ตอนที่ 90 บทเพลงแห่งการจากลา
หลังจากที่ไป๋เยี่ยกลับมาถึงห้องของเขา เขาก็เข้าสู่เว็บไซต์ทางการของเอ็มไอโอทันที จะได้พอรู้จักสถาบันวิจัยแห่งนี้มากขึ้นหน่อย
ที่นี่เป็นสถาบันวิจัยที่แทบจะไม่แสวงหาผลกำไรเลย ซึ่งผู้สนับสนุนหลักของสถาบันแห่งนี้ก็คือบริษัทยาชั้นนำระดับนานาชาติอย่างไฟเซอร์และจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน
ไป๋เยี่ยสงสัยเล็กน้อยว่าเหตุใดสถาบันวิจัยดังกล่าวถึงได้รับการสนับสนุนจากบริษัทยาชั้นนำเหล่านี้
หลังจากที่ลองอ่านดู เขาก็ต้องพบว่าผลงานของสถาบันวิจัยแห่งนี้น่าทึ่งมาก!
สถาบันแห่งนี้มุ่งศึกษาสัตว์ทดลองโดยเฉพาะ พวกเขาประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงและค้นพบสัตว์ทดลองที่มีชื่อเสียงอย่างเช่นหนูทดลองทั่วๆ ไปบางชนิดที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบัน เป็นต้น
นอกจากนี้ พวกเขายังมีวารสารของตนเองที่เรียกว่า ‘การส่งเสริมการใช้สัตว์ทดลอง’ อีกด้วย
แม้ว่าชื่อวารสารจะดูธรรมดาและฟังดูเชย แต่คะแนนไอเอฟของวารสารฉบับนี้ในปี 2011 กลับสูงถึง22.89 คะแนน ซึ่งถือเป็นคะแนนที่สูงมาก!
ไป๋เยี่ยเจอวารสารจำนวนหนึ่งในคลังข้อมูล ทำให้เขาพบว่าวารสารต่างประเทศจำนวนมากมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม หรือค่าสมาชิกที่แพงมาก แต่ในทางกลับกันก็มอบรางวัลให้ผู้เขียนบทความด้วย
ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นนัก เขาดาวน์โหลดบทความในนิตยสารเหล่านั้นมาทันทีเพื่อที่จะได้อ่านง่ายๆ
วันต่อมา ไป๋เยี่ยเริ่มเก็บสัมภาระ เตรียมจะไปจากที่นี่ บางทีเขาอาจจะไม่มีโอกาสมาที่นี่อีกในอนาคต ทำเอาเขารู้สึกหดหู่เล็กน้อย
แม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่แค่ระยะเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลานี้กลับสร้างผลกระทบมหาศาลให้เขา!
สัมภาระของไป๋เยี่ยมีไม่เยอะ เขาจึงใช้เวลาจัดกระเป๋าไม่นานเท่าไหร่
ส่วนของใช้ประจำวัน เขาค่อยเก็บพรุ่งนี้ก่อนออกเดินทาง!
ไป๋เยี่ยใช้โอกาสนี้เขียนบทความชื่อ ‘การคาดเดาเกี่ยวกับผลกระทบของหนูทดลองที่มีต่อการทดลองและระบบการประเมินคะแนน’
ไป๋เยี่ยไม่ได้เขียนกฎการให้คะแนนที่เฉพาะเจาะจงในนั้น แต่เขียนแนวคิดและการคาดเดาอย่างละเอียด ทำให้เกิดการคาดเดาที่เกี่ยวกับเกณฑ์การตัดสินอย่างเป็นระบบ
จริงๆ แล้ว มีหลายประเด็นที่เกี่ยวข้องกับค่าสัมประสิทธิ์การให้คะแนนและผลกระทบของหนู ซึ่งอธิบายให้รู้เรื่องในบทความเดียวไม่ได้
แต่เขาตั้งใจจะใช้บทความนี้เปิดประเด็นเพื่อที่สิ่งที่ตามมาหลังจากบทความนี้จะได้เป็นแก่นแท้
จุดประสงค์ของไป๋เยี่ยในการทำเช่นนี้ก็เพื่อเกริ่นนำ ก็เหมือนกับการสร้างถนน การสร้างถนนไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้คนจะใช้งานถนน หรือขนส่งของได้สะดวกสบายขึ้น!
