ตอนที่ 90 กำไรมหาศาล

คุณหนูใบ้หัวใจแกร่ง

ตอนที่ 90 กำไรมหาศาล

แต่ละตระกูลล้วนร่ำรวยและสูงส่ง พวกเขาต่างอยากได้ฝีมือการปลูกผักฤดูหนาวของเรือนพักร่ำรวย

หากสามารถได้ฝีมือนี้มาครอบครอง การหาเงินย่อมเป็นเรื่องง่าย ไช่เท้าเพียงหนึ่งตะกร้าก็สามารถขายได้หลายสินก้วน

เหมือนกับการปล้นเงิน

ไม่!

หากพูดให้ถูกต้อง มันเหมือนกับการเก็บเงิน

สำหรับการกระทำไร้ยางอายของขุนนางฝ่ายราชการในราชสำนัก ทุกคนต่างหัวเราะร่า รอดูความอับอาย

ดูความอับอายของผู้ใด

ย่อมต้องรอดูความอับอายของเยียนอวิ๋นเกอ

องค์หญิงติ้งเถาตื่นเต้นอย่างมาก นางวิ่งไปหาองค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้ “เสด็จพี่สามตรัสได้อย่างแม่นยำ มีคนกระโดดออกมาเพราะอดทนไม่ได้ เพียงแต่ไม่คิดว่าจะมีการเคลื่อนไหวที่ใหญ่เพียงนี้ มีคนที่มากเพียงนี้ คราวนี้เยียนอวิ๋นเกอจบสิ้นแล้ว ไม่แน่ว่าตระกูลเยียนอาจเดือดร้อนไปด้วย

เมื่อถึงเวลานั้น พระองค์ทรงคิดว่าเยียนอวิ๋นเกอจะถูกขับไล่ออกจากตระกูลหรือไม่ เมื่อนางไม่มีตระกูล ไม่ใช่คนของตระกูลเยียนอีกต่อไป ข้าจัดการนางอย่างไรก็ได้ใช่หรือไม่ หากนางกล้าขัดขืน ข้าจะลงโทษนางในฐานดูหมิ่น จับนางเข้าคุก เชือดเฉือนนางเป็นพันหมื่นครั้ง”

องค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้เงียบไปชั่วครู่ “น้องหญิงอย่าเพิ่งรีบดีใจ! ดูก่อนเยียนอวิ๋นเกอจะทำอย่างไร”

ติ้งเถาหัวเราะเยาะ “เยียนอวิ๋นเกอยังเงยหน้าอ้าปากได้หรือ นางนอกจากยอมรับโทษดีๆ ไม่มีทางที่สอง”

เซียวเฉิงอี้ก็คิดเช่นนี้ เขาคิดว่าคราวนี้เยียนอวิ๋นเกอต้องตายแน่

แต่ภายในใจมีเสียงหนึ่งบอกเขา อย่าดูถูกเยียนอวิ๋นเกอ

คนอื่นอาจหาทางแก้ไขสถานการณ์ในเวลานี้ไม่ได้ ไม่เท่ากับเยียนอวิ๋นเกอหาทางไม่ได้

สัญชาตญาณขององค์ชายสาม เซียวเฉิงอี้นั้นถูกต้อง

เยียนอวิ๋นเกอใช้เพียงวิธีเดียวก็จัดการกับการโจมตีของเหล่าขุนนางเอาไว้ได้

วันที่สามหลังจากการประชุมท้องพระโรง จวนองค์หญิงออกประกาศแทนเรือนพักร่ำรวย

นับแต่เดือนต่อไป เรือนพักร่ำรวยเปิดประตูใหญ่ต้อนรับสหายจากทุกหนทุกแห่ง ช่างฝีมือจากทุกตระกูลมาศึกษาที่เรือนพัก

เรือนพักร่ำรวยต้อนรับสหายที่มาศึกษาด้วยความกระตือรือร้น

สำหรับฝีมือการปลูกผักฤดูหนาว เรือนพักจะถ่ายทอดให้ทุกขั้นตอน ช่วยเหลือทุกคนศึกษาการปลูกแบบล้ำหน้า พัฒนาร่วมกัน

สำหรับสหายที่เดินทางมาศึกษา เรือนพักร่ำรวยเพียงแค่เก็บค่าศึกษาจำนวนเล็กน้อย

ด้านล่างประกาศเป็นตารางราคาค่าศึกษา

ค่าศึกษาของแต่ละคนในแต่ละเดือน “ห้าสิบก้วน!”

