ตอนที่ 34 ความสงสัยของบัณฑิตหนุ่ม

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 34 ความสงสัยของบัณฑิตหนุ่ม

แมวป่าดิ้นทุรนทุรายเพื่อพยายามปลดตัวให้หลุดพ้นจากพันธนาการอย่างร้อนรน กระนั้นมันก็ยังทำอันใดมิได้อยู่ดี มันจึงนอนหมอบอยู่บนพื้นแล้วเหลือบมองไปยังเจ้าหนูน้อยพร้อมทำหน้าและท่าทางน่าสงสาร จากนั้นมันก็หันไปมองโถดินคล้ายต้องการบอกว่า ‘เจ้าช่วยหยิบมันมาให้ข้าหน่อยเถิด ! ’

เจ้าหนูน้อยจึงเข้าไปใกล้ด้วยความใจอ่อน จากนั้นเขาก็ดันโถดินเข้าใกล้ปากของมันที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อเจ้าหนูน้อยเห็นเช่นนั้นจึงรีบชักมือกลับแล้วถอยออกไปอย่างรวดเร็ว

เจ้าแมวป่าเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง จากนั้นก็ก้มเลียน้ำในโถดินอย่างเอาเป็นเอาตาย เดิมทีมันมีสภาพร่างกายบอบช้ำจากการโดนหลินเว่ยเว่ยทุบตี แต่ในมิช้าร่างกายของมันก็ฟื้นฟูกลับมามีพละกำลังอีกครั้ง

เจ้าหนูน้อยยื่นกบไปที่ปากของมัน ทว่ามันกลับมองเจ้ากบอย่างขยะแขยง ดังนั้นเจ้าหนูน้อยจึงลองไตร่ตรองอีกครั้ง ก่อนจะลอกหนังกบออกแล้วใช้น้ำสะอาดล้างพร้อมยื่นไปตรงหน้ามันอีกหน คราวนี้มันก็กินกบจนหมด

น้องสี่ ! เอากบมานี่ ข้าจะทำผัดกบให้เจ้าทาน ! หลินเว่ยเว่ยถือทัพพีขณะเดินมาที่สวนหลังบ้าน

นางมองเจ้าแมวป่าที่กำลังกินเนื้อกบอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นก็หันไปมองเจ้าหนูน้อยที่ก้มหน้าก้มตาเพราะรู้ตัวว่าทำผิด นางจึงอดตำหนิเขามิได้ ไปให้ห่างจากมันเดี๋ยวนี้ ! เจ้าเอาเนื้อกบให้มันแล้ว คืนนี้พวกเราก็จะไม่มีเนื้อให้ทาน !

เจ้าหนูน้อยยิ้มอย่างเหนียมอายราวกับลูกสุนัขตัวน้อยที่กำลังเอาใจเจ้าของเพราะอยากกินนม พรุ่งนี้ข้าจะไปจับกบมาให้พี่รองเยอะกว่านี้ แล้วข้าก็จะยกน่องกบให้พี่รองหมดเลย…

แมวป่ากินกบแล้วก็หันไปเลียน้ำที่อยู่ในโถดิน เมื่อมันเห็นว่าสายตาของหลินเว่ยเว่ยมิได้จับจ้องมาที่มันจึงก้มหัวลงเพื่อกัดเชือกให้ขาด

เมื่อหลินเว่ยเว่ยเห็นท่าทีของมันจึงรีบสาวเท้าเดินเข้าไปแล้วเตรียมง้างมือทุบหัวของมันที่กำลังแยกเขี้ยวยิงฟัน แต่ทันใดนั้นมันก็ชะงักและภายในใจก็เกิดความรู้สึกเชื่อฟังหลินเว่ยเว่ยอย่างบอกไม่ถูก สุดท้ายมันจึงยอมให้นางใส่ตะกร้อครอบปากแต่โดยดี

น้องสี่ มาช่วยข้าจุดไฟ !

