[ อั๊กก .. ] – ฮาโรลด์
หลังจากแน่ใจแล้วว่าวินเซนต์ลงไปกองแล้ว เข่าของฮาโรลด์ก็ทรุดลงข้างนึงราวกับสูญเสียเรี่ยวแรงไป แม้ว่าบาดแผลทางร่างกายที่เขาได้รับนั้นจะไม่รุนแรงอะไรมากนัก แต่เนื่องด้วยการต่อสู้ที่กินระยะเวลานาน แถมร่างกายที่เสียเลือดไปมากต้องมาใช้คอมโบกว่า 100 ครั้งติด มันจึงเป็นธรรมดาที่จะหมดเรี่ยวแรง
แถมการต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของวินเซนต์ที่เรียกได้ว่าถึงตายทุกนัด ทำให้จิตใจของเขาเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด
แต่สุดท้ายเขาก็เอาชนะมาได้ ต่อให้เป็นวินเซนต์โดนไปซะขนาดนั้นไม่มีทางที่เขาจะลุกขึ้นมาได้อีก ถ้าเขาถึงตายก็ไม่แปลกอะไร
ท่าสุดท้ายที่ฮาโรลด์ใช้นั้นมีชื่อว่า < Rakurai Saku Ikazuchi > ไม่ต้องสงสัยเลยนี่คือท่าที่ทรงพลังที่สุดของฮาโรลด์ ถึงแม้มันจะมีพลังโจมตีอันรุนแรง แต่เนื่องด้วยวิธีใช้ค่อนข้างยุ่งยากแถมต้องใช้เวลาชาจค่อนข้างนานพอสมควร
ในเกมส์นั้น ท่านี้ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ต่อสู้เลยซักนิด มันห่วยเสียจนเป็นท่ามีมที่จะถูกขัดการร่ายอยู่เสมอ นั้นเพราะเกมส์นี้ถูกออกแบบมาให้เล่นแบบกลุ่ม 4 คน ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรถ้าการร่ายท่านี้จะถูกโจมตีก่อนที่จะร่ายเสร็จ
แต่ในการต่อสู้ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับในเกมส์ และเป็นการต่อสู้ 1 ต่อ 1 การที่ฮาโรลด์ตัดสินใจใช้ท่านี้ได้ถูกจังหวะและเวลานั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดมาก
( ต้องขอบคุณท่านี้ละนะผมถึงเอาชนะมาได้ ) – ฮาโรลด์
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังก้มตัวลง และพยายามสูดลมหายใจเข้า ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
เสียงนั้นทำให้เขาถึงกับลืมหายใจ พร้อมกับความคิดหนึ่งที่แว๊บเข้ามาภายในหัว
(เป็นไปไม่ได้น่า) – ฮาโรลด์
“หรือจะเป็น … วินเซนต์หรอ ?” พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมาพบกับความจริง
เขาแทบจะไม่เชื่อสายตา แต่เจ้าของเสียงนั้นลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
มันทำให้ฮาโรลด์ถึงกับเผลอพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
[ … แกเป็นสัตว์ประหลาดรึไง … ] – ฮาโรลด์
ชุดเกราะของเขาพังยับ ร่างกายส่วนใหญ่ถูกย้อมไปด้วยเลือดและบาดแผลจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ถึงกระนั้น วินเซนต์ก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง มันดูราวกับผี ที่กลับมาจากความตาย
ร่างกายของเขาแกว่งไปแกว่งมาราวกับไร้เรี่ยวแรง พร้อมกับลากดาบเล่มยักลากพื้นมาตรงมาข้างหน้าเรื่อยๆ แม้ว่าร่างของเขาดูราวกับใกล้จะตายเต็มทน แต่แสงในดวงตาของวินเซนต์นั้นยังคงเปล่งประกาย
[ ฮาโรลด์ …สโตร์กคือ…เป้าหมาย .. อันดับสูง ..สุด .. ที่ต้องกำจัด .. ] – วินเซนต์
[ นี่ยังเป็นหุ่นเชิดอยู่อีกหรอ ? หรือเป็นแค่ผู้นำแห่งกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่ตกอับ ? ] – ฮาโรลด์
ในเนื้อเรื่องของเกมส์นั้น เขาถูกคำลวงของยูสทัสจนสูญเสียตัวตนไป แต่สำหรับตอนนี้ วินเซนต์ถูกล้างสมองไปด้วย ทำให้แม้กระความรู้สึกยังไม่เหลือ หรือที่จะพูดกว่าคือ วินเซนต์ในตอนนี้ตกต่ำกว่าภายในเกมส์เสียอีก
ขณะที่ฮาโรลด์กำคิดถึงสิ่งเหล่านี้น เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเขาและวินเซนต์นั้นเหมือนๆกัน เป็นตัวละครประเภทบอสเหมือนกัน และมีฉากที่จะต้องถูกฝ่ายตัวเอกจัดการเหมือนกัน แม้ว่าจะไม่ได้มีฉากให้เห็นชัดว่าวินเซนต์ตายยังไง แต่จากบทพูดของโคดี้ สามารถเดาได้ว่าวินเซนต์นั้นจากไปแล้ว
ที่จะพูดก็คือ วินเซนต์นั้นมีธงแห่งความตายปักอยู่เหมือนกับเขา แล้วทำไมทั้งฮาโรลด์และวินเซนต์จะต้องมาสู้กันที่นี่ด้วย หรือเพราะโชคชะตาได้พลิกผันให้พวกเขาทั้งคู่ต้องมาเผชิญหน้ากันจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่งอย่างงั้นหรอ ?
