บทที่ 66 ความหมายของสาวใช้ประจำตัว

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 66 ความหมายของสาวใช้ประจำตัว

“ข้าน้อยคำนับพระชายา ท่านอ๋องอยู่ที่ห้องหนังสือ ทรงต้องการให้ท่านไปพบขอรับ”

พ่อบ้านเหมยรู้สึกแปลก ๆ เดิมวันนี้พระชายาจะต้องเข้าวัง เขาเองก็ได้สั่งการไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าพระชายากลับไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

ก่อนหน้านี้คิดว่าพระชายาอาจจะไม่สบาย แต่ตอนนี้ดูไปแล้ว นางก็ไม่มีอาการเหมือนจะอ่อนเพลียนี่นา ไม่เห็นมีอาการไม่สบายตรงไหนเลย?

แต่ว่าก็ยังดี

เหมือนท่านอ๋องเองก็ไม่ได้มีท่าทีจะเข้าวังเหมือนกัน อีกทั้งยังกำชับให้พระชายาไปที่ห้องหนังสือด้วย ไม่รู้ว่าท่านอ๋องทรงคิดอะไรอยู่?

“อ๋อ ได้”

ดูท่าวันนี้คงไม่ต้องเข้าวังแล้ว

แต่ว่าเมื่อคืนนางสู้กับเย่แจ๋หยิ่งไป วันนี้เขาคงไม่ได้จะมาแก้แค้นนางหรอกมั้ง?

หลานเยาเยามองไปที่สาวใช้ที่หลบ ๆ ซ่อน ๆ นางก็ไม่ค่อยพอใจ แต่ก็เดินตามพ่อบ้านหมายไปห้องหนังสือด้วยความสงสัย

หลังจากที่มาถึงห้องหนังสือ พ่อบ้านเหมยเข้าไปรายงานแล้วก็ออกมา

“แอด …….”

ประตูห้องลายแกะสลักถูกหลานเยาเยาดันเข้าไป ประตูห้องหนังสือใหญ่มาก ด้านในมีชั้นวางหนังสือมากมายวางเรียงกันเป็นแนวยาว บนชั้นวางหนังสือมีทั้งหนังสือโบราณ ของเก่าแก่ และหนังสือมากมาย บนผนังกำแพงยังแขวนภาพวาดที่สวยงามอีกจำนวนหนึ่งด้วย

ทั่วทั้งหนังสือทำให้คนรู้สึกถึงความคลาสสิคและเรียบง่าย

เมื่อหันหน้าไป ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งที่สวมชุดสีดำตัดขาว กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือตัวหนึ่งที่ทำจากไม้ นิ้วที่เรียวยาวของเขากำลังจับพู่กัน กำลังเหมือนเขียนหนังสือบนกระดาษอยู่

สายตาของเขาจับจ้องไปที่ตัวหนังสือที่เขาเขียน

หลานเยาเยาเดินขึ้นหน้าไป แล้วยืนมองรอบ ๆ แบบเงียบ ๆ

ในสายตาของนาง หนังสือพวกนั้น อักษรภาพพวกนั้น มันเป็นเงินก้อนใหญ่ทั้งหมด

เมื่อไหร่ก็ตามที่นางยึดที่นี่ได้แล้ว จะต้องจัดการมันทั้งหมด เอามันแปรเป็นเงินให้หมด จากนั้นนางก็จะเก็บมันเข้าสู่ระบบเลย

ทันใดนั้นเอง

“เจ้ากำลังวางแผนคิดจะทำอะไรกับห้องหนังสือของข้าอยู่ใช่ไหม?”

น้ำเสียงแบบแผ่นแม่เหล็กดังเข้าหูมา หลานเยาเยาหันไปสบตากับเขา จากนั้นก็ส่ายหน้า

“เปล่านะ ข้าเป็นคนแบบนั้นเหรอ?”

แปลก?

เขาเป็นพยาธิในตัวท้องนางหรือยังไง? หรือว่านางแสดงออกเกินหน้าเกินตาไป?

นางคิดอะไร ทำไมเขาถึงได้รู้ไปหมด

“ไม่ว่าจะมีหรือเปล่า ตอนนี้ข้าก็สงสัยตัวเจ้าไปแล้ว เพื่อให้เจ้าเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ตั้งแต่นี้ต่อไป เจ้าจะต้องอยู่ข้างกายของข้า ไปไหนมาไหนด้วยกัน มาเป็นสาวใช้ประจำตัวของข้า ขอแค่รับใช้ดูแลทั่วไป ไม่ต้องทำงานหนักอะไร จนกว่าข้าจะหายสงสัยในตัวเจ้า”

นานี่?

