บทที่45 ตรวจหาสาเหตุของโรค

ฉู่หมิงชุ่ยรู้สึกว่าท่านปู่กังวลมากเกินไป นางเอ่ยว่า“ท่านปู่อย่าได้ห่วงไปเลย หยวนชิงหลิงนั้นหนีไม่พ้นความผิดแน่ เดิมทีอาการของไท่ซ่างหวงก็หนักมากอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งได้รับพิษสลบไป จะมีทางช่วยได้อย่างไรกัน ขอแค่ไท่ซ่างหวงสวรรคตแล้ว ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด หยวนชิงหลิงก็มีความผิดที่ทำการรักษาไท่ซ่างหวงด้วยตนเองทำให้อาการไท่ซ่างหวงแย่ลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องคุณงามความดีแล้ว”

หลายวันมานี้ที่วังหลัง เกิดคลื่นลมต่างๆ นางก็ยังดูไม่ออก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหยวนชิงหลิง

ตอนนี้สถานการณ์ซับซ้อนมาก อ๋องฉู่ก็พาตัวเองเข้าสู่อันตรายที่ว่าด้วยการทำร้ายตนเอง จวนอ๋องฉู่นับว่าถึงจุดสิ้นสุดแล้ว

นึกถึงหยู่เหวินเห้า ในใจนางก็ยังรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง แต่เพื่อให้งานใหญ่สำเร็จ จะไม่สนใจเรื่องเล็กน้อย นี่มันชีวิตของเขา

“อย่าแน่ใจนัก ทุกเรื่องหากยังไม่ถึงก้าวสุดท้าย ย่อมมีโอกาสเปลี่ยนแปลง”อัครเสนาบดีฉู่จ้องมองนาง “เรื่องที่ไท่ซ่างหวงถูกวางยา คงไม่ใช่ฝีมือพวกเจ้าหรอกนะ”ฉู่หมิงชุ่ยตกใจ “แน่นอนว่าไม่ใช่พวกเรา อย่าว่าแต่ให้ข้าใจกล้าเทียมฟ้า ก็ไม่กล้าทำร้ายไท่ซ่างหวงแน่”

อัครเสนาบดีฉู่พยักหน้าเบาๆ หลุบหนังตาที่หย่อนลงตามอายุขัย “ไม่ใช่พวกเจ้าก็ดี ข้าจะตรวจสอบสักหน่อย หยวนชิงหลิงรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร เจ้าออกไปเถอะ”

ฉู่หมิงชุ่ยลุกขึ้นย่อตัวคำนับแล้วออกไป

ออกจากประตูห้องหนังสือ ข้างนอกแสงอาทิตย์อัสดงสาดเต็มพื้น นึกถึงอ๋องฉู่ ในใจนางยังคงรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก

เดิมคิดว่า เขายังคงลืมความรักระหว่างกันไม่ได้ แต่การสนทนาที่หอเหวินชาง นางก็ได้รับรู้ถึงความเย็นชาห่างเหินของเขาแล้ว

หรือในใจเขามีหยวนชิงหลิงแล้ว หญิงชั้นต่ำเช่นนั้น ไหนเลยจะเหมาะสมกับเขา ที่เดาออกว่าหยวนชิงหลิงรักษาอาการป่วยให้ไท่ซ่างหวงนั้น เพราะตอนที่ไปจวนอ๋องฉู่แล้วได้เห็นบาดแผลของหยู่เหวินเห้า ได้ยันอ๋องฉีบอกว่าบาดแผลทั้งหมดอาศัยฝีมือของหยวนชิงหลิงคนเดียว นางคิดทบทวนดู ที่ไท่ซ่างหวงดีขึ้นกะทันหัน น่าจะเป็นเพราะหยวนชิงหลิงยื่นมือออกไปช่วย

ตอนแรกนางก็เอาแต่จ้องไปในม่านที่บังอยู่ หยวนชิงหลิงนั้นโน้มตัวไปตรงหน้าไท่ซ่างหวง ตามนิสัยเดิมของนางแต่ก่อน หากไม่มีการเคลื่อนไหวใด จะไม่เข้าใกล้คนที่ใกล้จะตายเด็ดขาด

เรียกให้ท่านป้าไปลองสำรวจดู ที่จริงก็อันตรายมาก แต่ว่า เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว แม้จะอันตรายก็ต้องทำ โชคดีที่คาดเดาได้ถูกต้อง

ยกมุมปากขึ้นยิ้ม นางสั่งสาวใช้ข้างกายเรียบๆ“ไปขวางเจ้าพระยาจิ้งไว้ ให้เขาไปหาข้าที่จวนอ๋อง”

ความคิดของเจ้าพระยาจิ้ง นางจะไม่รู้ได้อย่างไร นางต้องการวางคนไว้ให้อ๋องฉี ทั้งหมดเพื่อแย่งชิงตำแหน่งนั้น เจ้าพระยาจิ้งก็สามารถออกแรงช่วยได้อีกคน