[ นี่มันไร้สาระชิบ … ] – ฮาโรลด์
นี่มันเลวร้ายสุดๆ เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมจู่ๆถึงต้องมาโผล่ในร่างของฮาโรลด์ และตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ทำไมเขาพยายามต้องดิ้นลนเพื่อหนีจากความตายด้วย
แม้ว่าโลกใบนี้จะคล้ายกับเกมส์โปรดของเขา แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสนุกกับมันไม่ได้เสียหน่อย แค่ความสนุกนั้นมันก็ช่วยเยียวยาจิตใจของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นั้นเพราะความจริงที่อนาคตกำลังจะล่มสลายนั้นกำลังรอเขาอยู่
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์กลับรู้สึกว่าวินเซนต์เองก็เป็นคนที่โชคร้ายพอๆกับเขาเช่นกัน เพราะแม้ว่าร่างของวินเซนต์จะเละเป็นโจ๊ก บาดแผลยับไปทั่วร่าง แต่เขากลับไม่รู้ว่าทำไมหรืออะไรเกิดขึ้นเลยซักนิด
วินเซนต์สูญเสียครอบครัวและบ้านเกิด ต้องมาเป็นทหารรับจ้าง ยอมมือเปื้อนเลือดเพื่อให้มีชีวิตรอด ยอมมือเปื้อนเลือดเพื่อปกป้องเพื่อนของเขา ปกป้องทุกๆคนที่เขาเอื้อมมือไปถึง จนได้กลายมาเป็นอัศวิน ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ของเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความพยายามของเขาที่ไม่เคยลดละ ด้วยความซื่อตรงและแข็งแกร่งของเขาทำให้ เขาก้าวขึ้นมาสู่ผู้นำของกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์ในที่สุด
และนี่ คือจุดจบของเขา
ในเนื้อของของเกมส์นั้น วินเซนต์สูญเสียลูกน้องไปมากมาย ทั้งความฝัน เกียรติ ความภาคภูมิใจ อัศวิน ทุกๆอย่างถูกทำลายลงจนหมด ลิ่งเหล่านี้ทำให้หัวใจของวินเซนต์แตกสลาย และยูสทัสผู้เป็นตัวการก็ใช้ประโยชน์จากตรงนั้นเข้ามาปั่นหัว ทำให้วินเซนต์หันคมดาบไปทางไลเนอร์และพรรคพวก ในท้ายที่สุดวินเซนต์ก็พ่ายแพ้และถูกสังหารโดยโคดี้ผู้ที่เป็นเพื่อนรักของเขา
แต่ตอนนี้ เขากลับถูกล้างสมองและกลายเป็นเพียงหุ่นเชิดที่ทำตามคำสั่งของยูสทัสอย่างซื่อสัตย์ และยิ่งไปกว่านั้น ผลของการกระทำตามคำสั่งของยูสทัสคือการทำลายทั้งทวีปที่ซึ่งตัวของเขาเคยสาบานจะปกป้อง
ก็คงจะมีแค่ตัวของวินเซนต์เองแล้วล่ะถ้าจะมองว่าชีวิตของตัวเองนั้นไม่โชคร้าย แต่ถึงจะไม่ได้โชคร้ายอย่างที่ว่าจริงๆ ชีวิตของเขาก็มีแต่เรื่องยากลำบากถาโถมเข้ามาไม่หยุด
[ …. แกพอใจที่จะใช้ชีวิตในฐานะหุ่นเชิดอยู่แบบนี้รึไง ? ] – ฮาโรลด์
กว่าฮาโรลด์จะรู้สึกตัว ปากของเขาก็พูดประโยคคำถามเหล่านั้นออกไปแล้ว แม้เขาจะรู้ดีว่าการพูดคุยกับวินเซนต์ในตอนนี้จะไม่ได้ประโยชน์อะไร แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดความรู้สึกที่ถูกอัดอั้นอยู่ภายในจิตใจของเขา
[ ความฝันของตัวเองก็ทำให้สำเร็จไม้ได้ แถมยังถูกคนอื่นจูงจมูกอีก ] – ฮาโรลด์
อาจเกิดจากความโกรธในความจริงที่ไร้เหตุผลแบบนี้
[ ใช้ชีวิตต่อไปอย่างไร้ค่า แกเรียกเรียกชีวิตที่ไม่สามารถกำหนดเจตจำนงของตนเองได้ว่า “ชีวิต”ได้หรอวะ ? ] – ฮาโรลด์
และในขณะเดียวกันก็เป็นความรู้สึกที่อยากรอดชีวิตไปให้ได้ ไม่มีทางฮาโรลด์จะยอมรับความจริงที่ว่าความตายของผู้คนนั้นจะเป็นเพียงการระบายสีสันให้เรื่องราวถูกเติมเต็ม
[ แกยอมใช้ชีวิตเส็งเคร็งอยู่แบบนี้ได้ยังไง ? วินเซนต์ ! แกทิ้งชีวิต เป้าหมาย ที่เป็นตัวกำหนดตัวแกไปหมดแล้วรึยังไง !! ] – ฮาโรลด์
