานตัวหนึ่ง…

ไม่กล้ามีเรื่องด้วยหรอก ไม่กล้าหรอก…

เดี๋ยวนี้แม้แต่ลูกไก่ก็วางมาดบาตรใหญ่ถึงเพียงนี้เชียวหรือ

“นี่…เจ้าก็อย่าไปรังแกตัวอื่นเขาเลย ข้ายังหวังให้มันออกไข่ให้ข้านะ…แล้วก็ ปกติแล้วเจ้าคงไม่แย่งอาหารของสหายลูกเจี๊ยบตัวอื่นๆ หรอกกระมัง เช่นนั้นมันไม่ดีนะ เจ้าเป็นพี่ใหญ่ จำเป็นต้องดูแลพวกเขา เข้าใจหรือไม่” ซ่งอิงไม่รู้เช่นกันว่าลูกเจี๊ยบสีเหลืองตัวนี้จะฟังเข้าใจหรือไม่ อย่างไรก็ตาม…ตักเตือนไว้หน่อยก็พอ

เมื่อเอ่ยพูดจบ นางก็คิดว่าตนเองช่างซื่อบื้อจริงๆ

เงยหน้ามองท้องนภาอย่างเก้อเขิน คลี่ยิ้มแห้งแล้วส่งเสียง “เอาละ ทำความรู้จักกันให้ดีๆ ล่ะ…”

นางเผ่นแน่บกลับเข้าห้องไป

เพียงแต่ครั้นนางเดินจากไป กลับไม่ทันมองเห็นว่า หลังลูกไก่สีเหลืองเดินจากบริเวณเดิมมาสองสามฝีก้าว แล้วกระพือปีกพับๆ ทันใดนั้นแม่ไก่แก่และบรรดาลูกเจี๊ยบล้วนไม่กล้าขยับเขยื้อน

ลูกไก่กระพือปีกไม่หยุด ท้ายที่สุดก็อยู่เหนือจากพื้นประมาณหนึ่งถึงสองเซนติเมตร

เพียงแต่ปีกของมันยังไม่เติบโตสมบูรณ์ จึงลอยสูงไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ตอนที่ 106 ราคาขายส่ง

ซ่งอิงไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำตักเตือนที่ตนเองให้ไว้กับต้าหวงมีประสิทธิผลแล้วหรือไม่อย่างไร เพราะจากนั้นไม่กี่วัน เห็นได้ชัดว่าประมาณอาหารของบรรดาลูกไก่เพิ่มขึ้นมาก

ลูกเจี๊ยบทั้งหลายต่างก็ดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน ขนสีเหลืองที่ฟูฟ่องดูน่ารักเป็นพิเศษ นอกจากนี้แม่ไก่ตัวนั้นก็ไม่ถูกต้าหวงรังแกอีกต่อไปแล้ว และคิดไม่ถึงว่าจะออกไข่ให้วันละสองฟองใหญ่ๆ เท่ากำปั้นมือ

ของที่บรรดาลูกไก่กิน ก็มีผักป่าที่ผ่านการรดน้ำผ่านจิตเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อยด้วยเช่นกัน เพียงแต่ที่ทำให้ซ่งอิงประหลาดใจคือ คิดไม่ถึงว่าต้าหวงจะเสียสละผักป่าเหล่านี้ออกมาให้ด้วย?

ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บ้านตระกูลซ่ง ลูกเจี๊ยบตัวน้อยยังรู้จักหวงอาหารไว้กินตัวเดียว คิดไม่ถึงว่ายามนี้จะรู้ความแล้ว?

ซ่งอิงไม่รู้เช่นกันว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกประทับใจเล็กน้อยอย่างประหลาด…

ซ่งอิงคิดว่า รอให้ต้าหวงเติบโตอีกหน่อย ไม่แน่ว่ายังให้ต้าหวงพาฝูงไก่ออกไปหาอาหารข้างนอกได้ด้วย เจ้าตัวนี้ชาญฉลาดเก่งกาจถึงเพียงนี้ การพาไก่ตัวอื่นๆ กลับมาที่เดิมน่าจะไม่เป็นปัญหา…

หากทางด้านเป็ดนั้นก็มีตัวที่เก่งกาจเพียงนี้เช่นกัน…

นั้นก็จะยิ่งสะดวกสบายไปใหญ่ อาจถึงขั้นไม่ต้องให้ภูตโสมออกจากบ้านไปต้อนเป็ดทุกวัน…

คิดๆ ดูก็รู้สึกเบาแรงไปไม่น้อย

แน่นอนว่า การนึกคิดดูผ่อนคลายสบายๆ ทว่าร่างกาย…ระยะนี้ซ่งอิงเหนื่อยสายตัวแทบขาด

ไส้บ๊ะจ่างห้าพันชิ้นไม่ใช่ทำกันได้ง่ายดายเพียงนั้น นางยุ่งอยู่กับงานแทบจะเรียกได้ว่าตั้งแต่เช้าตรู่จนถึงพลบค่ำ แม้แต่ทางด้านบ้านซ่งก็ห่อบ๊ะจ่างกันไม่หยุดหย่อน น้ำใจของผู้ร่วมงานทุกคนก็เริ่มลดน้อยลงไปบ้างแล้วเช่นกัน

ดีที่เงินค่าแรงของทุกวันไม่ใช่เรื่องโกหกหลอกลวง มิเช่นนั้นเกี่ยวกับบ๊ะจ่างนี้ เกรงว่าจะเกิดจิตใจจงเกลียดจงชังขึ้นมาแล้วก็เป็นได้