เจ้าหนูน้อยยังหันไปมองแมวป่าที่ถูกตะกร้อครอบปากไว้ด้วยความสงสาร แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจตามพี่รองไปที่หน้าบ้าน

มื้อเย็นวันนี้หลินเว่ยเว่ยทำข้าวอบถั่วฝักยาว นางหั่นถั่วฝักยาว เห็ด แตงกวาและหั่นแครอทเป็นลูกเต๋าเตรียมไว้ จากนั้นก็ผัดหอมหัวใหญ่กับขิงด้วยน้ำมันหมูแล้วใส่วัตถุดิบลงผัดจนใกล้สุกจึงใส่เครื่องปรุงลงไป ในตอนที่ข้าวใกล้สุก นางได้ใส่ส่วนผสมที่ผัดไปเมื่อครู่นี้ลงอบราว 1 เค่อ1 ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

ข้าวอบถั่วฝักยาวนี้จะทำให้เนื้อถั่วนิ่มอร่อยและชุ่มไปด้วยน้ำมันหอม ๆ ที่ผัดกับวัตถุดิบ รสชาติของมันไม่ด้อยไปกว่าเนื้อสัตว์เท่าไรเลย แต่เนื่องจากพื้นที่เขตเริ่นอันมิได้ปลูกข้าวจึงส่งผลให้เมล็ดข้าวมีราคาแพง ทำให้ในยามปกติตระกูลหลินมิเคยได้ทานข้าวมื้อใหญ่เช่นนี้มาก่อน

นางเพิ่งตักข้าวออกจากหม้อ เจ้าหนูน้อยก็เข้ามาขอดูด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็เข้ามาคลอเคลียหลินเว่ยเว่ยราวกับลูกสุนัขตัวน้อย หลินเว่ยเว่ยจึงใช้ช้อนตักข้าวแล้วป้อนใส่ปากอีกฝ่าย เจ้าหนูน้อยค่อย ๆ เคี้ยวมันอย่างละเอียดเพื่อลิ้มรสชาติ จากนั้นไม่นานเขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วเอ่ยว่า อร่อยมากเลย !

หากเจ้าชอบทาน ครั้งหน้าข้าจะทำข้าวอบเนื้อให้ ! หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะเด็กน้อยด้วยความเอ็นดู จากนั้นก็ตักข้าวอบใส่ชาม

ข้อดีของการใช้เตาไฟและหม้อดินหุงข้าวก็คือมีโอกาสได้ทานข้าวก้นหม้อที่กรอบเหมือนข้าวเกรียบ ข้าวก้นหม้อที่ได้จะดูดซับเครื่องปรุงของอาหารเข้าไปอย่างเต็มที่ ดังนั้นมันจึงกลายเป็นสีน้ำตาลและมีรสชาติเข้มข้น หลินเว่ยเว่ยจึงขูดเอาข้าวก้นหม้อออกมาแล้วเคี้ยวเหมือนขนม !

พี่สาวคนโตเหมือนรู้เวลาอาหารมื้อเย็นเป็นอย่างดี หลังจากอาหารถูกวางบนโต๊ะได้มินาน พี่สาวก็ใช้แผ่นหลังเพื่อผลักประตูเข้ามา

เจ้าหนูน้อยเห็นเช่นนั้นจึงเรียกพี่สาวคนโตให้มาทานข้าวด้วยความตื่นเต้น พี่ใหญ่ รีบล้างมือแล้วมากินข้าวสิ วันนี้พี่รองทำข้าวอบถั่วฝักยาวด้วย รสชาติยอดเยี่ยมมากเลย !

พี่สาวคนโตเหลือบมองไปยังชามข้าวแล้วกล่าวด้วยความเสียดายว่า ท่านแม่ ! ข้าวเยอะถึงเพียงนี้ ถ้าเอามาต้มเป็นโจ๊กก็คงทานได้หลายมื้อเลยเจ้าค่ะ ! ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาเพาะปลูกเสียหน่อย ไม่จำเป็นต้องใช้แรงมากมาย เอาข้าวมาหุงทานเป็นมื้อเย็นเยอะเพียงนี้มันสิ้นเปลือง ! เหตุใดท่านแม่ไม่ตำหนินางบ้าง หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปก็มีหวังว่าครอบครัวของเราจะยากจนเพราะนาง !