แน่นอนว่าวินเซนต์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่ได้หวังอะไรแบบนั้นตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เขาแค่อยากจะพูด เขาทั้งโกรธตัวเอง ทั้งสงสารวินเซนต์ ที่โกรธโชคชะตาที่เล่นตลกพวกเขาทั้ง 2
ฮาโรลด์แทงดาบลงที่พื้นเพื่อใช้เป็นที่ค่ำยันเพื่อลุกขึ้นยืน เรี่ยวแรงของเขาใกล้ถึงขัดจำกัดแล้ว
บางทีอาจเป็นเพราะเขาคิดว่าเขาชนะไปแล้ว ทำให้เขาผ่อนคลายความตึงเครียดลง และนั้นทำให้ความเหนื่อยล้าที่สะสมมาเข้ามาแทนที่ ตอนนี้แค่ดาบในมือเขาก็แทบจะยกขึ้นไม่ไหว เขาไม่มั่นใจเลยซักนิดว่าจะต่อสู้ต่อไหว แม้ว่าวินเซนต์เองก็เจ็บหนักเช่นกัน แต่เพราะอาการบาดเจ็บหรือความเหนื่อยล้าไม่มีผลกับหมอนั้น โอกาสที่ฮาโรลด์จะเอาชนะเขาได้จึงค่อนข้างต่ำหากสู้กันต่อ
แต่ถึงกระนั้น เพื่อที่เขาจะรอดไปให้ได้ ฮาโรลด์ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจับดาบอีกครั้ง
“ทำไมผมต้องไปยุ่งกับปัญหาของคนอื่นด้วยเนี้ย?” ขณะคิดเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ
[ ไอ้เวรเอ้ย เลิกโดนคนอื่นจูงจมูกได้แล้ว!! หัดควบคุมตัวเองซะบ้างสิวะ !! ] – ฮาโรลด์
ทันทีที่ฮาโรลด์ตะโกนออกมา ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงกับวินเซนต์
เขาหยุดเดินลง ดาบยักในมือก็ถูกทิ้งลงที่พื้น
[ … หาาา ? ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ถึงกับเผลอร้องเอ๊ะออกมาด้วยความประหลาดใจ ถ้าไม่นับว่าน้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมามันฟังดูราวกับอันตพาลที่อยากจะหาเรื่อง แต่นั้นเป็นเพราะความสับสนในสถานการณ์ที่เขากำลังเผชิญอยู่ตรงหน้าและไม่เข้าใจ
เขาลังเลว่าจะใช้โอกาสนี้ชิงโจมตีก่อนหรือรอดูสถานการณ์ต่อไปดี แต่ทว่าสุดท้าย เขาก็เลือกข้อหลัง
ถ้าหากเขาโจมตีพลาด นั้นก็หมายความว่าเขาพ่ายแพ้ ความกดดันจากความจริงข้อนี้ทำให้ขาของเขาไม่สามารถก้าวเพื่อโจมตีได้
[ ฮา– ฮาโรลด์… – ข้า ! ] – วินเซนต์
ในตอนนั้นเอง ที่ฮาโรลด์รู้สึกตัวว่า น้ำเสียงของวินเซนต์นั้นเริ่มกลับมาใกล้เคียงกับคนปกติ
นี่มันหมายความว่าไง ? รึว่านี่คือความหวังอันริบหรี่ที่เขาพยายามค้นหามาโดยตลอด ?
( ระ-รึว่า ผลของการล้างสมองกำลังเสื่อมงั้นเรอะ ? ) – ฮาโรลด์
แม้จะไม่มีข้อพิสูจน์กับข้อสัญนิฐานนี้ แต่ฮาโรลด์รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของวินเซนต์ที่ดูราวกับหุ่นยนต์เริ่มกลายเป็นน้ำเสียงของมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ
แล้วถ้าหากผลการล้างสมองของวินเซนต์กำลังเสื่อมลงจริงๆ แล้วอะไรคือสาเหตุล่ะ ? หรือเป็นเพราะอาการบาดเจ็บที่เขาได้รับ ? หรือเพราะการกระทำของฮาโรลด์ ? หรือแค่เพราะเวลาผ่านไปเฉยๆ ?
อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้นั้นไม่สำคัญอะไร ที่สำคัญจริงๆนั้นคือ วินเซนต์กำลังจะกลับมาเป็นปกติแล้ว และถ้าเขากลับมาเป็นปกติได้ ฮาโรลด์และเขาก็ไม่จำเป็นที่จะต้องฆ่ากันที่นี่อีก
ในแง่หนึ่ง มันเป็นเพียงความคิดไร้เดียงสาของฮาโรลด์เท่านั้น เพราะในท้ายที่สุดแล้ว ฮาโรลด์ก็เป็นเพียงนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมดาๆที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ในญี่ปุ่นจนกระทั้งเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
