บทที่ 86 อย่ามาหาเรื่องข้า

ผู้กล้าเหนือกาลเวลา

บทที่ 86 อย่ามาหาเรื่องข้า

สวี่ชิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดไม้ ปรายตามองบริเวณที่ชายชราเจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดอยู่บริเวณนั้นแวบหนึ่งจากที่ไกลๆ ในใจระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกันก็มีจิตสังหารปรากฏขึ้นในใจ อีกฝ่ายเป็นบุคคลที่มีชื่ออยู่บนแผ่นไม้ไผ่ของเขา เพียงแต่สวี่ชิงไม่ค่อยมีความมั่นใจมาตลอด ดังนั้นจนแล้วจนรอดจึงยังไม่ไปที่ถนนทองผุด

แต่ตอนนี้ถ้าได้พบเจอ…สวี่ชิงหรี่ตา

แต่ต้องคำนึงถึงว่าครั้งนี้ตนคิดถึงผลเก็บเกี่ยวเป็นหลัก อีกฝั่งไม่ได้ถูกฆ่าได้ง่ายๆ เช่นนั้น ดังนั้นจึงสะกดจิตสังหารลงไป หันมองรอบๆ

ทุกคนทั้งหลายที่นี่ล้วนไม่ธรรมดา โดยเฉพาะพวกที่เดินทางเพียงลำพังพวกนั้น มีหลายคนที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกอันตรายอยู่รางๆ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ทำไมเขาถึงท้าทาย สังหารโจรสลัดทันที

เขาที่เติบโตมาจากถ้ำยาจกตั้งแต่เล็กๆ รู้ถึงเรื่องอย่างการเก็บซ่อนเขี้ยวเล็บพวกนี้เป็นอย่างดี มีทั้งข้อดีและข้อเสีย และหลายครั้งที่เก็บงำไว้มาก็อาจจะนำความยุ่งยากที่ไม่จำเป็นมาให้ได้

ดังนั้นจึงใช้กำลังรวดเร็ว ลงมืออย่างเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ใช้ความเหี้ยมโหดอำมหิตสยบกำราบคนทั้งหลายจึงเป็นความคิดในใจหลังจากที่สวี่ชิงมาถึง และเป็นวิธีที่เขาเคยใช้ดิ้นรนที่ถ้ำยาจก

ในเวลาที่เหมาะสมจะต้องเผยคมเขี้ยวของตัวเองออกมาเตือนทุกคน

อย่ามาหาเรื่องข้า!

และเหตุที่ตัดหัว ด้านหนึ่งก็เพื่อสยบกำราบ อีกด้านหนึ่งก็เพราะ…หัวของพวกเขามีราคา

สวี่ชิงเก็บสายตากลับมา มือขวาดีดออกไปเบาๆ ผงพิษก็ฟุ้งกระจายรอบๆ ตัวเขาทันที

ทำทุกอย่างหมดนี้ เขาก็หลับตาลง นั่งสมาธิเงียบๆ รอการมาเยือนของกิ้งก่าทะเล

ส่วนการลงมือของสวี่ชิงเมื่อครู่ก็บรรลุจุดประสงค์ที่ต้องการแล้วจริงๆ ผู้คนรอบๆ ตอนนี้ล้วนหวาดระแวงเขาอย่างสุดขีด ในขณะเดียวกับที่ยอมรับคุณสมบัติของเขาก็ต่างระแวงระวังซึ่งกันและกัน นี่ทำให้ที่นี่กลับสู่สมดุลอีกครั้ง

เวลาก็ค่อยๆ ไหลผ่านไปในความสมดุลที่แปลกประหลาดแห่งนี้เช่นนี้เอง คืนหนึ่งผ่านไป เมื่อแสงอรุณของวันที่สองสาดส่อง สวี่ชิงก็พลันลืมตาขึ้นมา มองไปข้างล่างภูเขา