สาวใช้ประจำตัว ยังต้องไปไหนมาไหนด้วยกันอีก?

สรุปแล้วใครสงสัยใครกันแน่? เขากำลังแก้แค้นข้าอยู่ชัด ๆ

นางเป็นพระชายาที่แต่งเข้ามาอย่างถูกต้องตามประเพณีนะ ถึงแม้จะเป็นแค่ในนาม แต่ยังไงก็ได้ชื่อว่าเป็นพระชายา อยู่เหนือผู้หญิงทั้งหมดในจวน

ตอนนี้กลับจะให้นางมาเป็นสาวใช้ มือของนางเป็นมือที่เคยทำงานหนักมาก่อนหรือไง?

“ข้าปฏิเสธ”

นางต้องปฏิเสธ อีกทั้งความมั่นใจในการปฏิเสธก็ไม่มีเรื่องอะไรมาทำให้นางเปลี่ยนใจได้

“ถ้าอย่างนั้นก็เข้าไปอยู่ในคุก ใช้วิธีการลงทัณฑ์ของกรมอาญาทั้งหมดสักรอบหนึ่ง” เย่แจ๋หยิ่งกระพริบตา

“ข้าขอปฏิเสธ ปฏิเสธที่ท่านไม่ให้ข้าทำงานหนัก”

ฮือฮือฮือ ……

ต่อต้านปฏิเสธอะไรกัน?

กินข้าวได้หรือยังไง เอาชีวิตรอดได้เหรอ?

“ถ้าเช่นนั้น ต่อไปไม่ว่าจะกินจะนอนเสื้อผ้าก็ให้เจ้าเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด หากเกิดความผิดพลาด วิธีลงทัณฑ์สิบแปดอย่างรอเจ้าอยู่แน่นอน”

“ท่านอ๋อง …… ทรงพระปรีชา”

คำพูดแบบนี้มันเหมือนฝืนกัดฟันพูดออกมา แต่ในใจของนางกลับเหมือนมีอะไรหนักอึ้ง

แต่ว่ายังโชคดีที่

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้ประกาศเรื่องที่จะให้นางเป็นสาวใช้ประจำตัวให้คนอื่นรู้

ดังนั้น

เปลือกหน้านางยังคงเป็นพระชายาเย่อ๋องผู้สูงศักดิ์อยู่

แม้แต่เรื่องที่พวกเขาสู้กันเมื่อคืน เขาก็ไม่พูดถึงมันเลย เหมือนว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

ในเมื่อเย่แจ๋หยิ่งไม่ถาม นางก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย

ผ่านไปหลายวัน เย่แจ๋หยิ่งก็ยังคงไม่ไปประชุมเช้า ไม่ออกนอกจวนอ๋องแม้แต่ก้าวเดียวด้วย เขาก็อยู่ในห้องหนังสือของเขาแบบนั้น

ในตอนนี้เอง

เย่แจ๋หยิ่งก็วางหนังสือในมือของเขาลง จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมามองนาง แล้วพูดว่า

“ไปเตรียมตัว เดี๋ยวเราจะออกจากจวนกัน”

“อือ”

โย่ว ในที่สุดก็รู้ตัวว่าควรจะออกจากจวนแล้ว หากยังไม่ออกไปไหนอีกนางคงขึ้นราแน่แล้ว

หากเย่แจ๋หยิ่งอยู่ในยุคปัจจุบัน จะต้องเป็นผู้ชายที่เฉื่อยชาแน่นอน

หลานเยาเยาไม่รู้ว่าเขาจะไปไหน?

แต่ว่าการออกนอกจวนสำหรับนางแล้วมันก็คือการมีของกิน มีเย่แจ๋หยิ่งเศรษฐีใหญ่อยู่ด้วย นางจะซื้อขนมหรือว่าของกินอะไร คงไม่จำเป็นต้องให้นางออกหรอกมั้ง?

