บทที่ 68 จัดระเบียบโรงงาน

“เถ้าแก่เนี้ย บ้านของเฉินซื่ออยู่ไกลจากที่นี่มากเกินไป เขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเฉินเจีย ท่านไม่ต้องกังวลหรอก” หัวหน้าจ้าวกล่าว

“ตกลง หากเช่นนั้นไปเยี่ยมแม่ของอากุ้ยแทนดีหรือไม่?” ถังหลี่พูด

“อากุ้ย…แม่ของนางป่วยเป็นโรคเรื้อน เถ้าแก่เนี้ย…ท่านอย่าเสี่ยงไปเลย”

ถังหลี่ถามถึงอีกสองสามคน แต่หัวหน้าจ้าวก็จะมีข้อแก้ตัวได้อย่างลื่นไหลทุกคน

“ข้าเข้าใจแล้ว น่าสงสารจริง ๆ” ถังหลี่กล่าว

เมื่อถังหลี่ไม่ได้พูดถึงการไปเยี่ยมพวกคนงานเหล่านี้อีก หัวหน้าจ้าวลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเช็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากสองสามหยด

สุดท้ายก็โดนเขาหลอกจนได้

“หัวหน้าเจ้า ไปทำงานต่อเถิด ข้าจะเดินดูโรงงานนี้กับอาชิงสองคนก็เพียงพอแล้ว”

“ได้สิ เราเดินดูรอบ ๆ ดีกว่า”

หลู่ชิงพาถังหลี่เดินชมไปรอบบริเวณโรงงาน

แม้ว่าโรงงานจะดูค่อนข้างวุ่นวาย แต่ถังหลี่ก็เห็นแล้วว่าปัญหาของเป่าชิงเก๋อคือคนงาน ไม่ใช่สูตรชาดแต่อย่างใด วิธีผลิตชาดไม่ได้ซับซ้อนมากนัก แต่การผลิตชาดให้ได้คุณภาพสูงนั้นค่อนข้างยาก

ถังหลี่เคยเทียบชาดของแต่ละร้านมาก่อน ชาดของเป่าชิงเก๋อนั้นเบาบางสุด ส่วนอีกสองร้านนั้นหนากว่าเล็กน้อย นี่คือข้อดีของชาดสูตรของร้านเป่าชิงเก๋อ

หลู่ชิงอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก

นางไม่ใช่คนโง่ที่จะจับสังเกตจากคำตอบของหัวหน้าจ้าวไม่ได้ อย่างไรก็ตามนางก็ยังไม่ปักใจเชื่อนักเพราะคนงานผู้นี้ทำงานกับบิดาของนางมาได้หลายปีแล้ว หรือว่า…นี่จะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?

ในขณะนั้นจู่ ๆ ก็มีสตรีร่างสูงและผอมบางเดินเข้ามา

“คุณหนู”

“ป้าจู” หลู่ชิงมองไปที่ถังหลี่

“ถังถังนี่คือป้าจู นางเป็นคนงานเก่าแก่ทำงานกับท่านพ่อของข้ามาตั้งแต่ก่อตั้งโรงงานครั้งแรก”

ป้าจูพยักหน้า

“ใช่แล้ว ตอนที่ข้ามาทำงานที่นี่ครั้งแรก ข้ายังเป็นเพียงเด็กสาวไม่พ้นวัยปักปิ่น[1]เลย ข้าแต่งงานตอนที่ทำงานที่นี่ คลอดลูก เป็นแม่คน และตอนนี้ข้าก็เป็นยายคนแล้ว…โรงงานแห่งนี้คือบ้านอีกหลังของข้า…เถ้าแก่เนี้ย ข้ามีบางอย่างอยากจะบอกท่าน”

ถังหลี่สังเกตเห็นบางอย่างผ่านคำพูดนาง

“ไปคุยกันในห้องรับรองเถิด”

ทั้งสามเข้าไปในห้องและปิดประตูลง

“คุณหนู! ข้ารู้ว่าเป่าชิงเก๋อย่ำแย่มากแล้ว แต่ท่านก็ยังคิดถึงพวกข้าอยู่ ท่านเป็นคนดี แต่พวกเขาปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้ได้อย่างไร!” ดวงตาของป้าจูแดงก่ำ

“คุณหนูข้าต้องบอกท่าน ไม่อย่างนั้นข้าต้องอกแตกตายแน่! ความจริงแล้วเฉินซื่อ อากุ้ย และเหล่าเฉินไม่ได้เป็นอะไรเลย! พวกเขาไปทำงานที่ท่าเรือ พวกเขาโกหกท่านเพื่อที่จะได้รับเงินสองทาง!”