พี่ใหญ่ ท่านไม่รู้จักปรับทัศนคติเอาเสียเลย ! เงินไม่ได้หามาเพื่อเก็บบูชาขึ้นหิ้งหรอกนะ ต่อให้เราใช้จ่ายไปก็ยังมีโอกาสหาใหม่ได้อีก ! เมื่อก่อนบ้านของพวกเรายากจนเพราะไร้ลู่ทางทำเงิน ทว่าตอนนี้ข้าได้เรียนรู้วิธีวางกับดักและการล่าสัตว์มาจากลุงหวังแล้ว หากโชคดีข้าก็จะได้สัตว์ป่ามาทุกวัน อีกอย่างน้องสี่ก็เริ่มเลี้ยงกระต่ายเพื่อทำการค้า ! ในแต่ละปีกระต่ายสามารถคลอดลูกได้หกถึงแปดคอก แต่ละคอกก็ได้กระต่ายอย่างน้อยหกถึงเจ็ดตัว กระต่ายตัวหนึ่งสามารถขายทำเงินได้ถึงร้อยอีแปะ ถ้าลองคำนวณให้ดีกระต่ายหนึ่งคู่สามารถคลอดลูกทำเงินให้พวกเราได้อย่างน้อยปีละ 3 ตำลึงเชียวนะ ถ้าเราเลี้ยงพวกมันได้ดี พวกมันก็จะคลอดลูกได้เดือนละหนึ่งคอก เช่นนั้นเราก็สามารถขายทำเงินได้มากกว่าเดิม ! ดังนั้นน้องสี่ เจ้าจงตั้งใจเลี้ยงพวกมันให้ดี ในอนาคตครอบครัวของเราจะได้มีโอกาสทานข้าวมื้อใหญ่อีกหรือไม่ก็ต้องพึ่งเจ้าแล้ว !

คำที่หลินเว่ยเว่ยกล่าวออกมาได้สร้างความฮึกเหิมแก่เจ้าหนูน้อยเป็นอย่างดี เขาจึงตั้งปณิธานอันแรงกล้าว่า พี่รอง ข้าจะตั้งใจเลี้ยงกระต่ายให้ดีอย่างแน่นอน ข้าจะทำให้พวกเรามีข้าวมื้อใหญ่กินทุกมื้อ หากผู้ใดต้องการกินหมั่นโถวสีขาวก็ต้องได้กินและผู้ใดอยากกินเนื้อก็ต้องได้กินเนื้อ !

ดีมาก ปณิธานแรงกล้าดี ! เช่นนั้นข้าจะให้รางวัลเจ้าเป็นข้าวเกรียบก้นหม้อ ! หลินเว่ยเว่ยลูบศีรษะของน้องชายด้วยความเอ็นดู

นางหวงได้ยินบุตรคุยกันก็ตกตะลึงทันที กระต่ายคู่หนึ่งสามารถทำเงินได้ปีละสามสี่ตำลึงเชียวหรือ เช่นนั้นเราต้องเลี้ยงหลายคู่แล้ว…ลูกแม่ การเลี้ยงกระต่ายสามารถทำเงินได้มากเพียงนั้นจริงหรือ ?

ทว่าบุตรสาวคนโตก็ยังมิวายพูดดับฝันทุกคน ท่านแม่ ! ไม่ว่านางพูดสิ่งใดออกมา ท่านก็เชื่อหมดหรือเจ้าคะ ? กระต่ายป่าเลี้ยงง่ายเพียงนั้นที่ไหนกัน ? กระต่ายสามารถขุดโพรงได้ ดีไม่ดีมันอาจขุดโพรงแล้วแอบหนีออกไปเสียก่อน !

หลินเว่ยเว่ยหันไปสนทนากับมารดาต่อโดยไม่สนใจพี่สาวเลยสักนิด ท่านแม่เจ้าคะ ! ข้าอยากถางแปลงผักหลังบ้านแล้วทำเป็นที่เลี้ยงกระต่าย กระต่ายขุดโพรงได้ก็จริงแต่พวกเราปูก้อนอิฐหรือไม่ก็พื้นหินเสียก็สิ้นเรื่อง ส่วนรังกระต่ายก็ใช้ก้อนอิฐหรือไม่ก็หินมาก่อเป็นรัง เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาแล้วมิใช่หรือ ?

