ตอนที่ 36 เจ้าอยากติดตามข้าหรือไม่

หลินเว่ยเว่ยสาวน้อยจอมพลัง

ตอนที่ 36 เจ้าอยากติดตามข้าหรือไม่ ?

หลินเว่ยเว่ยกำลังจะลูบศีรษะของแมวป่า ทว่ามันสะบัดหนีโดยไม่ไว้หน้านางแม้แต่น้อย หลินเว่ยเว่ยจึงดึงหนังคอของมันให้หันมามองตนแล้วจ้องตาพลางเตือนมันว่า หากเจ้ากล้าทำลายธุรกิจของข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะจับเจ้าถลกหนังให้พวกเขาดู ?

แมวป่าเผยแววตาไม่ยอม กรงเล็บของมันที่วางทาบไปกับพื้นค่อย ๆ ยื่นออกมา จากนั้นก็หดกลับเข้าไป แล้วก็ยื่นออกมาอย่างลังเลอีกครั้ง สุดท้ายก็หดกลับเข้าไปใหม่ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น

หนุ่มน้อย ! แมวป่าชนิดนี้ขายหรือไม่ ? องค์ชายเจ็ดเกิดความสนพระทัยขึ้นมาจึงใช้พระบาทเตะไปที่ขาหลังของแมวป่า

ภายในใจของแมวป่ากำลังเก็บซ่อนความโกรธเอาไว้ แม้ว่าสู้มนุษย์ร่างอ้วนมิได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามนุษย์ผู้อื่นสามารถรังแกมันได้ มันจึงตวัดกรงเล็บแล้วข่วนไปยังชายฉลองพระองค์สีแดงโดยไม่ได้แสดงสัญญาณเตือนแต่อย่างใด การเคลื่อนไหวของมันรวดเร็วมาก หลินเว่ยเว่ยอยากห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว

ตอนที่มันกำลังจะข่วนขาของบุรุษชุดแดง จู่ ๆ ก็มีฝักกระบี่มาขวางกรงเล็บของมันไว้แล้วผลักกรงเล็บออก แมวป่าจึงรีบชักกรงเล็บกลับทันที แววตาดุร้ายของมันจ้องไปยังชายชุดดำที่กระแทกฝักกระบี่ใส่กรงเล็บของมัน

ขออภัยด้วยคุณชาย แมวป่าตัวนี้ข้าเพิ่งจับได้เมื่อวาน มันยังมีสัญชาตญาณสัตว์ป่าอยู่ ดังนั้นเวลาเห็นมนุษย์ทีไรจึงอยากทำร้ายทุกที หลินเว่ยเว่ยกังวลว่าจะปิดการขายไม่สำเร็จจึงรีบดึงเชือกที่รัดคอแมวป่าเพื่อเตือนมัน แมวป่าจ้องนางด้วยแววตาดุร้าย

หากมันเชื่องเหมือนแมวเลี้ยงก็ไม่สนุกสิ ! เจ้าเสนอราคามาเลย ข้าจะซื้อแมวป่าตัวนี้ ! องค์ชายเจ็ดทอดพระเนตรแมวป่าด้วยความสนพระทัย

บุรุษชุดดำแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาแล้วเอ่ยว่า ที่ท่านออกมาในครั้งนี้เพื่อมาทำธุระ มิใช่มาเที่ยวเล่นนะขอรับ !

ข้าแค่ซื้อสัตว์เลี้ยง มันจะทำให้เรื่องสำคัญของเราล่าช้าได้เช่นไร ? เจ้าหัดรู้จักผ่อนคลายเสียบ้าง ! ข้ารู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ! จากนั้นองค์ชายเจ็ดก็หันไปทางหลินเว่ยเว่ยแล้วตรัสว่า ข้าจ่ายให้เจ้า 100 ตำลึง เจ้าจะขายหรือไม่ ?