แทบจะในขณะเดียวกับที่เขามองไป ก็มีสายตาอีกเจ็ดแปดคู่มองไปเกือบจะพร้อมกันเช่นกัน

บริเวณที่สายตาของทุกคนจับจ้องไป ข้างล่างภูเขาก็มีเสียงดังครืนครัน เหมือนว่ามีสัตว์ตัวมหึมาสักชนิดกำลังเดินมาอย่างยากลำบาก และเสียงการเคลื่อนไหวนี้ก็ทำให้ผู้บำเพ็ญที่ระแวดระวังตัวมีจำนวนมากขึ้น จิตสังหารแผ่ตลบอวลมาอย่างรวดเร็วในเสี้ยวขณะนี้

ไม่นานในสายตาของสวี่ชิงก็เห็นในป่ามีกิ้งก่าตัวขนาดเจ็ดแปดจั้งตัวหนึ่งปรากฏตัวออกมา

กิ้งก่าตัวนี้สีดำทั้งตัว หนังของมันกำลังลอกออกมาทีละนิดๆ บนหนังที่เหมือนเปลือกไม้แก่ๆ ของมันเผยร่องรอยของวันเวลาออกมาให้เห็น สะท้อนประกายแสงสีดำออกมาใต้แสงอาทิตย์เหมือนว่ามีช่องว่างระหว่างตัวของมัน

กรงเล็บทั้งสี่ของมันยิ่งแฝงความรู้สึกคมกริบมาด้วย ตอนนี้มันคลานมาด้วยลมหายใจถี่กระชั้น เหมือนว่าทุกก้าวนำความเจ็บปวดมาให้นิดๆ แต่มันก็ไม่หยุดแม้แต่น้อย

แม้กลิ่นอายจะฉายความอ่อนล้า แต่ระลอกคลื่นพลังที่เทียบได้กระทั่งผู้บำเพ็ญระดับรวมปราณขั้นแปด ก็ยังทำให้ทุกคนลมหายใจหยุดชะงักไปเล็กน้อย และกิ้งก่าทะเลตัวนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่มีทางที่มันจะไม่รู้สึกตัวว่าที่นี่มีคน แต่มันก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

ยามที่มันคลานไปยังยอดเขาอย่างยากลำบาก เสียงครืนครันสนั่นหวั่นไหวข้างหลังของมันก็ไม่ได้หยุดดัง ระหว่างที่เห็นต้นไม้ล้มลงทีละต้นๆ ก็มีตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่สี่…

กิ้งก่าทะเลทั้งหมดหกตัวทยอยปรากฏตัวออกมา

‘คราบกิ้งก่าทะเลระดับรวมปราณขั้นแปดหกชิ้น!’ ลมหายใจของสวี่ชิงถี่กระชั้นขึ้นนิดๆ เขารู้ดีว่าราคาของคราบประเภทนี้ที่ท่าเรือเจ็ดเนตรโลหิตสูงถึงห้าร้อยหกร้อยก้อนหินวิญญาณเลยทีเดียว

ตอนนี้เขามองไปที่กิ้งก่าพวกนี้ในดวงตามีประกายแสงฉายแวววาว เหมือนสิ่งที่เห็นไม่ใช่อสูรกลายพันธุ์แต่เป็นหินวิญญาณ

แต่คนอื่นๆ ล้วนไม่วู่วามบุ่มบ่าม สวี่ชิงเองก็รอคอยอย่างเงียบๆ เช่นกัน

จนเมื่อเสียงสนั่นหวั่นไหวนั่นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ กิ้งก่าทะเลหกตัวนี้ก็ค่อยๆ คลานมาถึงยอดเขาอย่างยากลำบาก หลังจากมาถึงยังพื้นที่แอ่งกระทะที่พวกเขาอยู่ พวกมันก็เมินผู้บำเพ็ญทุกคน เหยียบย่างเข้าไปในพื้นที่แอ่งกระทะภายใต้การจับจ้องจากสายตาทุกคู่

กิ้งก่าหกตัวนี้เมื่อย่างก้าวเข้ามาในพื้นที่แอ่งกระทะแล้ว แต่ละตัวก็ส่งเสียงคำรามออกมาทันที ร่างกายสั่นสะท้านรุนแรง เหมือนว่ากำลังใช้กำลังทั้งหมดที่มีลอกคราบ

เสียงคำรามของมันดังก้องไปทั่วสารทิศ ทำให้ผู้บำเพ็ญที่จับจ้องดูอยู่ทุกคนจิตใจสั่นสะท้าน