นางเลยเตรียมตัวไม่มาก จากนั้นก็รีบไปรอเขาที่หน้าห้องหนังสือ

ไม่นานก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งเดินออกมา เดิมคิดว่าเขาคงจะออกจากจวนทันที คิดไม่ถึงเลยว่า เขากลับพูดว่า

“ข้าอยากเปลี่ยนชุดใหม่”

“อ๋อ”

ไปก็ไปสิ

จะให้นางไปถอดเสื้อให้เขาหรือยังไง?

จากนั้น เย่แจ๋หยิ่งเดินออกไปไม่กี่ก้าว ก็พบว่านางไม่ได้ตามมาด้วย เลยหันไปจ้องหน้านาง

“หรือว่าเจ้าไม่เข้าใจความหมายของคำว่าสาวใช้ประจำตัว?”

“เข้าใจ ข้าเข้าใจ สาวใช้ประจำตัวก็คือสาวใช้ที่คอยรับใช้ท่านอ๋องไม่ห่างกาย อีกทั้งจะต้องไปไหนมาไหนด้วยตลอดเวลา”

เขาเป็นเด็กสามขวบหรือยังไง คิดว่าเขาไม่รู้เหรอ?

“ …… ”

หลานเยาเยาตั้งใจแน่นอน

สุดท้ายท่ามกลางสายตาที่อันตรายของเย่แจ๋หยิ่ง หลานเยาเยาก็ยอมเดินตามเขาไปที่ห้องนอนของเขา

ถึงแม้จะเป็นสาวใช้ประจำตัวเขา แต่เย่แจ๋หยิ่งก็ไม่เคยให้นางเข้าไปยังห้องนอนของเขา ดังนั้นทุกครั้งนางจะยืนรออยู่หน้าห้องนอนเสมอ นางหยุดเดิน แล้วยืนรออย่างเงียบ ๆ

แต่ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม

เห็นนางหยุดเดิน เย่แจ๋หยิ่งเองก็หยุดเดินเช่นกัน หลังจากนั้นก็มองไปที่นาง สายตาเหมือนไม่ค่อยเข้าใจ

มันทำให้หลานเยาเยางงมาก

“ท่านอ๋องเย่ ท่านรีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอก”

หลานเยาเยายิ้มหวาน แล้วเร่งให้เขารีบไป

ขนมของหวานด้านนอกกำลังรอนางอยู่ จะมามัวลีลาทำไมกันอีก?

ใครจะรู้ ……

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้พูดอะไร อีกทั้งยังเอนหน้าไป จากนั้นก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า

“ดูท่าทางแล้วเจ้าเหมือนจะยังไม่เข้าใจความหมายของคำว่าสาวใช้ประจำตัว”

“อ่า?” หมายความว่ายังไง

นางเหมือนยังคิดไม่ได้ เย่แจ๋หยิ่งก็ยื่นมือมาจับชายเสื้อของนางเอาไว้ แล้วก็ถูกเย่แจ๋หยิ่งลากเข้าห้องนอนไปเหมือนลูกเจี๊ยบเลย

หลังจากที่เขาไปในห้องนอนที่หรูหรา เขาก็ปล่อยนางแบบรุนแรงมาก

หลานเยาเยาหลังชนไปที่เสาสีแดง

นางขมวดคิ้ว พูดอย่างโมโหว่า

“เจ้าอ่อนโยนกว่านี้หน่อยได้ไหม มิน่าถึงหาเมียไม่ได้” พอนางพูดจบ ก็รู้สึกว่าไม่เหมาะสม จากนั้นก็รีบเปลี่ยนคำพูดว่า “มิน่าถึงไม่มีใครชอบเจ้า”

พอนางพูดจบ ก็เห็นเย่แจ๋หยิ่งยื่นหน้ามา แล้วจับนางกดกับเสา จากนั้นก็จ้องไปที่ตาของนาง

ใบหน้าของเขาอยู่ใกล้แค่เอื้อม หลานเยาเยาหายใจอยู่ใกล้นิดเดียว หัวใจนางเต้นแรงแทบจะหยุดหายใจ

ตายแน่ ตายแน่

จะทำหน้าหล่อแบบนี้มาทำไมกัน? คิดอยากจะให้นางหลงจนตายแล้วรับช่วงต่อทรัพย์สินของนางใช่ไหม?

จากนั้น เหมือนนางจะคิดมากเกินไป

“หลานเยาเยา ด้านขวามือห่างออกไปอีกสิบก้าวคือตู้เสื้อผ้า ด้านในมีเสื้ออยู่ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าควรจะทำยังไง?”