ขาย ! หลินเว่ยเว่ยกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจทีหลังจึงรีบรับตั๋วเงินมาแล้วยื่นเชือกให้บุรุษอาภรณ์แดง เงินมาของไป ท่านเอามันไปได้เลย ! หากปล่อยให้มันหนีไปจากมือของท่าน ข้าจะไม่รับผิดชอบ แล้วข้าขอเตือนคุณชายเสียหน่อยว่าเจ้าตัวนี้มันชอบทำร้ายคนที่กลัวมัน แต่มันกลัวคนที่แข็งแกร่งกว่า ทางที่ดีท่านหาคนที่พอจะควบคุมมันได้มาช่วยฝึกมันสักระยะเถิด

เรื่องนี้เจ้ามิต้องกังวล เอาล่ะ จับเจ้าสัตว์ป่าตัวนี้ขังในกรงเหล็ก รอกลับไปที่เมืองหลวงแล้วข้า…เอ่อ ข้าจะฝึกมันด้วยตนเอง ! ชอบทำร้ายผู้ที่อ่อนแอ ทว่ากลัวผู้แข็งแกร่งกว่า ! พอถึงตอนนั้นข้าจะทำให้สัตว์ป่าตัวนี้ได้เห็นวิธีขององค์ชายเอง !

เรื่องนั้น…คุณชายทั้งสอง วันนี้อากาศช่างร้อนเหลือเกิน พวกท่านต้องการซื้อพวกผ้าเช็ดหน้าสักหน่อยหรือไม่ ? หากพวกท่านไม่ใช้ก็สามารถซื้อเป็นรางวัลให้ผู้อื่นได้ ! หลินเว่ยเว่ยหยิบงานปักของนางเฝิงออกมาแล้วคลี่ผ้าเช็ดหน้าปักลายที่ทอมาจากใยไผ่ให้ชายหนุ่มผู้ร่ำรวยทั้งสองท่านดู

องค์ชายเจ็ดทรงพระสรวลอย่างอารมณ์ดี เจ้าขายตั้งแต่แมวป่าไปจนถึงผ้าปักเลยหรือ ? ของที่เจ้าขายช่างมีความหลากหลายเสียจนข้าตกตะลึงทีเดียว !

ก็ข้ายากจน มีสิ่งใดให้ขายก็ต้องรีบขาย ! อีกอย่างพรานล่าสัตว์ในหมู่บ้านของพวกข้าก็ล่าแมวป่าไม่ได้นานหลายปีแล้ว ตัวนี้น่าจะเป็นตัวที่จับได้ในรอบเกือบสิบปีเชียวล่ะ หากพวกข้าอาศัยแค่การล่าแมวป่าขายเพื่อหาเลี้ยงชีพ ป่านนี้พวกข้าคงหิวจนฟันร่วงแล้ว ! หลินเว่ยเว่ยหัวเราะ ลูกค้าที่มีเงินหนาเช่นนี้นางย่อมเทิดทูนดุจเทพเจ้าอยู่แล้ว

องค์ชายเจ็ดเกิดความสนพระทัยในตัวหลินเว่ยเว่ยเพราะเห็นว่าเด็กอ้วนผู้สวมใส่เสื้อผ้าโทรมที่เกิดในครอบครัวยากจนคนนี้กล้าพูดต่อหน้าผู้สูงศักดิ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังพูดติดตลกจนทำให้พระองค์อารมณ์ดีได้ด้วย

วันนี้พระองค์ทรงเกษมสำราญมากจึงตรัสว่า เด็กน้อยเช่นเจ้าไม่รู้จักทำการค้าเอาเสียเลย คุณชายเยี่ยงข้ายอมจ่ายเงินตั้งร้อยตำลึงเพื่อซื้อสัตว์ที่เจ้าล่ามา เจ้าก็น่าจะมอบผ้าเช็ดหน้าให้เป็นของแถมมิใช่หรือ ?

หลินเว่ยเว่ยแสร้งทำหน้าตกตะลึง คุณชาย ท่านขาดแคลนเงินเช่นนั้นหรือ ? หากข้าบอกว่าจะมอบผ้าเช็ดหน้าปักลายผืนนี้ให้ท่านโดยไม่คิดเงิน เช่นนั้นจะไม่เป็นการดูถูกท่านเอาหรือ ?

ใช่ ข้าไม่มีเงินแล้ว ! เจ้ารีบให้ข้ามาเถิด คุณชายเยี่ยงข้าไม่คิดว่าเจ้าดูถูกหรอก ! องค์ชายเจ็ดโบกพัดในพระหัตถ์พลางยิ้มกริ่ม

หลินเว่ยเว่ยยังยิ้มแย้มไม่เปลี่ยนสีหน้า หากผ้าปักผืนนี้เป็นของบ้านข้าเองก็คงมอบให้คุณชายเป็นของขวัญแน่นอน ทว่าผ้าผืนนี้ครอบครัวอื่นฝากข้ามาขายอีกที ข้าไม่มีอำนาจตัดสินใจแทนพวกเขาหรอก !

