บทที่ 88 มาหาเรื่อง

บทที่ 88 มาหาเรื่อง

ทำไมเขาถึงได้โชคร้ายขนาดนี้กัน!

พูดจบคำไปแล้ว ชายหนุ่มคิดอยากจะตบปากตัวเองเสียให้ได้ คำเดิมที่เขาคิดอยากพูดไม่ใช่ประโยคนี้ แต่พอคำถึงริมฝีปาก มันกลับกลายเป็นประโยคนี้เสียได้ มันถึงกับทำให้เขาเกิดรู้สึกนึกอับอาย

“ช่างมัน กินเข้าไปใหม่แล้วค่อยหาข้อตำหนิก็พอแล้ว” ชายหนุ่มคิดกับตัวเอง

“ขอปีกไก่อีกไม้ เอาแบบเผ็ดร้อน!”

“หมูสามชั้นอีกสามไม้ ที่สั่งเมื่อกี้ไม่พอกินเลยสักนิด”

“ฉันเอา…”

กลุ่มวัยรุ่นพบเห็นหัวหน้าเริ่มสั่งเพิ่มไม่หยุด พวกเขายังมีความลังเล สุดท้ายจึงตัดสินใจก้าวออกไปร่วมสั่งสิ่งที่อยากทาน

ในตอนแรกนั้น พวกเขาคิดอยากหาข้อตำหนิในสิ่งที่ทานเข้าไป ดังนั้นจึงสั่งจำนวนไม่มาก ขณะนี้ได้พบว่าบาร์บีคิวอร่อยเหลือเชื่อ ไม่แปลกหากว่าจะสั่งมาทานเพิ่ม

อู๋ฝานมองคนกลุ่มนี้สั่งกันรัวไม่หยุด ใจถึงกับนึกสงสัย

หรือที่จริงแล้วจะมองพวกเขาผิดไป? ก็เพียงแค่ดูเสเพลและอันธพาลไปบ้าง แต่แท้จริงแล้วเป็นคนดี? เป็นแค่ลูกค้าธรรมดากลุ่มหนึ่ง?

เถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวข้างเคียงใกล้ร้านของอู๋ฝานต่างเกิดความสงสัย เพราะพวกเขาไปพบกลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้ แต่ไม่ใช่เพื่อให้กลุ่มวัยรุ่นเหล่านี้มาอุดหนุนกิจการของอู๋ฝาน แต่เป็นขอให้มาทำลายร้านของอู๋ฝานต่างหาก

แต่แล้ว ตอนนี้มันเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น?

ไม่เพียงแต่เมื่อครู่ไปต่อแถวอย่างเชื่อฟัง ขณะนี้ยังยืนกันตรงหน้าร้านของอู๋ฝาน กินไปเคี้ยวไปอย่างสุขสันต์ สีหน้าที่แสดงออกทั้งพึงพอใจและอิ่มเอม ราวกับพึงพอใจที่ได้ทานอาหารของอู๋ฝานกันถ้วนหน้า

เนื้อหาที่ตกลงเอาไว้ไม่ใช่แบบนี้ ที่ต้องทำคือภายหลังทานอาหารของอู๋ฝานเข้าไปไม่กี่คำจึงถ่มถุยและพังร้าน ไฉนกลับกลายเป็นกินไม่หยุดจนลืมเลือนเรื่องที่จ้างวานไปเสียแล้ว?

“คนพวกนี้มันอะไรกัน? เชื่อถือได้จริงหรือเปล่า?”

“ไม่รู้เหมือนกัน ใครกันจะรู้ว่าพวกมันคิดอะไรอยู่กันแน่”

“อย่ามามองฉัน ฉันเองก็ไม่ได้คุ้นเคยกับพวกมันเหมือนกัน ต่อให้เป็นคนไปจ้างวานมา แต่ก็ไม่เคยพูดคุยอะไรกับพวกมันมาก่อน ถามฉันไปก็ตอบอะไรไม่ได้หรอก”

“ช่างมัน รอคอยและรับชมก็แล้วกัน บางทีตอนนี้คงหิวกัน เลยอาจจะอยากทำให้ท้องอิ่มกันก่อน”

“เจ้าตัวไร้สมองพวกนี้ ถึงกับลืมเลือนเรื่องที่จ้างวาน อย่าคิดเชื่ออะไรพวกมันมาก”

เถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวข้างเคียงมารวมตัวกันอีกครั้ง เพราะกิจการของพวกเขานับวันยิ่งแห้งแล้ง จึงยิ่งเกิดกังวลอู๋ฝานจะยึดส่วนแบ่งทางการค้า ขณะนี้จึงรวมหัวกันสบถต่อกลุ่มวัยรุ่นที่จ้างวานมาแล้วแต่ไม่ได้เรื่องราว

เพียงแต่นอกจากรอคอย พวกเขาก็ไม่มีทางทำอะไรอื่นได้อีก ทำได้ก็เพียงคาดหวัง ว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้พออิ่มแล้วจะยังจดจำเรื่องที่จ้างวานได้

“เถ้าแก่ ขอเบียร์อีกลัง”

“ใช่ ต้องเบียร์สิ กินบาร์บีคิวจะขาดเบียร์ได้ยังไง?”

“จริงด้วย ก็ว่ารู้สึกเหมือนอะไรขาดหายไป ตอนนี้พอพูดขึ้นมา ก็ทำเอานึกขึ้นได้ ขอเบียร์ด่วนด้วย!”

กลุ่มวัยรุ่นไม่ทราบว่าอู๋ฝานและเถ้าแก่ร้านบาร์บีคิวทั้งหลายคิดอะไรอยู่ แต่ขณะนี้พวกเขากำลังได้รับช่วงเวลาที่ดี กระทั่งสั่งเบียร์เพิ่ม พร้อมกับทานบาร์บีคิวกับเบียร์ไปอย่างสนุกสนาน

ในเมื่อวัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นลูกค้า ไม่ได้มาสร้างเรื่องราวปัญหาใด อู๋ฝานก็ไม่คิดปฏิเสธการสั่งเพิ่ม

กลุ่มวัยรุ่นทั้งกินและดื่ม อิ่มเอมสุขสันต์ กระทั่งเรอออกมาอย่างพึงพอใจ

“พี่หนิว เหมือนพวกเราจะลืมอะไรไปหรือเปล่า?”

วัยรุ่นกลุ่มนี้กินดื่มจนกระทั่งเกือบจะอิ่มเต็มที่ พวกเขาก็เกิดนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงพูดขึ้นบอกกับชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้า

เดิมนั้น คนหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากำลังจะส่งปีกไก่เข้าปาก แต่พอได้ยินคำถาม การกระทำจึงแข็งค้างไปชั่วขณะ สุดท้ายจึบตอบ “เจ้าพวกหน้าโง่เอ้ย! เอาแต่กินอยู่ได้! เกือบจะลืมเรื่องที่ต้องทำแล้วไหมล่ะ!”

ถัดจากนั้น เขาจึงถือไม้เสียบอาหารในมือชี้หน้ากลุ่มคน ราวเป็นการคาดโทษ

ทั้งยังด่าว่าหน้าโง่ รวมถึงเป็นพวกถังข้าวกินไม่รู้จักพอ

“ก็ได้ อาหารก็กินอิ่มแล้ว ได้เวลาลงมือกันเสียที” ชายหนุ่มหันไปกล่าวบอกกับพรรคพวกของตน

กลุ่มวัยรุ่นคนที่เหลือต่างพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว

ชายหนุ่มหันมองปีกไก่ที่ทานไปแล้วครึ่งไม้ในมืออย่างนึกเสียดาย แต่สุดท้ายก็เดินไปหาอู๋ฝานพร้อมกับปีกไก่ที่ยังเหลืออยู่

“เก็บเงินเหรอครับ? ทั้งหมด 1088 หยวน คิดแค่ 1080 ก็พอครับ” อู๋ฝานมองกลุ่มคนพลางตอบรับเหมือนตามปกติ

“หมดกัน! พวกแกกินบ้าอะไรกันเยอะขนาดนี้วะ?” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าคิดหาความผิดมาพูด แต่ยามได้ยินคำของอู๋ฝาน เขาถึงกับทั้งตกใจและโกรธจัด จนหันไปพูดกับกลุ่มคนด้านหลังตัวเอง “ไอ้ถังข้าวพวกนี้นี่ กินอะไรกันเยอะขนาดนี้กัน? เรียงตัวกันเลย จะหน้าไหนก็จัดการเรื่องราวไม่ได้สักคน กินก็เร็วกว่าคนอื่น ทั้งยังกินจุเสียด้วย”

“ผมไม่ได้กินเยอะนะลูกพี่ ก็แค่ขาไก่สามไม้ ตีนเป็ดสอง ปีกไก่ห้า หอยนางรมสิบ…”

“พี่หนิวเองก็กินไปไม่ใช่น้อยนะ”

“จริงด้วย พี่หนิวนั่นแหละกินเยอะที่สุดแล้ว

วัยรุ่นคนอื่นในกลุ่มทักท้วงเรื่องกินเยอะออกมา พวกเขาที่โดนต่อว่าเรื่องกินเยอะ แต่แท้จริงแล้วชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากินไปเยอะที่สุด พวกเขาย่อมไม่อาจทนฟังคำว่าถังข้าวต่อไปได้ หากยังยอมต่อไปจะถูกด่าว่าอะไรอีก?

