ตอนที่ 88 ตรงไปตรงมา

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 88 ตรงไปตรงมา

จวนองค์ชายสอง!

องค์ชายสอง เซียวเฉิงเหวิน ทุกข์ทรมานอย่างมากในฤดูร้อน แต่อีกทางเขาก็หวาดกลัวฤดูหนาว หนึ่งปีสี่ฤดูต้องดื่มยาไม่ขาดสาย

หมอหลวงปักหลักในจวนองค์ชายสอง พร้อมรับใช้ตลอดเวลา

ฤดูหนาวผักสดมีจำนวนน้อย เซียวเฉิงเหวินไม่อยากอาหารเป็นเวลานาน กินข้าวไม่ลง คนผอมลงไปไม่น้อย

จนกระทั่งเยียนอวิ๋นเกอให้คนส่งเห็ดหูหนูตากแห้ง ผักเขียวที่คนเห็นแล้วชอบใจมา

เมื่อเซียวเฉิงเหวินมีความอยากอาหาร

สามารถกินข้าวลง ยาย่อมดื่มน้อยลง

หากสังเกตดู สีหน้าก็ดีขึ้นเล็กน้อย

ยามค่ำ

เหยียนอวิ๋นฉีร่วมโต๊ะอาหารกับเซียวเฉิงเหวิน

เมื่อนางกินจนเกือบอิ่มก็วางชามและตะเกียบลง

นางถือถ้วยชาที่มีความอุ่น รู้สึกสบายอย่างยิ่ง

เห็นเซียวเฉิงเหวินมีความอยากอาหาร นางพูด้วยรอยยิ้ม “ฤดูหนาวนี้ พวกเราล้วนอาศัยบารมีของน้องสี่ น้องสี่มีความคิดแปลกใหม่แต่เล็ก มักมองเห็นในจุดที่ผู้อื่นมองไม่เห็น คิดวิธีที่ผู้อื่นคิดไม่ได้

ตอนนั้นนางบอกว่าจะไปบุกเบิกจัดซื้อแปลงนา หม่อมฉันยังกังวลว่านางจะขาดทุน เตรียมการไว้แล้ว หากวันใดนางยากลำบาก หม่อมฉันจะมอบร้านค้าภายใต้ชื่อให้นางไปดำเนินการ ได้เงินมาพวกเราพี่น้องแบ่งครึ่ง”

เซียวเฉิงเหวินดื่มน้ำแกงเป็ดหนึ่งคำ พูดเสียงเบา “พวกเจ้าพี่น้องรักใคร่กันดี”

เหยียนอวิ๋นฉีพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “หม่อมฉันกับน้องสี่รักใคร่กันแต่เด็ก ถึงแม้เวลานี้ยากที่จะพบหน้า แต่พวกเรามักระลึกถึงอีกฝ่าย ฤดูหนาวนี้ พระองค์สามารถเสวยพระกายาหารที่เลิศรส ล้วนเป็นความชอบของน้องสี่ น้องสี่เป็นคนโอบอ้อม พวกเราไม่อาจเอาจกินเฉยๆ ได้ สมควรตอบแทนบ้างเล็กน้อย”

เซียวเฉิงเหวินลืมตา “เจ้าอยากตอบแทนน้องสี่อย่างไร ให้เงินหรือให้คน”

เหยียนอวิ๋นฉีเลิกคิ้ว “ไม่ใช่หม่อมฉัน หากแต่เป็นพระองค์ที่ต้องการตอบแทนน้องสี่ แปลงนาของน้องสี่จะมีผลผลิตมากกว่านี้ในอนาคต เพื่อความอยากทางปากท้อง เพื่อพระวรกาย พระองค์สมควรจะตอบแทนนาง”

เซียวเฉิงเหวินก้มหน้ายิ้ม วางชามและตะเกียบ ดื่มน้ำล้างปาก หยิบผ้าเช็ดหน้าเช็ดปากเบาๆ

“ฮูหยินอยากให้ข้าตอบแทนน้องสี่อย่างไร”