เก็บค่าศึกษาตามจำนวนคน กำหนดระยะเวลาการศึกษาหนึ่งเดือน ไม่มีปัญหา

หนึ่งเดือนสั้นเกินไป ยังทำไม่ได้ ต้องการศึกษาต่อ?

ไม่มีปัญหา

จ่ายเงินก็พอ

หนึ่งเดือนห้าสิบก้วน จ่ายเงินครบย่อมศึกษาต่อได้

ห้องเรียนการปลูกรุ่นที่หนึ่งมีแผนการรับสมัครนักเรียนสองร้อยคน สิ้นสุดเมื่อรับสมัครครบจำนวน

รับสมัครไม่ครบจำนวนก็ไม่เป็นอันใด

เมื่อถึงวันที่หนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรล้วนจะเปิดสอนตามปกติ

เมื่อประกาศออกมา เหล่าขุนนางต่างเงียบ

ภายในใจมีคำสบถมากมาย

พวกเขาเตรียมกลอุบายทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้ว สุดท้ายประกาศฉบับหนึ่งก็ทำลายแผนการของพวกเขา

ไม่ได้ต้องการฝีมือหรือ

เวลานี้เรือนพักร่ำรวยเปิดประตูกว้าง เรียนเชิญทุกคนที่ต้องการศึกษา เพียงแค่จ่ายเงินย่อมได้เรียนรู้ฝีมือการปลูกผักฤดูหนาว

เงินเพียงห้าสิบก้วนก็เรียนฝีมือได้ ผู้ที่ต้องการรีบมา!

รับรองว่าเรียนรู้ง่าย ไม่หลอกลวง!

ตรงไปตรงมา!

ผู้มีอิทธิพลในราชสำนักอย่างพวกเขาจะวางแผนลอบทำร้ายอย่างไร้ยางอายเพื่อค่าเรียนแค่ห้าสิบก้วนหรือ

คนสามารถทำลายบรรทัดฐานของตนเองเพื่อผลประโยชน์

แต่ไม่อาจทำลายบรรทัดฐานของตนเองเพื่อค่าเรียนแค่ห้าสิบก้วน

หากแพร่กระจายออกไป พวกเขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด

ค่าเรียนแค่ห้าสิบก้วนยังไม่ยอมจ่าย วางแผนใส่ร้ายหญิงสาวตัวน้อย เพียงเพื่อต้องการฝีมือของผู้อื่น หากแพร่กระจายออกไป คนบนแผ่นดินคงดูถูกเหยียดหยาม

ลักษณะของเรื่องเปลี่ยนไปตามประกาศฉบับเดียว

ในความคิดเรียบง่ายของผู้คน การเรียนฝีมือย่อมต้องจ่ายค่าเรียน

ผู้อื่นเปิดสอน เก็บค่าเรียนเล็กน้อยจะเป็นอันใดไป

เปิดประตูให้เจ้าเรียนยังไม่พอใจ ไม่โลภไปหรือ

“ทำอย่างไร”

“นางคิดวิธีเปิดห้องเรียนออกมาได้ ไร้เหตุผลสิ้นดี!”

“หญิงสาวตัวน้อยแก้ไขปัญหาที่วิกฤตเช่นนี้ได้ หากแพร่กระจายออกไป พวกเราจะมองหน้าผู้อื่นอย่างไร”

“สายไปแล้ว เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงแล้ว คราวนี้เกรงว่าเหล่าสามัญชนกำลังถกเถียงเรื่องนี้”

“หรือจะยอมแพ้?”