ไป๋เยี่ยไม่รีบร้อน นี่เป็นเรื่องใหญ่และต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก ควมเร่งรีบอาจจะทำให้เกิดความเสียหายได้
หลังจากส่งบทความไปแล้ว ไป๋เยี่ยก็รู้สึกเบื่อ จึงลุกขึ้นและออกไปเดินเล่นรอบๆ หน่วยทดลอง
ที่นี่มีห้องแล็บกว่าร้อยห้อง ซึ่งห้องทดลองของคาริสก็เป็นห้องที่ไป๋เยี่ยคุ้นเคยมากที่สุด
เขาหยุดลงที่หน้าห้องของคาริสโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองลอดผ่านหน้าต่างไปก็เห็นว่าคาริสสวมชุดกาวน์สีขาวและหน้ากาก ไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไร
เพราะว่า NCKKB มีแผนที่จะระงับการวิจัยของหน่วยวิจัยอาร์เทแอนนิวอิน ทุกคนจึงทำงานหนักมาก ไม่อย่างนั้นเดซี่คงไม่มาหาไป๋เยี่ยเพื่อหารือในตอนกลางคืนหรอก
ไป๋เยี่ยมองประตูโดยไม่รบกวนพวกเขา ก่อนจะเดินออกไปยังห้องเก็บอุปกรณ์ในแล็บ จากนั้นก็เป็นห้องเก็บข้อมูลและเอกสารสำคัญ และท้ายที่สุดเขาก็ไปที่ห้องเลี้ยงหนูทดลอง
ที่นี่คือที่ที่ไป๋เยี่ยอยากเริ่มทำงานด้วยมากที่สุด ซึ่งทุกคนเองก็กำลังก็ยุ่งอยู่กับการทำงาน
ถูโยวขอเวลาจากหน่วยป้องกันโรคมาลาเรียในการวิจัยหาผลลัพธ์เป็นเวลาหนึ่งเดือน ทุกคนจึงต้องทำงานล่วงเวลา
คืนนั้น ทุกคนถูกเรียกตัวมาที่โถงนิทรรศการ พวกเขาเห็นว่าถูโยวก็อยู่ที่นี่
เธอโบกมือให้ทุกคนหาที่นั่งก่อนจะพูดขึ้นช้าๆ
“วันนี้ที่ดิฉันเรียกทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ไม่ได้มีเรื่องพิเศษอะไร เพียงแค่อยากให้ทุกคนมาร่วมกันส่งใครบางคนกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ”
ถูโยวพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงสุขุมนุ่มลึก คงเพราะว่าเธอเองก็อายุมากแล้วและน่าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทว่าคนด้านล่างเวทีก็ได้ยินเธอชัดมาก
ทำไมจะไม่รู้ว่าเธอหมายถึงใคร
แน่นอนว่าต้องเป็นไป๋เยี่ย!
ไป๋เยี่ยคือคนที่ช่วยหน่วยทดลองจากการถูกยุบ
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ไป๋เยี่ย มองผ่านๆ เขาก็ดูเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง
จู่ๆ คาริสก็หน้าแดง เขาเป็นคนแรกที่ปฏิเสธไป๋เยี่ยตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้พบกันเพียงเพราะเขาคิดว่ากลุ่มของเขาไม่ต้องการตัวภาระ
ทว่าไป๋เยี่ยถ่อมตนมาก ทุกคนจึงยอมรับในตัวเขาเพราะท่าทีที่ถ่อมตัวและจริงใจ
แต่นั่นก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับการฝึกงานเลย
ทว่าทุกคนกลับต้องขนลุกเมื่อประจักษ์ถึงความคืบหน้าของไป๋เยี่ยในเดือนนี้!
