“ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนล่ะ…”

 

หลังจากที่เซซิลได้เล่าเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาจารย์ของเธอและเรื่องราวในสมัยที่เธอยังอยู่ในหมู่บ้านที่ตกอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างเมืองซากิและเมืองยูกิให้พวกนากาฟังมาได้สักพักหนึ่งแล้วนั้น อยู่ๆ เซซิลก็ได้หยุดเล่าเรื่องของเธอลงไปและเอ่ยปากขอตัวขึ้นมาอย่างกะทันหันเหมือนกับว่าอยู่ดีๆ เธอก็คิดขึ้นมาว่าวันนี้เธอได้ใช้คำพูดคำจามากเกินไปแล้ว ซึ่งทางด้านพวกนากาที่กำลังนั่งฟังเรื่องเล่าของเซซิลอยู่เพลินๆ นั้นก็ต่างพากันเอ่ยปากบอกลาเธอออกมา

 

“อ่ะ พี่เซซิลจะไปแล้วหรอ?”

 

“อื้ม… ถ้างั้นเดี๋ยวเอาไว้ค่อยเจอกันนะเซซิล”

 

“ถ้ายังไงเธอก็ระวังอย่าไปมีเรื่องกับใครเขาอีกล่ะ”

 

“พูดมากน่า…”

 

เซซิลที่ถูกนากาเอ่ยปากหยอกล้อใส่นั้นได้หันกลับมาจ้องหน้านากาด้วยสีหน้าดุๆ ก่อนที่เธอจะหันหลังกลับและเดินหายออกไปจากโรงอาหารอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ทางด้านกลุ่มของพวกนากานั้นก็ได้หันกลับมาพูดคุยกันเองแทน

 

“แล้วนี่เดี๋ยวพวกเราจะต้องทำอะไรกันต่อล่ะคอนแนล? ถ้าฉันจำตารางเรียนไม่ผิดพวกเราน่าจะยังมีเวลาอีกสักพักนึงก่อนจะหมดช่วงพักกลางวันสินะ”

 

“ก็ตามนั้นนั่นแหล่ะครับ ช่วงพักกลางวันนี่ทางโรงเรียนถือเอาไว้ว่าเป็นช่วงเวลาพักผ่อนของพวกเด็กนักเรียนเพราะงั้นหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จแล้วจะไม่มีกำหนดการอะไรเลยจนกว่าจะไปถึงคาบเรียนช่วงบ่ายที่เป็นคาบชมรมน่ะครับ แต่ส่วนมากก็ไม่พ้นแยกย้ายกันไปทำอะไรตามใจชอบหรือไม่ก็นั่งเล่นกันอยู่แถวๆ ลานอเนกประสงค์นั่นแหล่ะครับ”

 

“อ่ะ—ใช่แล้ว ถ้างั้นเดี๋ยวหนูขอตัวไปจัดการแปลงดอกไม้ที่ลานกว้างก่อนละกันนะ พริมจังจะไปด้วยกันมั้ยอ่ะ?”

 

ซิลเวสที่ได้ยินคอนแนลพูดถึงลานอเนกประสงค์ขึ้นมานั้นเหมือนจะนึกขึ้นมาได้ถึงธุระที่เธอจะต้องไปจัดการให้เสร็จก่อนจะหมดช่วงพักเที่ยงและเอ่ยปากถามพรีมูล่าขึ้นมาจนทำให้เด็กสาวผมชมพูต้องหันไปถามเพื่อนของเธอด้วยความสงสัย

 

“เอ๋ แปลงดอกไม้หรอ? ซิลจังอยู่ชมรมปลูกดอกไม้หรืออะไรพวกนั้นหรอ?”

 

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ล่ะมั้ง พอดีหนูเห็นว่าแปลงแถวนั้นมันว่างอยู่ก็เลยอยากไปปลูกดอกไม้เอาไว้เฉยๆ อ่ะ แถมอาจารย์เอริก็อนุญาตแล้วด้วยเพราะงั้นไม่น่ามีปัญหาหรอกมั้ง… แล้วนี่สรุปว่าพริมจังจะไปด้วยกันหรือเปล่าอ่ะ?”

 

“อื้มมมม~”

 

พรีมูล่าที่ถูกซิลเวสพูดถามขึ้นมาอีกครั้งนั้นได้แสดงท่าทีลังเลออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะแอบหันไปมองพี่ชายของเธออยู่ชั่วขณะและเอ่ยปากปฏิเสธเพื่อนสาวหูแมวตัวน้อยของเธอไป

 

“ฉันก็อยากไปอยู่นะ… แต่ถ้ายังไงเอาเป็นวันหลังแทนได้มั้ยอ่ะซิลจัง”

 

“เธอจะไปกับซิลเวสเขาก็ได้นะพรีมูล่าพี่ไม่ว่าอะไรหรอก เพราะยังไงพวกเราก็ไม่มีอะไรทำกันจนกว่าจะถึงช่วงบ่ายอยู่แล้วนี่”

 

นากาที่รู้ตัวว่าถูกพรีมูล่าแอบหันมามองนั้นได้พูดบอกน้องสาวของตัวเองกลับไปเมื่อเขาเห็นว่าพรีมูล่ามีท่าทีเหมือนกับกำลังกลัวว่าเขาจะไม่อนุญาตให้เธอออกไปเดินเล่นกับเพื่อนที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานแบบซิลเวสโดยไม่มีคนรู้จักของเธอตามไปด้วย ซึ่งคำพูดของนากานั้นก็ถึงกับทำให้คอนแนลเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจเพราะเขาเองก็รู้ดีว่านากาหวงน้องสาวของตัวเองขนาดไหน

 

“น–นี่ร้านขายอาหารของซายูกิเขาผสมอะไรลงไปในอาหารหรือเปล่าครับเนี่ยนากาถึงได้ยอมให้พรีมูล่าออกไปคนเดียวแบบนั้นน่ะ…”

 

“อะไรเล่า! ฉันก็แค่คิดว่าในโรงเรียนนี้มันไม่น่าจะมีอะไรอันตรายก็แค่นั้นเอง อีกอย่างนึงต่อให้ยัยตัวแสบนี่จะหลงทางได้จริงๆ แต่ยังไงก็คงจะไม่หลุดออกไปนอกเขตโรงเรียนจนตามตัวไม่เจออยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ!? แล้วนี่สรุปว่าเธอจะไปกับซิลเวสเขาหรือเปล่าเนี่ยพรีมูล่า?”