“ไม่อย่างนั้นเล่า? เจ้าอยากได้ฝีมือ เรือนพักร่ำรวยปเดประตูให้ฝีมือ เก็บเพียงค่าเรียนเล็กน้อย อีกฝ่ายให้เกียรติเพียงนี้ พวกเรามีเหตุผลใดต้องกำจับให้สิ้นซาก”

“แต่พวกเราไม่เอาศักดิ์ศรีแล้วหรือ”

“ฝ่าบาทไม่มีทางยอม”

“สำนักเซ่าฝู่ย่อมส่งคนจ่ายเงินเรียนฝีมือเป็นคนแรก เมื่อสำนักเซ่าฝู่มีการเคลื่อนไหว ผู้อื่นย่อมทำตาม เมื่อถึงเวลานั้นคงไม่มีผู้ใดเพ่งเล็งเยียนอวิ๋นเกออีก”

“โธ่เอ้ย! ข้าไม่เชื่อว่าความคิดนี้เป็นความคิดของหญิงสาวตัวน้อยอย่างเยียนอวิ๋นเกอ นางเป็นแค่เด็กใบ้ มีความสามารถจากที่ใด”

“ได้ยินว่าคอของเยียนอวิ๋นเกอหายดีแล้ว เวลานี้พูดได้แล้ว”

“นางยิ่งชั่วร้ายยิ่งนัก!”

เยียนอวิ๋นเกอใช้เพียงกระบวนท่าเดียวก็แก้ไขการโจมตีที่ใจดำอำมหิตได้อย่างง่ายดาย

อัจฉริยะเสียจริง

อาเป่ยยังรู้สึกไม่เป็นธรรม “คุณหนูจะสอนการปลูกผักในเพิงอุ่นแก่คนเหล่านั้นจริงหรือเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอเลิกคอ้ว “แน่นอน! ประกาศออกไปแล้ว ในไม่ช้าก็ได้เงิน จะกลับคำได้อย่างไร”

“แต่หากสอนวิชาให้ผู้อื่นแล้ว ต่อจากนี้พวกเราจะกินอันใดล่ะเจ้าคะ”

“เจ้าโง่หรือ ขายผักได้เงินมากน้อยเพียงใดกัน”

การปลูกผักไม่มีทางเอาชนะอุตสาหกรรมการศึกษาได้ มันเป็นความจริงนับหลายพันปี

แม้จะอยู่ในยุคสิ้นโลก อันดับหนึ่งคือการอยู่รอด คนที่มีความสามารถยังคงใช้ชีวิตได้อย่างหรูหรา

โดยเฉพาะคนที่ถือครองฝีมือและความรู้ที่คนอื่นไม่มี มันล้วนเป็นสิ่งล้ำค่า

เพียงแค่ล้ำหน้าหนึ่งก้าว หาเงินย่อมเป็นเรื่องง่าย

ความรู้เป็นพลังการผลิตอันดับหนึ่ง มันคือความจริง

ดูสถานการณ์ตลาดก่อน

หากมีคนลงชื่อเรียนเป็นจำนวนมาก ย่อมหาค่าเรียนได้นับหมื่นก้วน เยียนอวิ๋นเกออยากละทิ้งการเพาะปลูกไปทำอุตสาหกรรมการศึกษาเสียทีเดียว

เสียดาย เวลานี้ยังไม่เปิดการสอบคัดเลือกขุนนาง

อุตสาหกรรมการศึกษายังคงถูกตระกูลชนชั้นสูงผูกขาด

เยียนอวิ๋นเกออยากจะเหยียบย่ำเข้าไปในอุตสาหกรรมการศึกษา แย่งข้าวตระกูลชนชั้นสูงกิน เกรงว่าคงถูกฆ่าตายได้ทุกนาที

เวลานี้นางยังไม่ได้แย่งข้าวตระกูลชนชั้นสูงกิน ก็มีคนกลุ่มหนึ่งร้อนใจจนกระโดดโลดเต้น อยากจะฆ่านางให้ตายแล้ว

หากนางแทรกแซงอุตสาหกรรมการศึกษาจริง เกรงว่าจะมีคนมาลอบฆ่านางทุกวัน

ฮือๆ…

น่ากลัว!