อิฐปูพื้นก็ต้องใช้เงินมิใช่หรือ ? ส่วนก้อนหินก็ต้องจ้างคนไปช่วยหามาอยู่ดี เจ้าทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องง่าย ! พี่สาวเบะปากในขณะเถียงกลับ

บรรดาร้านค้าในเมืองก็ต้องจ่ายเงินเพื่อแลกของเข้าร้านก่อนมิใช่หรือ ? ถ้าอยากหาเงินได้ อันดับแรกต้องลงทุนเสียก่อน ถ้าเราเลี้ยงมันได้ดี ไม่ถึงสองเดือนเราก็สามารถถอนทุนคืนได้แล้ว ! หลินเว่ยเว่ยทานข้าวอบถั่วฝักยาวอย่างเอร็ดอร่อย

แล้วถ้าเลี้ยงได้ไม่ดีล่ะ ? พี่สาวยังเถียงอย่างไม่ยอมแพ้

ถ้าเลี้ยงได้ไม่ดี ข้าก็จะไปล่ากวางแล้วเอาไปขายในเมือง เท่านี้ก็ได้เงินเพียงพอที่จะสร้างโรงเพาะเลี้ยงกระต่ายแล้ว หลินเว่ยเว่ยยังตอบอย่างไม่แยแส เงินที่ใช้จ่ายไปก็ไม่ใช่เงินที่เจ้าหามาได้เสียหน่อย ฉะนั้นเจ้าไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับเงินก้อนนี้ !

ท่านแม่เจ้าคะ ! ในหมู่บ้านของเรารวมถึงหมู่บ้านในละแวกใกล้เคียงไม่เคยมีผู้ใดเลี้ยงกระต่ายป่ามาก่อน ! ท่านก็ไม่เห็นจะสนใจนาง ไม่ตักเตือนนางเลยสักนิด หรือท่านยอมปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจเจ้าคะ ? พี่สาวโมโหจนแทบหักตะเกียบทิ้ง แต่จะทำเช่นไรได้ในเมื่อข้าวอบถั่วฝักยาวช่างอร่อยเหลือเกิน ดังนั้นนางไม่ยอมให้ความโกรธและความขุ่นเคืองมาพาลให้ท้องต้องทนหิว !

ผู้ที่ ‘กล้าทานปูเป็นคนแรก’2 มักนำพาคนในครอบครัวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองทั้งนั้น คิดทำสิ่งใดต้องมองการณ์ไกลเสียหน่อย หากขี้ขลาดตาขาวมัวกลัวนู่นนั่นนี่ก็มีแต่ทำให้ตนยิ่งลำบากมากขึ้น ! หลินเว่ยเว่ยตักข้าวที่เหลือใส่ชามของตน

ผู้ที่กล้าทานปูเป็นคนแรกเช่นนั้นหรือ ? สำบัดสำนวนการเปรียบเทียบของเด็กอ้วนคนนี้ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่ยิ่งนัก ! เจียงโม่หานที่กำลังเดินย่อยอาหารอยู่ในลานบ้านได้กลิ่นหอมของข้าวอบลอยมาแตะจมูก ในใจพลันคิดว่าฝีมือต้มซุปและทำอาหารของเด็กอ้วนไม่เลวเลยทีเดียว !

แต่ช้าก่อน ! ข้าวอบถั่วฝักยาวหรือ ? ข้าวอบ ? เขาจำได้ว่ามันคืออาหารขึ้นชื่อของ ‘ชวนส่าน’ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมระหว่างมณฑลเสฉวนและส่านซี แต่เมื่อฟังจากสำเนียงการพูดของนางหวงก็มิใช่คนจากพื้นที่นั่นอย่างแน่นอน เหตุใดคนแถบพื้นที่ซูโจวกับหางโจวซึ่งไม่นิยมปลูกข้าวจึงทำข้าวอบถั่วฝักยาวเป็น ?

1 1 เค่อ เท่ากับ สิบห้านาที

2 ผู้ที่กล้าทานปูเป็นคนแรก หมายถึง ผู้บุกเบิก

ตอนต่อไป