ตอนที่ 91 – นักท่องเวลาอีกคน

โฮมสเตย์รีสอร์ทสิบกว่าหลังเพลิงลุกไหม้ใหญ่โตพุ่งสู่ท้องฟ้า!

ลมภูเขาพัดโชย เปลวเพลิงยังขยายตัวออกไปยังที่ที่ไกลยิ่งขึ้น

ทริปท่องเที่ยววันชาติดี ๆ แต่เดิมกลับกลายเป็นละครตลกแสนอันตราย

แม้แต่ท้องฟ้ายังถูกส่องสว่าง คล้ายกับเป็นแสงอัสดงหนึ่งชั้นที่ลอยออกมาในยามเที่ยงคืน

นักท่องเที่ยวนับไม่ถ้วนวิ่งหลบหนีอย่างเร่งด่วนจากในรีสอร์ท จากนั้นประสบกับการยิงปืนอีก ทั้งหมดล้วนหนีกันอย่างบ้าคลั่งเป็นกลุ่มก้อนชุลมุน

คนร้ายสองคนสุดท้ายซ่อนอยู่ในกลุ่มคน คุมตัวหูเสี่ยวหนิวกับจางเทียนเจินพลางก้มหน้าเร่งเดินไปที่ลานจอดรถ

นักท่องเวลาไม่มีแล้วสามารถจับมาใหม่ พวกพ้องไม่มีแล้วสามารถหาใหม่

เวลานี้พวกเขาขอเพียงขับรถไปจากเขาเหล่าจวิน ทุกสิ่งล้วนยังทันกาล

แต่ทว่าช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะหลบหนี หัวหน้าคนร้ายจู่ ๆ หันหน้ากลับไปมอง

สายตาของเขาทะลุผ่านกลุ่มคนที่อลหม่าน พอดีมองเห็นเด็กหนุ่มที่ปิดบังใบหน้าคนหนึ่งซึ่งก็กำลังมองดูตนเองทะลุกลุ่มคน

ข้างกายเด็กหนุ่มเป็นนักท่องเที่ยวที่โวยวายตื่นตระหนก เบื้องหลังเป็นเปลวเพลิงที่สูงท่วมฟ้า

แต่ในสายตาของอีกฝ่ายไม่มีความอลหม่านทุกอย่างนี้ มีเพียงเขา

หัวหน้าคนร้ายจิตใจสั่นสะท้าน ทันใดนั้นเกิดลางสังหรณ์ที่ไม่เป็นมงคล

เขารู้ว่าตนเองถูกกัดจมเขี้ยวแล้ว อีกฝ่ายคืนนี้ไม่ฆ่าตนเองจะไม่ยอมปล่อยวางเป็นอันขาด

หัวหน้าหวนคิดถึงฉากที่เจ้าหกถูกยิงสังหารอย่างเด็ดขาดมีประสิทธิภาพเมื่อครู่นี้ เกิดความเย็นยะเยือกวูบหนึ่งอย่างบรรยายไม่ถูก

เวลานั้นหากไม่ใช่ว่าระหว่างตนเองกับอีกฝ่ายมีหูเสี่ยวหนิวกั้นไว้หนึ่งคน เกรงว่าเวลานั้นคนที่ตายจะเป็นตนเองแล้ว

“ตงจื่อ วันนี้เราไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่จะต้องไปไม่รอด” หัวหน้ากล่าว “รอเดี๋ยวเข้าลานจอดรถแล้วแกดูแววตาฉัน”

ว่าแล้ว หัวหน้าที่สวมโค้ทกันลมคนนี้ถึงกับชักปืนออกมา ยิงปัง ๆ สองนัดใส่ลำตัวของหูเสี่ยวหนิวกับจางเทียนเจิน ปล่อยให้อีกฝ่ายร่วงลงพื้นช้า ๆ

“พี่ใหญ่ พี่ทำอะไร” ตงจื่อเอ่ยอย่างตะลึง

“เด็กนั่นไม่แน่ว่าจะรู้จักกับนักเรียนสองคนนี้ ดูซิว่าเขาสองคนจะสามารถช่วยถ่วงเวลาสักหน่อยรึเปล่า อีกอย่าง ถ้าพวกเราอยากจะซุ่มโจมตีอีกฝ่ายก็ไม่สามารถหอบตัวถ่วงไปด้วย” หัวหน้าพูดจบก็โยนหูเสี่ยวหนิว, จางเทียนเจินทิ้งแล้วมุดเข้าไปในลานจอดรถ