ใบหน้าของหลู่ชิงบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด แม้ว่าความจริงแล้วนางจะพอเดาได้ว่าโรงงานกำลังมีปัญหาแต่เมื่อพบว่าเป็นเรื่องจริง นางก็ยากที่จะทำใจ เป่าชิงเก๋อที่นางกำลังแบกอยู่อย่างยากลำบากเพื่อที่จะให้พวกเขาได้มีงานทำ แต่แท้จริงแล้วพวกเขากำลังรวมหัวกันโกงนางอยู่!

ถังหลี่จับมือของหลู่ชิงก่อนจะมองไปที่ป้าจู

“ป้าจูท่านออกไปก่อนเถิด ทำเป็นว่าเรื่องที่เพิ่งพูดไม่เคยเกิดขึ้น ท่านไม่ได้บอกอะไรข้า”

ป้าจูอายุสี่สิบแล้วนางย่อมผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก นางจึงเข้าใจความหมายของถังหลี่ นางรู้ว่าเถ้าแก่เนี้ยผู้นี้จะปกป้องนาง เพราะคนงานเหล่านั้นพากันข่มขู่ไม่ยอมให้นางพูดเรื่องนี้กับคุณหนู ป้าจูรู้สึกอบอุ่นหัวใจ นางพยักหน้าให้ถังหลี่แล้วเดินออกไป หัวหน้าจ้าวรีบเดินมาหานางทันที

“ป้าจู เจ้าไปทำอะไรมาหรือ?” หัวหน้าจ้าวมองนางอย่างความระแวดระวัง

“เถ้าแก่เนี้ยถามข้าถึงวิธีใช้โรงสี ข้าจึงทำให้นางดูเป็นตัวอย่าง” ป้าจูตอบ

หัวหน้าจ้าวไม่ถามอะไรป้าจูอีก

เมื่อถังหลี่และหลู่ชิงออกไปจากโรงงาน หัวหน้าจ้าวแอบลอบตามออกไปก่อนจะแยกตัวไปพบกับหลู่หยวนที่บ่อนพนัน

“นายท่าน! หลู่ชิงกับเจ้าของร้านคนใหม่มาเมื่อครู่ ตอนแรกนางถามข้าว่าเหตุใดคนพวกนั้นไม่อยู่ที่นี่ ข้าคิดว่าไม่รอดแล้วเสียแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่านางเชื่ออย่างสนิทใจ นางก็เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอและโง่เขลาเท่านั้นเอง! ”

น้ำเสียงของหัวหน้าจ้าวเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามไร้ความเคารพต่อเถ้าแก่เนี้ยคนใหม่

นี่คือบททดสอบเถ้าแก่เนี้ยคนใหม่!!

ไม่น่าแปลกใจที่เถ้าแก่โจวจะอยู่นิ่งได้ ในเมื่อเขาเข้าใจดีแล้วว่าชิ้นเนื้อในปากที่ถูกผู้อื่นแย่งไปนั้น ไม่ได้เป็นการยากที่จะแย่งชิงกลับมา

หลู่หยวนเองก็อารมณ์ดีเช่นกัน

“สตรีที่ความรู้น้อยนิดเช่นนี้ คิดจะทำกิจการด้วยเศษเงินหรือ?”

“นายท่านพูดถูก! ตลอดหลายปีมานี้ ท่านสิ! เป็นผู้ดูแลโรงงานตัวจริง ทุกคนย่อมเชื่อฟังท่าน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของเก่าหรือเจ้าของใหม่ก็ตาม! ”

หลู่หยวนดูจะภูมิอกภูมิใจในคำเยินยอของหัวหน้าจ้าวไม่น้อย

“ใช่ น่าเสียดายที่ตาเฒ่าหลู่ชุ่นไม่รู้จักคุณค่า ท่านทำเหมือนเดิมเถิด มีคนงานมากกว่าสามสิบคนและเงินเดือนย่อมเกินหนึ่งร้อยตำลึง เอานี่ไปก่อน เมื่อเถ้าแก่เนี้ยคนใหม่ใช้เงินที่นางมีจนหมด ถึงตอนนั้นย่อมเป็นคราวของเรา ฮ่าฮ่าฮ่า”

ว่าแล้วหัวหน้าจ้าวก็ยัดเงินสองสามก้อนเข้าไปในมือของหลู่หยวน

“นี่เป็นน้ำใจจากคนในโรงงานที่มีต่อท่านหลู่หยวน ทั้งทำงานในโรงงานและยังรับเงินได้ถึงสองทาง เรื่องดี ๆ เช่นนี้ต้องขอขอบคุณท่าน ”

หลู่หยวนรับเงินไว้และหันกลับมาวางพนันบนโต๊ะต่อ

…..