เหยียนอวิ๋นฉีวางแก้วชาลง “เพื่อแสดงความจริงใจ หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ควรเพิกถอนคนที่ส่งไปจับตาเรือนพักร่ำรวย”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ฮูหยินควรรู้ดี เรือนพักร่ำรวยของน้องสี่เจ้าสร้างขึ้นมาได้ มีความชอบของข้าอยู่ ข้าส่งคนไปเพื่อควบคุม ไม่ใช่สายลับแบบที่ฮูหยินคิด”

“ควบคุมก็ดี จับตาก็ดี มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องสำคัญคือ สถานการณ์ของเรือนพักร่ำรวย พระองค์ทรงรับรู้แล้ว ถึงเวลาถอนกำลังคนกลับมาได้แล้ว”

เหยียนอวิ๋นฉีจ้องมองเซียวเฉิงเหวิน

เซียวเฉิงเหวินเลิกคิ้วยิ้ม “คำพูดนี้ เยียนอวิ๋นเกอให้เจ้าพูด?”

เหยียนอวิ๋นฉีส่ายหน้า “น้องสี่ไม่ได้พูดสิ่งใด แต่นางล้วนรู้ทุกเรื่อง นางเห็นแก่หน้าหม่อมฉันจึงเงียบไว้ แต่น้องสี่ไม่มีทางเงียบไปตลอด หม่อมฉันคิดว่าถึงเวลาถอนกำลังคนกลับมาแล้ว พระองค์โปรดทรงไตร่ตรอง”

เซียวเฉิงเหวินยกแก้วชาขึ้น จิบชาร้อนหนึ่งคำ

เขาพูดเสียงเบา “ข้าวางกำลังคนไว้ในเรือนพักร่ำรวย เยียนอวิ๋นเกอเป็นคนบอกเจ้าใช่หรือไม่”

เหยียนอวิ๋นฉีเงียบ

ความเงียบเป็นสิ่งยืนยัน

เซียวเฉิงเหวินยิ้มอย่างกระจ่าง “เจ้าวางใจ ข้าจะถอนกำลังคนกลับมา ผักเขียวอร่อยมาก เจ้าบอกเยียนอวิ๋นเกอ ข้ารับเจตนาดีของนาง หากมีของดี ขอให้นางส่งมาที่จวนองค์ชายหนึ่งชุด ข้าสามารถจ่ายเงิน เจ้าเตือนนางอีกครั้ง อย่าลืมคำมั่นที่ให้ไว้กับข้า ข้าคาดหวังว่านางจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่”

เหยียนอวิ๋นฉีโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด “ขอบพระทัยที่พรองค์ไม่ทรงทำให้ข้าลำบากใจ”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “พวกเราสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน เมื่อหนึ่งล่วงทุกคนล่ม หนึ่งโรจน์ทุกคนรุ่ง หม่อมฉันย่อมไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ เพียงแต่เจ้าให้ความสำคัญกับตระกูลของตนเอง หม่อมฉันมีตำแหน่งมากน้อยเพียงใดในหัวใจเจ้า เทียบกับตำแหน่งของเยียนอวิ๋นเกอในหัวใจเจ้าได้หรือไม่”

เหยียนอวิ๋นฉีหลุบตายิ้ม “หม่อมฉันขอบังอาจทูลถาม หม่อมฉันมีตำแหน่งในพระทัยของพระองค์มากน้อยเพียงใด หากวันหนึ่งที่มีเคราะห์เข้ามา พระองค์จะทรงทำเพื่อหม่อมฉันหรือไม่”

เซียวเฉิงเหวินหัวเราะร่า สายตามองไปอีกฝ่ายอย่างซับซ้อน “ดูท่าทางฮูหยินไม่เชื่อข้า”

เหยียนอวิ๋นฉีส่ายหน้าอย่างช้าๆ น้ำเสียงต่ำลงเล็กน้อย “ไม่ใช่ไม่เชื่อพระองค์ หากแต่ภายในใจหม่อมฉันหวาดกลัว ย่อมต้องวางแผนหาทางหนีทีไล่ให้ตัวเอง แน่นอน หม่อมฉันย่อมไม่มีเจตนาทำร้ายพระองค์ พระองค์ตรัสด้วยตนเองแล้ว พวกเราสมีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน หม่อมฉันจำไว้ในใจเสมอ”

