ตอนที่ 109 ทำให้คนรู้สึกปวดใจ ตอนที่ 110 ไม่เหมือนลูกหลานของตระกูลซ่ง

ข้าอาศัยทำนาให้ร่ำรวยมหาศาล

ตอนที่ 109 ทำให้คนรู้สึกปวดใจ

นาทีนี้ ซ่งอิงมั่นใจได้แล้วว่า เหยาซื่อสะใภ้เล็กเป็นหญิงสาวที่ถูกรูปลักษณ์อาสี่หลอกล่อให้ลุ่มหลงเป็นแน่

“พ่อข้าไม่ได้สมองมีปัญหาแล้วกระมัง ฮั่วหรงตายไปแล้วยังจะให้เอ้อร์ยาโถวแต่งกับเขาทำไม? หรือว่าจะรอให้ศพเขาฟื้นคืนชีพมามีลูกกับเอ้อร์ยา…” ซ่งหม่านซานคิดว่าช่างเป็นสิ่งที่แปลกพิลึก ไม่เคยจะพบเห็นมาก่อน

เรื่องราวนี้ เขาไม่รู้มาก่อนจริงๆ

เขากลับบ้านเป็นครั้งคราว ต่อให้กลับบ้าน เวลาส่วนใหญ่จะเตร็ดเตร่อยู่ในหมู่บ้าน หาสหายพี่ๆ น้องๆ พากันไปดื่มสุรา ได้สนใจเรื่องไร้สาระในครอบครัวเสียที่ไหนกัน

“เป็นตัวเอ้อร์ยาเองที่เต็มใจ อย่าได้โทษท่านพ่อเลย” เหยาซื่อสะใภ้เล็กรีบกล่าวทันที

ซ่งอิงงุนงงเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าซ่งหม่านซานจะพูดจาไม่ไว้หน้าถึงเพียงนี้

“ตัวเจ้าเองยินยอม?” ท่าทีอย่างฉุนเฉียวของซ่งหม่านซานพลันหายไปแล้วเช่นกัน และมองนางอย่างประหลาดใจ “ที่เจ้าถูกคนเขาตัดทิ้งไปคือนิ้วเท้ามิใช่หรือ เหตุใดแม้แต่สมองก็ไม่มีเสียแล้วล่ะ คนมีชีวิตไม่รู้จักหา หาคนตายแล้ว จะไปพึงพาอะไรได้?”

“…” ซ่งอิงเลิกคิ้ว

“ช่างเถอะ นี่เป็นเรื่องไร้สาระของเจ้า ข้าก็คร้านจะยุ่งเกี่ยวเช่นกัน ว่าแต่…เป็นใครเอาครอบครัวเราไปพูดจาเหลวไหลอีก เข้าใจว่าข้าตายไปแล้วหรืออย่างไร” ซ่งหม่านซานไม่พึงพอใจอย่างยิ่ง

ต้องเป็นหลังจากเขาไปเป็นเจ้าหน้าที่ควบคุมประตูระบายน้ำแล้วแน่นอน เมื่อไม่ได้เดินเตร็ดเตร่อยู่ในหมู่บ้านบ่อยๆ เข้า ดังนั้นคนในหมู่บ้านก็คงลืมไปแล้วสินะว่าเขาคือผู้นำตระกูลซ่ง

“เปาไล่จื่อ…พูดว่าเอ้อร์ยาครอบครัวเรามีความสัมพันธ์ไม่ชัดเจนกับหลานสวิน…” เหยาซื่อสะใภ้เล็กอ้ำอึ้ง ไม่กล้าไม่ให้คำตอบ

“บัดซบ แม่งเอ๊ย! สารเลว ไอ้โง่ไล่จื่อ ไว้เดี๋ยวข้าจะไปพังหลังคาบ้านมัน! ดูสิว่ามันยังจะกล้าพูดจาเหลวไหลอีกหรือไม่!” ซ่งหม่านซานพูดจบ มองซ่งอิงแวบหนึ่ง คิดว่าหลานสาวผู้นี้ช่างน่าสงสารจริงๆ

ก่อนหน้านี้คิดจะเอาบ๊ะจ่าง นั่นเพราะคิดว่าบ๊ะจ่างเป็นของบ้านพี่ชายคนรอง เขากินของของพี่ชายแท้ๆ ของตนเองก็ไม่ใช่ปัญหาเลยซักนิด

แต่ตอนนี้แตกต่างออกไปแล้ว บ๊ะจ่างนี้เป็นของหลานสาว แล้วยังออกเรือนแล้วอีกด้วย หากได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายก็แล้วไป แต่นี่มองดูแล้วค่อนข้างปวดใจทีเดียว ขืนยังต้องการบ๊ะจ่างนี้คงจะดูไม่ได้เรื่องเกินไปหน่อย