ที่นี่มีรถบัสหลายร้อยคันจอดอยู่ และรถพวกนี้ก็คือที่กำบังตามธรรมชาติ

ดุจดั่งเขาวงกตที่ปิดกั้นสายตาแห่งหนึ่ง

ชิ่งเฉินมาถึงข้างกายหูเสี่ยวหนิวอย่างไร้เสียง จนเขายืนยันว่าอีกฝ่ายมีลมหายใจจึงได้ล้วงโทรศัพท์มือถือของหูเสี่ยวหนิวออกมากด 120 ทันที

ในเขตท่องเที่ยวมีศูนย์บริการสุขภาพ แพทย์และพยาบาลพวกนั้นคาดว่าไม่เคยเห็นแผลถูกยิง แต่หูเสี่ยวหนิวกับจางเทียนเจินล้วนถูกยิงที่ช่องท้อง ไม่ได้สาหัสถึงแก่ชีวิต

ขอเพียงเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์มาทันเวลา การเก็บชีวิตเอาไว้น่าจะไม่มีปัญหา

เขากล่าวกับหูเสี่ยวหนิวที่นอนอยู่ว่า “โทรศัพท์ไปแล้ว หน่วยกู้ภัยจะมาถึงทันที ผมจะเฝ้าพวกคุณอยู่ที่นี่ วางใจเถอะ ไม่ใช่บาดแผลถึงชีวิต ไม่เป็นไรหรอก”

แต่หูเสี่ยวหนิวจู่ ๆ ดิ้นรนลุกขึ้นดึงแขนเสื้อของชิ่งเฉิน ริมฝีปากเขาซีดเผือด น้ำเสียงก็สั่นเทา กล่าวว่า “ผมรู้ว่าคุณร้ายกาจมาก ได้โปรดช่วยฆ่าคนร้ายสองคนนั้นด้วย!”

ชิ่งเฉินมองลานจอดรถที่คล้ายกับเขาวงกตแวบหนึ่ง

ยังไม่รอให้เขาพูดอะไร หูเสี่ยวหนิวจู่ ๆ กล่าวว่า “คุณเป็นคนของหลิวเต๋อจู้สินะ ได้โปรดช่วยแก้แค้น จบเรื่องแล้วผมจะจ่ายทองแท่งเป็นสองเท่ากับหลิวเต๋อจู้แบบครั้งก่อนเลย! ฮีโร่สองคนนั้นของคุนหลุนไม่อาจตายเปล่า! ไม่ต้องสนพวกผม!”

ชิ่งเฉินเงียบไปครึ่งค่อนวัน เขาไม่รู้ว่าชั่วขณะนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่จึงทำให้หูเสี่ยวหนิวพลุ่งพล่านขนาดนี้ ถึงกับแม้แต่ชีวิตตนเองก็ไม่ต้องการแล้ว และหวังว่าตนเองจะช่วยแก้แค้น

เขาลงเสียงลงกล่าวว่า “พวกคุณนอนอยู่ที่นี่อย่าขยับ ปิดบาดแผลให้ดี วางใจเถอะ วันนี้พวกเขาต้องตาย”

พูดจบ เขามองลานจอดรถที่ประดุจเชาวงกตแวบหนึ่ง ยกเท้าขึ้นเดินเข้าไป

นี่เป็นชั่วเวลาที่อันตรายถึงหมื่นส่วน เพราะเขาทราบชัดมากว่า คนร้ายจะรอเขาอยู่ที่นี่

เอาเขาวงกตมาเป็นสนามรบ ใครเข้าสนามรบก่อนใครก็จะมีความได้เปรียบโดยสิ้นเชิง : ระยะสายตา, ภูมิประเทศ, จังหวะเวลา

เหมือนกับว่าองค์ประกอบของการสู้รบทุกอย่างล้วนไม่เข้าข้างชิ่งเฉินถึงสิบส่วน

แต่ครั้งนี้ชิ่งเฉินเหมือนจะไม่ได้เก็บทองคำแท่งมาใส่ใจเลย คืนนี้เขาแค่อยากจะฆ่าคนเท่านั้น