หลังจากได้มาอยู่ในร่างของฮาโรลด์ ที่ซึ่งเส้นทางเต็มไปด้วยธงแห่งความตาย เขาได้เผชิญหน้าเข้าต่อสู้มามากมายทั้งมอนเตอร์และมนุษย์ด้วยกันเอง ตลอดเวลาที่ผ่านมา 8 ปี เขาพยายามที่จะระวังตลอดที่จะไม่ต้องฆ่าคนหรือถูกฆ่า กล่าวอีกนัยคือ เขานั้นยังไม่เคยฆ่าคนเลยซักครั้ง
มันเป็นเหมือนเส้นแบ่งกั้นที่ถ้าหากข้ามไปแล้วจะไม่อาจหวนกลับมาได้อีก นั้นเป็นเหตุผลที่ฮาโรลด์ยังคงลังเลที่จะข้ามมันมาโดยตลอด แม้จะโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
นั้นคือเหตุผลที่ฮาโรลด์เลือกที่จะไม่โจมตีวินเซนต์และใช้วิธีการตะโกนเพื่อเรียกสติ
[ ตื่นซักทีสิวะ ! หรือนี่คือผลลัพธ์ที่แกต้องการอย่างงั้นเรอะ ?! ] – ฮาโรลด์
[ อั๊กก – ! ] – วินเซนต์
ราวกับตอบสนองต่อคำพูดของฮาโรลด์ วินเซนต์เริ่มเงยหน้าขึ้น และร้องออกมาอย่างเจ็บปวด
อย่างไรก็ตามหากการต่อสู้นี้จบลงโดยไม่มีใครตายถือว่าดีที่สุดแล้ว และปากของเขาก็พ่นคำพูดที่ออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของเขาเช่นกัน
หรือก็คือ ฮาโรลด์ —- ไม่สิ ฮิราซาวะ คาซูกิ นั้นต้องการให้ชายที่ชื่อ วินเซนต์ แวน เวสเทอร์ฟอร์ด มีชีวิตรอดไปได้ แม้ว่าวินเซนต์ที่ฮาโรลด์รู้จักจะเป็นเพียงตัวละครจากภายในเกมส์ แต่วินเซนต์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเขานั้นเป็นคนจริงๆที่มีเลือดมีเนื้อ
ฮาโรลด์ไม่ได้สนิทกับวินเซนต์ แทบไม่เคยพูดคุยกันเป็นการส่วนตัวใดๆเลย ฮาโรลด์เป็นฝ่ายเดียวที่รู้จักกับวินเซนต์จากภายในเกมส์ที่เขาเคยเล่นเท่านั้น
และเพราะความรู้จากเกมส์นั้น ฮาโรลด์จึงรู้ดีว่าวินเซนต์ควรที่จะได้รับสิ่งที่ดีกว่านี้ แทนที่จะมาจบชีวิตลงที่นี่ ฮาโรลด์จะต้องช่วยให้ได้ ช่วยเขาให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
เพราะนั้นคือด้านที่ใจดีและอ่อนโยนของฮาโรลด์
[ รีบๆรู้สึกตัวซักทีสิวะ วินเซนนนนนนนนนนนนต์ ! ] – ฮาโรลด์
[ … อะ– อ่า—- อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ! ] – วินเซนต์
วินเซนต์กู่ร้องออกมาสุดเสียงจนดังก้องไปทั่วซากปรักหักพัง ทันใดนั้นเขาก็ทรุดเข่าลงทั้ง 2 ข้าง
เขาอยู่ในท่านั้นและไม่ขยับใดๆอีก
[ เฮ้ย … ] – ฮาโรลด์
แม้ฮาโรลด์จะพยายามเรียกหาเขา แต่วินเซนต์ก็ไม่มีปฎิกิริยาตอบรับใดๆ
“หมอนั้นยังถูกล้างสมองอยู่หรือว่าหมดสติไปแล้ว ?” ขณะที่ฮาโรลด์กำลังสงสัย เขาก็ค่อยๆขยับเข้าใกล้วินเซนต์อย่างระมัดระวังเพื่อที่จะสามารถรับมือได้ทันหากถูกวินเซนต์โจมตีเข้ามาอย่างกะทันหัน
และในขณะที่พวกเขาทั้งสองอยู่ห่างกันไม่ถึง 2 เมตร วินเซนต์ก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็ดีดตัวถอยห่างออกมาทันที
แต่ทว่า ทันทีที่วินเซนต์กลับมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง เขาก็ไม่สนใจฮาโรลด์อีกต่อไป แต่กลับพยายามล้วงหาบางสิ่งแทน มันเป็นพาชนะทรงกระบอกใสๆ ซึ่งข้างในบรรจุของเหลวสีฟ้าเอาไว้
เมื่อเห็นของสิ่งนั้น ฮาโรลด์ถึงกับหน้าซีด
( นั้นมัน!! น้ำยาแห่งดวงดาว!! ) – ฮาโรลด์
มันคือน้ำยาที่ฮาโรลด์จะต้องเป็นคนกินในเนื้อเรื่องของเกมส์ มันเป็นไอเทมสุดสะพรึงที่สามารถมอบความแข็งแกร่งให้ผู้ที่ดื่มมันอย่างมหาศาล แต่ว่ามันมหาศาลเกินร่างกายจะรับไหวจนสุดท้ายกลับกลายทำให้ผู้ที่ดื่มมันตายเสียเอง
ซึ่งในตอนนี้มันกลับถูกมอบให้วินเซนต์แทนที่จะเป็นฮาโรลด์
