บทที่ 68 ยมทูตหน้าขาว-หน้าดำ

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

บทที่ 68 ยมทูตหน้าขาว-หน้าดำ

ได้ยินเสียงที่เหมือนจะยอมพ่ายแพ้ เย่แจ๋หยิ่งก็เลยพูดขึ้นมาว่า

“ตอนนั้นเจ้าเองก็หวังที่จะฝังข้าทั้งเป็นไม่ใช่หรือยังไง?”

อีกทั้งยังคิดจะจับคู่เขากับสาวใช้อีก หากเขาไม่สั่งสอนนาง จะกู้หน้ากลับมาได้ยังไง?

“ตอนนั้นข้าคิดว่าเจ้าตายไปแล้ว เจ้าลองคิดดู หากตอนนั้นเจ้าตายไปแล้วจริง ๆ ก็ยังได้ข้าทำศพให้เจ้าไม่ใช่หรือไง? เจ้าควรจะขอบคุณข้ามากกว่า ทำไมถึงได้มาแก้แค้นข้าแบบนี้ล่ะ?”

“ …… ”

เย่แจ๋หยิ่งหน้านิ่งไป จากนั้นก็เงยหน้าขึ้น

จื่อซีกับจื่อเฟิงยิ่งตักดินกลบหลานเยาเยาเร็วขึ้นไปอีก ……

หลานเยาเยารู้สึกอยากจะร้องไห้

ตอนนั้นเย่แจ๋หยิ่งบาดเจ็บหนักมาก เขาถูกพิษร้ายแรง อีกทั้งยังตกลงมาจากต้นไม้ด้วย ไม่คิดว่าตายได้ไง?

แต่พอหันมามองตัวนาง นางถึงกับตกใจตาโต

ไอ้บ้าเอ้ย

ตัวนางถูกฝังไปแล้วครึ่งตัว อีกทั้งยังมีดินใหม่เพิ่มมาอีก ยิ่งไม่เท่าไหร่ก็จะมาถึงหัวนางแล้ว

นางตะโกนอย่างร้อนใจว่า

“เย่แจ๋หยิ่ง เจ้าคิดจะทำอะไร? พูดมาตรง ๆ เลยก็ได้ ไม่จำเป็นต้องขู่ข้าแบบนี้ หัวใจของข้าทำงานไม่ดีอาจตายได้ง่าย ๆ”

ขนมอาหารข้างนอกนั่นนางยังไม่ทันได้ลิ้มลองเลย

ตายแล้วไม่รู้ว่าจะได้ย้อนเวลากลับไปอีกไหมด้วย?

นางไม่อยากตาย ของกินที่นี่อร่อยมาก

นางพูดถึงขนาดนี้แล้ว แต่เย่แจ๋หยิ่งยังไม่สนใจนาง แต่กลับยืนพิงต้นไม้อย่างคนขี้เกียจ อีกทั้งไม่พูดอะไรด้วย

เมื่อเห็นดังนั้น

หลานเยาเยาก็เริ่มร้องไห้ออกมา

ตาบ้า ก็แค่อยากรู้ฐานะที่แท้จริงของนางเหรอ?

ตอนนี้เปิดโอกาสให้เขาถามแล้ว เขากลับแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง นางอยากจะตีเขาให้ตายจริง ๆ

ทันใดนั้นเอง

“ซา ซา ซา ……”

ลมพัดต้นไม้ ผ่านกิ่งก้านใบ มันพัดผ่านตัวของพวกเขา

“ซา ซา ซา ……”

ลมพัดแรงโชยมา มันพัดจนเสียงดังมาก

ไม่สิ

นอกจากเสียงลมแล้ว ยังมีเสียงอย่างอื่นด้วย มันกำลังมาทางพวกเขา

“นี่ นี่ นี่ เย่แจ๋หยิ่ง คนของเจ้าหรือเปล่า?” เห็นท่าทางของเย่แจ๋หยิ่ง เขาเหมือนจะรู้แล้วว่าเกิดความผิดปกติ “หากว่าไม่ใช่ เจ้าก็ปล่อยข้าออกไปเดี๋ยวนี้ ปลดจุดชีพจรของข้าก็ได้”

หากไม่ใช่ พวกเขาสองฝ่ายสู้กันขึ้นมา คนอื่นคิดจะลงมือกับนางมันไม่ง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือเหรอ?