หมินอ๋องซื่อจื่อ1ขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทนแล้วกล่าวว่า ท่านซื้อสัตว์ป่าตัวนี้ได้สมปรารถนาแล้ว เราควรออกเดินทางได้เสียทีขอรับ !

ภัยธรรมชาติไม่เคยรอคอยผู้ใด ตอนนี้เสบียงที่จะให้ราษฎรได้บรรเทาความทุกข์จากภัยพิบัติเดินทางถึงตะวันออกเฉียงเหนือตั้งแต่เมื่อวันก่อนแล้ว หากพวกเขารีบไปจัดการเรื่องนี้โดยเร็ว ราษฎรที่มารอด้วยความหิวโหยก็จะมีจำนวนลดน้อยลง !

องค์ชายเจ็ดใช้พัดในพระหัตถ์ชี้ไปที่อีกฝ่ายแล้วทำท่าทีฮึดฮัดเล็กน้อย เจ้าช่างน่าเบื่อเสียจริง !

หลินเว่ยเว่ยเองก็พยักหน้าทำทีว่าเห็นด้วย ผู้ที่ชอบขัดช่องทางทำเงินของผู้อื่นช่างน่าเบื่อเสียจริง !

องค์ชายเจ็ดเลิกพระขนงขึ้นแล้วตรัสด้วยรอยยิ้มว่า เจ้าคนนี้ถูกใจข้าเหลือเกิน ! เช่นนั้นเจ้าอยากติดตามข้าหรือไม่ !

คุณชายเอ๋ย การที่ท่านกล่าวออกมาเช่นนี้อาจทำให้ผู้อื่นเกิดความเข้าใจผิดได้ง่ายว่าท่านกำลังหยอกล้อและแทะโลมข้าอยู่ ! ท่านสนอกสนใจส่วนใดของข้าและข้าน่าสนใจตรงไหน ?

หมินอ๋องซื่อจื่อขมวดคิ้วจนแทบผูกเป็นปมอยู่แล้ว ทั้งซื้อสัตว์ป่า ทั้งรับผู้ติดตามเพิ่ม องค์ชายเจ็ดทรงคิดว่าออกมาเที่ยวเล่นนอกวังหรือไร ?

หลินเว่ยเว่ยจึงรีบตอบทันที ขอบคุณสำหรับความมีน้ำใจของคุณชาย ! แต่ข้ายังมีมารดาที่ป่วยหนักและน้องชายที่ยังเล็กให้ต้องดูแล ข้ายังไปจากบ้านมิได้ !

หลินเว่ยเว่ยแทบอยากให้ชายชุดดำรีบพาคุณชายชุดแดงไปจากที่นี่โดยเร็ว ! คนมีอำนาจและมีเงินมักดื้อรั้น หากเขาต้องการตัวผู้ใด แค่กระดิกนิ้วก็สามารถพาไปได้ตามอำเภอใจแล้ว ทว่าคนอย่างนางไม่เคยมีความคิดจะเป็นข้ารับใช้ของใคร !

แน่นอนว่าองค์ชายเจ็ดย่อมไม่อยากสร้างความลำบากใจให้แก่เด็กอ้วนผู้มีนิสัยน่าสนใจคนนี้ พระองค์จึงไม่คิดแกล้งนางต่อ ทรงโบกพัดในพระหัตถ์แล้วหันไปตรัสกับผู้ติดตามที่กำลังกังวลว่าจะมีคนอื่นมาแย่งงานไป ข้าจะซื้อผ้าเช็ดหน้าในมือของเด็กคนนี้ !