แม้ในตอนนั้น ฮาโรลด์จะคิดว่าหากเขาสามารถหลีกเลี่ยงการดื่มยานี้เหมือนในเนื้อเรื่องของเกมส์ได้ เขาก็คงไม่ต้องตายเหมือนดั่งฮาโรลด์ภายในเกมส์ แต่ มันจะเป็นยังไงหากวินเซนต์เป็นคนดื่มยานั้น ? พลังที่ถูกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลของวินเซนต์ก็จะสามารถฆ่าฮาโรลด์ตายได้ง่ายๆเหมือนเดิม
การพันฒนาเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดแว๊บเข้ามาในหัวของฮาโรลด์ ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เขาจะต้องหยุดวินเซนต์ไม่ให้ดื่มมันเป็นอันเด็ดขาด และขณะที่กำลังคิดเช่นนั้น และสั่งให้ขาของเขาก้าวไปข้างหน้า แต่ทว่าร่างกายของเขากลับไม่ขยับ นั้นเพราะตอนนี้เขากลางอากาศจากที่เขากระโดดทิ้งระยะห่างออกมาตอนต้น
แม้จะเสไปด้านหลังเล็กน้อยเมื่อลงถึงพื้น แต่ว่าไม่มีเวลาแล้ว ฮาโรลด์เบี่ยงจุดศูนย์ถ่วงของตัวเองไปด้านหน้าเพื่อวิ่งไปหยุดวินเซนต์และหวังทำลายน้ำยาแห่งดวงดาวขวดนั้น แม่ว่าสำหรับฮาโรลด์มันจะเป็นเพียงไม่กี่วิ แต่ในไม่กี่วินาทีนั้นมันช่างยาวนานและห่างไกลสำหรับฮาโรลด์
และในความสิ้นหวังเหล่านั้น ฮาโรลด์ก็รู้ตัวดีว่ามันไม่ทันแล้ว
[ อย่านะโว้ยยยยย ! ] – ฮาโรลด์
สิ่งเดียวที่ฮาโรลด์ทำได้คือตะโกนห้ามวินเซนต์แต่มันก็ไร้ความหมาย มือของเขาพยายามยื่นไปข้างหน้า แต่มันก็ไม่อาจคว้าอะไรได้ถึง
สิ่งเดียวที่ฮาโรลด์ทำได้ ก็คือเฝ้ามองดูภาพเหล่านั้น
วินเซนต์เงยหน้าของตนขึ้น ปากของเขาถูกเปิดออกมาเพื่อเตรียมที่จะดื่มน้ำยาแห่งดวงดาว
พร้อมกับเสียงของภาชนะที่บรรจุของเหลวแตกกระจายภายในถ้ำ
—————————————–
อิสุกิกำลังวุ่นอยู่กับกองเอกสารภายในห้องของเขา หลังจากเคลียร์งานมาพอสมควรจนรู้สึกว่าหลังของตนแข็งทื่อไปหมด เขาจึงหยุดพักพร้อมกับถอนหายใจออกมา
[ เฮ้อออ .. ผมว่าผมคงจะต้องพักซักหน่อย ] – อิสุกิ
[ งั้น เดี่ยวฉันไปเตรียมน้ำชาให้นะคะ ] – ซิลวี่
[ ขอบคุณนะ ] – อิสุกิ
ซิลวี่ ผู้ที่นั่งอยู่ข้างๆเขา ได้ลุกออกจากห้องไปเพื่อเตรียมน้ำชา ซึ่งก่อนที่ซิลวี่จะย้ายมาอยู่กับอิสุกิที่สุเมรากิ เธอคุ้นชินแค่กับชาดำเท่านั้น แต่สำหรับตอนนี้เธอชื่นชอบชาเขียวเป็นอย่างมาก
และการที่ได้เห็นเธอคุ้นชินกับวัฒนธรรมของสุเมรากิได้อย่างรวดเร็วนั้น อิสุกิรู้สึกสุขใจเป็นอย่างมาก
[ ดูเหมือนว่าการแต่งงานจะมีดีกว่าที่เคยคิดไว้มากเลยแฮะ ] – อิสุกิ
สิ่งที่จู่ๆอิสุกิพึมพัมออกมา หากสามีใหม่ที่ผ่านการแต่งงานมาเกินครึ่งปีนั้นได้ยินคงจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ดูๆต่อไปเหอะ แต่สำหรับอิสุกิและซิลวี่ เขาเชื่อว่าทั้งเขาและภรรยาจะยังคงรักกันแบบนี้ต่อๆไปในอนาคตไม่เปลี่ยนแปลง … ไม่สิ บางทีอาจจะมากๆยิ่งขึ้นเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีอีก 1 สิ่ง ที่เขายังอดคิดไม่ได้
[ ถ้าหากเอริกะและฮาโรลด์ได้อยู่ด้วยกันเหมือนกันก็คงจะดีไม่น้อย … ] – อิสุกิ
พวกเขาทั้งคู่เป็นคู่ที่หัวรั้นด้วยกันทั้งคู่ โดยเฉพาะฮาโรลด์ ผู้ที่หัวรั้นที่สุดในหมู่มนุษย์ชาติ แม้ว่าหมอนั้นจะถูกสั่นคลอนได้บ้าง แต่เขาก็ไม่เคยยอมงอ
ไม่ว่าจะตอนไหน ฮาโรลด์ก็จะเป็นผู้ที่เลือกเส้นทางเดินของตนเองอยู่เสมอ แม้มันจะฟังดูดีที่เขามีความตั้งใจที่แน่วแน่ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเส้นทางที่ฮาโรลด์เลือกที่จะเดินไปนั้นมันจะโดดเดี่ยวและไม่มีคนให้พึ่งพา