 

“ม่ายเอาอะ~”

 

“แน่ใจนะ? ถ้าเธออยากจะไปก็บอกมาได้เลยคราวนี้พี่ไม่ได้ห้ามจริงๆ นะ แถมเธอเองก็ยังไม่เคยลองปลูกดอกไม้ดูเลยนี่ จะไปลองขอซิลเวสเขาปลูกดูสักต้นนึงก็ได้นะซิลเวสเขาไม่น่าจะว่าอะไรหรอก”

 

“บู่วววว หนูบอกว่าไม่ไปก็คือไม่ไปสิ!”

 

“หืม… / เอ๋?”

 

ในขณะที่ทางด้านพรีมูล่ากำลังพองแก้มของเธอพูดเถียงนากากลับไปนั้น ทางด้านโมโกะและคอนแนลกลับแสดงท่าทีแปลกใจออกมาเล็กน้อยเพราะว่าสถานการณ์เบื้องหน้าของพวกเธอนั้นกลับตาลปัตรจากที่ควรจะเป็นไปมาก เนื่องจากว่านากาที่ปกติแล้วควรจะพูดห้ามน้องสาวของเขาอยู่เสมอกลับกำลังพยายามพูดไล่พรีมูล่าให้ออกไปเล่นคนเดียวในขณะที่ทางด้านพรีมูล่าที่ไม่เคยจะพลาดเรื่องสนุกๆ กับกำลังพยายามที่จะเกาะพี่ชายของตัวเองเอาไว้แน่น

 

แต่ว่าก่อนที่ทั้งสองคนจะพูดถามอะไรออกมานั้นทางด้านซิลเวสที่ไม่ได้สนิทสนมกับกลุ่มของพวกเขามากนักจนไม่ทันได้สังเกตเห็นถึงความแปลกประหลาดนี้ก็ได้หลุดหัวเราะออกมาให้กับท่าทีงอแงของพรีมูล่าเล็กน้อยและเอ่ยปากลาพวกเขาออกมา

 

“คิกคิก ถ้าพริมจังว่าอย่างนั้นก็เอาไว้โอกาสหน้าละกันเนอะ อีกอย่างนึงรอบนี้หนูก็แค่ไปหว่านเมล็ดเฉยๆ น่ะเพราะงั้นก็เลยยังไม่มีแปลงดอกไม้สวยๆ ให้ดูหรอก ถ้าอย่างงั้นเดี๋ยวหนูขอตัวก่อนละกันนะคะ~”

 

“ไว้เจอกันใหม่นะซิลจัง~”

 

พรีมูล่าที่กำลังทุบกำปั้นเข้าใส่พี่ชายของเธออยู่เบาๆ นั้นได้หันไปพูดบอกลาซิลเวสเล็กน้อยก่อนที่เธอจะนอนยืดลงไปกับโต๊ะอาหารและเปลี่ยนไปจิ้มแก้มพี่ชายของเธอเล่นแทน ในขณะทางด้านโมโกะที่กำลังเลิกคิ้วมองดูสองพี่น้องอยู่ด้วยความประหลาดใจนั้นก็ได้ตัดสินใจที่จะหันไปพูดถามคอนแนลขึ้นมาแทน

 

“จะว่าไปแล้วนายมีชมรมอะไรแนะนำให้พวกฉันบ้างหรือเปล่าล่ะคอนแนล?”

 

“เอ่อ… เรื่องชมรมนี่ผมเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะครับ เพราะว่าทางวังหลวงสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้นักเรียนที่เป็นอัศวินอย่างผมไปเข้าร่วมชมรมเพราะว่าอาจจะมีคำสั่งรวมพลลงมาตอนไหนก็ได้น่ะครับ อย่างช่วงบ่ายนี้ผมก็ต้องเข้าไปรายงานตัวด้วยเหมือนกัน…”

 

“อื้ม… เพราะยังไงนายก็เป็นอัศวินนี่นะ แต่ถ้าเป็นแบบนี้พวกฉันก็คงจะต้องไปเดินดูกันเอาเองแล้วสินะเนี่ย… งั้นพวกเราจะไปกันเลยมั้ยล่ะนากา?”

 

“ชมรมงั้นหรอ… อืม…”

 

นากาที่ถูกโมโกะพูดถามขึ้นมานั้นได้ก้มหน้าลงเล็กน้อยเหมือนกับว่าเขาไม่มั่นใจสักเท่าไหร่นักในเรื่องของการเข้าชมรมในโรงเรียนรีมินัสแห่งนี้ ซึ่งท่าทางไม่มั่นใจอย่างเห็นได้ชัดของนากาที่เขาไม่ค่อยจะแสดงออกมาให้ใครเห็นสักเท่าไหร่นักได้ทำให้คอนแนลได้แต่พูดถามนากาขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“มีอะไรกลุ้มใจอยู่หรือเปล่าครับนากา?”