เซียวเฉิงเหวินพยักหน้า “ขอบใจฮูหยินที่เปิดเผย ข้าจะพยายามให้บุตรแก่เจ้า บุตรของเจ้าย่อมเป็นบุตรชายคนโตของข้า”

เหยียนอวิ๋นฉีเงยหน้า มองเขา “ก่อนหน้านี้พระองค์ไม่ทรงคิดจะมีบุตรกับข้าอย่างนั้นหรือ”

เซียวเฉิงเหวินยิ้ม “ร่างกายข้าอ่อนแอ พูดนานเพียงนี้ เหนื่อยแล้ว! ฮูหยินไปพักผ่อนเถิด ข้าจะกลับไปห้องตำรา”

พูดจบ เขาลุกขึ้นจากไป

เหยียนอวิ๋นฉีลุกขึ้นโน้มตัวด้วยสายตาซับซ้อน

รอเซียวเฉิงเหวินจากไป นางจึงเผยยิ้มเยาะตนเอง

สามีภรรยาอื่นล้วนดูภายนอกสนิทสนมกันดี แสร้งทำเป็นงุนงงทั้งที่กระจ่างใจ

นางกับเซียวเฉิงเหวินกลับดี พูดทุกอย่างให้กระจ่ง แม้แต่กระดาษหน้าต่างชั้นสุดท้ายก็ทิ่มทะลุแล้ว

นางถอนหายใจ “เอาเถิด! ได้คำมั่นของเขาแล้วก็ถือว่ามีความคืบหน้า”

เซียวเฉิงเหวินเด็ดขาดเกินไป เหยียนอวิ๋นฉีอภิเษกกับเขามานานเพียงนี้ มักจะถูกเขากีดกันไว้อยู่ด้านนอกชีวิตของตนเอง

นางอยากหลอมรวมในชีวิตของเซียวเฉิงเหวิน แต่เซียวเฉิงเหวินไม่ยอมให้โอกาสนาง

ระหว่างคนทั้งสองมักมีฉากกั้นที่มองไม่เห็นกั้นอาไว้

นางรู้ว่าเซียวเฉิงเหวินระแวงนาง

ไม่เพียงแต่ระแวงนาง เขาระแวงทุกคนยกเว้นคนรอบตัวเขา

เขาไม่เชื่อคนใดยกเว้นข้างตัวเขา

นางยิ้ม “ขี้ระแวงเหลือเกิน! น้องสี่พูดถูก คนในพระราชวงศ์ มีโรคแต่กำเนิด โรคระแวง!”

องค์หญิงติ้งเถามาหาองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ด้วยความทุกข์ใจเต็มท้อง

“เยียนอวิ๋นเกอรังแกกันมากเกินไปแล้ว แปลงนาของนางปลูกผักผักเขียวออกมาได้ ส่งให้ในพระราชวัง ส่งให้พี่สอง ส่งให้เสด็จป้าเฉิงหยาง อีกทั้งเสด็จพี่ใหญ่ก็ได้ผักเขียวมาทั้งตะกร้า ยกเว้นจวนของข้ากับเสด็จพี่สาม ไม่มีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นางดูถูกข้ากับพี่สามหรือ”

เซียวเฉิงอี้ปวดหัว “เจ้าพูดผิดแล้ว วันก่อนนางให้คนส่งผักเขียวตะกร้าหนึ่งมาให้ข้า รสชาติไม่เลว นางไม่ได้ส่งไปให้เจ้าหรือ”

“อันใดกัน” องค์หญิงติ้งเถาตะโกนเสียงแหลม “นางให้คนส่งผักเขียวตะกร้าหนึ่งมาให้เสด็จพี่สาม เหลือแต่ข้าที่ไม่ได้หรือ”