[ ฮาโรลด์เคยขอความช่วยเหลือจากตระกูลของพวกเราแค่ครั้ง– ไม่สิ 2 ครั้งเอง ? รึปล่าวนะ ] – อิสุกิ
ครั้งแรก คือตอนที่เขาที่เขามาขอความช่วยเหลือจากเหตุการณ์บุกซุ่มโจมตีของจักรดิวรรดิซาเรี่ยนในป่าเบลติสที่ซึ่งเป็นแผนการยูสทัส อย่างไรก็ตาม คำขอของฮาโรลด์ในตอนนั้นง่ายกว่าที่คิดไว้มาก เขาขอเพียงแค่ให้พวกเราเตรียมเครื่องแบบนายทหารของจักรดิวรรดิซาเรี่ยนให้กับเขาเท่านั้น และพวกเราสุเมรากิเองก็ไม่สามารถสนับสนุนเขาอย่างโจ่งแจ้งได้
และครั้งที่ 2 … ตระกูลสุเมรากิยังไม่อาจทำตามคำขอนั้นได้ …
อิสุกิหยิบซองจดหมายปิดผนึกที่อยู่ในลิ้นชักโต๊ะของตนออกมา มันเป็นจดหมายที่พ่อของอิสุกิมอบให้กับเขา ซึ่งเป็นจดหมายที่ฮาโรลด์เป็นผู้เขียนเอาไว้
แม้ว่าตัวของอิสุกิจะเคยอ่านมันจนแทบจะสามารถท่องจำได้ขึ้นใจแล้ว แต่เขาก็ยังเลือกที่จะเปิดมันเพื่ออ่านอีกครั้ง
ภายในจดหมายนั้น ฮาโรลด์ได้เขียนวิธีผลิตยาต้านพิษที่กำลังแพร่กระจายอยู่ทั่วสุเมรากิ และยังมีข้อเสนอเทคนิคอุตสาหกรรมแบบใหม่ที่เขาเรียกมันว่าการทำฟาร์มแบบ LP เพื่อแลกกับการยกเลิกการหมั้น ที่เกิดจากการถูกเอาเปรียบโดยตระกูลสโตร์กในตอนที่ตระกูลสุเมรากิอ่อนแอ
และยิ่งไปกว่านั้น ตัวของฮาโรลด์เชื่อว่าตระกูลสโตร์กจะต้องถึงคราวตกต่ำในที่สุด และในตอนนั้นเขาก็ต้องการให้พวกเราตระกูลสุเมรากิยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผู้คนในดินแดนสโตร์ก อันที่จริง ตัวของอิสุกิเองก็ไม่ได้ต้องการให้ตระกูลสโตร์กต้องถึงคราวตกต่ำ แต่เมื่อย้อนกลับไปในตอนนั้น ตอนที่ฮาโรลด์พึ่งอายุได้ 8 ขวบ ตัวของฮาโรลด์เชื่อว่าอนาคตที่ตระกูลสโตร์กจะตกต่ำถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และมันจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
[ … สงสัยจริงๆว่าฮาโรลด์มองเห็นโลกเป็นแบบไหนกันแน่นะ ? ] – อิสุกิ
ฮาโรลด์มีความสามารถในการเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันได้เป็นอย่างดี มีความสามารถในการคิดวิเคราะห์เหตุการณ์ล่วงหน้า และใช้ความรู้ที่ได้มาจาก 2 สิ่งนี้เพื่อทำสิ่งต่างๆให้สำเร็จ และปูทางไปสู่อนาคตที่เขาต้องการ
( ไม่ว่าจะข้อไหนๆชั้นก็เทียบกับนายไปติดเลยซักนิด ) – อิสุกิ
แถมถ้าหากฮาโรลด์ได้จับดาบ มันไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยที่จะบอกว่าฮาโรลด์นั้นแข่งแกร่งที่สุดในทวีปแห่งนี้
จิตใจ ทักษะ พลังกาย ความแข็งแกร่ง ปัญญา กลยุทธิ์ ไหวพริบ เพื่อนของอิสุกิคนนี้มีทุกอย่างครบหมด โดยแต่ละหัวข้อก็อยู่ในระดับที่สูงมากๆทั้งสิ้น ฮาโรลด์เป็นคนที่น่าทึ่งเป็นอย่างมาก และ ณ เวลานี้ คงจะไม่แปลกอะไรถ้าคนอย่างฮาโรลด์จะถูกจารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์
[ จนถึงตอนนี้เขาเคยขอให้ชั้นช่วยน้อยมากๆ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ชั้นจะช่วยนายอย่างสุดความสามาร—- ] – อิสุกิ
ทันใดนั้น คำพูดของอิสุกิก็ขาดห้วงไป แต่ไม่ใช่เพราะความตั้งใจของเขาถูกสั่นคลอนแต่อย่างใด
นั้นเพราะ ตอนนั้นเขานึกขึ้นได้เกี่ยวกับเนื้อหาในจดหมาย อิสุกิรู้สึกตัวว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ นั้นเพราะเวลาที่ฮาโรลด์จะขออะไร เขาจะใช้คำขอแบบตรงไปตรงมาอย่าง “ชั้นต้องการให้นายช่วยเหลือผู้คนในดินแดนสโตร์ก” จริงๆงั้นเหรอ ?