 

“เปล่าๆ ไม่มีอะไรหรอก ถ้ายังไงไหนๆ ก็พอจะมีเวลาว่างอยู่แล้วงั้นฉันขอตัวไปฝึกดาบเพิ่มหน่อยละกันนะ เพราะดูจากเมื่อเช้านี้ขนาดเด็กๆ อย่างซิลเวสเขายังสู้กับนายได้สูสีเลยนี่ แบบนี้ทางฉันเองก็คงจะตึงมืออยู่พอสมควรเลยล่ะมั้งเนี่ย งั้นเอาไว้ค่อยเจอกันเย็นนี้ละกันนะคอนแนล”

 

ครืด—

 

นากาที่ถูกคอนแนลพูดถามขึ้นมาแบบนั้นได้ตัดสินใจที่จะพูดบอกปัดเพื่อนอัศวินของตนออกไปก่อนที่เขาจะรีบเลื่อนเก้าอี้ของตนไปด้านหลังและลุกขึ้นเดินตรงไปทางประตูของโรงอาหารอย่างรวดเร็วจนทำให้พรีมูล่าที่กำลังนั่งจิ้มแก้มของนากาอยู่นั้นจำเป็นต้องรีบร้อนลุกขึ้นเพื่อเดินตามพี่ชายของเธอไปด้วยเช่นกัน

 

“อ่ะ— รอหนูด้วยสิพี่นากา”

 

“ถ้ายังไงก็ลองไปถามหาสถานที่ฝึกดาบจากอาจารย์เอริเขาดูละกันนะครับนากา ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องพักอาจารย์ที่ชั้นสามล่ะมั้งครับ”

 

ทางด้านคอนแนลที่ถูกทิ้งเอาไว้ที่โต๊ะอาหารกับโมโกะนั้นได้แต่รีบพูดไล่หลังนากาไปพลางจับจ้องสองพี่น้องที่ทำตัวแปลกๆ มาได้สักพักหนึ่งแล้วด้วยความสงสัย แต่ว่าก่อนที่เขาจะได้พูดถามอะไรขึ้นมานั้นโมโกะก็ได้ถอนหายใจออกมาเบาๆ และพูดบ่นขึ้นมาเสียก่อน

 

“เฮ้อ… ตอนที่อยู่ในห้องฉันก็ดันตื่นเต้นเกินจนลืมตัวไปหน่อยซะด้วยสิ…”

 

“หมายถึงเรื่องอะไรหรอครับโมโกะ?”

 

เสียงของโมโกะที่ดังขึ้นมาเบาๆ นั้นได้ทำให้คอนแนลได้หันไปถามเธอด้วยความสงสัย เพราะว่าในตอนนี้เขาไม่เข้าใจเลยแม้แต่น้อยว่าทำไมสามสหายที่มาจากหมู่บ้านโมริโกะถึงมีท่าทีแปลกๆ กันแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นนากาที่อยู่ๆ ก็มีท่าทีเหมือนกับว่ากลุ้มใจอะไรบางอย่างขึ้นมา พรีมูล่าที่วิ่งตามพี่ชายของเธอไปร่วมการฝึกฝนที่เธอเกลียดแสนจะเกลียด แล้วไหนจะยังมีโมโกะที่อยู่ๆ ก็พูดขึ้นมาเหมือนกับว่าเธอเผลอทำอะไรผิดสักอย่างไปอีกด้วย

 

“หืม? เรื่องกลุ้มใจของนากาก็มีอยู่แค่ไม่กี่อย่างหรอกนายก็รู้นี่”

 

“เรื่องกลุ้มใจของนากาที่ผมเองก็รู้งั้นหรอครับ…?”

 

“อื้ม… ก็เรื่องนั้นไง… ไอ้เรื่องที่ว่าฉันกับนายแล้วก็พรีมูล่าก็ทำกันได้แต่ว่านากาเขาเป็นคนเดียวที่ทำไม่ได้น่ะ…”

 

“เรื่องที่ผมกับโมโกะหรือแม้แต่ก็พรีมูล่าทำกันได้… อ่ะ— เรื่องนั้นเองหรอครับ…”

 

คอนแนลที่ได้ยินว่าเรื่องกลุ้มใจของนากาเป็นเรื่องของอะไรบางอย่างที่แม้แต่กระทั่งพรีมูล่าก็ยังทำได้แต่นากากลับทำไม่ได้นั้นได้แต่มึนงงไปเล็กน้อยก่อนที่เขาจะนึกขึ้นมาได้ว่าโมโกะคงจะหมายถึงเรื่องที่ว่าทุกๆ ในโลกต่างใช้วิซกันได้ตามใจนึกคิด จะมียกเว้นก็เพียงแค่นากาเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่ไม่ว่าเขาจะพยายามขนาดไหนก็ไม่สามารถปลดปล่อยวิซออกมาจากร่างกายได้นั่นเอง

 

ซึ่งเมื่อคอนแนลคิดได้แบบนั้นเขาก็ได้แอบเหลือบไปมองดูรอบๆ เล็กน้อยว่ามีใครนั่งอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะของพวกเขาจนได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดกันอยู่หรือเปล่า เพราะว่าเรื่องที่ว่านากาใช้วิซไม่ได้นั้นมันควรจะเป็นเรื่องที่รอให้นากาเต็มใจพูดบอกคนอื่นออกมาเองมากกว่า และเมื่อคอนแนลเห็นว่ายังคงมีนักเรียนคนอื่นนั่งทานขนมเล่นอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ กันเขาจึงได้หันไปพูดถามเรื่องที่พรีมูล่ารีบวิ่งตามพี่ชายของเธอไปฝึกกันแทน

 

“แล้วเรื่องพรีมูล่าที่วิ่งตามนากาไปฝึกนั่นล่ะครับ…? แล้วอีกอย่างนึงผมคิดว่าพรีมูล่าเขาท่าทางแปลกๆ ไปตั้งแต่ตอนที่อยู่บนห้องแล้วนะครับเพราะผมเห็นว่าพรีมูล่าเขาแอบลูบหัวนากาเขาด้วยน่ะ… อย่าบอกนะว่าพรีมูล่าเขาสังเกตเห็นว่านากากำลังกลุ้มใจตั้งแต่อยู่บนห้องแล้วน่ะครับ?”

 

“เรื่องนั้นก็ปกตินั่นแหล่ะ แต่ท่าทางว่านายจะยังไม่เคยได้เห็นยัยนั่นทำตัวมีสมองกับเขาบ้างสินะ”

 

“เอ๋? มีสมอง… เอ่อ… พรีมูล่าน่ะหรอครับ?”