ตอนที่เขามาที่นี่ครั้งแรก เขาไม่รู้จักและไม่เข้าใจอะไรเลย ความรู้ของเขายังจำกัดอยู่แค่ในตำราเรียนของมหาวิทยาลัย จนแม้แต่คำศัพท์เฉพาะทางบางคำเขายังไม่เข้าใจ
แต่หลังจากที่เขาเข้าร่วมซาลอนบ่อยๆ เขาก็ตั้งคำถามที่มีความยากได้ ซึ่งทุกคนก็เห็นว่าเขามีแนวคิดต่อเรื่องนั้นๆ อย่างจริงจัง
ต่อมา ไป๋เยี่ยก็ได้วิเคราะห์ข้อมูลที่สะสมมาสิบห้าปี ซึ่งไม่ว่าใครจะวิเคราะห์อะไรก็ไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆ ออกมาเลย
ปริมาณข้อมูลนั้นเยอะเกินกว่าจะจินตนาการได้ด้วยซ้ำ!
ทุกคนนึกถึงชายหนุ่มผู้มีผมเผ้ายุ่งเหยิงและเสื้อผ้ายับยู่ยี่ ก็พอนึกได้ว่าเขาอาจจะไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้านอนมาหลายคืนแล้ว!
เขาวิเคราะห์ข้อมูลในช่วงสิบห้าปีที่มีจำนวนเกือบยี่สิบล้านตัวและได้ข้อสรุป!
จนในที่สุดเขาก็ได้พบกับสารอาร์เทแอนนิวอินเชิงซ้อนหลังจากที่ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน
การตีพิมพ์วารสารอาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขา
แต่การตีพิมพ์บทความลงวารสารอย่าง ‘เซลล์’ นั้นแตกต่างออกไป คาดว่าคงมีคนเพียงหนึ่งหรือสองคนเท่านั้นที่ได้ตีพิมพ์บทความลงในวารสารนั้น!
สำนักข่าวแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาเคยรายงานว่าบทความใด ๆ ที่ปรากฏในวารสาร ‘เซลล์’ ล้วนเป็นบทความที่สร้างผลกระทบให้แก่แวดวงวิทยาศาตร์!
ทุกคนตกอยู่ในความตะลึงเมื่อได้อ่านบทความของไป๋เยี่ย!
ทว่าต่อมาทุกคนกลับต้องรู้สึกสิ้นหวังเพราะว่าหน่วยการทดลองจะถูกยุบ!
แต่ไป๋เยี่ยก็ลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
เขาค้นพบสิ่งใหม่ๆ อีกแล้ว!
นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า ‘สารโพลีคาร์บอกซิกลิกอาร์เทแอนนิวอินชนิดเปลี่ยนแปลงได้‘ ซึ่งมันช่วยรักษาอุดมการณ์ของทุกคน ณ ที่แห่งนี้เอาไว้ได้
ไป๋เยี่ย ไป๋เยี่ย!
ทุกคนเลื่อมใสในตัวไป๋เยี่ยมาก
ที่สำคัญที่สุดคือ ไป๋เยี่ยไม่ได้มองว่าเกียรติยศในครั้งนี้เป็นของเขาคนเดียว แต่เป็นของทุกคนในหน่วยทดลองแห่งนี้
สิ่งนี้ทำให้ทุกคนยิ่งตะลึงในทัศนคติของไป๋เยี่ย
พวกเขาทำงานอย่างหนักและทุ่มเทกายและใจไปกับการวิจัย พวกเขาไม่อยากละทิ้งความไว้วางใจของไป๋เยี่ย และพวกเขาก็ไม่ต้องการละทิ้งการเป้าหมายที่พวกเขากำลังไล่ตาม!
ถูโยวเอ่ยขึ้นในทันใด “ไป๋เยี่ย คุณมีอะไรอยากบอกทุกคนไหม”
ไป๋เยี่ยเขินอายเล็กน้อย มีอะไรอยากบอกงั้นเหรอ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองฝูงชนแล้วถามว่า “ผมอยากสอนทุกคนร้องเพลงเพลงหนึ่ง”