แต่หากไม่เอา…

เขาก็อดรู้สึกเสียหน้าไม่ได้

หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเอ่ยพูดอย่างใจปล้ำ “ซื้อบ๊ะจ่างหนึ่งร้อยชิ้น เอ้อร์ยา เจ้าเลือกอันใหญ่ๆ ที่สุดมาให้ข้าจำนวนหนึ่ง ไม่เอาส่วนเหล่านั้นที่อาสะใภ้สี่เจ้าห่อ นางตระหนี่ถี่เหนียว บ๊ะจ่างที่ห่อจะต้องมองดูแล้วปริมาณน้อยนิดแน่นอน เอาส่วนที่พี่สะใภ้ใหญ่ห่อก็แล้วกัน”

“…” เหยาซื่อสะใภ้เล็กชักสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจขณะมองเขา

บ๊ะจ่างที่นางห่อก็ไม่เล็กนี่!

ใช่ ตอนแรกเริ่ม จริงอยู่ที่ไม่ค่อยใหญ่ ไม่เหมือนพี่สะใภ้ใหญ่ห่อที่ดูกลมๆ นูนๆ ประเภทนั้น แต่ระยะนี้ก็ปรับปรุงขึ้นมากแล้ว ปริมาณไส้ก็อัดแน่นพอตัวทีเดียวเชียวละ…

นางมองสะใภ้ใหญ่เหยาซื่ออย่างตำหนิแวบสายตาหนึ่ง

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หนังหนากระตุก รู้สึกไม่ค่อยเป็นตัวของตัวเองไปทั้งเรือนร่าง

ซ่งอิงผู้นี้ยอมรับการพูดคุยอย่างดีๆ ไม่ชอบการถูกบีบบังคับ หากซ่งหม่านซานมาแย่ง นางก็จะระเบิดใส่ซ่งหม่านซานสักตั้งเช่นกัน และก็จะไม่แบ่งบ๊ะจ่างออกไปให้ด้วย แต่นี่เสียแรงพูดไม่กี่ประโยค ซ่งหม่านซานก็เปลี่ยนคำพูดว่าต้องการซื้อ ทันใดนั้นจึงรู้สึกแตกต่างออกไป

เลยตัดสินใจว่าเย็นนี้จะเก็บบ๊ะจ่างทองคำชั้นยอดเอาไว้ให้ซ่งหม่านซานลองชิมสักสองชิ้น

เพียงแต่นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่า ซ่งหม่านซาน…จะไม่ได้ทะเลาะเบาะแว้งกับนางขึ้นมา?! นางนึกว่าวันนี้ตนเองจะต้องลงไม้ลงมือกับผู้อาวุโสกว่าแล้วเสียอีก! ช่างน่าเสียดายจริงๆ!

ซ่งหม่านซานไม่ได้รีบร้อนเดินจากไปเช่นกัน มองดูทุกคนทำงานกัน หลังผ่านไปพักหนึ่ง ก็เริ่มเปิดบทสนทนาอย่างคนช่างพูด โดยกล่าวว่า “อาสวิน อย่าหาว่าอาสี่อย่างข้าตำหนิเจ้าเลยนะ ข้าอายุขนาดเจ้านี้ ได้จับมือน้อยๆ ของแม่นางหญิงสาวแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังไม่เปิดใจบ้างล่ะ หากหมั้นหมายตั้งแต่เนิ่นๆ เปาไล่จื่อยังจะว่ากล่าวเจ้าได้อีกหรือ พานให้น้องสาวเจ้าลำบากไปเสียได้”

เรื่องนี้เป็นความป่วยใจของซ่งสวินมาโดยตลอด มักคิดเสมอว่าเป็นเพราะตนเอง ซ่งอิงจึงต้องออกเรือนไป

คิดว่าตนเองไร้ความสามารถ บัดนี้ถูกซ่งหม่านซานพูดถึง เขาถึงกับหน้าซีดทันที

ซ่งหม่านซานยังไม่หยุดแต่เพียงเท่านี้ หันไปมองทางด้านบ้านใหญ่ “หลานเสี่ยนล่ะ ร่างกายไม่มีปัญหากระมัง? แต่งงานตั้งนานเนเพียงนี้แล้วยังไม่มีลูกเลยสักคนหรือ หากรู้แบบนี้แต่เนิ่นๆ ตอนนั้นก็ไม่น่านำเงินไปแต่งเผยซื่อเลย เผยซื่อบอบบางขนาดนั้น มีหรือจะให้กำเนิดเก่งอย่างเถาฮวาของหมู่บ้านใกล้เคียง เถาฮวานางหลังออกเรือน เพิ่งเข้าครอบครัวปีเดียวก็ให้กำเนิดลูกฝาแฝดแล้ว พบเห็นกันได้บ่อยๆ ที่ไหนกัน?”