ในตอนที่ได้อ่านจดหมายครั้งแรกนั้น อิสุกิยังไม่ได้ฉุกคิด เพราะเขายังไม่คุ้นเคยกับฮาโรลด์เท่าไหร่นัก แต่พอเขาได้คุ้นเคยกับฮาโรลด์เป็นอย่างดี อิสุกิพูดได้อย่างมั่นใจว่าฮาโรลด์ไม่มีทางขออะไรง่ายๆแบบนั้น
ถ้าสมมุติว่าตระกูลสโตร์กตกต่ำจริงๆ ดินแดนที่ตระกูลสโตร์กเคยครอบครองก็คงถูกจัดสรรให้เหล่าขุนนางคนอื่นๆ ซึ่งแม้ว่าตระกูลสุเมรากิจะได้รับการจัดสรรด้วย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าชีวิตผู้คนในดินแดนจะย่ำแย่ลงเสียหน่อย จริงๆชีวิตของผู้คนเหล่านั้นควรจะดีขึ้นเสียด้วยซ้ำเมื่อถูกปลดปล่อยออกจากตระกูลสโตร์ก
( หรือก็คือ ฮาโรลด์ต้องการให้พวกเราตระกูลสุเมรากิเป็นผู้ครอบครองดินแดนต่องั้นรึ ? .. ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง การยกเลิกการหมั้นหมายก็ไม่ใช่ความคิดที่ดีน่ะสิ … รึว่าฮาโรลด์ไม่อยากจะเข้ามายุ่งเกี่ยวหลังจากตระกูลสโตร์กตกต่ำลงและต้องการให้พวกเราสุเมรากิเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ? หรือว่าเขาคิดเอาไว้แล้วว่าผู้ครองแคว้นคนใหม่ที่จะมาแทนที่ตระกูลสโตร์กต้องเป็นพวกเราตระกูลสุเมรากิเท่านั้น ? ) – อิสุกิ
ความคิดของอิสุกิวิ่งกันวุ่นอยู่ในหัวของเขา ขณะคิดถึงความหมายที่แท้จริงในเนื้อความจดหมายของฮาโรลด์ อย่างไรก็ตาม คำตอบที่อิสุกิได้ยังไม่เป็นที่น่าพอใจเท่าไหร่นัก
[ เกิดอะไรขึ้นหรอคะ ? ] – ซิลวี่
เมื่อเห็นอิสุกิกำลังจมอยู่กับความคิด ซิลวี่ที่กลับมาจากการเตรียมน้ำชา ก็เรียกเขาขึ้น
อิสุกิรับถ้วยชามาพร้อมกับขอบคุณเธออีกครั้ง พร้อมกับกางจดหมายของฮาโรลด์ไว้บนโต๊ะเพื่อให้ซิลวี่สามารถอ่านมันได้เช่นกัน โดยหวังว่าเธออาจจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง
[ เปล่าหรอก ผมแค่อ่านจดหมายที่ได้รับมาจากฮาโรลด์อีกครั้งหนึ่ง แค่รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องจากเนื้อความจดหมายที่เขาเป็นคนเขียน ] – อิสุกิ
[ บางอย่าไม่ถูกต้อง ? ] – ซิลวี่
[ ใช่ ดูนี่สิ… ] – อิสุกิ
เมื่อถูกกระตุ้นโดยอิสุกิ ซิลวี่จึงก้มลงอ่านจดหมาย แต่ว่าสิ่งเดียวที่เธอคิดออกหลังจากที่ได้อ่านมันคือ
[ … ขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่เข้าใจและไม่รู้ด้วยว่ามันแปลกตรงไหนค่ะ ] – ซิลวี่
เหมือนอิสุกิจะคาดหวังมากไปหน่อย แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่ซิลวี่คิดแย่อะไรขนาดนั้น นั้นเพราะถ้าหากเขาไม่เคยคุ้นเคยกับความคิดที่มักจะบิดเบี้ยวของฮาโรลด์ เขาเองก็ไม่อาจสังเกตเห็นจุดที่ผิดปกติได้เช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ซิลวี่ ผู้ที่แทบจะไม่เคยพบหรือพูดคุยกับฮาโรลด์จะสังเกตเห็นจุดที่ผิดปกติได้
[ ไม่ต้องคิดมากไปหรอกนะ บางที ผมอาจจะเข้าใจผิดไปเองก็ได้ ] – อิสุกิ
[ แต่คุณก็เป็นกังวลใช่ไหมคะ ? ] – ซิลวี่
[ ฮ่าๆ .. ผมปิดบังคุณไม่ได้จริงๆ ซิลวี่ ] – อิสุกิ
[ ฉันรู้ได้หลังจากได้มองตาของคุณค่ะ ตาของคุณฟ้องว่าคุณมั่นใจมากว่ามีบางสิ่งผิดปกติในจดหมายนั้น ] – ซิลวี่
ก็ตามนั้น อิสุกิรู้สึกว่าในจดหมายนี้ยังมีอะไรซ่อนเอาไว้อยู่อีก
และในขณะเดียวกัน อิสุกิรู้สึกร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก มันเป็นความไม่สบายใจแบบไม่มีเหตุผล เขารู้ว่าถ้าหากเขาล้มเหลวในการตีความเนื้อหาในจดหมายของฮาโรลด์ มันอาจจะสายเกินไปที่อิสุกิจะลงมือทำอะไรได้ทัน
[ แต่ว่า เนื้อหาในจดหมายนั้นเป็นความจริงหรอคะ ? ตระกูลของท่านฮาโรลด์กำลังจะล่มสลายจริงๆเหรอคะ ? ] – ซิลวี่
[ ใช่ ดูเหมือนว่าฮาโรลด์จะคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น จดหมายนี้ฮาโรลด์เป็นคนเขียนขึ้นตั้งแต่ 8 ปีก่อน ] – อิสุกิ
การคาดการณ์ของฮาโรลด์นั้นแม่นยำมากจนบางครั้งอิสุกิสงสัยว่าฮาโรลด์มองเห็นอนาคตรึปล่าว และในเมื่อฮาโรลด์บอกว่ามันจะล่มสลาย แสดงว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนั้นจริงๆ หรือไม่ก็อะไรทำนองนั้น——
[ เดี่ยวนะ “ล่มสลาย”ไม่ใช่”ตกต่ำ”.. งั้นรึ ? หากตามปกติ… ไม่สิ ทำไมฮาโรลด์ถึงใช่คำว่า”ตกต่ำ”? ]
คำที่ซิลวี่ใช้นั้นคือ “ล่มสลาย” คำๆนี้ใช้เรียกสิ่งที่เคยเจริญรุ่งเรืองและก็เสื่อมสลายไปตามกาลเวลาและพินาศไปในที่สุด ซึ่งความหมายของมันเกือบจะเหมือนกับคำว่า “ตกต่ำ”
อย่างไรก็ตาม คำว่าล่มสลายนั้นเป็นคำที่ใช้กันทั่วๆไป นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซิลววี่ถึงพูดออกมาเช่่นนั้น
ฮาโรลด์ต้องรู้แน่ว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ว่าทำไมเขาถึงเลือกใช้คำว่า “ตกต่ำ” แทนล่ะ ทำไมกัน ?
