ตอนที่ 99 การผลิตจำนวนมากตอนที่ 100 แผนการชั่วร้ายของราชวงศ์ (1)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 99 การผลิตจำนวนมาก

หลังจากได้ไปยลโฉมค่ายทหารของกองทัพรุ่ยหลิน ในที่สุดจวินอู๋เสียก็เข้าใจแล้วว่าอำนาจของสกุลจวินนั้นทรงพลังมากเพียงใด ดาบคมเล่มนี้ได้เข่นฆ่าผู้ประสงค์ร้ายต่อสกุลจวินไปนับไม่ถ้วนแล้ว ในขณะเดียวกันมันก็พาดอยู่บนพระศอของฮ่องเต้ เหนี่ยวรั้งให้พระองค์ไม่อาจลงมืออุกอาจต่อสกุลจวินได้

จวินเสี่ยนและจวินชิงต่างก็ยอมอ่อนข้อวางมือลง ทนรับต่อความกดดันขมขื่นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นเพราะพวกเขายังไม่อาจหาคนที่เหมาะสมมานั่งตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพรุ่ยหลินได้นั่นเอง

ทว่าในตอนนี้ ทุกอย่างมันแตกต่างออกไปแล้ว!

หลังจากกลับจากค่ายทหารของกองทัพรุ่ยหลิน จวินอู๋เสียก็มุ่งตรงไปยังห้องปรุงยาทันที

กองทัพรุ่ยหลินคือดาบที่แหลมคมที่สุดของสกุลจวิน มันจึงจำเป็นที่จะต้องถูกลับให้คมกริบมากขึ้นกว่านี้

นับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา จวินอู๋เสียก็ไม่ก้าวออกจากจวนหลินอ๋องอีกเลย นางเก็บตัวอยู่แต่ในห้องปรุงยาทั้งวัน ทุกวันมีเพียงสมุนไพรปริมาณมากที่ทยอยส่งเข้ามาให้ไม่ขาดสาย และแม้ว่านางจะไม่ได้ไปเยือนตำหนักหลินยวนขององค์รัชทายาทอีก กระนั้นมั่วเฉี่ยนยวนก็ยังส่งยอดสุราธาราหยกมาให้นางทุกๆ สองวัน

แม้แต่ดอกบัวในอ่างที่ใกล้จะผลิดอกก็ยังถูกย้ายเข้ามาตั้งไว้ในห้องปรุงยา ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ในนั้นกันแน่

เมื่อจวินอู๋เย่าผลักประตูห้องปรุงยาเข้าไป เขาก็มองเห็นร่างบางที่กำลังเอนหลังผล็อยหลับไปบนเก้าอี้

จวินอู๋เสียยามตกอยู่ในห้วงนิทรานั้นดูไม่ได้เย็นชาและห่างเหินเฉกเช่นในยามตื่น แต่นางกลับงดงามและดูผ่อนคลายยิ่งนัก

จวินอู๋เย่าเหลือบมองหีบไม้จำนวนมากที่ตั้งซ้อนกันอยู่ตรงมุมห้อง ก่อนจะก้าวอาดๆ เข้าไปอุ้มจวินอู๋เสียขึ้นมา

เหมียว เจ้าแมวดำตัวน้อยที่หลับอยู่บนตักของจวินอู๋เสียถูกทำให้สะดุ้งตื่น มันถลึงตาใส่ผู้ที่รบกวนนิทราหวานของมันแวบหนึ่ง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นจวินอู๋เย่า มันก็กลับไปซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเจ้านายมันตามเดิม

“…” การเคลื่อนไหวของแมวดำตัวน้อยทำให้นางตื่น จวินอู๋เสียลืมตาขึ้นมาชั่วครู่ เมื่อนางได้เห็นใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายของจวินอู๋เย่า นางก็เลือกที่จะปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง

“หากข้าไม่มา เจ้าคงวางแผนที่จะอยู่กินมันเสียที่นี่จริงๆ ใช่หรือไม่” จวินอู๋เย่าเลิกคิ้วถามออกไป

“ข้าหลับไปนานเท่าไหร่แล้ว” จวินอู๋เสียขยี้ตา หยาดน้ำตาหยดหนึ่งเอ่อคลอขึ้นมาที่หางตาของนาง