เขาใคร่ครวญชั่วขณะ ถึงกับใช้มือใช้เท้าปีนขึ้นไปบนหลังคารถบัสคันหนึ่ง

เห็น ๆ อยู่ว่าเป็นหลังคารถที่เป็นแผ่นเหล็กบาง ๆ เขาเหยียบย่ำกลับไม่ส่งเสียงสักนิดเดียว

ตอนที่เขาเคลื่อนตัวไปถึงริมอีกด้านหนึ่งของหลังคารถ พบเห็นด้วยความตกตะลึงว่าข้างใต้กำลังมีคนร้ายคนหนึ่งนิ่งอยู่กับที่

อีกฝ่ายเหมือนกับร่างกายติดกาวเหนียบหนึบ อยากจะยกปากกระบอกปืนสูงขึ้นสิบเซนติเมตรยังยากเย็นแสนเข็น

ชิ่งเฉินมองไปอีกทางหนึ่งอย่างกะทันหัน

ที่นั้น กำลังมีคนที่สวมเสื้อฮู้ดปิดศีรษะคนหนึ่งยืนอยู่ในเงามืด ใส่ผ้าปิดปากสีดำ

อีกฝ่ายยื่นมือออกมา กางฝ่ามือใส่คนร้ายที่อยู่บนพื้น

คล้ายกับว่าใช้มือเดียวก็ควบคุมชะตาชีวิตของคนคนหนึ่งไว้แล้ว

นักท่องเวลา!

แถมยังเป็นผู้เหนือมนุษย์ในตำนาน!

ชิ่งเฉินครุ่นคิดว่าสกิลนี้เกี่ยวข้องกับแรงโน้มถ่วงไหม

นักท่องเวลาที่สวมฮู้ดในเงามืดเอียงศีรษะไปทางทิศตะวันออก “คนนี้ถูกคนขายทิ้งแล้ว ยังมีคนหนึ่งทิ้งเขาไว้หนีไปแล้ว ยกให้นาย”

เป็นเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาภายใต้ผ้าปิดปาก

ชิ่งเฉินอึ้งไป เขาเกิดความตระหนักขึ้นมาในพริบตา :

คนร้ายสองคนซุ่มอยู่หลังรถน่าจะวางแผนจะลอบโจมตีตนเอง ผลคือกลับถูกนักท่องเวลาที่ไม่รู้ที่มานี้ควบคุมตัวเอาไว้อย่างแน่นหน้า

เนื่องจากสกิลของอีกฝ่ายแปลกประหลาดเกินไป ดังนั้นหัวหน้าคนร้ายคนนั้นทิ้งคนของตัวเองแล้วหนีไป

ชิ่งเฉินสังเกตอีกฝ่าย สูงประมาณ 176 รูปร่างเพรียวสมส่วน เพียงแต่อีกฝ่ายยืนอยู่ในความมืดจึงไม่อาจเห็นหน้าตา

แรกเริ่มเขาเห็นอีกฝ่ายตัวสูงมาก เสื้อฮู้ดที่หลวม ๆ ยังปิดบังหุ่น ดังนั้นชิ่งเฉินนึกจากจิตใต้สำนึกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชาย

แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กสาว เสียงก็อ่อนเยาว์มาก

“ยังจะอึ้งทำอะไร อึ้งอีกคนเขาก็จะหนีแล้วนะ” เด็กสาวลึกลับนั้นกล่าวขึ้น

เสียงคำรามของเครื่องยนต์ดังมาจากที่ไกล ๆ แล้ว ชิ่งเฉินเห็นในที่ไกล ๆ ว่ารถ MPV คันนั้นที่เคยเห็นมาก่อนเคลื่อนตัวแล้ว หัวหน้าคนร้ายนั่งอยู่บนที่นั่งคนขับเท้าเหยียบคันเร่งจนมิด ขับไปทางด่วนผานซานนอกเขตท่องเที่ยว

ชิ่งเฉินไม่คิดมากอีก เขากระโดดลงจากรถ หลังจากฉวยปืนพกของคนร้ายมาแล้วก็สับเท้ารีบไปอย่างเร่งด่วน

เด็กสาวในความมืดนั้นจับจ้องชิ่งเฉินจากไปตลอดเวลา ตอนที่เธอค้นพบว่าชิ่งเฉินเท้าเปล่าก็ตะลึงงันไป บนเท้านั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดแล้ว