“เจ้า …… อยู่เฉย ๆ นั่นแหละ” พูดจบ เขาก็สั่งจื่อซีว่า “ฝังต่อไป”

อะไรนะ?

“นี่ มันเวลาอะไรแล้ว ยังจะฝังข้าอีก”

คนอะไรกันเนี้ย

ชาติที่แล้วข้าไปขุดหลุมบรรพชนเขาขึ้นมาเผาหรือยังไง ทำไมต้องทำกับนางขนาดนี้ด้วย?

แต่ว่า

ในเวลานี้เอง จื่อเฟิงก็โยนเสียมทิ้งไป แล้ววิ่งตามเย่แจ๋หยิ่งไป

บรรยากาศโดยรอบเริ่มแปลกขึ้นเรื่อย ๆ มีกลิ่นอายของการสังหาร เหมือนมีคนพุ่งมารอบทิศ

บรรยากาศเริ่มอึดอัด มีกลิ่นเนื้อเน่าโชยมาเข้าจมูก

ดินถูกสาดมาที่คอของนาง เศษดินเศษทรายยังสาดมาโดนหน้ากับปากของนาง

“ถุย ถุย ถุย”

หลานเยาเยาถุยเอาดินออกมาจากปาก แล้วจ้องไปที่จื่อซี

“ทำไมเจ้ายังฝังอยู่อีก”

อีกทั้งยังไม่มีศิลปะในการฝังด้วย สมองไม้เอ้ย ไม่รู้จักสังเกตอะไรเลย

“พระชายา เป็นคำสั่งของนายท่าน ข้าน้อยเองก็จนปัญญา”

“อะไรคือจนปัญญา? เจ้าไม่รู้จักพลิกแพลงหรือยังไง เฮ้อ เดี๋ยวแล้วเจ้าทำไมยังตักอยู่อีก”

หลานเยาเยาหัวจะระเบิดอยู่แล้ว

“พระชายา ข้าน้อยรู้ว่าท่านยังไม่อยากตาย ข้าน้อยเองก็ไม่อยากให้ท่านต้องตาย เพราะวิชาแพทย์ของท่านนั้นลึกล้ำมาก ข้าน้อยมีของทางด้านการแพทย์ที่อยากขอคำชี้แนะจากท่านอีก แต่ว่า นายท่านมีคำสั่ง จื่อซีขัดคำสั่งไม่ได้ ทำได้แค่ขออภัยต่อท่านเท่านั้น”

ไม่รู้ว่านายท่านคิดอะไรอยู่

หลานเยาเยาคนเก่งแบบนี้ โดยเฉพาะด้านการแพทย์ นิสัยพื้นฐานของนางก็ไม่ได้เลวร้าย แค่พูดมากไปหน่อย โลภไปนิด ใจกล้าบ้าบิ่น แต่ก็นิสัยดีอยู่

“เจ้านี่มันสมองไม้จริง ๆ เย่แจ๋หยิ่งทำไมถึงได้ให้เจ้ามาฝัง ถึงไม่สั่งให้จื่อเฟิงมาฝังข้าล่ะ?”

“นั่งเป็นเพราะจื่อเฟิงวรยุทธ์เหนือกว่าข้า คุ้มครองนายท่านได้ดีกว่า”

สิ่งที่เขาเข้าใจคือแบบนี้

จื่อเฟิงวรยุทธ์ร้ายกาจ กำลังภายในลึกล้ำ เขารับมือได้หลายอย่าง นายท่านเลือกจื่อเฟิงถูกต้องแล้ว

“จื่อเฟิงนิสัยเหมือนกับเจ้านายเจ้า หากให้เขามาฝังข้า เขาต้องฝังหัวของข้าก่อนแน่ ไม่เหมือนเจ้า ฝังเท้าก่อน อีกทั้งยังฝังทีละนิดด้วย ดังนั้นเจ้านายเจ้าถึงได้เลือกให้เจ้ามาฝังข้า แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ โง่จริง ๆ”

ชีวิตขององค์หญิงจาวหยางยังอยู่ในมือของนาง

หากนางตาย องค์หญิงจาวหยางคงต้องถูกตัดสินประหารชีวิตแน่

“ก็จริง ทำไมนายท่านถึงได้ทำแบบนี้นะ?”