ถังหลี่และหลู่ชิงเดินออกไปจากโรงงาน ตอนนี้คุณหนูตระกูลหลู่ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ดวงตาของนางแดงก่ำ

“อาชิง อย่าเศร้าไปเลยคนเรามีทั้งดีและไม่ดี ไม่ใช่จะมีแต่ความรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้นจำต้องมีความซื่อสัตย์ด้วย ”

“ถังถัง ข้าพลาดไปแล้ว ข้าไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในใจคนงานเลย ตอนนี้เป่าชิงเก๋อเป็นของเจ้าแล้ว โรงงานก็เช่นกัน ดังนั้นการตัดสินใจว่าจะให้ใครอยู่ต่อหรือจะให้ใครไป ก็เป็นสิทธิของเจ้า ข้าจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเจ้า” หลู่ชิงพูดอย่างเด็ดขาด

ถังหลี่ต้องการปรับการทำงาน แต่อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดไม่ใช่พวกคนงานที่ทำตัวทีพิรุธลับ ๆ ล่อ ๆ เหล่านั้น หากแต่เป็นหลู่ชิงเอง เพราะสัญญาว่าจ้างของคนในโรงงานขึ้นอยู่กับหญิงสาว ถังหลี่ต้องรักษาสัญญาที่ให้ไว้ แต่ยามนี้นางเปลี่ยนใจแล้ว ถือว่าการมาเยี่ยมชมโรงการงานนี้นับว่าคุ้มค่า..

หลู่ชิงไม่ใช่คนอ่อนแอ เพียงแต่นางยังขาดประสบการณ์เท่านั้น

หากบิดาของนางยังไม่ได้เสียชีวิตไปก่อน หลู่ชิงจะสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคง นางจะดูแลกิจการของเป่าชิงเก๋อได้เป็นอย่างดี

ช่างน่าเสียดาย….

“ถังถัง ข้าขอโทษที่ทำให้เจ้าวุ่นวายไปด้วย” หลู่ชิงยังคงรู้สึกผิด

ถังหลี่ตบบ่าของนางเบา ๆ

“ไม่เป็นไร ใจเย็น ๆ ก่อน มาดู..ว่าข้าจะทำอะไรต่อไปดีกว่า”

ถังหลี่คือหัวหน้าของสกุลหลี่นางดูแลจัดการคนในสกุลทั้งหมด กับคนแค่ไม่กี่หยิบมือจะทำอะไรนางได้หรือ?

…..

วันถัดมา

ถังหลี่และหลู่ชิงไปที่โรงงานอีกครั้ง หลังจากที่เดินเข้าไปนางพบว่าวันนี้มีคนงานน้อยกว่าเมื่อวานอีก แน่นอนในสายตาของพวกเขาเจ้าของใหม่ย่อมเอาเปรียบง่ายกว่าเจ้าของเดิม

“พวกเจ้ามารวมกันที่นี่หน่อย” ถังหลี่ตะโกนเรียกคนงาน

มีคนงานเพียงสี่หรือห้าคนเท่านั้นที่รีบมารวมตัวอย่างรวดเร็ว ที่เหลือก็เดินลากเท้าเข้ามาอย่างขี้เกียจ ใช้เวลานานกว่าจะเดินมาถึง ถังหลี่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมด

“เถ้าแก่เนี้ยกิจการกำลังไปได้ด้วยดีหรือ? ท่านจึงเรียกอย่างรีบร้อนเช่นนี้” หัวหน้าจ้าวเดินเข้ามาช้า ๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้มองนางเป็นเจ้านายเลยแม้แต่น้อย

ถังหลี่เดินตรงเข้าไปหาเขา

“หัวหน้าจ้าว…ทุกคน…เมื่อวานข้าเจอสิ่งที่น่าสนใจ ตอนที่ข้ากับหลู่ชิงเดินผ่านท่าเรือข้าเห็นเฉินซื่อ ที่ขาหัก อากุ้ยที่แม่ป่วย และเหล่าเฉินไปทำงานแบกหามที่ท่าเรือ น่าแปลกใจมากที่เขาขาหักมาหาข้าไม่ได้ แต่ไปทำงานแบกหามได้”

*************

…………

[1] วัยปักปิ่น หมายถึง ในสมัยก่อนหญิงอายุครบ 15 ปี จะมีพิธีปักปิ่น หรือพิธีปักปิ่นมวยผม แสดงว่าก้าวเข้าสู่วัยสาว พร้อมที่จะออกเรือนแล้ว