แม้ว่าพวกเขาจะกินเข้าไปเยอะจริงก็ตาม

“ฉันบอกว่าพวกแกกินเยอะ ก็เป็นพวกแกที่กินเยอะ!” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าเกือบจะถ่มน้ำลายออกมา ลูกน้องเหล่านี้ไม่คิดอยากมีชีวิตต่อกันแล้วหรืออย่างไร? กล้าดียังไงปฏิเสธคำของเขา นับได้ว่ามีความกล้าหาญชาญชัย

ปล่อยไว้แบบนี้ย่อมไม่ดีแน่ เมื่อไหร่กลับไป เขาจะต้องสอนระเบียบวินัยลูกน้องเหล่านี้เสียใหม่ เป็นเพราะขาดระเบียบไม่รู้ธรรมเนียมวัฒนธรรม หากไม่ทำให้รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นพี่ใหญ่ ก็ต้องเป็นพี่ใหญ่ที่ต้องสั่งสอนบทเรียน เพื่อให้ภายหน้าจะได้เพียงแค่เชื่อฟัง ไม่ใช่ปฏิเสธโต้เถียง

“พี่หนิว งานน่ะ…งาน…อย่าลืมงานล่ะ” ชายหนุ่มคนที่ย้ำเตือนคนเป็นลูกพี่ก่อนหน้านี้ ได้บอกย้ำพี่หนิวของเขาด้วยเสียงเบา

ชายหนุ่มผู้เป็นหัวหน้า ถึงกับชะงักงันไปอีกครู่หนึ่ง แล้วก็ต้องตบศีรษะตนเองอย่างแรง แต่เพราะกะแรงไม่ถูก เลยทำให้ตัวเองมึนงงไปชั่วขณะ จึงทั้งโกรธและอับอาย สุดท้ายจึงตำหนิชายหนุ่มด้วยเสียงเบา “ที่ควรโกรธก็พวกนายนี่แหละ! เกือบจะลืมธุระเสียแล้ว!”

กลุ่มวัยรุ่นเบะปากตอบรับ เพียงแต่ตอนนี้ไม่กล้าปฏิเสธออกนอกหน้าแล้ว

ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ากลุ่ม ราวกับพึงพอใจกับท่าทีตอบรับของลูกน้องในตอนนี้เป็นที่เรียบร้อย จึงหันกลับไปมองอู๋ฝานด้วยสีหน้าถมึงทึงดุร้าย

“แสกนจ่ายหรือว่าเงินสดดีครับ?” อู๋ฝานเอ่ยถาม

“พวกเราไม่จ่ายโว้ย” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าตอบกลับ “แต่พวกเรามาเคลียร์หนี้ต่างหาก”

“เคลียร์หนี้? ไม่เหมือนจ่ายบิลเหรอครับ?” อู๋ฝานงงงัน “ทั้งหมด 1080 ครับ เงินสดหรือว่าจ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือ?”

“ฉันบอกว่าไม่จ่ายยังไงล่ะ!” ชายหนุ่มตอบกลับอีกครั้ง “เป็นบ้าอะไรถึงไม่เข้าใจ?”

“หมายความว่ายังไง?” อู๋ฝานถามกลับ

ตอนนี้เองที่ชายหนุ่มด้านหลังพี่หนิวของกลุ่ม พลันเข้าเตะแผงลอยของร้านพร้อมตะโกนเสียงดัง “เพราะพวกเรามาสร้างปัญหายังไงล่ะ!”

พี่หนิวที่เป็นหัวหน้ากลุ่มคนถึงกับชะงักงันไปครู่ สีหน้าเวลานี้ทั้งอับอายและโกรธเคือง เพราะอะไรเขาถึงต้องเอาถังข้าวหน้าโง่พวกนี้มาที่นี่ ไม่รู้ความและไม่ได้ความกันสักนิด!

“อ้อ เข้าใจแล้ว” พบเห็นเรื่องราว อู๋ฝานจึงพยักหน้าตอบรับ “มาที่นี่เพราะตั้งใจจะหาเรื่องกันนี่เอง!”