ความเงียบเกิดขึ้นหลังจากที่ผมพูดพร้อมกับมองไปยังเกรซที่ตกอยู่ในภวังค์ 

เธอใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเรียกสติกลับคืนมาและมองมาที่ผมด้วยใบหน้าที่โกรธ ผมคิดว่าเธอคงจะโกรธผม

“ล -ลูกพ -พูดอะไรของลูกกัน!??”

“หือ? มีปัญหาอะไรเหรอครับ? ในฐานะลูกของแม่แล้ว มันก็ถูกต้องแล้วหนิครับที่ผมจะต้องดูแลแม่เสมอ”

“อ๋อ…นั่นคือสิ่งที่ลูกหมายถึงสินะ…”

อยู่ๆ เกรซก็มีสีหน้าเขินอายขึ้นมา เธอรู้สึกอายและคิดว่าตัวเองคงคิดมากไปหน่อย

เมื่อผมเห็นท่าทางของเธอ ผมก็ยิ้มเยาะพร้อมกับตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ

“เป็นไปได้ไหมว่าแม่คิดอะไรไม่ดีอยู่ครับ? ผมไม่คิดเลยว่าแม่จะเป็นคนลามกแบบนี้”

“ลูกพูดอะไรหน่ะ!”

เกรซทำหน้ามุ่ยขณะที่เธอเบือนหน้าหนีผมด้วยความเขินอาย 

ผมแกล้งเธอไม่ปล่อยอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งพนักงานมาเสิร์ฟอาหารที่ผมสั่งไป มันคือไอศครีมสำหรับคู่รักนั่นเอง 

ไอศครีมอยู่ในชามขนาดใหญ่พร้อมกับมีเชอรร์หนึ่งลูกและช้อน 2 ช้อน

“นี่คือ?”

“มันคือของที่ผมสั่งไปครับ ไอศครีมคู่รัก นี่ครับอ้ามมมม”

ทันทีที่ไอศครีมมาถึงผมก็ตักมันด้วยช้อนและยื่นให้เกรซที่กำลังประหลาดใจ 

เกรซมองไปมาระหว่างผมกับไอศครีมอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะอ้าปากโดยไม่เต็มใจนัก

แต่ในตอนที่เธอกินมันเข้าไปผมก็เห็นว่าใบหน้าของเธอสว่างขึ้นมาทันที

“อร่อยใช่ไหมครับ?”

“อร่อยดีจ่ะ”

“ผมรู้ว่าต้องมองหาร้านแบบนี้เป็นพิเศษเพราะรู้ว่าแม่ชอบไอศครีมประเภทนี้มากแค่ไหน ทำไมแม่ไม่ป้อนผมบ้างหล่ะครับ?”

ผมพูดพร้อมกับอ้าปาก 

เกรซไม่รีรอรีบตักไอศครีมเข้าปากของผมในทันที

“อร่อย”

ผมออกความเห็นก่อนจะตักไปให้เกรซอีกครั้งเพื่อป้อนเธอ เราคุยกันไปเรื่อยๆ พร้อมกับบรรยากาศน่ารักๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเราโดยไม่รู้ตัว ถ้าใครมองมาก็คงคิดว่าเราเป็นคู่รักกันแน่ๆ

ไม่กี่นาทีต่อมาเราก็กลับมาเดินจับมือกันบนถนนอีกครั้ง โดยที่ครั้งนี้มีความเป็นธรรมชาติมากขึ้น เราเดินกันไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมายต่อไป นั่นก็คือโรงละครนั่นเอง 

เมื่อเดินมาถึงผมก็พาเกรซเข้าไปดูละคร เนื้อเรื่องของละครที่ผมกำลังจะดูนั้นค่อนข้างดี โดยเนื้อเรื่องของมันอิงจากสงครามที่เกิดขึ้นเมื่อหลายพันปีก่อน เป็นเรื่องราวของเด็กหนุ่มที่ออกเดินทางเพื่อช่วยแม่ของเขาที่กำลังจะตาย ในช่วงเวลานั้นเขาจะลงเอยด้วยการทำลายแผนของปีศาจมากมาย แต่ก็มีจุดจบที่น่าเศร้าเนื่องจากแม่ของเขาตายในตอนจบ