คำว่าล่มสลายกับตกต่ำนั้น แม้ว่าทั้ง 2 จะมีความหมายที่เกือบจะเหมือนกัน แต่ก็มี 1 สิ่งที่แตกต่างกันอยู่
นั้นคือ คำแรกนั้นบ่งบอกว่าสิ่งนั้นพังทลายลงแล้ว ส่วนคำที่สองนั้นกำลังอยู่ในกระบวนการพังทลาย หรือตีความได้ว่า ตระกูลสโตร์กกำลังจะพังทลาย
ซึ่งโดยปกติแล้ว ไม่มีทางที่เขาจะใช้คำแบบนี้ มันควรจะใช้คำว่าล่มสลายเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากการตีความเหล่านี้ถูกต้อง นั้นแสดงว่าฮาโรลด์ต้องการให้ตระกูลสุเมรากิลงมือเข้าช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่ตอนนี้แทนที่จะเป็นหลังจากตระกูลสโตร์กล่มสลายไปแล้ว ?
[ เดี่ยวนะ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง พวกเราต้องทำอะไรต่อ ? ถ้าจะให้ช่วยพยุงระบบเศรษฐกิจ พวกเราก็สามารถใช้การทำฟาร์มแบบ LP ช่วยได้ระดับหนึ่ง … ] – อิสุกิ
ถ้านั้นคือคำของของฮาโรลด์ ฮาโรลด์ต้องการให้อิสุกิทำอะไรกันแน่ ตลอด8ปีมานี้อะไรคืออนาคตที่ฮาโรลด์มองเห็นกันแน่
ขณะจมอยู่กับความคิดอีกครั้งหนึ่ง ในที่สุดก็มีอะไรบางอย่างกระตุ้นความคิดของเขา
[ วิกฤติของตระกูลสโตร์ก,อนาคตที่เขาทำนายเอาไว้, สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน –– ศัตรูของฮาโรลด์ ทั้งหมดเป็นฝีมือของหมอนั้น— ไม่สิ– หรือว่า ภัยคุกคามรูปแบบอื่น ? ไม่มีทาง— ]
ในที่สุดอิสุกิก็ได้คำตอบ แม้มันจะฟังดูไร้สาระ แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
หากจินตนาการถึงคำพูดเหล่านี้ของฮาโรลด์ ถ้าได้ฟังเมื่อ 8 ปีก่อน คงไม่มีใครรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ แต่ว่าอิสุกินั้นรู้จักกับฮาโรลด์มาเป็นเวลานาน เขาจึงเชื่อว่าฮาโรลด์จงใจที่จะเล่นคำในจดหมาย แล้วจะเป็นอย่างไรถ้าเนื้อหาในจดหมายที่ถูกซ่อนเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครก็ตามสามารถเข้าใจมันได้จนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม? อิสุกิเชื่อว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่ๆ นั้นเพราะไม่ว่าอะไรหลายๆอย่างจะดีขึ้นหรือแย่ลง ฮาโรลด์ก็เป็นคนเช่นนี้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
บางที ฮาโรลด์อาจมาสร้างสัมพันธ์กับอิสุกิก็เพื่อที่วันนี้จะมาถึง วันที่อิสุกิค้นพบความหมายที่ถูกซ่อนอยู่ในจดหมาย
อย่างไรก็ตาม นี่ถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับอิสุกิ เพราะเขาเต็มใจที่จะทำในสิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการ แม้ว่าฮาโรลด์จะมีเจตนาอะไรแอบแฝง แต่สำหรับอิสุกิ ฮาโรลด์นั้นเป็นเพื่อนที่ไม่อาจมีใครมาทดแทนได้ หรือบางที่เรื่องทั้งหมดนี่อิสุกิอาจจะคิดมากไปไม่ก็กำลังหลอกตัวเอง แต่มันก็ยังดีกว่าเป็นพันเท่าถ้าหากไม่ทำอะไรเลยแล้วมาเสียใจในอนาคต
[ มีอะไรรึปล่าวคะ ? ] – ซิลวี่
[ ซิลวี่ มีบางสิ่งที่ผมจะต้องจัดการ ] – อิสุกิ
[ … เข้าใจแล้วค่ะ มันสำคัญต่อคุณมากสินะคะ ? ] – ซิลวี่
[ ใช่ และ ถ้าหากผมพลาด มันอาจนำปัญหามาสู่เธอและตระกูลก็ได้ ] – อิสุกิ
[ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง คุณก็ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ฉันเป็นภรรยาของคุณ ไม่มีจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็พร้อมที่จะเดินเคียงข้างคุณเสมอ ] – ซิลวี่
เธอกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน เมื่อได้เห็นภาพเหล่านั้น อิสุกิอยากกล่าวคำมากมายออกมา แต่เขาก็เลือกที่จะเก็บมันไว้กับตัวเองเหลือเพียงคำๆเดียว
[ … ขอบคุณนะ ] – อิสุกิ
“ฉันมีความสุขที่ได้อยู่กับคุณ” แม้ว่าซิลวี่จะผยักหน้าตอบกลับมาเล็กๆ แต่อิสุกิก็เข้าใจความหมายของมันได้เป็นอย่างดีแม้ว่าทั้ง2คนจะไม่ต้องพูดออกมาก็ตาม