เซียวเฉิงอี้ราวสร้างความสะเทือนใจให้ติ้งเถา

เขาพูด “ไม่เพียงแต่ข้าได้รับผักเขียว น้องสี่ล้วนได้ หรือเยียนอวิ๋นเกอไม่ได้ส่งผักเขียวไปให้น้องจริง”

“ส่งอันใดกัน ข้าไม่เห็นผักแม้แต่ใบเดียว” ติ้งเถาโกรธจนดวงตาแดงก่ำ “นางจงใจหรือ นางตั้งใจหักหน้าข้าหรือ”

เซียวเฉิงอี้ส่ายหน้าถอนหายใจ “ผู้ใดให้น้องสาวทำให้นางขุ่นเคืองมากเกินไป ข้าได้ยินว่านางเป็นคนใจแคบ”

ติ้งเถาโกรธจนดวงตาแดงก่ำ “เสด็จพี่สามไร้มโนธรรม ไม่ปลอบข้าก็แล้วไป ยังตำหนิและหัวเราะเยาะข้าอีก พระองค์ทรงเป็นพี่ชายของข้าจริงหรือไม่”

“หากข้าไม่ใช่พี่ชายของเจ้า ข้าคงไม่พูดสิ่งเหล่านี้กับเจ้า” เซียวเฉิงอี้แอบกรอกตา

องค์หญิงติ้งเถาร้องไห้โฮ “เยียนอวิ๋นเกอรังแกข้า แม้แต่เสด็จพี่สามก็รังแกข้า”

เหตุใดจึงร้องไห้

เซียวเฉิงอี้ปวดหัว

เขาปลอบ “เพียงแค่ผักเขียวหายากที่ใดกัน หากเจ้าอยากลองชิม ส่งคนไปซื้อ ถึงแม้ราคาแพงไปเล็กน้อย แต่ดีที่สดใหม่”

“ข้าไม่ซื้อ! ข้าตายก็ไม่ซื้อผักของนาง เพียงแค่ผักเขียว นางปลูกได้ ข้าก็ปลูกได้ ข้าจะกลับไปรับสั่งให้ปลูกผักในแปลงนา”

ติ้งเถาโกรธเคือง ความแค้นภายในใจที่มีต่อเยียนอวิ๋นเกอยิ่งมากขึ้น

เซียวเฉิงอี้หัวเราะขึ้นมา “เจ้าจะปลูกผักหรือ ดี! เมื่อถึงเวลาข้าจะอาศัยบารมีของเจ้าบ้าง เพียงแต่น้องรู้วิธีการปลูกผักในฤดูหนาวแล้วหรือ”

ติ้งเถาอึ้ง จ้องมองเซียวเฉิงอี้

“เสด็จพี่สามรู้หรือ เสด็จพี่พี่สามย่อมมีมีวิธีรู้ว่าเยียนอวิ๋นเกอปลูกผักออกมาได้อย่างไรใช่หรือไม่”

เซียวเฉิงอี้ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้! หากข้ารู้ว่าฤดูหนาวก็ปลูกผักออกมาได้ ข้าปลูกออกมาขายนานแล้ว ผักหนึ่งจินขายได้หลายก้วน ปลูกสักหลายพันจินหลายหมื่นจิน ย่อมมีรายรับหลายหมื่นก้วน ยิ่งกว่าปล้นเงินเสียอีก ปีนี้เยียนอวิ๋นเกอย่อมมีกำไร เมื่อรอปีหน้าคงไม่แน่แล้ว”

ติ้งเถาทำหน้าฉงน “เสด็จพี่สามพูดเรื่องใด เหตุใดข้าจึงฟังไม่เข้าใจ”

เซียวเฉิงอี้ยิ้ม “น้องยังคิดได้ว่าจะปลูกผักในแปลงนา ผู้อื่นย่อมคิดได้ ทางเส้าฝู่ย่อมมีความคิดนี้ ให้เสด็จพ่อได้เสวยผักสดนานาชนิดในฤดูหนาวถือเป็นความชอบที่ยิ่งใหญ่ คนมากมายต่างจับจ้องเรือนพักร่ำรวยของเยียนอวิ๋นเกอ ความลับของการปลูกผักในฤดูหนาวยังเก็บงำไว้ได้หรือ ช่างฝีมือเหล่านั้นยังรักษาไว้ได้หรือ”