สายตาของสวี่ชิงยิ่งเฉียบคมขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นขณะที่กิ้งก่าทะเลเหล่านี้กำลังดิ้นรน หนังบนร่างกายที่แต่เดิมก็มีช่องว่างในระดับที่ต่างกันอยู่แล้วกำลังหลุดลอกเร็วยิ่งขึ้น

ตลอดทั้งกระบวนการดำเนินไปครึ่งชั่วยาม

กิ้งก่าทะเลตัวแรกลอกคราบสำเร็จ กลิ่นอายฟื้นฟูกลับคืนก็เยื้องย่างจากไป ไม่ได้มองผู้บำเพ็ญทั้งหลายรอบๆ เลยแม้แต่แวบเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ

คราบกิ้งก่าที่ตกอยู่ในพื้นที่แอ่งกระทะไม่เป็นสีดำอีกต่อไป แต่ฉายประกายแสงสีคราม ยังเห็นลวดลายบนนั้นได้อย่างชัดเจน กระทั่งว่าฉายประกายแวววาวนิดๆ อยู่ตรงนั้นเหมือนแสงอัญมณีส่องประกายด้วย มองแล้วเหมือนกิ้งก่าทะเลที่มีขนาดเท่ากันตัวหนึ่ง

แต่ก็ยังคงไม่มีใครลงมือ

ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงหรี่ลง ไม่ขยับเช่นกัน

ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง จวบจนกิ้งก่าตัวที่สอง ตัวที่สาม ตัวที่สี่ ทยอยลอกคราบเสร็จจากไป ในเสี้ยวพริบตาที่คราบของกิ้งก่าตัวสุดท้ายหลุดร่วง ก็มีคนเคลื่อนไหวแล้ว

คนที่ลงมือก็คือตาแก่ถนนทองผุด ความเร็วของเขาทั้งร่างราวกับลูกธนูที่พุ่งจากสาย ทะยานไปยังพื้นที่แอ่งกระทะอย่างรวดเร็ว

จากนั้นผู้บำเพ็ญคนอื่นที่อยู่รอบๆ ก็พุ่งออกไปทันทีเช่นกัน ต่างฝ่ายต่างแผ่จิตสังหารยิ่งระเบิดปะทุขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้

ร่างของสวี่ชิงก็กะพริบวูบไปเช่นกัน ทิ้งภาพคงค้างเอาไว้บนยอดไม้ ความเร็วของเขาเกิดเป็นเสียงพุ่งแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าไปในพื้นที่แอ่งกระทะน่าตกใจนัก

เพียงเสี้ยวพริบตา ผู้บำเพ็ญที่เข้าไปในพื้นที่แอ่งกระทะก็มีถึงสามสิบกว่าคน เป้าหมายก็คือคราบกิ้งก่าหกชิ้น ยิ่งไปกว่านั้นก็เกิดการแย่งชิงและการสังหารซึ่งกันและกันอย่างโหดเหี้ยมขึ้นในทันควัน

เสียงตูมๆ ดังอึกทึกสนั่นหวั่นไหวไปทั่วฟ้า ร่างสวี่ชิงปานกระบี่ที่พุ่งออกจากฝัก เผยประกายคมกริบแกร่งกล้า หลังจากที่เข้าไปใกล้แล้วก็คว้าคราบกิ้งก่าชิ้นหนึ่ง ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าในชุดฟางที่อยู่ข้างๆ เขาประกายเยียบเย็นปะทุขึ้นในดวงตา ลงมือขัดขวาง

“ไสหัวไป!” ระหว่างที่พูด ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าคนนี้ก็สะบัดมือ ทันใดนั้นพลังวิญญาณระดับรวมปราณขั้นเก้ากลุ่มหนึ่งก็แผ่มาจากร่างของเขาทันที ก่อนจะก่อเป็นอานุภาพกดดันสยบสวี่ชิง

สวี่ชิงใบหน้าไร้ความรู้สึก ไม่แม้แต่จะชายตามอง มือขวายกขึ้นกำหมัดแล้วชกไปที่ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าชุดฟางทันที