 

“อื้ม… ถ้าจะมีเรื่องอะไรที่ทำให้ยัยนั่นใช้สมองขึ้นมาได้บ้างก็คงจะมีแต่เรื่องของการใช้วิซแล้วก็เรื่องของนากาเขานั่นล่ะ… เอาเป็นว่าพวกเราปล่อยให้สองพี่น้องนั่นอยู่ด้วยกันแค่สองคนกันก่อนดีกว่า นายไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก”

 

“งั้นหรอครับ…”

 

 

“พี่นาการอหนูด้วยสิ~”

 

“อืม…”

 

ในขณะเดียวกันทางด้านนากาและพรีมูล่าที่เดินออกไปจากโรงอาหารนั้นก็ได้เดินมาถึงห้องพักอาจารย์ที่อยู่บนชั้นสามตามที่คอนแนลพูดเอาไว้ ซึ่งนากานั้นก็ได้ยืนหยุดรอพรีมูล่าที่กำลังรีบวิ่งไล่หลังเขามาอยู่จนกระทั่งน้องสาวของเขาเดินมาถึงแล้วจึงค่อยเคาะประตูและพูดสอบถามเหล่าอาจารย์ที่อยู่ด้านในขึ้นมา

 

ก็อกก็อกก็อก

 

“เอริ—เอ่อ… อาจารย์เอริซาเบธอยู่มั้ยครับ?”

 

“หืม? นากาคุงเองหรอ เขามาได้เลย ข้างในนี้ไม่มีใครอยู่หรอก~”

 

เสียงของเอริซาเบธที่พูดตอบกลับมาอย่างร่าเริงนั้นได้ทำให้นากาค่อยๆ ลองแง้มประตูให้เปิดออกด้วยท่าทีสุภาพแล้วจึงกวาดตามองดูซ้ายขวาเพื่อความมั่นใจว่าไม่มีอาจารย์ท่านอื่นอยู่ในห้องนี้ด้วยอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่าด้วยนิสัยขี้เล่นของเอริซาเบธนั้นทำให้เขาไม่สามารถมั่นใจได้จริงๆ ว่าภายในห้องพักอาจารย์แห่งนี้จะมีเอริซาเบธอยู่ตัวคนเดียวตามที่อีกฝ่ายว่ามาหรือว่าเธอคิดจะหาเรื่องแกล้งเขากันแน่

 

ซึ่งท่าทีของนากานั้นก็ถึงกับทำให้เอริซาเบธที่กำลังนั่งแทะแซนด์วิชของเธออยู่หลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะพูดสอบถามเขาขึ้นมา

 

“ฮะฮะ ก็ฉันบอกแล้วไงว่าไม่มีคนอื่นอยู่น่ะ แล้วนี่มาหาฉันถึงในห้องพักนี่มีธุระอะไรล่ะ ถ้าอยากจะขอกลับก่อนล่ะก็ทางโรงเรียนไม่อนุญาตหรอกนะ~”

 

“เปล่าซะหน่อยน่า… ฉันก็แค่มาลองถามเธอดูว่าในโรงเรียนนี้มีพวกโรงฝึกหรือว่าอะไรจำพวกนั้นอยู่บ้างหรือเปล่าเฉยๆ น่ะ”

 

“โรงฝึก? แหม~ พวกเธอนี่ก็ขยันฝึกซ้อมกันดีจริงๆ เลยนะ ขนาดอยู่ที่โรงเรียนแล้วแท้ๆ ยังจะฝึกซ้อมวิชาดาบอยู่อีกหรอน่ะ~”

 

“ก็วิชาดาบมันเป็นอย่างเดียวที่ฉันทำได้นี่นะ…”

 

“…….”

 

คำพูดพึมพำเบาๆ ของนากาที่เขาคิดว่าคงจะไม่มีใครได้ยินนั้นไม่อาจจะรอดพ้นไปจากหูจิ้งจอกฟูๆ ของเอริซาเบธได้ ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริซาเบธที่กำลังนั่งแทะแซนด์วิชอยู่ได้เลิกคิ้วมองดูท่าทางของนากาที่ดูแปลกไปกว่าปกติเล็กน้อยอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่เธอจะยัดแซนด์วิชส่วนที่เหลืออยู่เข้าไปในปากไปทั้งก้อนและหันไปคุ้ยหาเอกสารบางอย่างในกองเอกสารจำนวนมากที่อัดแน่นอยู่บนโต๊ะของเธอพร้อมกับเอ่ยปากพูดกับนากาไปด้วย

 

“ถ้าเรื่องสถานที่ฝึกซ้อมล่ะก็พวกเธอไปใช้ที่ว่างข้างๆ โกดังที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของสนามหญ้าก็ได้ล่ะมั้ง แล้วถ้าเกิดว่าพวกเธออยากได้อุปกรณ์สำหรับฝึกด้วยล่ะก็ไปคุ้ยหาเอาจากข้างในโกดังที่ว่านั่นได้ตามสบายเลย~”

 

“หือ? จะดีหรอแบบนั้น ไม่ใช่ว่าปกติแล้วจะต้องไปขออนุญาตใช้งานอุปกรณ์จากทางโรงเรียนหรือว่าอะไรแบบนั้นก่อนหรอกหรอ?”