เถาฮวาเป็นลูกสะใภ้ที่ครอบครัวบุตรคนโตตระกูลซ่งเตรียมกำหนดให้เป็นคู่ครองซ่งเสี่ยน เมื่อครั้งซ่งอิงยังไม่ได้ไปจวนโหว

ต่อมาภายหลังตระกูลซ่งได้เงินหนึ่งร้อยตำลึงเงิน ซ่งเสี่ยนจิตใจมักใหญ่ใฝ่สูง ต้องการจะแต่งแม่นางที่อยู่ในตัวเมืองให้จงได้

ตอนที่ 110 ไม่เหมือนลูกหลานของตระกูลซ่ง

ซ่งหม่านซานล้วงผลไม้แห้งห่อหนึ่งออกจากอ้อมอกขณะเอ่ยพูด นั่งเอ้อระเหยลอยชายอยู่ตรงนั้น กินพลางเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง “หลานเสี่ยนเป็นหลานชายคนโตของครอบครัวพี่ใหญ่ตระกูลเรา เรื่องการให้กำเนิดบุตรคือเรื่องใหญ่ นี่หากยังไม่มีลูก ก็ต้องจัดสรรปันส่วนทรัพย์สมบัติใหม่ เรือนที่อยู่ในอำเภอหลังนั้น…จัดการโดยการขายไปเสียแล้วแบ่งให้เท่าๆ กันสี่บ้าน พี่สะใภ้ใหญ่ จริงอย่างที่ข้าว่าหรือไม่”

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่ที่สงบเงียบมาโดยตลอด แต่ยามนี้อดกลั้นไม่ไหวแล้วเช่นกัน

“ใครบอกว่าลูกชายข้าจะไม่มีลูก!? ข้าตั้งใจว่าเย็นนี้ตอนกินข้าวกันจะพูดคุยกับท่านพ่อพวกเราอยู่พอดีว่าเผยซื่อมีข่าวดีแล้ว! เพียงแต่ครรภ์นี้ยังไม่ปลอดภัยแน่ชัด ดังนั้นจะเอิกเกริกไปมิได้ น้องสี่ เรือนหลังนั้นเป็นของลูกเสี่ยนบ้านข้า ไม่ว่าใครก็ไม่อาจมาตัดสินใจแทนได้ทั้งนั้น!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่กล่าวสวนทันควัน

เมื่อคำพูดนี้หลุดออกไป คนของบ้านอื่นๆ ล้วนมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

บ้านใหญ่ได้รับการเห็นความสำคัญเสมอมา บัดนี้เผยซื่อตั้งครรภ์แล้ว เช่นนั้นจากนี้ยังเหลือส่วนที่ให้บ้านอื่นๆ พูดได้อีกหรือ

แต่ก็อย่างที่รู้ๆ กัน นี่เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วต้องเกิดขึ้น…อย่างไรเสียหลานสวินก็จะยังไม่ได้แต่งงาน บุตรของบ้านสามก็ยังค่อนข้างเด็ก การจะให้ตามทันหลานเสี่ยนแล้วชิงให้กำเนิดเหลนออกมาก่อนคงเป็นไปได้ยาก

เพียงแต่ขณะนี้ถูกข่าวคราวนี้กระทบศีรษะจนสมองอื้ออึงไปไม่ถูก ในใจแต่ละคนเจ็บปวดรวดร้าวเสียยิ่งอะไร

อย่าว่าแต่เจียวซื่อและเหยาซื่อสะใภ้เล็กเลย ต่อให้เป็นหร่วนซื่อ ก็อดเผยสีหน้าหม่นหมองขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ ชำเลืองมองไปยังบุตรชายของครอบครัวตนเอง

ดีตรงที่แยกครอบครัวแล้ว ต่อให้แย่ก็ไม่ได้แย่ไปเท่าใดนัก

ตามจริงในส่วนของวัตถุ พวกเขาไม่ได้ร้องขอสิ่งอื่นใด ก็แค่กลัวว่าภายภาคหน้าชายชราหญิงชราจะไม่แม้แต่ชายตามอง เย็นชาต่อพวกเขาก็เท่านั้นเอง

ซ่งหม่านซานมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเช่นกัน “เป็นลูกของหลานเสี่ยนจริงหรือ”

“…” ซ่งอิงรู้สึกคล้ายว่ากำลังจะเกิดปัญหาบางอย่าง

ปรากฏว่าเหยาซื่อสะใภ้ใหญ่โมโหขึ้นมาทันที “น้องสี่ เจ้าพูดจาประสาอะไร!? ที่เผยซื่อตั้งครรภ์หากมิใช่ลูกของลูกเสี่ยนข้า เช่นนั้นก็เป็นของคนอื่นหรือ! เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงฝ่ายหญิง เจ้านี่ช่างใจจืดใจดำ พูดจาเหลวไหลอะไรเยี่ยงนี้! ท่านแม่ ท่านก็ไม่จัดการเขาบ้างล่ะเจ้าคะ!”