อาเป่ยทำหน้าฉงน “คุณหนูไม่คิดขายผักแล้วหรือเจ้าคะ ผักของพวกเราขายได้เงินไม่น้อย มันไม่อยู่ในสายตาของคุณหนูแล้วหรือเจ้าคะ”

อาเป่ยคิดว่าคุณหนูหยิ่งยโสแล้ว!

อวดดีแล้ว!

ไม่ได้เด็ดขาด!

เยียนอวิ๋นเกอบีบแก้มของอาเป่ย เวลานี้นางสูงกว่าอาเป่ยเสียอีก

เพียงแต่ใบหน้าของนางดูอ่อนเยาว์ แค่มองก็รู้ว่าเป็นคุณหนูที่ยังไม่โต

นางพูดกับอาเป่ย “ข้าบอกแล้ว ผักฤดูหนาวหาเงินเร็วได้ระยะหนึ่ง ปีนี้ยังคงหาเงินได้ เจ้าวางใจเถิด”

“หมายความว่าปีหน้าหาเงินไม่ได้แล้ว แต่ก่อนหน้านี้คุณหนูบอกว่า ผักฤดูหนาวหาเงินได้อย่างน้อยปีนี้กับปีหน้านะเจ้าคะ”

เยียนอวิ๋นเกอถอนหายใจ “แผนการไม่ทันการเปลี่ยนแปลง ทำอย่างไรได้! หาเงินได้ในปีนี้ พอใจเถิด! หากข้าเป็นหญิงชาวนาธรรมดา เจ้าเชื่อหรือไม่ อย่าว่าแต่หาเงิน เงินที่ได้ไปก่อนหน้านี้ล้วนต้องคายออกมา”

นางต้องโชคดีที่ตนเองแซ่เยียน มีชาติกำเนิดจากตระกูลใหญ่

บิดาเป็นท่านโหวที่ครอบครองกำลังพลจำนวนมาก มารดาเป็นองค์หญิง

มีเทพใหญ่สององค์นี้ปกป้องนาง ทำให้คนชั่วที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตหวาดกลัวไม่น้อย ไม่กล้าลงมือแย่งชิง หรือส่งคนลอบสังหาร

ขุนนางที่มีชาติกำเนิดจากตระกูลใหญ่ก่อความวุ่นวายในการประชุมท้องพระโรงเพื่อนางคนเดียว ช่างเยินยอนางเหลือเกิน

มองจากบางมุม พวกเขาก็ถือว่าโฆษณาแทนเยียนอวิ๋นเกอ

เยียนอวิ๋นเกอหัวเราะขึ้นมา

อาเป่ยเจ็บใจ “คุณหนูช่างยากลำบากยิ่งนัก! เพียงแค่ทำการเพาะปลูกหาเงินเล็กน้อยก็มีคนอิจฉาตาร้อนเพียงนี้แล้ว หากไม่ใช่ความเฉลียวของคุณหนู เกรงว่าคงหมดสิ้นหนทางแล้วเจ้าค่ะ”

เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างได้ใจ สีหน้าภาคภูมิใจ “ชื่นชมข้ามากยิ่งขึ้นหรือไม่”

อาเป่ยหัวเราะขึ้นมา “บ่าวชื่นชมคุณหนูเสมอเจ้าค่ะ เพียงแค่รู้สึกไม่คุ้มแทนคุณหนูที่ต้องลำบากคิดวิธีหาเงิน เพียงพริบตาก็ต้องส่งมอบออกไป คนเหล่านั้นน่าแค้นยิ่งนัก”

“อย่าโกรธเลย! ข้าแค่ให้ฝีมือ แต่ข้าก็ฉวยโอกาสหาเงิน อีกทั้ง ต่อจากนี้จะมีฝีมือเกิดขึ้นมากขึ้น ห้องเรียนของเราสามารถเปิดต่อไปได้ตลอด เก็บค่าเรียนได้ตลอด”

อาเป่ยถาม “พวกเราจะเก็บค่าเล่าเรียนได้เท่าใดเจ้าคะ”

“หนึ่งคนห้าสิบก้วน เจ้าว่าเก็บได้เท่าใด”

“แต่…ต่อจากนี้จะเก็บค่าเรียนห้าสิบก้วนทุกคนหรือ หากเหล่าสามัญชนอยากเรียนจะทำอย่างไร อย่าว่าแต่ห้าสิบก้วน แม้แต่ห้าก้วนพวกเขายังไม่มีเลยเจ้าค่ะ”

เรื่องของพวกเขา!