 

นากาที่ได้ยินเอริซาเบธบอกว่าพวกเขาสามารถใช้อุปกรณ์ภายในโกดังได้ตามใจชอบนั้นได้พูดถามขึ้นมาด้วยความเป็นกังวลเพราะว่าในเมื่อมันขึ้นชื่อว่าโกดังเก็บของล่ะก็ มันก็น่าจะต้องมีการขออนุญาตก่อนจะนำสิ่งของภายในออกมาใช้งานกันอยู่แล้ว แต่ว่าทันใดนั้นเองเอริซาเบธที่นั่งคุ้ยหาเอกสารบางอย่างจากในกองเอกสารมาได้สักพักหนึ่งแล้วนั้นก็ได้หันกลับมาหาเขาพร้อมกับเอกสารแผ่นหนึ่งในมือ

 

“หมายถึงเอกสารขออนุญาตอันนี้หรือเปล่าเอ่ย~? แต่ยังไงเอกสารนี่ก็ไม่น่าจะต้องได้ใช้อยู่แล้วล่ะนะเพราะว่าที่โกดังนั่นไม่มีคนเฝ้าน่ะ แต่เอาเป็นว่าถ้าเกิดมีอาจารย์คนไหนมาดุพวกเธอก็ยื่นเอกสารนี่ให้เขาดูไปก็แล้วกัน แล้วอีกอย่างนึงพวกเธอก็ระวังอย่าให้นักเรียนคนอื่นหรือว่าภารโรงที่ซ่อมสนามหญ้ากันอยู่โดนลูกหลงจากการฝึกด้วยล่ะ”

 

“ถ้าอย่างงั้นให้พวกฉันหลบไปฝึกตรงอื่นที่ไม่ค่อยจะมีคนจะไม่ง่ายกว่าหรอ?”

 

“ตรงนั้นดีแล้วล่ะ เพราะว่าทางฝั่งนู้นของโรงเรียนมันไม่ค่อยจะมีอะไรก็เลยไม่ค่อยจะมีคนเดินผ่านกันสักเท่าไหร่อยู่แล้ว เพราะงั้นนายก็แค่ระวังไม่ให้พริมจังเขาหันปืนไปทางสนามหญ้าก็พอแล้วล่ะ อีกอย่างนึงยังไงพริมจังเขาก็มีแค่กระสุนฝึกอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ?”

 

“ก็พี่นากาเขาอนุญาตให้หนูใช้ได้แค่กระสุนฝึกอ่ะ”

 

พรีมูล่าที่ถูกเอริซาเบธหันมาถามได้พูดตอบเอริซาเบธกลับไปด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ เพราะว่าเมื่อตอนที่อยู่ในหมู่บ้านโมริโกะอาจารย์ในหมู่บ้านก็หามาให้เธอได้เพียงแค่กระสุนฝึกสำหรับวิซธาตุน้ำแข็ง แล้วพอพรีมูล่าได้เข้ามาอยู่ในเมืองแล้วเธอก็ได้ลองคิดที่จะหากระสุนอย่างอื่นนอกจากกระสุนฝึกมายิงเล่นดูบ้างแต่ว่าพี่ชายของเธอก็ได้ยื่นคำขาดห้ามเธอเอาไว้ซะทุกครั้งไปทั้งๆ ที่โมโกะที่แอบฉกปืนกลเบามาจากคนอื่นมีโอกาสได้ลองใช้กระสุนจริงดูแล้วแท้ๆ

 

“อื้มๆ ถ้าเกิดว่าเป็นกระสุนฝึกล่ะก็ไม่น่าจะมีอะไรต้องเป็นห่วงสักเท่าไหร่หรอก ส่วนเรื่องดาบของนายก็ไปคุ้ยหาอุปกรณ์ที่ทำจากโลหะในนั้นมาใช้ได้ตามสบายเลย เพราะต่อให้มีของในนั้นหายไปสักชิ้นสองชิ้นก็คงจะไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก~”

 

“ว่าง่ายๆ ก็คือให้ฉันใช้ของในโกดังนั่นได้ตามสบายเลยงั้นสินะ ถ้างั้นพวกเราก็ไปกันเถอะพรีมูล่า”

 

“อ่ะ– จริงด้วยสินากาคุง ถ้ายังไงหลังช่วงพักเที่ยงพวกเธอก็อย่าลืมกลับมาเข้าห้องเรียนด้วยล่ะ”

 

“หือ? เห็นคอนแนลบอกว่าหลังช่วงพักกลางวันจะเป็นช่วงเวลาสำหรับกิจกรรมชมรมไม่ใช่หรอ? หรือว่าอาจารย์อายะมีแผนจะสอนอะไรเพิ่มน่ะ?”

 

นากาที่ถูกเอริซาเบธเรียกตัวเอาไว้ก่อนจะได้เดินออกไปจากห้องนั้นได้พูดถามเอริซาเบธกลับไปด้วยความสงสัยเพราะว่าตามที่คอนแนลพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้นั้นทางโรงเรียนจะไม่มีคาบเรียนในช่วงบ่ายยกเว้นแต่ว่าจะมีอาจารย์ท่านไหนต้องการที่จะสอนเพิ่มเติมขึ้นมา แต่ว่าเอริซาเบธก็กลับส่ายหน้ากลับมาให้เขาและพูดอธิบายขึ้นมาเพิ่มเติม

 

“มันก็เป็นช่วงของกิจกรรมชมรมจริงๆ นั่นแหล่ะ แต่ว่าในปีนี้มันพิเศษหน่อยตรงที่ว่ามีเด็กนักเรียนใหม่เข้ามากันให้เพียบจนมีเด็กนักเรียนที่ไม่มีชมรมประจำอย่างพวกเธออยู่เยอะเลยน่ะสิฉันก็เลยต้องมาให้คำแนะนำเรื่องชมรมให้กับพวกเด็กนักเรียนใหม่อย่างพวกเธอไง เอาเป็นว่ายังไงก็ฝากไปบอกโมโกะจังเขาด้วยละกันนะ”

 

“ฝากไปบอกโมโกะด้วยสินะ ได้สิ”

 

“ไปบอกโมโกะจังเขาแล้วนายก็อย่าลืมพาพริมจังกลับมาขึ้นห้องเรียนด้วยละกันนะ~ นายคงจะไม่อยากให้พริมจังเขาพลาดโอกาสได้เข้าชมรมที่เหมาะสมจนอดได้ใช้ชีวิตสนุกๆ ในรั้วโรงเรียนหรอกใช่มั้ยล่ะ~”

 

“เฮ้อ… เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นเดี๋ยวเอาไว้พอถึงเวลาแล้วฉันจะพายัยตัวแสบมาส่งที่ห้องเรียนละกัน”