หม่าซื่อมองทั้งสองคนแวบหนึ่ง จากนั้นทำเหมือนไม่ได้ยิน ตั้งหน้าตั้งตาห่อบ๊ะจ่างต่อไป

หม่าซื่อแม่เฒ่าผู้นี้ ให้ความรู้สึกมีตัวตนในระดับที่ต่ำสุดขีด

“พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านจะโกรธอะไรล่ะ นี่ไม่ใช่เพราะข้าห่วงใยหลานเสี่ยนหรอกหรือ” ซ่งหม่านซานยังคงแสดงท่าทีอย่างไม่เก็บเอามาใส่ใจ ก่อนมองไปยังซ่งอิงแวบสายตาหนึ่ง “เอ้อร์ยากลับมาตั้งนานเพียงนี้แล้ว พวกท่านบ้านใหญ่ไม่พูดหรือช่วยเหลืออะไรบ้างเลยหรือ”

“โอ๊ย ไม่เพียงแต่ไม่พูดหรือไม่ช่วยเหลืออะไรเลย เอ้อร์ยาสุขภาพร่างกายไม่ค่อยดีมาตลอด จึงนอนอยู่บนเตียงในบ้านตั้งหลายวัน ภายหลังพอดีขึ้นหน่อยออกไปนอกบ้าน กลับถูกหลานต๋าปาก้อนหินใส่จนสลบล้มไปอีก ได้ยินว่าตอนนั้นเกือบเอาชีวิตไม่รอดเชียวละ!” เจียวซื่อถนัดพูดเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตนเอง มิหนำซ้ำในน้ำเสียงแฝงความสนุกสนานเอาไว้อีกด้วย

“นี่หลานต๋าไม่ได้เรื่องได้ราวเพียงนี้เชียว?” ซ่งหม่านซานชักสีหน้าเป็นจริงเป็นจัง

เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่หน้าแดงก่ำ วางมาดอย่างกับต้องการจะฉีกร่างคนเป็นเสี่ยงๆ

“ครั้งนั้นลูกต๋าบ้านข้าทำไปเพราะถูกคนเขาเป่าหู! หินก้อนนั้นก็ไม่ใช่เขาปาด้วย! ข้าถามตั้งหลายครั้งแล้ว เขาไม่ได้ลงมือ!” เหยาซื่อสะใภ้ใหญ่แทบระเบิดเป็นจุณแล้วก็ว่าได้

อาเล็กผู้นี้ ไฉนต้องหยิบยกประเด็นที่ไม่ควรเอ่ยถึงมาพูดด้วย!

เพราะเรื่องนี้ เดิมทีเอ้อร์ยาก็มีอคติต่อลูกต๋าของนาง เรื่องทำงานก็ไม่ยินยอมให้ลูกต๋าเข้ามายุ่งเกี่ยวแม้แต่เล็กน้อย ระยะนี้ลูกต๋าถูกบรรดาพี่ชายจากบ้านสามปล่อยทิ้งท้ายไม่สนใจ ไม่มีคนยินดีเล่นด้วย เขาเศร้าเสียใจจะแย่แล้ว!

ซ่งหม่านซานไม่สนใจมากมายเพียงนั้น “เด็กน้อยผู้นั้นควรต้องถูกสั่งสอนเสียบ้าง เขาไปไหนแล้วล่ะ เดี๋ยวเขากลับมา อาสี่จะช่วยเจ้าจัดการเขาเอง!”

ซ่งอิงเลิกคิ้วเล็กน้อย

ซ่งหม่านซานมีน้ำใจงามเพียงนี้เชียว? เท่าที่นางจำได้ ดูเหมือนซ่งหม่านซานไม่ได้รู้จักเหตุจักผลเพียงนี้นี่?

“ขอบคุณอาสี่ ทว่าไม่ต้องหรอกเจ้าค่ะ น้องต๋าไม่รู้ความ จากนี้หากหาเรื่องข้าอีก ข้าจะสั่งสอนเขาด้วยตัวเองเจ้าค่ะ” ซ่งอิงกล่าวอย่างเกรงใจ

“เจ้ากับหลานสวินไม่ได้เรื่องที่สุดแล้ว นอกจากไม่รังแกผู้อื่นแล้วก็ไม่รู้จักเอาคืนคนอื่นด้วย ช่างไม่เหมือนลูกหลานของตระกูลซ่งเราเสียเลย” ซ่งหม่านซานเอ่ยพูดอย่างดูถูก