“เหตุใดเจ้าถึงชอบฝืนตัวเองนัก กองทัพรุ่ยหลินแข็งแกร่งมากพออยู่แล้ว นี่เจ้าคิดว่าตัวเองถูกตีขึ้นจากเหล็กจริงๆ หรืออย่างไร เจ้าไม่สามารถผลิตยาให้กับคนทั้งกองทัพได้ด้วยตัวคนเดียวหรอกนะ!” จวินอู๋เย่าอุ้มจวินอู๋เสียวางไว้บนตักแล้วหย่อนตัวลงบนเก้าอี้ เกลี่ยผมที่ยุ่งเหยิงของนางขึ้นทัดหูให้อย่างเบามือ

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้เล่า” จวินอู๋เสียเลิกคิ้ว

จำนวนหนึ่งแสนคนนั้นอาจฟังดูน่ากลัวและเกินกำลังไปบ้าง แต่ด้วยความเร็วและความชำนาญในการหลอมโอสถของนางแล้ว แน่นอนว่าไม่ได้เกินมือนางแต่อย่างใด

จวินอู๋เย่าหัวเราะออกมาเบาๆ เขาก้มหน้าลงแนบหน้าผากของตนเองกับหน้าผากของจวินอู๋เสีย กล่าวเย้าไปด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ข้าคิดว่าเจ้าสนใจแต่ชีวิตของสองพ่อลูกสกุลจวินเสียอีก”

ภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนสั้นๆ เม็ดยาขยายเส้นลมปราณจำนวนสิบกว่าหีบก็หลอมเสร็จพร้อมแจกจ่าย

เหล่าทหารในกองทัพรุ่ยหลินนั้นต่างเป็นบุรุษวัยฉกรรจ์ที่ฝึกฝนพลังวิญญาณมาอย่างยาวนาน การฝึกฝนอันโหดร้ายตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาทำให้ร่างกายของพวกเขาพัฒนาจนแข็งแกร่งถึงขีดสุด จะมีก็แต่เส้นลมปราณเท่านั้นที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ทุกคนที่บ่มเพาะพลังวิญญาณต่างรู้ดี เส้นลมปราณคือกุญแจสำคัญในการบ่มเพาะและฝึกฝนพลังวิญญาณให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ยิ่งเส้นลมปราณของคนผู้นั้นแข็งแกร่งและขยายใหญ่มากเท่าไหร่ การไหลเวียนของพลังวิญญาณก็จะยิ่งรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น

ก่อนที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้คนสามารถใช้ยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณในร่างกายได้ แต่ทว่าเมื่อเติบโตเต็มวัยแล้ว การจะปรับเปลี่ยนให้พวกมันแข็งแกร่งมากกว่านี้ ถือเป็นเรื่องที่ทำได้ยากอย่างมาก

กวาดสายตามองไปบนผืนแผ่นดินที่กว้างใหญ่แห่งนี้ มีหลายคนที่พยายามคิดค้นหาวิธีการพัฒนาความแข็งแกร่งของเส้นลมปราณหลังจากที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็คว้าน้ำเหลวไปเกือบแทบทุกราย มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำสำเร็จ

ไป๋อวิ๋นเซียนทำไม่ได้ อาจารย์ของนางก็ทำไม่ได้เช่นกัน

แต่สิ่งที่เจ้าสำนักชิงอวิ๋นไม่สามารถทำได้ จวินอู๋เสียกลับสามารถหลอมเม็ดยาที่มีสรรพคุณดังกล่าวออกมาได้สำเร็จ แถมนางยังแจกจ่ายยาให้แก่เหล่าทหารนับแสนที่เป็นสามัญชนคนธรรมดาโดยไม่คิดเงินแม้แต่แดงเดียว

……………

ตอนที่ 100 แผนการชั่วร้ายของราชวงศ์ (1)

หากผู้ใดมาได้ยินเข้า รับรองได้เลยว่าจะต้องเสียสติเป็นบ้าไปอย่างแน่นอน!

จวินอู๋เสียไม่ได้ตอบคำถามของจวินอู๋เย่า แต่กลับสลัดตัวออกจากอ้อมกอดของเขา แล้วเดินไปที่เตาหลอมโอสถเพิ่มเติมสมุนไพรเข้าไปอีก

เตาหลอมโอสถนี้ เป็นนางที่ร้องขอมาจากจวินชิงหลังจากได้ไปเยือนค่ายทหารในวันนั้น

มันไม่เพียงแต่มีขนาดใหญ่โตมาก ทว่ายังเต็มไปด้วยรายละเอียดประณีต เหมาะที่จะใช้หลอมโอสถในปริมาณมากอย่างที่สุด

การจะหลอมยาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกองทัพที่มีทหารนับแสนคนนั้น ยากแทบไม่ต่างอะไรจากการปีนป่ายขึ้นสวรรค์

แต่…ทั้งหมดนี้กลับไม่คณามือสตรีที่ชื่อจวินอู๋เสียสักนิด

โดยปกติแล้ว นักหลอมโอสถทั่วๆ ไปมักจะหลีกเลี่ยงการหลอมยาออกมาปริมาณมากในคราเดียว เนื่องจากพวกเขายังไม่ชำนาญในการควบคุมน้ำหนักและปริมาณสมุนไพรในเม็ดยาแต่ละเม็ด จึงกลัวว่าจะเกิดความผิดพลาดขึ้นระหว่างกระบวนการหลอมเม็ดยา

แต่นั่นไม่ถือเป็นปัญหาสำหรับจวินอู๋เสีย ในชีวิตก่อนของนาง ทักษะในการหยิบจับควบคุมน้ำหนักและปริมาณสมุนไพรในเม็ดยาของนางนั้นแม่นยำยิ่งกว่าเครื่องจักรที่รัดกุมที่สุดเสียอีก อาจกล่าวได้ว่าตราบใดที่เม็ดยานั้นปรุงผ่านมือของนาง มันก็จะไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ

จวนหลินอ๋องต้องการกำลังของกองทัพรุ่นหลิน เช่นนั้นก็มาทำให้ความแข็งแกร่งของกองทัพรุ่นหลินถูกยกระดับให้สูงขึ้นไปอีกขั้นเถิด!

จวินอู๋เย่ายกมือขึ้นจับปลายคางของตน สายตาจับจ้องไปยังจวินอู๋เสียที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับตัวเองอย่างเกียจคร้าน เขาถูนิ้วเรียวยาวของตนไปมาเบาๆ ดื่มด่ำไปกับไออุ่นจากร่างกายของจวินอู๋เสียที่ยังหลงเหลืออยู่บนฝ่ามือ

ลีลาในการทำงานของเด็กน้อย มันช่างเฉียบคมน่ามองจริงๆ!

ริมฝีปากของเขายกโค้งขึ้นยามที่เฝ้ามองนางที่กำลังหลอมยาอย่างตั้งอกตั้งใจ

ในขณะที่จวินอู๋เสียกำลังวุ่นวายอยู่กับเม็ดยาที่จะเตรียมไว้ใช้สำหรับกองทัพรุ่ยหลิน ในวังหลวงก็มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น…

นับตั้งแต่ที่จวินอู๋เสียทำให้พวกเขาต้องอับอายขายหน้า ลิ้มรสกับความอัปยศในตำหนักหลินยวนขององค์รัชทายาท ไป๋อวิ๋นเซียนก็อารมณ์ไม่ดีมาตั้งแต่นั้น มั่วเซวี่ยนเฝ่ยพยายามทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นทุกวิถีทางแล้วแต่ก็ประสบความสำเร็จแม้แต่น้อย

หลังจากถูกคนงามเมินใส่ มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็หอบหิ้วใบหน้ามืดครึ้มของเขาไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้

“เสด็จพ่อ จวินอู๋เสียชักจะกำเริบเสิบสานมากขึ้นทุกวันแล้ว พระองค์จะยังคงผ่อนปรน ปล่อยพวกมันไปทั้งเช่นนี้อีกหรือพ่ะย่ะค่ะ” มั่วเซวี่ยนเฝ่ยคุกเข่าลงในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้ คิ้วของเขาขมวดแน่น สีหน้าฉายแววขมขื่นเด่นชัด

ฮ่องเต้เงยพระพัตร์ขึ้นจากกองฎีกาที่กำลังพินิจพิจารณาอยู่ “ข้าบอกเจ้าไปกี่ครั้งแล้วว่าอย่าได้ไปที่ตำหนักหลินยวนอีก”