 

นากาที่ถูกเอริซาเบธใช้พรีมูล่าเป็นข้ออ้างได้แต่ถอนหายใจออกมาก่อนที่เขาจะยอมรับปากทำตามที่เอริซาเบธพูดสั่งมาแต่โดยดีถึงแม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจสักเท่าไหร่นักว่าอาจารย์สาวหูจิ้งจอกขี้แกล้งคนนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่ก็ตามที แต่ว่าในเมื่อมันถึงขั้นที่ทำให้เอริซาเบธต้องใช้พรีมูล่าเป็นข้ออ้างเพื่อดึงตัวเขามาล่ะก็มันก็อาจจะเป็นเรื่องสำคัญอยู่ก็ได้

 

“ถ้างั้นเดี๋ยวพวกฉันขอตัวก่อนละกันนะเอริ”

 

“อ่ะ— พี่นาการอหนูด้วยสิ~”

 

“ถ้ายังไงก็ระวังตัวอย่าให้บาดเจ็บกันด้วยล่ะ~”

 

เอริซาเบธโบกมือพูดบอกลานากาและพรีมูล่าไปพลางจับตามองดูเด็กหนุ่มผมดำที่ดูท่าทางแปลกไปเล็กน้อยไม่เหมือนกับเมื่อเช้านี้ที่นากายังคงดูร่าเริงดีอยู่อย่างเงียบๆ จนกระทั่งเขาเดินหายออกจากห้องไป ก่อนที่หลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งอลิซจะเปิดประตูเข้ามาในห้องพักอาจารย์และเริ่มต้นพูดบ่นออกมาให้เอริซาเบธฟัง

 

“จนสุดท้ายแล้วนากาเขาก็ยังไม่ยอมพูดเรื่องนั้นออกมาให้คนอื่นฟังอยู่ดีงั้นสินะ… แบบนี้ฉันว่าเธอยกเลิกสิ่งที่กำลังคิดจะทำอยู่น่าจะดีกว่าล่ะมั้งเอริซาเบธ…”

 

“อ่ะ— กลับมาแล้วหรออลิซ!? มีอาเขาเป็นยังไงบ้าง!?”

 

เอริซาเบธที่เห็นอลิซโผล่เข้ามาในห้องพักอาจารย์นั้นได้ร้องถามอีกฝ่ายขึ้นมาด้วยความดีใจโดยไม่ได้สนใจในสิ่งที่อลิซได้พูดขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าก่อนที่เอริซาเบธจะได้ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินเข้าไปเขย่าตัวอลิซด้วยความใจร้อนเพราะต้องการทราบคำตอบนั้นเด็กสาวผมสีขาวก็ได้ชิงพูดตอบขึ้นมาเสียก่อน

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกหน่า… ต้องขอบคุณนิลิมเขาที่ทำให้มีอาไม่ได้แผลอะไรกลับมาเลยน่ะ… แต่โชคร้ายหน่อยนะที่ทหารรับจ้างคนอื่นๆ ที่รับหน้าที่เป็นตัวล่อเขาไม่ได้มีนิลิมติดรถไปด้วยเหมือนกับมีอาน่ะ…”

 

“ง…งั้นหรอ…”

 

เอริซาเบธที่ได้ยินอลิซพูดแบบนั้นสามารถรู้ได้ทันทีว่าทหารรับจ้างคนอื่นๆ ที่เอริกะส่งไปร่วมขบวนรถขนของด้วยคงจะไม่ได้โชคดีเหมือนกับมีอาของเธอที่ได้นิลิมคอยช่วยคุ้มกันเอาไว้อย่างแน่นอนได้พูดตอบอลิซกลับไปเบาๆ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่อาจเก็บสีหน้าโล่งใจที่คนสนิทของเธออย่างมีอาสามารถรอดกลับมาโดยไร้ซึ่งบาดแผลได้

 

ซึ่งถึงแม้ว่าอลิซจะเห็นท่าทางของเอริซาเบธที่ดูโล่งใจที่มีอาปลอดภัยจนเหมือนกับว่าลืมเหล่าทหารรับจ้างที่สละตัวเองไปแบบนั้น แต่ว่าอลิซก็ไม่ได้คิดที่จะพูดอะไรออกมาให้เสียบรรยากาศก่อนที่เธอจะเดินกระโผลกกระเผกไปนั่งตรงหน้าโต๊ะทำงานของตัวเองที่อยู่ติดกันกับโต๊ะของเอริซาเบธแล้วจึงเอนหลังไปกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีอ่อนแรงจนทำให้เอริซาเบธต้องพูดถามขึ้นมาด้วยความเป็นห่วง

 

“ขาของเธอบาดเจ็บหรอน่ะอลิซ ไปให้คุณอารอนเขาตรวจดูหน่อยดีมั้ย?”

 

“ก็แค่แผลเก่ามันสะเทือนไปนิดเดียวเองล่ะน่า แค่พักแป๊บเดียวเดี๋ยวก็หายเจ็บแล้ว เนี่ยไง”

 

อลิซที่ได้ยินคำถามของเอริซาเบธได้หมุนเก้าอี้ของตัวเองไปทางเอริซาเบธและดึงกระโปรงของตัวเองขึ้นเล็กน้อยให้อีกฝ่ายดูแผลเป็นจางๆ ที่เกิดจากการที่เธอกระโดดเข้าไปรับเศษกระจกแทนให้กับคาร์เทียร์ในตอนที่พวกเธอไปบุกที่คฤหาสน์ของเวก้ากันกับพวกนากาก่อนที่เธอจะพูดบ่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง

 

“ฉันได้ยินเอริกะเขาบอกว่าปรับปรุงให้มันรับแรงกระแทกได้มากขึ้นแล้วก็เลยนึกว่าจะกระโดดลงมาจากชั้นห้าได้สบายๆ ซะอีก เฮ้อ… นี่ถ้าเกิดว่าไม่ได้ใช้ไอพ่นช่วยยันเอาไว้มีหวังได้ขาหักเข้าให้แล้วมั้งเนี่ย…”