แต่เด็กหนุ่มคล้ายกับจะไม่รับรู้ถึงความเจ็บปวดแม้แต่เศษเสี้ยว

เธอค่อย ๆ เดินออกจากเงามืดมายืนอยู่ข้างตัวคนร้าย ก้มมองอีกฝ่ายค่อย ๆ คุกเข่าลงบนพื้นซีเมนต์เงียบ ๆ

วินาทีถัดมา ฝ่ามือที่กางอยู่ตั้งแต่ต้นจนจบของเธอกำขึ้นมาอย่างฉับพลัน

คนร้ายที่คุกเข่าบนพื้นคนนั้นส่งเสียงร้องอย่างน่าอนาถออกมาทันที เห็นเพียงขาทั้งคู่ของเขากดลงบนพื้นอย่างดุดัน แรงกดดันอันมหาศาลนี้ทำให้เข่าทั้งคู่ของเขาส่งเสียงกระดูกหักออกมา

“นี่เป็นการลงโทษนิดหน่อยให้แกแทนคนที่ตายไปคืนนี้” หลังจากเด็กสาวพูดด้วยเสียงอ่อนโยนจบแล้วก็ซุกมือทั้งคู่ใส่กระเป๋าเสื้อฮู้ด เดินกลับไปในเงามืด

ในลานจอดรถเหลือเพียงคนร้ายที่หัวเข่าทั้งคู่หักที่ยังร้องโหยหวน

……

รถ MPV สีดำขับไปตามทางด่วนผานซานบนเส้นทางลงเขา เพราะว่าโค้งรูปตัว U มากเกินไป มุมของถนนคดเคี้ยวยังแคบเกินไปอีก จนถึงขนาดที่ว่าคนร้ายไม่อาจเร่งความเร็วได้เลย

หลังรถมีเสียงปืนดังมาไม่ขาดสาย ในใจคนร้ายตื่นตระหนก เด็กหนุ่มนี้วิชายิงปืนดีอย่างยิ่ง ถึงจะอยู่ในระหว่างเคลื่อนตัวด้วยความเร็วสูงก็สามารถยิงถูกตัวรถอย่างแม่นยำ

แต่อีกฝ่ายน่าจะคิดไม่ถึงว่าตนเองเพื่อที่จะปรับปืนพกกล็อก 34 ให้เข้ากับอุปกรณ์เก็บเสียงได้เลือกลูกกระสุนซับโซนิคโดยเฉพาะมาลดเสียงยิงปืน

ลูกกระสุนชนิดนี้นอกจากเข้ากับที่เก็บเสียงแล้วไม่มีจุดเด่นอะไร ระยะยิงหวังผลหลังจากบวกอุปกรณ์เก็บเสียงแล้วถึงขนาดยังไม่ถึง 20 เมตร

ได้แต่ใช้ยิงลอบสังหารในระยะใกล้!

ชั่วขณะนี้คนร้ายถึงขนาดรู้สึดโชคดีนิดหน่อยที่สิ่งที่พวกเขาใช้เป็นลูกกระสุนซับโซนิค ไม่อย่างนั้นตนเองอาจจะตายไปแล้ว!

เสียงปืนค่อย ๆ หยุดลง เด็กหนุ่มเหมือนกับจะหมดกระสุนแล้ว ได้แต่โยนปืนในมือทิ้งไป

แต่ชิ่งเฉินยังคงไม่หยุดฝีเท้า

ในกระจกมองหลัง คนร้ายเห็นเด็กหนุ่มปิดหน้าที่อยู่บนทางด่วนเป็นอย่างกับหมาป่าโดดเดี่ยวตัวหนึ่งที่กัดด้านหลังตนเองอย่างดื้อรั้น เหมือนกับว่าจะต้องกัดตนเองให้ตายอยู่ที่นี่ให้ได้

…………………………………………

เราว่าตอนนี้คนเขียนลืมอะไรไปอย่างหนึ่ง มือถือหูเสี่ยวหนิวถูกยึดไปแล้ว ตอนนี้น่าจะถูกทิ้งอยู่ในรีสอร์ทที่เหตุการณ์รึเปล่า…….

ตอนที่ 92 – ฝุ่นผงจางหาย