เสี้ยวพริบตาที่หมัดนี้ชกออกไป เลือดลมบนร่างของเขาก็ปะทุขึ้นทันที เงาป๋าข้างหลังปรากฏขึ้น ความเหี้ยมโหดแผ่กระจายไปทั่วทุกทิศ ยิ่งมีเสียงคำรามไร้เสียงปรากฏออกมาตามหมัดของสวี่ชิง โจมตีไปที่ศัตรู

ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าชุดฟางสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ก่อนหน้านี้เขาวิเคราะห์แล้วว่าลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตที่อยู่ข้างหน้าคนนี้พลังบำเพ็ญไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เมื่อลงมือ ในเสี้ยวพริบตาที่เขาเห็นเงาป๋าในเสี้ยวพริบตาใจของเขาก็หล่นวูบ

“เลือดลมหลอมเป็นเงา เจ้าเป็นสายฝึกกายาขั้นบริบูรณ์!”

ระหว่างพูด เขาก็ถอยหลังไปทันที แต่ก็ยังสายไป ทั่วทั้งร่างของผู้บำเพ็ญต่างเผ่าชุดฟางคนนี้ก็สั่นสะเทือนอย่างบ้าคลั่ง เลือดสดๆ กระอักออกมาในชั่วขณะที่เสียงดังสนั่นหวั่นไหวดังขึ้นจากหมัดที่ซัดลงมาของสวี่ชิง

แต่เขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน ไม่รู้ว่าสำแดงวิชาอะไร ร่างกายพลันรางเลือน เสี้ยวพริบตาต่อมาก็ไปปรากฏอยู่ที่ไกลๆ กระอักเลือดสดออกมาอีกครั้ง ชุดฟางขาดวิ่นไปกว่าครึ่ง เผยให้เห็นผิวสีน้ำเงินใต้ร่มผ้านั้น ในขณะที่เงยหน้าขึ้นก็มองไปทางสวี่ชิง ในดวงตาฉายแววหวาดกลัวที่ไม่เคยมีมาก่อนออกมา

สวี่ชิงไม่มีเวลาไปสนใจอีกฝ่าย ตอนนี้คว้าไปที่คราบกิ้งก่าข้างหน้า หลังจากที่เก็บแล้วร่างเพียงไหววูบก็จะไปชิงชิ้นที่สอง แต่ในชั่วขณะที่เขากำลังจะลงมือต่อ ที่ไกลๆ ก็มีเสียงคำรามต่ำทุ้มดังมาจากที่ไกล

“เจ้าจะฆ่าพวกเราให้ตายหมดหรือไง!”

สวี่ชิงพลันหันหน้าไป ก็เห็นผู้บำเพ็ญคนหนึ่งเหมือนเพราะเข้าร่วมการแย่งชิงคราบกิ้งก่าไม่ทันจากที่ไกลๆ ดังนั้นจึงหมายตาไปที่กิ้งก่าทะเลตัวสุดท้ายที่กำลังจะจากไป

แต่กลับถูกชายรูปร่างใหญ่โตกำยำต่างเผ่าที่มีจมูกเป็นงวงเหมือนช้างคนหนึ่งขัดขวางเอาไว้อย่างกรุ่นโกรธ

“ไอ้เด็กสมควรตาย เจ้าไม่รู้หรือว่าหากที่นี่มีกิ้งก่าตายไปตัวหนึ่งพวกเราจะต้องตายกันหมด”

ชายร่างโตลุกท่วมไปด้วยเพลิงโทสะ จะลงมือซัดผู้บำเพ็ญคนนั้นให้กระเด็น คนทั้งหลายรอบๆ ตอนนี้ต่างพากันหันมามองผู้บำเพ็ญคนนั้น จิตสังหารในดวงตาแข็งกร้าว

สีหน้าของผู้บำเพ็ญคนนั้นเปลี่ยนไปทันที เอ่ยปากพูดขึ้นในขณะที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว

“ก็แค่กิ้งก่าทะเลตัวเดียวไม่ใช่หรือ จะนำความตายมาให้พวกเราได้อย่างไร!”