 

“ชั้นห้า…? นี่อย่าบอกนะว่าเธอกระโดดออกมาจากห้องของคุณผู้อำนวยการเขาที่อยู่ชั้นห้านั่นน่ะ!? ถึงจะรีบขนาดไหนก็เถอะแต่ก็ระวังตัวหน่อยสิ ตอนนี้เธอเป็นคนเดียวที่ใช้งานของพวกนี้ได้เต็มประสิทธิภาพจนสามารถมาสอนเด็กๆ พวกนี้ได้นะอลิซ”

 

“เฮ้อ… ก็เพราะฉันเป็นคนเดียวที่ดันใช้ได้เอริกะเขาก็เลยไม่ยอมให้ฉันได้หยุดพักจนกว่าแผลจะหายก่อนแล้วก็จับคนเจ็บอย่างฉันโยนเข้ามาในโรงเรียนให้ทำหน้าที่เก็บข้อมูลเด็กๆ พวกนี้นี่ไง…”

 

อลิซถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนที่เธอจะเหลือบสายตาไปมองแผ่นเอกสารที่ถูกกองทิ้งเอาไว้บนโต๊ะทำงานของเอริซาเบธและพบว่ามันก็คือเอกสารที่มีรายชื่อของชมรมต่างๆ ที่ถูกลงทะเบียนเอาไว้กับทางโรงเรียนเป็นที่เรียบร้อยแล้วเขียนเอาไว้นั่นเอง

 

ซึ่งอลิซที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอื้อมมือไปหยิบเอาเอกสารรายชื่อชมรมแผ่นหนึ่งที่มีสัญลักษณ์บางอย่างระบุเอาไว้นำหน้าชื่อชมรมต่างๆ ด้วยขึ้นมาดู

 

“แต่จะว่าไปที่เธอทำให้นากาเขายอมรับปากว่าจะมาเข้ารับคำแนะนำเรื่องชมรมได้ทั้งๆ ที่เขาเองก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักเท่าไหร่ก็คงจะเป็นเพราะว่าใช้ยัยพรีมูล่ามาเป็นข้ออ้างงั้นสินะ…”

 

“อื้ม… ฉันเป็นห่วงว่านากาเขาอาจจะเกิดสนใจชมรมไหนขึ้นมาแล้วก็ลองไปเข้าดูจนต้องมาผิดหวังทีหลังก็เลยมาทำเอกสารพิเศษนี่ให้เขาน่ะ”

 

“แล้วเธอคิดว่ามันจะช่วยให้ตานั่นยอมเปิดใจพูดเรื่องนี้กับคนอื่นได้จริงๆ หรือไง…?”

 

“เรื่องนั้นฉันเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะ แต่ที่ฉันมั่นใจแน่ๆ ก็คือว่าไม่ได้มีแค่ฉันที่มานั่งทำอะไรแบบนี้หรอก ทั้งคุณเอริกะทั้งพริมจังหรือแม้แต่โมโกะที่ทำท่าเหมือนกับว่าไม่ได้ใส่ใจสักเท่าไหร่ก็พยายามที่จะหาทางช่วยให้นากาเขายอมเปิดใจอยู่แน่ๆ ล่ะ”

 

“เฮ้อ… ให้ตายสิ…”

 

อลิซที่ได้รับคำตอบมาจากเอริซาเบธนั้นได้ยื่นแผ่นเอกสารที่ถูกขีดเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ เอาไว้กลับคืนไปให้เอริซาเบธก่อนที่เธอจะเอนหลังไปกับเก้าอี้อีกครั้งหนึ่งและเงยหน้าขึ้นไปจ้องมองเพดานห้องอย่างเงียบๆ ซึ่งเอริซาเบธที่เห็นแบบนั้นก็เข้าใจไปว่าอลิซคงจะอยากพักผ่อนหลังจากที่ออกไปทำภารกิจให้กับเอริกะมาจึงได้หันกลับไปก้มหน้าเทียบรายชื่อของชมรมต่างๆ ก่อนจะค่อยๆ ขีดเขียนสัญลักษณ์นำหน้าชื่อชมรมต่างๆ ที่เธอคิดว่ามันไม่เหมาะสมกับตัวนากาต่อไป

 

ก๊อก ก๊อก

 

“ข—ขออนุญาตนะคะ”

 

ในขณะที่อาจารย์ทั้งสองท่านกำลังนั่งทำกิจกรรมของตัวเองอยู่อย่างเงียบๆ อยู่นั้น จู่ๆ ก็ได้มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพร้อมๆ กับเสียงขออนุญาตของคาร์เทียร์ที่ดังขึ้นมาอย่างเบาๆ ความประหม่า ก่อนที่เธอจะเปิดประตูออกและชะโงกหน้าเข้ามาภายในห้องด้วยท่าทีกล้าๆ กลัวๆ จนทำให้เอริซาเบธต้องพูดถามเด็กสาวผมสีเทาคนนี้ไป

 

“อ้าว คาร์เทียร์จังเองหรอ? มีธุระอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?”

 

“ค—ค่ะ! อาจารย์เอริพอจะเห็นอาจารย์อลิซเขาบ้างหรือเปล่าคะ…?”

 

“หืม…? ถ้าอาจารย์อลิซล่ะก็อยู่—- อ่ะ”

 

เอริซาเบธที่กำลังพูดถามคาร์เทียร์กลับไปด้วยความสงสัยนั้นได้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่ออลิซที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เมื่อสักครู่ได้หลบไปอยู่หลังโต๊ะเพื่อหลบจากสายตาของคาร์เทียร์และยังเอานิ้วมาจ่อปากตัวเองเป็นเชิงบอกว่าให้เอริซาเบธเงียบเอาไว้ก่อนด้วยจนทำให้เอริซาเบธได้ตัดสินใจที่จะหันกลับไปพูดถามคาร์เทียร์ขึ้นมาแทน

 

“คาร์เทียร์จังมีธุระอะไรกับอาจารย์อลิซหรือเปล่าเอ่ย?”