ละครเรื่องนี้ค่อนข้างโด่งดังเลย ผมซื้อตั๋วมาเพื่อดูเรื่องนี้เป็นพิเศษเลยแหละ

“ไปกันเถอะครับ ผมจองที่นั่งไว้ให้แล้วครับ”

“นี่มันก็นานมากแล้วนะที่ฉันไม่ได้ดูละคร”

พวกเราเดินไปที่ทางเข้า โดยที่การแสดงจะเริ่มขึ้นในอีกประมาณ 5 นาที 

เมื่อเดินมาถึงผมก็ยื่นตั๋วให้พนักงานเพื่อให้เขาพาพวกเราไปยังพื้นที่ส่วนตัวที่ผมจองไว้

ที่นั่งของพวกเราไม่เหมือนกับที่นั่งอื่นๆ ตอนนี้พวกเรากำลังอยู่ในห้องปิดบนที่สูง ตัวห้องมีความหรูหราและมีบรรยากาศที่ดี เราถูกพามายังที่นั่งอย่างรวดเร็วและไม่กี่นาทีต่อมาการแสดงก็เริ่มขึ้น

บทละครทำได้ดี นักแสดงเองก็แสดงได้สมบทบาท 

เกรซถูกดึงเข้าสู่โลกของการแสดงอย่างรวดเร็ว เรื่องราวของบทละครดำเนินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงฉากที่แม่กำลังจะตายและลูกชายกำลังเดินทางไปช่วยเธอ

ในตอนนั้นผมจับมือของเกรซขณะมองเธอ โดยไม่ได้พูดอะไรผมแค่บีบมือเธอให้แน่นขึ้นเพื่อแสดงความรักต่อแม่เท่านั้น

เกรซมองผมแวบหนึ่งก่อนเธอจะหันกลับไปยังการแสดงอีกครั้ง

การแสดงที่นี่ไม่เหมือนกับละครปกติตรงที่ไม่ใช่แค่ใช้อุปกรณ์ประกอบฉากเท่านั้น แต่มีการใช้เวทมนตร์ลวงตาแทนเพื่อให้ละครดูสมจริงมากขึ้น โดยพื้นฐานแล้วมันก็เหมือนกับการสวม VR เพื่อดูหนังนั้นแหละ ดังนั้นมันจึึงสนุกมาก

ในไม่ช้าการแสดงก็มาถึงจุดจบ ลูกชายที่พวกตัวเองกำลังวิ่งพร้อมกับยาในมือเพื่อไปช่วยแม่ของตนเอง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็มาไม่ทันลมหายใจสุดท้ายของเธอ 

ในตอนนั้นเองที่ผมรู้สึกได้ว่าเกรซบีบมือของผมแน่นขึ้น ผมเลยตอบกลับไปอย่างอ่อนโยนและบีบมือเธอกลับเพื่อพิสูจน์ว่าผมอยู่ข้างๆ เธอ แต่มันไม่จบเพียงแค่นั้น ผมดึงมือเกรซที่กุมอยู่มาทางตัวเองก่อนจะจูบไปที่มือของเธอ 

ผมได้รับปฏิกิริยาตอบกลับจากเกรซเป็นการส่งเสียงแหลมๆ แต่เมื่อเธอมองมาที่ผมและเห็นว่าผมเพียงแค่ต้องการแสดงความรักและห่วงใยให้เธอนั้น หัวใจของเธอก็เริ่มเต้นเร็วขึ้นพร้อมกับร่างกายของเธอที่ดูเหมือนจะอุณหภูมิสูงขึ้นด้วย

ในขณะนี้ความรู้สึกแปลกปลอมเล็กๆ เริ่มปะทุขึ้นภายในตัวเกรซแล้ว แต่เธอก็ส่ายหัวอย่างมั่นคงเพื่อพยายามสลัดความรู้สึกของตัวเองออกไป

เกรซยิ้มก่อนจะยืนยันกับผมว่าเธอสบายดี แม้ว่าเธอจะมีสีแดงขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อยก็ตาม 