สรุปต้องการฝังพระชายาทั้งเป็น หรือไม่อยากกันแน่?

คนที่คิดว่าตัวเองฉลาดอย่างจื่อซี จู่ ๆ ก็คิดขึ้นมาว่าสมองของเขาเหมือนจะใช้งานไม่ได้

“เพราะเขาใจแคบ ชอบแกล้ง เจ้านึกถึงองค์หญิงจาวหยางก็พอ”

เจ้าบ้านั่น ก็แค่อยากทรมานนาง อยากให้นางอ้อนวอนเขาก็เท่านั้นแหละ

เมื่อได้ยินดังนั้น

จื่อซีเหมือนจะหยุดจริง ๆ

ที่พระชายาพูดมามีเหตุผล องค์หญิงจาวหยางมีแค่พระชายาคนเดียวที่ช่วยได้ พระชายาจะยังตายไม่ได้

แต่ว่านี่เป็นคำสั่งของนายท่าน เขาควรจะฝังต่อไปไหม?

หัวของเขาสับสนไปหมด จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า

“ถ้าอย่างนั้นข้าน้อยก็ค่อย ๆ ฝังท่าน ดีไหม?”

ทำแบบนี้แล้วก็ไม่ขัดคำสั่งของนายท่าน พระชายาก็ไม่ตายด้วย ได้ประโยชน์ทั้งสองอย่าง

ดูเขาสิ ฉลาดมาก

ขณะกำลังภูมิใจกับความคิดของตัวเองอยู่ ก็ถูกหลานเยาเยาจ้องด้วยสายตาอันเหยียดหยาม

“ยังจะฝังอีก เจ้าดูทางโน้นสิ”

ลมพายุวูบใหญ่พัดมา ทางด้านเย่แจ๋หยิ่งเกิดกลุ่มหมอกควันขึ้น อีกทั้งยังหมุนไปรอบทิศอย่างรวดเร็ว เหมือนจะล้อมพวกเขาเอาไว้ด้านใน

หมอกควันขนาดใหญ่ มีเงาของคนที่แต่งกายเหมือนศพ เริ่มชัดเจนขึ้น ทั่วทั้งตัวของพวกเขามันมีกลุ่มอายความดำแผ่ออกมา แม้แต่เล็บ สายตา ปาก เป็นสีดำทั้งหมด เหมือนกับว่าถูกพิษ

หลานเยาเยากระพริบตา

นั่นมันนักฆ่าของยิงจวนนี่นา

ก่อนหน้านี้ยายเมิ่งของยิงจวนกับนักฆ่าบางส่วนก็ตายเพราะฝีมือของนางมาแล้ว ตอนนี้คนพวกนี้มาเพื่อฆ่านางเหรอ?

ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากขอให้จื่อซีช่วยนางคลายชีพจร แต่นางกลับหยุดไป

ในกลุ่มหมอกควันมีคนประหลาดปรากฏตัวขึ้นสองคน จากนั้นก็มีคนสวมชุดขาวดำคู่หนึ่งโผล่ตามมา

พวกเขาสวมหมวกทรงสูง เหมือนหมวกของเชฟในโรงแรมห้าดาว แต่มันแปลกกว่าหมวกของเชฟ

พวกเขาสองคนเหมือนทาแป้งสีขาวบนใบหน้า ดูน่ากลัวมาก รูปร่างผอมซูบ ดูไปแล้วน่ากลัวสุด ๆ

เทียบกับยายเมิ่งของยิงจวนแล้วมันดูน่ากลัวและอันตรายมากกว่ามาก รอยยิ้มที่น่ากลัว เหมือนลางสังหรณ์แห่งความตายกำลังจะมาเยือนยังไงอย่างนั้นเลย

หรือว่าจะเป็นยมทูตหน้าขาว-หน้าดำแบบในหนัง?