 

“คือแบบว่าเมื่อกี้พี่–อาจารย์อารอนเขาได้ยินว่าอาจารย์อลิซออกไปลุยมาอีกแล้วก็เลยอยากจะตรวจแผลที่ขาของอาจารย์อลิซดูสักหน่อยน่ะค่ะ”

 

“ถ้าอย่างงั้นก็เชิญเอาตัวอาจารย์อลิซไปได้เลยจ้ะ~”

 

เอริซาเบธที่ได้รับคำตอบจากคาร์เทียร์นั้นได้ยื่นมือไปดึงแขนของอลิซให้ลุกขึ้นมายืนก่อนจะดันหลังของอลิซเข้าไปหาคาร์เทียร์ด้วยความอารมณ์ดีจนทำให้เด็กสาวผมสีขาวร้องโวยวายออกมาในทันที

 

“ยัยจิ้งจอกทรยศ!!”

 

“จุ๊ๆ ฉันก็แค่ทำหน้าที่พลเมืองดีช่วยส่งตัวคนเจ็บให้กับคุณหมอแค่นั้นเอง หรือว่าเธออยากจะให้คาร์เทียร์จังเขาเสียเวลาเดินมาเปล่าๆ แล้วต้องให้คุณอารอนเดินมาตามตัวเธอไปเองล่ะ~”

 

“ให้ตายสิ… ถ้างั้นเดี๋ยวฉันจัดการอะไรเสร็จแล้วจะตามไปทีหลังละกันคาเทียร์ เธอกลับไปรอกับอารอนเขาในห้องพยาบาลก่อนเถอะ”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ!”

 

คาร์เทียร์ขานตอบอลิซกลับไปอย่างว่าง่ายก่อนที่เธอจะรีบวิ่งตรงดิ่งออกจากห้องพักอาจารย์ไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งอลิซที่เห็นแบบนั้นก็ได้นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเองอีกครั้งและยื่นมือไปฉวยเอาเอกสารที่เอริซาเบธกำลังทำให้นากาอยู่มาไล่ดูอีกครั้งก่อนจะไล่ขีดเขียนสัญลักษณ์ต่างๆ จำนวนมากลงไปอย่างรวดเร็ว

 

“แล้วเธอคิดว่าเอริกะเขาคิดจะทำยังไงต่อไปล่ะ… เรื่องของนากาน่ะ”

 

“เอ๋ะ— ถ้าเป็นเรื่องของนากาคุงฉันคิดว่าคุณเอริกะเขาคงจะไม่ลงมือทำอะไรสักเท่าไหร่หรอกล่ะมั้ง เพราะดูท่าว่าก็คงจะรอให้นากาคุงเขากล้าที่จะเปิดใจเล่าเรื่องนี้ออกมาให้คนอื่นๆ รับรู้กันเองน่ะ ส่วนคุณเอริกะเขาก็น่าจะรอช่วยเหลืออยู่ห่างๆ เหมือนกับที่ทำประจำนั่นแหล่ะ”

 

“เข้าไปยุ่งให้น้อยที่สุดงั้นหรอ…”

 

อลิซพูดรับคำของเอริซาเบธกลับไปเบาๆ ก่อนที่เธอจะยื่นแผ่นเอกสารของนากากลับไปให้เอริซาเบธแล้วจึงใช้มือช่วยยันร่างเล็กๆ ของตัวเองขึ้นมายืนก่อนจะค่อยๆ เดินกระโผลกกระเผลกไปทางประตูห้องพร้อมกับเอ่ยปากพูดขึ้นมาไปด้วย

 

“นั่นสินะ… สำหรับเรื่องแบบนี้การรอให้เจ้าตัวเอ่ยปากพูดออกมาเองก็คงจะเป็นเรื่องดีที่สุดจริงๆ นั่นแหล่ะ… ส่วนคนนอกอย่างพวกเราก็คงจะได้แต่คอยเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ ล่ะมั้ง…”

 

“ก็นะ ถ้าเกิดว่าพวกเราเข้าไปยุ่งมากเกินไปมันก็จะกลายเป็นการกดดันตัวนากาเขาแทนใช่มั้ยล่ะ? ว่าแต่เธอนี่ก็ขี้ห่วงใช้ได้เลยนะเนี่ยอลิซ อย่างตอนการสอบเมื่อเช้าเองหลังจากที่ได้ข้อมูลครบแล้วเธอก็รีบเข้าไปยุติการสอบทั้งๆ ที่พวกเขายังคิดจะสู้กันต่ออยู่เลยนี่เนอะ~”

 

“จะบ้าหรอ… นั่นมันเป็นเพราะว่าฉันเห็นว่าต่อให้ทดสอบต่อไปก็ไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มแล้วแถมอารอนเองก็พูดบ่นไม่หยุดต่างหากล่ะ อีกอย่างนึงเธอก็อย่าลืมสิว่าฉันมีหน้าที่แค่มาเก็บข้อมูลแล้วก็สอนให้เด็กๆ พวกนี้ใช้ยูนิตกันเป็นไม่ได้มารับหน้าที่เลี้ยงเด็กสักหน่อยน่ะ”

 

“จ้าๆ ถ้าเธอพูดแบบนั้นก็ตามนั้นก็ละกัน~”

 

เอริซาเบธพูดไล่หลังอลิซที่รีบเดินหนีออกจากห้องไปด้วยท่าทีรื่นเริงโดยไม่เกรงกลัวสายตาดุร้ายของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยก่อนที่เธอจะหันกลับมามองแผ่นเอกสารของนากาที่อลิซจัดการเสร็จและส่งคืนกลับมาในพริบตาแล้วจึงพูดพึมพำขึ้นมาเบาๆ

 

“ทั้งๆ ที่ตัวเธอดูเหมาะสมกับหน้าที่อาจารย์ยิ่งกว่าคนอย่างฉันแท้ๆ เชียวนะ”