สาวใช้รับคำสั่ง

นางหันไปสั่งแม่เฒ่า “ไปเรียนอ๋องฉี เตรียมตัวเข้าวัง”

แม่เฒ่าอึ้งไปสักพัก “ไหนว่าจะกลับจวนเพคะ”

“ข้าเคยบอกที่ไหนว่าจะกลับจวน”ฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยเรียบๆมองแม่เฒ่าแวบหนึ่ง

“เมื่อครู่ท่านไม่ใช่เรียก……”

ฉู่หมิงชุ่ยเอ่ยเสียงเย็น “เช่นนั้นก็ให้เขารอไป หากคืนนี้ยามสวีข้ายังไม่ออกจากวัง ก็ให้เขามาอีกครั้งพรุ่งนี้ ทำอย่างนี้ไปหลายๆวัน หากเขามีความอดทน ข้าก็จะพบเขา”

แม่เฒ่าไม่เข้าใจ “พระชายาทำเช่นนี้ทำไม”

ปากนางโค้งขึ้น “ข้าจะทดสอบความฮึกเหิมของจวนเจ้าพระยาจิ้ง ให้เจ้าพระยาจิ้งรู้ว่าในสายตาข้า เขาก็แค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้น ขอแค่เขารู้ถึงจุดนี้ เขาจึงจะภักดีต่อข้าอย่างหมดใจ”

พูดจบ นางก็เดินลงบันไดหินอย่างสง่างาม ค่อยๆเดินออกไปข้างนอกทีละก้าว

ในวัง

ประมาณยามสวี ฮ่องเต้หมิงหยวนได้ให้มู่หรูกงกงไปเชิญหยวนชิงหลิงไปที่พระตำหนักฉินคุน

หยู่เหวินเห้ามองนาง ในสายตามีแววเป็นกังวล “ระวังด้วย อย่าประมาท”

“ข้ารู้แล้ว ”หยวนชิงหลิงตอบรับ

ในใจนางรู้สึกอบอุ่น หยู่เหวินเห้าก็ไม่ได้เลวร้ายนัก

มู่หรูกงกงพาหยวนชิงหลิงออกจากประตูข้าง ไม่ได้ผ่านห้องหนังสือ

มาถึงตำหนักฉินคุน จึงเห็นว่าทั้งฮ่องเต้หมิงหยวนกับอ๋องชินลุ่ยต่างก็อยู่

เพียงแต่ไทเฮาที่เฝ้าไท่ซ่างหวงอยู่ตลอดนั้นไม่อยู่ ฮองเฮาก็ไม่มา

หมอหลวงกับฉางกงกงแม่นมสี่ต่างก็รับใช้อยู่หน้าเตียง ฝูเป่าถูกอุ้มให้ไปนอนอยู่บนเตียงหลอฮั่น ดูมีชีวิตชีวาขึ้นมากแล้ว เมื่อเห็นหยวนชิงหลิง ปากของมันก็ส่งเสียงครางออกมา

หยวนชิงหลิงมองฝูเป่าแวบหนึ่ง ชู่เสียงหนึ่ง ฝูเป่าก็เงียบเสียงลงทันที

อ๋องชินลุ่ยเห็นดังนี้ ก็เอ่ยยิ้มๆ “เจ้าเดรัจฉานตัวนี้ยังฟังคำเจ้า น่าแปลกจริงๆ”

หยวนชิงหลิงยิ้มอ่อน “สุนัขรู้ภาษามนุษย์”

“นั่นก็จริง ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำให้ไท่ซ่างหวงดีใจปานนั้น บางทีสุนัขก็หยั่งถึงใจคนได้มากกว่ามนุษย์ ”อ๋องชินลุ่ยเอ่ยราวกับคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นก็มองไปยังฮ่องเต้หมิงหยวนเรียบๆ

ฮ่องเต้หมิงหยวนตอบกลับด้วยสายตาให้กับอ๋องชินลุ่ย นี่บอกว่าเขาไม่รู้ใจหรือไร

เขาเอ่ยกับหยวนชิงหลิง “ในเมื่อเจ้ารู้วิชาแพทย์ ก็ไม่ดูสิว่าไท่ซ่างหวงเป็นอย่างไรบ้าง”

หยวนชิงหลิงย่อคำนับแล้วเดินเข้าไป

แม่นมสี่กับฉางกงกงถอยออกไป นางมองสีหน้าของไท่ซ่างหวง จากนั้นก็ถามหมอหลวงที่อยู่ข้างๆ “ไท่ซ่างหวงถูกพิษหรือ”

หมอหลวงได้เห็นฝีมือร้ายกาจในการช่วยชีวิตอ๋องฉู่เมื่อครู่ ท่าทีก็นอบน้อมลงหลายส่วน พูดว่า “เรียนพระชายา ไท่ซ่างหวงมีร่องรอยถูกพิษจริง”

“สามารถให้ข้าดูบันทึกการรักษาประจำวันหรือไม่”