สองวันก่อนเทศกาลตวนอู่จะมาถึง สมาชิกตระกูลซ่งทั้งหมดกลับบ้าน

ทางด้านครอบครัวบุตรคนโต ซ่งเสี่ยนพร้อมภรรยาเผยซื่อกลับมาบ้าน ทางด้านครอบครัวบุตรคนรอง บิดานางก็ไม่ไปทำงานรับเหมา อยู่บ้านคอยช่วยเหลืออีกแรง นอกจากนั้นก็คือครอบครัวบุตรคนที่สี่ อาเล็กบ้านสี่ก็มีวันหยุดเช่นกัน จึงได้กลับบ้านพักผ่อน

เมื่อในเรือนมีสมาชิกหลายคน จึงเสียงดังโหวกเหวกเล็กน้อย

อย่างอื่นไม่เท่าไร เพียงแต่อาเล็กของบ้านสี่ สร้างความปวดหัวให้ผู้คนมากพอตัว

ซ่งหม่านซานไม่เหมือนพี่ชายน้องชายคนอื่นๆ เพราะเป็นคนเล็กสุด ตั้งแต่เด็กก็ถูกให้ท้ายเสียเคยชินจนเติบใหญ่

บ๊ะจ่างที่ห่อในทุกๆ วัน ซ่งอิงจะเหลือเอาไว้จำนวนหนึ่งแบ่งให้คนครอบครัวซ่งลิ้มรส ส่วนที่ให้บ้านสี่นั้น เหยาซื่อสะใภ้เล็กจะฝากลุงใหญ่ส่งไปให้ซ่งหม่านซาน

ตอนนี้ซ่งหม่านซานกลับมาอยู่บ้าน การกินบ๊ะจ่างก็ยิ่งสะดวกสบายขึ้นแล้ว

“เอ้อร์ยา อาเจ้าเอ่ยว่าต้องการไปกินดื่มสุรากับคนอื่น ขอบ๊ะจ่างสักยี่สิบชิ้นสิ…” สองวันมานี้เห็นได้ชัดว่าปริมาณที่เหยาซื่อสะใภ้เล็กทำได้ลดน้อยลงไปพอตัว

ในบ้านมีบรรดาสามีที่ต้องคอยปรนนิบัติ ทำอะไรด้วยตนเองไม่ค่อยเป็น ต้องคอยดูแลถึงที่ ไม่แปลกใจเลยที่จะไม่มีสมาธิจดจ่ออยู่กับงาน

ซ่งหม่านซานกลับบ้านวันแรกก็ต้องการบ๊ะจ่างยี่สิบชิ้น ซ่งอิงมีจำนวนที่กำหนดไว้แน่นอนแล้วสำหรับให้คนครอบครัวซ่ง หากวันนั้นบ๊ะจ่างทำเสร็จครบห้าพันชิ้นแล้ว บ๊ะจ่างที่เหลือเอาไปขายภายนอกในราคาขายปลีกได้ แต่ทั้งหมดต้องจ่ายเงินด้วย

แต่อย่างไรเสียซ่งหม่านซานก็เป็นคนครอบครัวกันเอง ครั้งแรกยามที่ขอบ๊ะจ่าง ซ่งสวินเอ่ยปากว่าต้องลงบัญชีเอาไว้ด้วย ถูกซ่งหม่านซานชี้หน้าตำหนิใหญ่โต ตอนนั้นหญิงชราก็ไม่พูดไม่จา หยิบเอาไปยี่สิบชิ้น แล้วให้ไปหน้าตาเฉย

หญิงชราเป็นผู้ลงมือ ซ่งสวินจึงไม่สะดวกขัดขวาง แต่กลับคิดว่าไม่เหมาะสม จึงบอกกล่าวซ่งอิงเอาไว้

ดังนั้น ซ่งอิงจึงมาเฝ้าดูอยู่ที่บ้านซ่งเป็นการเฉพาะ

เห็นเหยาซื่อสะใภ้เล็กเอ่ยปาก ซ่งอิงกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวและไม่อ่อนโยนเกินไป “ยี่สิบชิ้นจะพอหรือเจ้าคะ ถึงอย่างไรอาเล็กก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลประตูระบายน้ำคนหนึ่ง สหายที่รู้จักก็เป็นเจ้าหน้าที่ผู้เก็บภาษีข้าวสารธัญพืชทั้งนั้นกระมัง? อย่าให้ขายหน้าเชียว ข้าว่านะ เอาไปสักหนึ่งร้อยชิ้นจะดีกว่า สหายไปมาหาสู่กันทั้งทีก็ต้องมอบของให้เพื่อแสดงความนับถือกันหน่อย จะให้บ๊ะจ่างของข้านี้ทำเขาขายหน้ามิได้เชียว”

เหยาซื่อสะใภ้เล็กได้ยินดังกล่าว พลันเผยสีหน้าดีอกดีใจ “เช่นนั้น เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน เอ้อร์ยา ไม่เสียแรงที่เมื่อก่อนอาเจ้าก็เอ็นดูเจ้าเช่นกัน!”

“ก็แค่ทำกิจการค้าขายเท่านั้นเจ้าค่ะ เรียกว่ากตัญญูรู้คุณอะไรกัน” ซ่งอิงปิดปากยิ้มอย่างเคอะเขิน จากนั้นชักสีหน้าเปลี่ยนไป “อาสะใภ้ต้องการจำนวนมาก ฉะนั้นข้าก็จะให้ราคาส่งแก่ท่านแล้วกัน ท่านลองดูเลยนะเจ้าคะว่าจะเอารสชาติอะไรบ้าง”