เยียนอวิ๋นเกอก็กลุ้ม นางเริ่มร้องทุกข์ “อาเป่ย ข้าก็ต้องกินข้าว! เจ้าลองใช้ลูกคิดคำนวณดู ข้าเลี้ยงคนนับหมื่น คนเหล่านี้ล้วนต้องพึ่งข้า หากข้าใจอ่อน ย่อมต้องถูกกลืนกินจนไม่เหลือซาก

ผู้ลี้ภัยในเรือนพักเหล่านั้น เด็กเหล่านั้นจะกลายเป็นผู้ลี้ภัยที่กินไม่ครบสามมื้อ ไม่มีเสื้อผ้าใส่ ตายได้ทุกเวลาเพียงชั่วพริบตา เจ้าไม่อาจเห็นรอยยิ้มของพวกเขาอีก ไม่อาจเห็นความหวังในดวงตาของพวกเขาอีก ไม่เห็นใบหน้าที่ไร้เดียวสาของเด็ก เรือนพักกลายเป็นพื้นที่ว่างเปล่าอีกครั้ง ทุกสิ่งจะกลับสู่ที่เดิม เจ้ายอมหรือ”

อาเป่ยส่ายหน้า นางไม่ยอม

นางทำหน้าละอายใจ “คุณหนูช่างลำบากเหลือเกิน!”

เยียนอวิ๋นเกอตบไหล่ของนาง “รู้ความลำบากของข้าก็ดีแล้ว ต่อจากนี้อย่าได้พูดว่าค่าเรียนแพงอีก เฮ้อ หาเงินไม่ง่าย! ข้าก็ไม่อยากกำหนดไว้สูง แต่ไม่กำหนดไว้สูง ทุกคนต่างไม่มีข้าวกิน”

นางส่ายหัว จากไป!

อาเป่ยร้องไห้โฮ นางซาบซึ้งใจเหลือเกิน!

คุณหนูช่างเป็นคนดี!

คุณหนูไม่ได้เห็นแก่เงิน คุณหนูกำลังทำเพื่อทุกคน

เยียนอวิ๋นเกอที่เดินออกมาไกลหัวเราะ

อาเป่ยเอ๋ยอาเป่ย คำพูดของข้าเพียงสองสามคำก็หลอกเจ้าได้

ไม่เอาเงินของตระกูลชนชั้นสูงเหล่านั้น นางโง่หรือ

เปิดห้องเรียนสอนวิชาย่อมเพื่อเงิน อีกทั้งยังเพื่อเลี้ยงคน

นางไม่เปิดห้องเรียนที่หาเงินไม่ได้

นางเป็นคนมีหลักการ!

เยียนอวิ๋นเกอกระโดดขึ้นหลังคา มองดินแดนอันกว้างใหญ่

สักวัน นางจะเบียดตัวเข้าไปในอุตสาหกรรมการศึกษาอย่างเปิดเผย นางจะแย่งข้าวของตระกูลชนชั้นสูง

เมื่อถึงเวลานั้น นางจะเปิดสงครามกับตระกูลชนชั้นสูงอย่างเป็นทางการ จบสิ้นการผูกขาดความรู้ของตระกูลชนชั้นสูง

นางตั้งปณิธานว่าจะเป็นหญิงสาวที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโว๋อาหาร

ให้พายุมาอย่างโหมกระหน่ำมากขึ้นเถิด!

เยียนอวิ๋นเกอโบกสะบัดกำปั้น ดูเด็กแล้วอย่างไร

เด็กก็มีความสุขของเด็ก ความสุขของเยียนอวิ๋นเกอมากขึ้นสองเท่า

โดยเฉพาะเมื่อพ่อบ้านนำรายชื่อมาให้ นางมองจำนวนคนที่ต้องการสมัครเรียนพลันหัวเราร่า

กำไรมหาศาล!

ไม่ขาดทุนแล้ว!