หมอหลวงหยิบเอาออกมาจากกล่องยาแล้วยื่นให้ “เชิญพระชายาตรวจดู”

หยวนชิงหลิงเปิดออก เปิดไปยังหน้าที่บันทึกการรักษาไท่ซ่างหวงเมื่อคืน กระอักเลือดสองครั้ง จากนั้นก็สลบไป ชีพจรเต้นอ่อนไร้เรี่ยวแรง ริมฝีปากมีสีม่วงปรากฏ วินิจฉัยขั้นแรกว่าถูกพิษ

ถูกพิษอะไร ในนี้ไม่ได้เขียนเอาไว้

และยาที่ใช้ในการรักษาเขียนไว้ด้านล่าง เป็นยาแพทย์แผนจีน หยวนชิงหลิงรู้ว่าเป็นยาใช้ถอนพิษ แต่หลังจากเสวยไปแล้วด้านล่างก็เขียนไว้ว่าไม่ได้ทำให้อาการดีขึ้น

หรือจะบอกว่า ไม่ได้ให้ยาถูกกับโรค

นางพลิกไปก่อนหน้านี้ พบว่าไท่ซ่างหวงได้เสวยยาชนิดหนึ่งอยู่ตลอดมา เรียกว่ายาจิ่วจวน

“ยาจิ่วจวนทำมาจากอะไรบ้าง”หยวนชิงหลิงถามขึ้น

“ยาจิ่วจวนนั้นทำขึ้นเพื่อไทเฮาโดยเฉพาะ บรรเทาอาการปวดหัวจากลม ให้ร่างกายแข็งแรงเพิ่มลมปราณในร่างกาย ไทเฮาเสวยแล้วดีมาก จึงให้สั่งให้เอามาให้ไท่ซ่างหวงเสวยด้วย การทำยาจิ่วจวน อยู่ที่หน้าแรกมี……”หมอหลวงเดินเข้ามาช่วยเปิดไปยังหน้าแรก ชี้ให้หยวนชิงหลิงดู

ไป๋จู๋ จูซัว ซวนจ่าวเริน ไป๋จื่อเหริน ตังกุยเป็นต้น ล้วนเป็นตัวยาที่ทำให้จิตใจสงบ ไม่ได้น่าสงสัยอะไร

“ยาจิ่วจวนนี้ ให้ข้าดูได้หรือไม่”หยวนชิงหลิงถาม

ฉางกงกงพูด “ในตำหนักมี เพราะเป็นยาที่ไท่ซ่างหวงเสวยประจำ ฉะนั้นจึงมีเตรียมเอาไว้ในตำหนัก”

ฉางกงกงเดินลงไปเอากล่องใบหนึ่งมา ยื่นให้กับหยวนชิงหลิง หยวนชิงหลิงเปิดออก ในกล่องมีสิบสองช่อง มียาวางอยู่สิบสองเม็ด ตอนนี้ได้ใช้ไปสิบเม็ดแล้ว ยังเหลือสองเม็ด

ฉางกงกงอึ้งไปสักพัก “เอ๋ ตามหลักแล้วต้องเหลือสามเม็ด นี่หายไปไหนหนึ่งเม็ด“

“หายไปหนึ่งเม็ด ”หยวนชิงหลิงใจกระตุกวูบ “แน่ใจหรือ”

“ข้าแน่ใจ ทุกวันเป็นพวกข้าที่คอยรับใช้ให้ไท่ซ่างหวงเสวยยา ครั้งสุดท้ายก็เป็นพวกเราที่ให้ยา จำได้แม่นยำว่ายังเหลือสามเม็ด”

หยวนชิงหลิงถามอย่างสงสัย “ฉางกงกงนึกดูให้ดีว่าไม่ผิดใช่หรือไม่ เรื่องนี้สำคัญมาก”

ฉางกงกงเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “เรื่องนี้พวกเราจะจำผิดได้อย่างไร ครั้งสุดท้ายที่ให้ยา ฝูเป่าก็ร้องขึ้นกะทันหัน ทำเอาพวกเราตกใจกันหมด ยาก็หล่นลงที่พื้น เก็บขึ้นมาแล้วก็วางลงที่เดิม แน่ใจว่าเหลือสามเม็ด ”

“ยาเคยตกพื้นหรือ เช่นนั้นลำดับขั้นตอนก็วุ่นไปหมด”

“ลำดับขั้นตอนวุ่นวายจะสำคัญอะไร ยาก็ยังเหมือนเดิม ”ฉางกงกงพูด

หยวนชิงหลิงพูดว่า “เกรงว่าจะไม่ใช่”

นางเดินลงไปวางยาลงบนโต๊ะ วางยาสองเม็ดออกจากกัน เอาแก้วใบหนึ่งทุบยาออก แตกเป็นผง เห็นถึงสีข้างใน หยวนชิงหลิงถอนหายใจจากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้น “เสด็จพ่อ ท่านดูนี่”