“เจ้าเพิ่งมาใหม่กระมัง เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดที่นี่ถึงไม่มีผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานมาปรากฏตัว เหตุใดทะเลในละแวกนี้ถึงไม่มีผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานกล้าผ่าน เจ้าคิดว่าใต้เท้าพวกเราเป็นแค่เกาะเกาะหนึ่งเท่านั้นจริงๆ หรือ ข้าจะบอกให้ เกาะนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ส่วนหนึ่งบนหลังของกิ้งก่ายักษ์ที่โผล่ออกมาเท่านั้นเอง!” จิตสังหารในดวงตาของผู้บำเพ็ญต่างเผ่างวงช้างเข้มข้น

“ทำไมที่นี่มีกิ้งก่าทะเลเยอะ ก็เพราะเป็นลูกหลานของกิ้งก่ายักษ์ตัวนี้ทั้งนั้น เพื่อปกป้องลูกหลานของมัน มันถึงไม่ยินยอมให้รอบๆ มีผู้บำเพ็ญต่างเผ่าที่อยู่เหนือระดับรวมปราณปรากฏตัวขึ้น ไม่อนุญาตให้ผู้บำเพ็ญที่นี่ลงมือกับกิ้งก่าทะเล ตอนนี้เจ้าลงมือสังหารลูกหลานของมันบนหลังของมัน เจ้าเบื่อชีวิตแล้วหรือไร หากมันโมโหขึ้นมาพวกเราก็ต้องตายกันหมด!!

“แล้วที่พวกเราระดับรวมปราณเหล่านี้มาที่นี่ได้ ก็เป็นเพียงเพราะสิ่งมีชีวิตระดับนั้นไม่สนใจพวกเราก็เท่านั้น!”

ระหว่างพูด ผู้บำเพ็ญต่างเผ่างวงช้างคนนี้ก็ลงมือไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นผู้บำเพ็ญที่แย่งชิงคราบกิ้งก่าไม่ได้ก็ลงมือด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความละโมบเช่นกัน

เพียงเสี้ยวพริบตาเสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น ผู้บำเพ็ญคนนั้นตายอย่างน่าสังเวชจากการล้อมโจมตี สิ่งของทุกอย่างในตัวถูกคนทั้งหลายแบ่งส่วนกันทันที

สวี่ชิงสูดลมหายใจหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ในที่สุดก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ตลอดทางที่เดินทางมาถึงไม่เห็นผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานแล้ว ดังนั้นจึงก้มลงมองพื้นที่อยู่ใต้เท้า ทะยานออกไปอย่างเงียบๆ พุ่งไปยังกลุ่มผู้บำเพ็ญที่กำลังแย่งชิงคราบกิ้งก่า

ประกายเย็นเยียบกะพริบวูบ เขาเอากริชออกมา ทุกที่ที่พุ่งผ่านหากถูกขัดขวาง เขาก็จะสังหารทิ้งทันที ลมเย็นยะเยือกพัดผมของสวี่ชิงสะบัดพลิ้ว เผยให้เห็นความโหดเหี้ยมในดวงตา

สุดท้ายเขาก็ชิงเอาคราบกิ้งก่าชิ้นที่สองมาได้จากมือของผู้บำเพ็ญสามคน และในตอนนี้อีกสี่ชิ้นที่เหลือก็ต่างมีเจ้าของแล้ว อีกทั้งทุกคนยังโหดเหี้ยมสุดขีด ยืนหยัดอยู่ได้จากการฆ่าล้างสังหาร สยบกำราบคนอื่นๆ

หนึ่งในนั้นคนที่ได้สองชิ้นเหมือนสวี่ชิงคือตาแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดคนนั้น ส่วนอีกสองชิ้นที่เหลือ ชิ้นหนึ่งถูกต่างเผ่าที่เดินทางเพียงลำพังชิงไป อีกชิ้นหนึ่งถูกกลุ่มสี่ห้าคนกลุ่มหนึ่งครอบครองไว้ได้

ระหว่างคนทั้งหลายต่างมีจิตสังหารตลบอวล แต่กลับควบคุมตัวเองไม่ให้ลงมือต่อในตอนนี้

สายตาของสวี่ชิงกวาดไปรอบๆ ประสานสายตากับตาแก่เจ้าของโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุดเล็กน้อย สังเกตเห็นงูตัวใหญ่ข้างหลังอีกฝ่ายตัวนั้น艾琳小說

ตอนนี้งูใหญ่ตัวนั้นเมื่อมองเห็นสายตาของสวี่ชิง ก็รีบผงกหัวให้เขา

สวี่ชิงไม่สนใจ สายตาประสานกันแล้วหันเหออก ล้มเลิกการลงมือ ร่างพลันถอยไปข้างหลัง กลับไปยังยอดไม้แล้วนั่งขัดสมาธิลง

อีกสามฝ่ายที่เหลือถอนใจโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด ต่างถอยไปเช่นกัน

รอบๆ พื้นที่แอ่งกระทะค่อยๆ กลับสู่ความสงบอีกครั้ง แต่กลับมีสายตาที่ไม่เป็นมิตรจากผู้บำเพ็ญที่ชิงคราบกิ้งก่าไม่ได้เหล่านั้นกวาดมองพวกสวี่ชิง

ณ บริเวณที่ตาแก่อยู่ ตอนนี้เขานั่งอยู่ตรงนั้น หยิบเอาบ้องยาสูบขึ้นมาสูบ ท่าทางเหมือนพออกพอใจเป็นอย่างมาก แต่ทันใดนั้นก็นึกอะไรขึ้นมาได้ รีบค้นหายาแก้พิษเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อแล้วกลืนลงไป

ส่วนเสียงฟ่อๆ ที่อยู่ข้างๆ เขาไม่สนใจ

จนเมื่องูตัวใหญ่ตัวนั้นกระแทกเขา ชายแก่ถึงได้เอ่ยเสียงต่ำทุ้มขึ้นมาอย่างรำคาญ

“เตือนบ้าบออะไรกัน ไอ้หมาป่าที่กินคนไม่คายกระดูก ฆ่าคนไม่แม้แต่จะกะพริบตาคนนั้น เขายังต้องการให้ข้าไปเตือนหรือไร เจ้าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าคืนนี้จะมีคนลงมืออย่างนั้นหรือ

“ข้าว่าเจ้ามันเป็นงูอกตัญญู ทำไมถึงได้เป็นห่วงเขานัก เฮ้อ ข้าดีกับเจ้าขนาดนี้ เลี้ยงเจ้าจนเติบใหญ่ ทำไมถึงไม่เป็นห่วงคนแก่อายุปูนนี้อย่างข้าบ้าง ข้าว่าเมื่อครู่ข้าน่าจะโดนพิษเข้าแล้ว”

ในขณะเดียวกับที่ชายแก่รู้สึกไม่พอใจอยู่นั้น สวี่ชิงที่อยู่บนยอดไม่ไกลดวงตาค่อยๆ หรี่ลง ในนั้นมีประกายเย็นเยือกไหววูบ กำลังประเมินคนที่สายตาไม่เป็นมิตรพวกนั้นเช่นกัน จุดที่จับจ้องคือที่กระเป๋าบนตัวพวกเขา

จากนั้นเขาก็เลียริมฝีปาก โปรยผงพิษรอบๆ ให้มากขึ้นอีกนิด

เวลาหนึ่งวันผ่านไปช้าๆ

ความมืดมาเยือน

แสงจันทร์ขาวซีดสาดต้องพื้นดิน ป่าเงียบวังเวงภายใต้แสงสาดส่องจากแสงจันทร์เกิดเป็นเงาลึกลับแปลกประหลาดมากมาย มันไหวเอนไปตามลม ดูแล้วเหมือนภูตผีปีศาจกำลังร่ายระบำใต้แสงจันทร์ในป่าลึกเย็นเยือก

คืนอันหนาวเหน็บค่อยๆ ปกปิดจิตสังหารที่ตลบอวลไม่มิด

แสงจันทร์ที่หมองหม่นค่อยๆ รองรับความละโมบของผู้คนทั้งหลายเอาไว้ไม่ได้

ดังนั้นจึงบรรเลงเพลงสวดศพขึ้นล่วงหน้าในลมทะเลที่เย็นยะเยือก ณ เสี้ยวขณะนี้เอง