ติ้งเถาได้ยินจึงดวงตาลุกวาว

นางหัวเราะร่า “เยียนอวิ๋นเกอจะจบสิ้นแล้ว! นางอย่าหวังจะอาศัยการปลูกผักหาเงิน ฝันไปเถิด ข้าจะส่งคนไปเรือนพักร่ำรวย ข้าไม่เชื่อว่าช่างฝีมือเหล่านั้นจะปฏิเสธการชักชวนของข้า”

“น้องอย่าเพิ่งรีบร้อน เรื่องสร้างศัตรูแบบนี้ เจ้าไม่ต้องทำ เยียนอวิ๋นเกอสามารถหาวิธีปลูกผักในฤดูหนาวได้ ย่อมหาวิธีหาเงินทางอื่นได้ ไม่แน่ว่าภายหน้าอาจมีวันที่ต้องใช้นาง เรื่องสร้างศัตรูแบบนี้ให้ผู้อื่นทำเถิด พวกเรารอรับผลประโจยชน์ก็พอ”

ติ้งเถาได้ยินดังนี้จึงไม่พอใจนัก

ไม่สามารถลงสนามเป็นผู้ร้ายโจมตีเยียนอวิ๋นเกอด้วยตนเอง ใบหน้าของนางบิดเบี้ยวเล็กน้อย

“เสด็จพี่สามหมายความว่าให้ผู้อื่นเป็นคนชั่วอย่างนั้นหรือ แต่ว่าข้ารอไม่ได้แล้ว”

เซียวเฉิงอี้เกลี้ยกล่อมนาง “รอไม่ได้ก็ต้องรอ นิสัยใจร้อนอย่างเยียนอวิ๋นเกอ หากเจ้ากล้าลงมือแย่งคนของนาง ทำลายการค้าของนาง นางย่อมกล้าบุกไปถึงจวน ถึงแม้กระบองจะไม่ได้กระทบลงบนตัวเจ้า แต่อย่างไรก็น่าอับอาย

อีกทั้งเจ้าไม่จำเป็นต้องสร้างศัตรูกับเยียนอวิ๋นเกอ ตระกูลเยียนเป็นแม่ทัพ ขุนนางในราชสำนักจะอดโจมตีตระกูลเยียนไม่ได้ในสักวัน เมื่อถึงเวลาเจ้าอยากจัดการกับเยียนอวิ๋นเกออย่างไรก็ได้ ไม่มีผู้ใดออกหน้าแทนนาง”

ติ้งเถาขมวดคิ้วแน่น อย่างไรนางก็ยังไม่ยอม เซียวเฉิงอี้เห็นที สีหน้าดำทะมึน พูด “หากเจ้าคิดจะยั่วยุเยียนอวิ๋นเกอ ข้าก็ไม่รั้งเจ้า แต่หากเจ้าถูกเยียนอวิ๋นเกอกลั่นแกล้งจนหมดทางหนี ข้าจะไม่ช่วยเจ้า อีกทั้งเหล่าท่านอ๋องในแผ่นดินกำลังกำจัดขุนนางชั่ว ฝ่ายที่จะกำจัดก็คือตระกูลเถา รวมไปถึงเสด็จแม่ด้วย หากเจ้าสร้างความวุ่นวายขึ้นมาในเวลานี้ เสด็จแม่ต้องทรงโกรธอย่างมาก เวลานี้เป็นเวลาที่มีเรื่องมากมาย อย่าได้สร้างปัญหา น้องหญิงเชื่อคำพูดของข้าเถิด!”

ติ้งเถากัดฟัน พูดอย่างไม่เต็มใจ “ข้าเชื่อฟังเสด็จพี่พี่สาม คราวนี้ข้าจะไม่ยั่วยุเยียนอวิ๋นเกอ แต่ข้าจะคิดบัญชีกับนางในสักวัน”