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยกัดฟันและกล่าวว่า “แต่การเปลี่ยนแปลงของรัชทายาทในช่วงหลังมานี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก! สุขภาพของเขาดีขึ้นทุกวัน แม้แต่อารมณ์ของเขากลับมาเป็นปกติแล้ว ทั้งยังออกจากตำหนักไปแสดงความเมตตาต่อประชาชน สร้างคุณงามความดีในเมืองหลวงบ่อยครั้ง เห็นได้ชัดเลยว่าเขากำลังวางแผนการบางอย่างอยู่! ลูก…ลูกรู้สึกไม่วางใจเลยพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อพิษของดอกข้าวสาลีรัตติกาลถูกขจัดออกไปได้ มั่วเฉี่ยนยวนก็จะไม่ได้รับผลกระทบจากพิษอีกต่อไป และด้วยพรสวรรค์และความสามารถที่มีมาตั้งแต่กำเนิดของเขา การจะพลิกสถานการณ์ เปลี่ยนความคิดที่เหล่าราษฎรมีต่อเขานั้นก็ง่ายเหมือนปอกกล้วย ท้ายที่สุดแล้ว คุณงามความดีของอดีตฮองเฮาก็เลื่องชื่อลือชาไปทั่วทั้งแผ่นดิน มั่วเฉี่ยนยวนเป็นถึงโอรสของฮองเฮาพระองค์ก่อน เรื่องนี้มันจะช่วยให้ผู้คนใจกว้างและยอมรับเขาง่ายยิ่งขึ้น

เมื่อเห็นมั่วเฉี่ยนยวนมีสัญญาณของการกลับมา มั่วเซวี่ยนเฝ่ยก็ไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไป

ฮ่องเต้ทรงถอนพระทัยออกอย่างเหนื่อยหน่าย “เมื่อวันก่อนที่เจ้าบอกว่าเม็ดยาน้ำค้างหยกเหล่านั้นถูกปรุงขึ้นโดยจวินอู๋เสีย นี่เป็นความจริงหรือไม่”

มั่วเซวี่ยนเฝ่ยอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าวตอบทันทีว่า “จริงพ่ะย่ะค่ะ”

“สูตรการหลอมเม็ดยาน้ำค้างหยกนั้นเป็นตำรับลับเฉพาะของสำนักชิงอวิ๋น จวินอู๋เสียไปเรียนรู้มันมาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าเองก็รู้จักนิสัยของนางดี กับสตรีที่มีอารมณ์ร้าย โง่เขลา และจองหอง นางจะมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” ฮ่องเต้ทรงหรี่พระเนตรลง ทอดพระเนตรไปยังโอรสที่ยังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา

“เรื่องนี้…ลูกเองก็ไม่ทราบจริงๆ แต่ลูกได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้จวนหลินอ๋องได้ทำการเสาะหารวบรวมตำราแพทย์มากมาย บางที…จวนหลินอ๋องอาจจะลอบติดต่อกับใครสักคน และคงเป็นคนผู้นั้นที่สั่งสอนการหลอมโอสถให้แก่จวินอู๋เสีย” คิ้วของมั่วเซวี่ยนเฝ่ยหยักลึกขึ้น ความสามารถในการหลอมเม็ดยาน้ำค้างหยกของจวินอู๋เสียนั้นเป็นอะไรที่ยากจะเชื่อได้ลงจริงๆ

“เสด็จพ่อ! ก่อนหน้านี้ที่จวินชิงถูกพิษไป หมอหลวงต่างวินิจฉัยและก็ลงความเห็นกันว่าเขาคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว แต่ทว่านี่ก็ผ่านมาระยะหนึ่งแล้ว กลับยังไม่มีข่าวคราวใดๆ ออกมาจากจวนหลินอ๋องเลย แสดงว่าตอนนี้จวินชิงยังมีชีวิตอยู่ เรื่องทั้งหมดนี้ ชักไม่ชอบมาพากลเสียแล้ว!”

“โอ้ อ้างอิงจากที่เจ้าพูดมา เจ้าคิดว่ามีปรมาจารย์ลึกลับผู้มีทักษะทางการแพทย์สูงส่งหลบอยู่ในจวนหลินอ๋องอย่างนั้นหรือ” แววตาของฮ่องเต้เย็นเยียบขึ้น

…………..