ผมไม่ได้รีบร้อนอะไรเพราะผมยังมีเวลาอีกมาก ทั้งหมดที่ผมต้องการคือการค่อยๆ กะเทาะเธอทีละนิด

ครึ่งชั่วโมงต่อมาการแสดงก็จบลงและพวกเราก็ออกมาข้างนอกอีกครั้ง มีเพียงความเงียบระหว่างเราเท่านั้นที่ยังคงอยู่ มือของเรากุมกันไว้และครั้งนี้ดูเหมือนมันจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

“เราไปกินข้าวกันไหมครับ?”

ระหว่างที่ผมกำลังเงียบเพื่อรอคำตอบของเธออยู่นั้น เกรซไม่ได้พูดอะไรและทำเพียงพยักหน้าเท่านั้น พวกเราเลยไปหาอะไรกินกัน พอกินอิ่มแล้วเราก็ไปเดินเที่ยวกันต่อ

บางครั้งเราจะไปดูแผงขายอาหารเพื่อซื้อของกินกันบ้างหรือไปสถานที่เด่นๆ เพื่อใช้เวลาสนุกไปกับมัน เราได้เล่นเกมหาของขวัญกันด้วย จนกระทั่งยามค่ำคืนมาถึงโดยที่พวกเราไม่ทันรู้ตัวเลย

ความมืดคลืบคลานเข้ามา ลูกแก้วไฟบนถนนหลายดวงเริ่มทำงานจนถนนเต็มไปด้วยแสงไฟ เราทั้งคู่เดินจับมือกันอยู่ใกล้สวนสาธารณะ ของที่เราซื้อมานั้นถูกเก็บไว้ในแหวนมิติของพวกเรา เกรซเดินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่บนถนนโดยที่จนป่านนี้แล้วมือของเราก็ยังไม่แยกจากกัน

“สนุกไหมครับ?”

เสียงของผมทำลายความเงียบระหว่างเรา

“จ่ะ แม่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย”

เกรซอดไม่ได้ที่จะคิดถึงปีที่ผ่านๆ มาของตัวเอง วันนี้เป็นหนึ่งในวันที่สนุกที่สุดในบรรดาปีที่ผ่านมาของเธอเลย อย่างไรก็ตามในตอนที่เธออยู่กับลูกชายของเธอในวันนี้มันทำให้ความกังวลทั้งหมดของเธอดูเหมือนจะหายไปเป็นปลิดทิ้งเลย

สำหรับเธอแล้วความจริงที่ว่าเดทนี้กำลังจะจบลงแล้วดูเหมือนจะทำให้เธอเศร้าใจเล็กน้อย 

เมื่อผมเดินเข้าไปใกล้เกรซ ผมก็สัมผัสได้ถึงความคิดฟุ้งซ่านของเธอ ผมยิ้มและผมสามารถพูดได้เลยว่าเป้าหมายของวันนี้สำเร็จแล้ว แต่ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมควรทำ

“แม่ครับมีที่หนึ่งที่ผมอยากจะไปครับ แม่จะให้เกียรติไปกับผมหน่อยได้ไหมครับ?”

ขณะที่ผมถามคำถามนี้ผมก็ยืนอยู่ต่อหน้าเธอในลักษณะอัศวินราวกับว่าตัวเองเป็นขุนนางที่กำลังขอมือจากหญิงสาว 

เกรซตาเป็นประกายชั่วครู่ก่อนที่เธอจะจับมือผมและตอบอย่างสง่างามเช่นกัน

“ถือเป็นเกียรติของฉันค่ะ”

หลังจากนั้นเราทั้งคู่ก็หัวเราะกันแบบเด็กๆ โดยที่มือเกรซจับกับผมอยู่ขณะที่เราเดินไปยังเนินเขาใกล้ๆ กำแพงด้านนอก 

ด้วยพลังของเราทำให้สามารถไปถึงยอดเขาได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะถึงยอดเขาผมก็ได้ใช้มือปิดตาเกรซเอาไว้เพื่อจะเซอร์ไพร์เธอ

