บทที่ 79 นวัตกรรมใหม่

คิงดราก้อน

คนที่อยู่ตรงนั้น ต่างก็ได้มองไปทางประตู แม้แต่เซียวหยางเองก็ได้หันหน้าไปเล็กน้อย

ในเวลานี้ คนสามคนได้ปรากฏตัวขึ้นที่หน้าประตู ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งยืนขนาบชายชราคนหนึ่งไว้ตรงกลาง และเดินไปยังเวที

ชายชราท่าทางกระฉับกระเฉง สีหน้ามีน้ำมีนวล สวมชุดจงซานจวง ไม่มีความรู้สึกใด ๆ บนใบหน้า

“เป็นผู้อาวุโสซุนจ้าวเหนียง!”

“ใช่ผู้อาวุโสซุนจริง ๆ ด้วย พระเจ้า คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอตัวจริง!”

พวกหมอทั้งหลายต่างลูบฝ่ามือคำกำปั้น บนใบหน้าเต็มไปด้วยความปีติยินดี ส่วนนักเรียนสองคนที่อยู่ข้างกายของซุนจ้าวเหนียงนั้น ยืดคอขึ้นเล็กน้อย ราวกับหงส์ที่หยิ่งทะนง เพลิดเพลินกับการยกยอของทุกคน

หลังจากที่ซุนจ้าวเหนียงปรากฏตัวขึ้น ก็ได้จ้องมองไปที่เหล่าหมอหนุ่มสาวที่นั่งอยู่ด้านหน้า แต่ทว่ากวาดสายตาไปมาอยู่สองรอบ ก็ไม่เห็นชายหนุ่มที่พบเจอในห้างสรรพสินค้าวันนั้นเลย

นี่มันอะไรกัน หรือว่าชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้มา?

สำหรับเหล่าผู้ประกอบการที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้น ซุนจ้าวเหนียงไม่ได้ชายตามองเลยสักนิด เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่เห็นเซียวหยางที่นั่งอยู่ในกลุ่มคนเหล่านั้น

เซียวหยางเองก็คิดไม่ถึงว่า ซุนจ้าวเหนียงจะเป็นชายชราที่เจอในห้างสรรพสินค้าวันนั้น เฮ้อ ดูเหมือนว่าแพทย์แผนจีนจะตกต่ำลงแล้ว ฝีมือการฝังเข็มของชายชราคนนี้ไม่ได้ร้ายกาจอะไรขนาดนั้น แต่กลับได้รับการยกย่องจากผู้คนเช่นนี้

“ผู้อาวุโสซุน การมาของท่าน ทำให้การพูดคุยแลกเปลี่ยนในครั้งนี้ของพวกเรารู้สึกเป็นเกียรติยิ่งนัก” ประธานเจิ้งได้ลุกยืนขึ้นมาตั้งนานแล้ว เขาออกมาต้อนรับซุนจ้าวเหนียงด้วยตัวเอง และให้ซุนจ้าวเหนียงนั่งอยู่ตรงกลาง

ซุนจ้าวเหนียงพยักหน้า และเอ่ยตอบ“ประธานเจิ้ง และทุกคนไม่ต้องเกรงใจนักหรอก นั่งลงเถอะ ที่ฉันมาในวันนี้ก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ทางการแพทย์ ถ้าพวกคุณยังเกรงใจอยู่แบบนี้ ผมก็จะจากไปทันที”

“อย่า อย่านะครับ!”

ประธานเจิ้งส่ายหน้าด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น และได้ผ่อนคลายลง เขานำถ้วยชาถ่้วยหนึ่งวางลงไปที่ด้านหน้าของชายชราด้วยตัวเอง จากนั้นก็นั่งลงที่ด้านข้างของชายชรา

หลังจากที่ซุนจ้าวเหนียงมาถึง การพูดคุยแลกเปลี่ยนทางการแพทย์ถึงได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ก่อนอื่น ได้ให้เหล่าแพทย์ยกตัวอย่างโรคที่อยากต่อการรักษา และเสนอความคิดเห็นของตัวเองออกมา จากนั้นทุกคนก็เริ่มร่วมกันอภิปรายหารือ ร่วมแรงร่วมใจ กระจายความคิดออกมา

เมื่อเป็นเช่นนี้ เทคนิคทางการแพทย์ของทุกคนก็จะได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น

เพียงแต่ว่า สถานการณ์เช่นนี้ ไม่ค่อยจะเหมาะกับเหล่าผู้ประกอบการที่นั่งอยู่ด้านหลังซักเท่าไหร่ พวกเขาฟังด้วยความมึนงง ไม่เข้าใจใด ๆ เลย

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาต่างก็ยังทำเป็นอ่อนน้อมถ่อมตนในการเรียนรู้ และเริ่มจดบันทึกขึ้นมา เหตุผลนั้นง่ายนิดเดียว นั่นก็เพราะประธานเจิ้งและผู้อาวุโสซุนต่างก็ได้มองดูอยู่บนเวที ผิดพลาดเล็กน้อย ก็จะทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีด้วย เช่นนั้นการร่วมมือก็จะสูญเสียไป

“เซียวหยาง คุณมัวทำอะไรอยู่ รีบจดบันทึกไว้สิ รอถึงตอนประมูล อาจจำเป็นต้องใช้ก็ได้”

ใครก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าประธานเจิ้งจะใช้วิธีอะไรในการประมูล ดังนั้นจึงไม่อาจมองข้ามความเป็นไปได้ใด ๆ ทั้งสิ้น

เซียวหยางกำลังนั่งขาไขว่ห้าง เล่นเกมไพ่พิชิตเลนส์ลอร์ดในโทรศัพท์อยู่ พอได้ยินคำพูดของเย่หยุนซู เขาก็ยิ้มพลางกล่าว:

“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องที่พวกเขาอภิปรายนั้นไม่ได้มีค่าอะไรเลย ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ อภิปรายกันซะเข้าได้เข้าเข็ม ถือว่ากำลังฟังเรื่องตลกอยู่แล้วกัน”

ในสายตาของเซียวหยางแล้ว โรคที่หมอพวกนั้นบอกว่ายากต่อการรักษา เป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ นอกจากนี้ ความเห็นที่ว่าของหมอพวกนั้น ต่างก็ได้บันทึกอยู่ในหนังสือ ไม่มีข้อวินิจฉัยเชิงลึกเลยสักนิด

ถ้าหากสิ่งที่ต่างก็มีบันทึกไว้ในห้องสมุดการแพทย์อยู่แล้ว คุณยังเอามาพูดที่นี่อีกครั้ง เช่นนั้นสู้เปลี่ยนเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งยังจะมีประสิทธิภาพกว่าอีก

เซียวหยางส่ายหน้า นวัตกรรมใหม่ สิ่งที่แพทย์แผนจีนต้องการในปัจจุบันนั้นคือนวัตกรรมใหม่ โรคเข้าทางปาก ก็ใช่อยู่ว่าคนนั้นทานอาหารหลากหลายชนิด แต่สิ่งที่คนโบราณกับคนปัจจุบันกินนั้นจะเหมือนกันได้ยังไง?

อาการป่วยไม่เหมือนกัน แน่นอนว่าวิธีการรักษาก็ไม่เหมือนกัน ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ ไม่รู้จักอนุมานจินตนาการณ์ไปเรื่องต่าง ๆ พวกสมองขี้เลื่อย

เย่หยุนซูยังอยากจะเอ่ยต่อ แต่พอเห็นท่าทางเช่นนี้ของเซียวหยางแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก ถ้าเป็นในเวลาปกติแล้วเธอจะต้องต่อว่าเขาแน่ แต่พอนึกถึงตอนที่เซียวหยางจัดการกับมือสังหารเมื่อสักครู่ ก็เลยปล่อยเลยตามเลย

ทุกคนต่างอภิปรายอย่างกระตือรือร้น และถกเถียงกันอย่างดุเดือด ในขณะที่อภิปรายถึงจุดไคลแม็กซ์นั่นเอง ซุนจ้าวเหนียงก็ได้ยกมือทั้งสองข้างขึ้นและกดต่ำลงเล็กน้อย หมอพวกนั้นต่างก็ค่อย ๆ เงียบลง

“อยู่ที่ผมมีกรณีศึกษาอยู่กรณีหนึ่ง พวกคุณสามารถอภิปรายได้อย่างอิสระ”

ดวงตาของทุกคนเปล่งประกายขึ้นมา กรณีศึกษาของผู้อาวุโสซุน แน่นอนว่ามันไม่ธรรมดา คุ้มค่าที่จะเรียนรู้จากมัน

“ผู้อาวุโสซุน รบกวนให้คำแนะนำ!”

ซุนจ้าวเหนียงพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าว“คนไข้รายหนึ่ง อายุประมาณหกสิบเจ็ดสิบปี จู่ ๆ ก็สลบไป รูม่านตานูนออกมา สีหน้าสี่เซียว ที่ลิ้นมีฝ้าสีเหลืองเข้ม ชีพจรขาด ๆ หาย ๆ นิ้วมือขาดเลือด”

“คนไข้รายนี้ ใช้เข็มเงินทิ่มที่จุดหน่าวฮู่ จุดซ่างซิง จุดยิ่งถัง และจุดซี่เสินทงต่างก็ไม่เห็นผล คนไข้ไม่มีการตอบสนองใด ๆ ทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ มีทางออกที่ดีหรือไม่?”

ที่เขาพูดมานั้น ก็คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ห้างสรรพสินค้าในวันนั้นนั่นเอง

พอทุกคนฟังจบ ต่างก็ได้ตกอยู่ในความเงียบ บางคนขมวดคิ้วแน่น บางคนสายตาเลื่อนลอย

อายุมากขนาดนี้ จู่ ๆ ก็สลบไป ใช้เข็มเงินแทงจุดบริเวณสมอง เพื่อกระตุ้นเส้นประสาทสมอง นี่เป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่กลับไม่เป็นผลอะไรเลยงั้นเหรอ?

ไม่น่าจะเป็นไปได้นะไม่ว่าจะดูจากรูม่านตา หรือฝ้าบนลิ้นรวมไปถึงชีพจร ก็สามารถวินิจฉัยออกมาได้ว่าเป็นอาการสมองขาดเลือด ทำให้เป็นลมล้มไป จุดหน่าวฮู่ จุดซ่างซิง จุดยิ่งถัง และจุดซี่เสินทงทั้งสี่จุดนี้ เพียงแค่ให้การกระตุ้นอย่างรุนแรง ก็จะทำให้ฟื้นขึ้นมา

ทุกคนต่างก็กำลังครุ่นคิด แต่คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ

ในตอนนี้เองก็มีหมอคนหนึ่งยกมือขึ้นและกล่าว“บางทีอาจจะเป็นเพราะคนไข้อายุมากเกินไป โครงสร้างทางสรีรวิทยาเสื่อมโทรม ทำให้จุดฝังเข็มมีการเคลื่อนที่ หรือไม่อาจจะลองรักษาแบบแพทย์แผนตะวันตกก็ได้ ให้ผู้ป่วยได้รับออกซิเจน”

“ใช่ การให้ออกซิเจนเป็นวิธีที่ไม่เลวเลย และให้ยาเข้าไปด้วย ผู้ป่วยก็สามารถฟื้นได้”

ซุนจ้าวเหนียงส่ายหน้า พลางกล่าว“วิธีของคุณอาจจะใช้ได้ก็จริง แต่กรุณาใส่ใจเงื่อนไขที่ผมตั้งไว้ด้วย นี่เป็นกรณีฉุกเฉิน อีกอย่างผู้ป่วยก็ชรามากแล้ว ไม่มีเวลาที่จะรีบไปโรงพยาบาล แล้วจะเอาเครื่องช่วยหายใจและยามาจากที่ไหน?”

“เรื่องนี้……”

หมอคนนั้นสีหน้าแดงก่ำ เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

นี่มันสร้างความลำบากให้กันชัด ๆ แพทย์แผนจีนไม่ได้ แพทย์แผนตะวันตกก็ไม่ได้อีก แถมยังต้องรีบช่วยผู้ป่วยในช่วงเวลาสั้น ๆ มันยากมากจริง ๆ

ถ้าหากเจอเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้จริง ชายชราคนนั้นจะต้องไม่รอดแน่

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ผ่านไปอีกสิบห้านาที ซุนจ้าวเหนียงก็ได้โบกมือ แล้วกล่าว“ชั่งเถอะ การอภิปรายจบลงเพียงเท่านี้”

บนใบหน้าของหมอพวกนั้นต่างก็ปรากฏแววน่าเสียดายออกมา เพราะว่าผู้อาวุโสซุนให้เวลาพวกเขาเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น เมื่อผ่านเวลานี้ไป อย่าว่าแต่ชายชราเลย ต่อให้เป็นคนหนุ่มสาวก็ต้องเสียชีวิตเพราะขาดเลือดไปเลี้ยงสมองเป็นเวลานานเกินไป

และนั่นก็หมายความว่า ถ้าหากเมื่อสักครู่มีผู้ป่วยอาการเดียวกันอยู่ตรงหน้าของพวกเขา พวกเขาเองก็ไม่มีหนทางใด ๆ ทำได้เพียงเฝ้ามองผู้ป่วยตายไป

ภายในใจของพวกเขานั้นรู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่นัก คนพวกนี้ต่างก็คิดว่าตัวเองนั้นมีทักษะและความรู้ทางการแพทย์มากมาย แต่ซุนจ้าวเหนียงเพียงแค่หยิบยกกรณีศึกษาขึ้นมากรณีหนึ่งกลับทำให้พวกเขา ไม่มีหนทางแก้ไขปัญหาได้

หมอคนที่ออกความคิดเห็นให้ใช้แพทย์แผนตะวันตกคนนั้น รู้สึกโมโหเล็กน้อย

“คุณท่านซุน ไม่ใช่ว่าผมคิดจะเถียง และยิ่งไม่ใช่ว่าผมดูถูกแพทย์แผนจีน แต่ว่าถ้าคนไข้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจริง ๆ คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่มีทางที่คนไข้จะรอดมาได้”

ซุนจ้าวเหนียงหรี่ตาลง ในแววตาปรากฏภาพเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าในวันนั้นลอยขึ้นมาอีกครั้ง ชายหนุ่มมีเทคนิคการฝังเข็มที่ล้ำเลิศและแนวคิดการวินิจฉัยโรคที่ยอดเยี่ยมอย่างหาได้ยาก!

เขาถอนหายใจอย่างหนักออกมาหนึ่งครั้ง และกล่าวอย่างผิดหวัง:

“เฮ้อ ดูเหมือนว่าเขาจะพูดไม่ผิด พวกเราคร่ำครึมากเกินไป ไม่รู้จักเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์!”