หลังกล่าวจบพระองค์ก็เสด็จไปที่เรือของราชสำนักอย่างสบาย ส่วนผู้ติดตามคนนั้นก็โยนพวงเงินให้หลินเว่ยเว่ย มองคร่าว ๆ แล้วน่าจะมีประมาณ 10 ตำลึงได้ จากนั้นผู้ติดตามก็รีบดึงผ้าเช็ดหน้ามาครองแล้วเร่งฝีเท้าตามเจ้านายไป

หลินเว่ยเว่ยเดินไปบริเวณที่ไม่มีใครแล้วเอาเงินตำลึงทั้งหมดที่ขายแมวป่าได้ออกมานับ นางนั่งนับได้ทั้งหมด 100 ตำลึง ไม่ขาดไม่เกิน ! วันนี้ช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้พบเศรษฐีหนุ่มรูปงาม คนเงินหนามักชอบซื้อสินค้าอย่างใจถึง !

โชคดีที่เมื่อวานนางมิได้ฆ่าแมวป่า ถ้านางขายแค่หนังและเนื้อของมันในสถานที่เล็ก ๆ เยี่ยงเขตเริ่นอันแห่งนี้ก็เกรงว่าอย่างมากสุดน่าจะขายได้แค่สิบยี่สิบตำลึงเท่านั้น

เงิน 100 ตำลึงนี้ นอกจากสร้างโรงเลี้ยงกระต่ายให้น้องชายคนเล็กได้แล้วยังเหลือพอจะซื้อกระเบื้องมาซ่อมหลังคาบ้านได้ทั้งหลังเพราะก่อนหน้านี้หลังคาบ้านมุงด้วยใบจาก หากวันไหนลมกระโชกแรงขึ้นมาก็มีหวังว่าหลังคาได้ปลิวหายไปตามแรงลมแน่นอน !

หลินเว่ยเว่ยไปที่ร้านเช่าเกวียนและบังเอิญได้เกวียนที่เคยไปส่งนางกับเจียงโม่หานคราวนั้น คนบังคับเกวียนจำนางได้จึงถามอย่างระแวดระวังว่า ครั้งนี้คงมิได้ให้ข้าลากคนใกล้ตายไปส่งใช่หรือไม่ ?

แล้วท่านลุงเห็นคนเจ็บหรือไม่เล่า ? คราวนี้เป็นอิฐและกระเบื้อง ! เลิกอ้อมค้อมได้แล้ว บอกข้ามาเลยว่าจะไปหรือไม่ ! หลินเว่ยเว่ยมองค้อนแล้วถามอย่างมิสบอารมณ์

คราวนี้ผู้บังคับเกวียนยิ้มรับทันที ไปสิ ไม่ไปได้เช่นไร ! ของแค่นี้ประเดี๋ยวข้าจัดการเอง! ส่วนค่าบรรทุกพร้อมขนสัมภาระลงข้าคิด 200 อีแปะ !

เมื่อวันก่อนยังคิดข้าแค่ 100 อีแปะอยู่เลย เหตุใดวันนี้เพิ่มเป็นเท่าตัวแล้ว ? ท่านลุงจะใจดำเกินไปหรือไม่ ! หลินเว่ยเว่ยชักสีหน้า หรือเขาคิดว่าข้าโง่เขลาถึงได้พลิกลิ้นเช่นนี้ ?

อย่าเพิ่งโกรธ เจ้าอย่าเพิ่งโกรธข้าเลย ! ช่วงนี้ราคาพืชพันธุ์ธัญญาหารในเมืองก็เพิ่มสูงขึ้นทุกวัน ไหนจะราคาข้าวของเครื่องใช้ที่ขึ้นราคาเป็นว่าเล่น อีกอย่างครั้งนี้เจ้าให้ข้าขนอิฐขนกระเบื้องที่หนักกว่าคราวก่อนซึ่งข้าก็แก่แล้ว การที่ข้าขนอิฐขนกระเบื้องพวกนั้นลงให้เจ้าแล้วคิดราคาแค่นี้ก็ถือว่ายุติธรรมมากแล้ว หากเจ้าไม่เชื่อก็ลองไปถามร้านอื่นสิ ผู้บังคับเกวียนแสร้งทำเป็นไอพลางพ่นเสมหะลงดิน

หลินเว่ยเว่ยมุ่ยปากพลางกล่าวว่า ครั้งนี้ข้าไม่ให้ท่านขนของลงเสียหน่อย ข้าให้ได้มากสุดแค่ 120 อีแปะ ท่านลุงจะไปส่งหรือไม่ !

1 ซื่อจื่อ หมายถึง ผู้สืบทอด คือบุตรชายที่จะสืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจากบิดาซึ่งเป็นอ๋องหรือโหว

ตอนต่อไป