ไม่นานเราก็มาถึงยอดเขา ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ข้างหลังเกรซโดยที่ปิดตาเธอไว้อยู่ 

ผมค่อยๆ เอามือออกเพื่อโชว์ภาพที่สวยงามเบื้องหน้าให้เกรซเห็น

“ว้าว…”

ดวงตาของเกรซเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจกับสิ่งที่เธอเห็น สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าเธอคือสิงโต…ไม่สิ มันคืออาณาเขตของเธอที่ปรากฏเป็นรูปสิงโตขนาดใหญ่ต่างหาก แสงไฟขนาดใหญ่จากบริเวณนั้นสร้างภาพเหมือนสิงโตที่กำลังไล่ล่าเหยื่อ

ในช่วงเวลากลางคืนฉากนี้ดูลึกลับแต่สวยงาม หิ่งห้อยบินมาใกล้พวกเราในเวลากลางคืนจนทำให้เกิดภาพลวงตา

“สวยใช่ไหมครับ?”

เสียงของผมดังขึ้นทำให้เกรซหลุดออกจากภวังค์ ผมนั่งลงใกล้ขอบเนินเขาโดยไม่สนใจเธอ ในขณะเดียวกันผมก็หยิบพิณออกมา มือของผมไล่ไปตามพิณขณะที่โน้ตอันไพเราะเริ่มบรรเลง เสียงเพลงจากพิณเดินทางขึ้นเขา สร้างความเงียบที่ไม่เหมือนใคร ปากของผมเปิดออกเมื่อฉันเริ่มร้องเพลง

i think there is someone∼

praying for someone∼

i can hear the love poem∼

they wrote holding their breath∼

i wish it flies to you∼

and arrives to your place before it’s too late∼…

i’ll be there, behind you who walks alone∼

singing till the end, this song will be endless∼

listen carefully just for a second∼

i will sing for you who walks long nights than most∼

เสียงของผมเดินทางข้ามเนินเขา หิ่งห้อยที่บินอยู่บนเนินเขาเริ่มเข้ามาบินอยู่รอบตัวผม ฉากที่สวยงามกำลังปรากฏขึ้น

เกรซยืนมองผมด้วยความงุนงง ในขณะที่เนื้อเพลงที่ผมร้องซึมซับเข้าไปในใจของเธอ

ความรู้สึกที่เธอพยายามระงับอย่างสุดความสามารถเริ่มหลั่งไหลออกมา โดยไม่มีวันหวนกลับ เนื้อเพลงของผมและท่วงทำนองซึมซับลงไปในหัวใจของเธอ พวกมันกระแทกกระทั้นต่อการป้องกันที่เธอสร้างขึ้นในใจของเธอหลังจากการตายของสามีเธอ อย่างช้าๆ แต่แน่นอนการป้องกันของเธอก็ถูกทำลายลง

‘ฉันไม่รู้เลยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อหลังจากนี้’

เกรซส่ายหัวแต่ดวงตาของเธอเริ่มเป็นประกาย ร่างกายของเธอมีเรี่ยวแรงพร้อมกับเดินเข้ามาหาผม เธอนั่งลงข้างๆ ผมโดยพึงหัวของตัวเองลงมาบนไหล่ของผม

‘ขอแค่…ขอแค่เพียงครั้งเดียว’

เกรซหัวใจเต้นแรง ลมหนาวพัดผ่าน หิ่งร้อยรายล้อมที่กำลังเริงระบำไปตามทำนองเพลง ในเวลานี้ในใจของเธอมีแต่ผม

เกรซลืมตัวตนของเธอไปแล้ว เธอลืมไปแล้วว่าตัวเองเป็นแม่ เป็นนักรบ เป็นเจ้าหญิง เป็นดัชเชส… ตอนนี้เธอเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ผู้หญิงที่ฟังเสียงคนรักของตัวเอง

ในตอนนี้แค่เสียงของผมและไออุ่นที่มีให้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เกรซหลับตาลงช้าๆ สิ่งที่เหลืออยู่คือไออุ่นที่เธอรู้สึกได้ในส่วนลึกของหัวใจ

 

 

 

-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy 
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต