ตอนที่ 83 ข่าวลือเกี่ยวกับจี้จือฮวน

ทุกคนต่างมองมาที่เขาจนเป็นตาเดียว สีหน้าแต่ละคนราวกับเขียนเอาไว้ว่า ของเจ้ากับผีน่ะสิ

มุมปากของจี้จือฮวนยกขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเทชานมที่เหลืออยู่ในหม้อเล็กน้อยให้อาฮวาฮวาดื่มต่อหน้าของเซียวเย่เจ๋อ

อาฮวาฮวาแกว่งหางไปมาด้วยความดีใจต่อหน้าต่อตาของเซียวเย่เจ๋อ

เซียวเย่เจ๋อ “…”

จะรังแกกันเกินไปแล้ว!

เขาไม่มีทางลืมปณิธานของตัวเอง เพื่อของกินเพียงเล็กน้อยแค่นี้หรอก!

“ว้าว อร่อยจังเลย” หย่งหนิงกินผลไม้ไป พลางยิ้มหวานออกมา

อาชิงยกผลไม้ที่หย่งหนิงชอบให้นาง อาฝูเองก็ใช้ส้อมเล็ก ๆ จิ้มองุ่นลูกหนึ่งให้นางพร้อมกับใบหน้าที่แดงเรื่อ

เซียวเย่เจ๋อมองดูพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา “นี่ เจ้าเด็กบ้าสองคนนี้ อยู่ให้ห่างจากท่านอาน้อยของข้าเลยนะ”

ไก่ป่าไหนเลยจะคู่ควรกับหงส์ฟ้า คิดจะเอาอกเอาใจอย่างนั้นหรือ ฝันไปเถอะ!

ไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เซียวเย่เจ๋อก็ประสบความสำเร็จได้เลื่อนตำแหน่งกลายเป็นคนที่ครอบครัวเผยเกลียดมากที่สุด

นอกจากองครักษ์ที่เขาพามาด้วยแล้ว ก็ไม่มีใครสนใจเขาอีก

เซียวเย่เจ๋อโมโหเป็นอย่างมาก เขาจึงเดินไปที่ห้องครัวอีกครั้ง ก่อนจะยืนพิงประตูและเอ่ยขึ้นมา “อากาศร้อนเช่นนี้ เจ้าไปเอาน้ำแข็งมาจากที่ใด?”

“อยากรู้หรือ?” จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น

เซียวเย่เจ๋อย่อมอยากรู้อยู่แล้ว แต่แค่อายที่จะถามออกไปตรง ๆ ก็เท่านั้น

“เจ้าจะบอกหรือไม่?”

จี้จือฮวนยื่นมือออกมา พลางเอานิ้วชี้กับนิ้วโป้งถูกันไปมา

???

“ทำอะไร?”

“สูตรลับเฉพาะจะบอกผู้อื่นง่าย ๆ ได้อย่างไร ข้าต้องดูความจริงใจของเจ้าก่อน” นับตั้งแต่ที่จี้จือฮวนรู้ว่าแท้จริงแล้วครอบครัวของเจ้าเด็กคนนี้เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยของต้าจิ้น ก็ตัดสินใจแล้วว่าจะหาผลประโยชน์จากเขา

พึ่งพิงต้นไม้ใหญ่ย่อมสบายกว่า เปรียบเสมือนกับการได้ร่วมมือกับบริษัทอันดับหนึ่งของประเทศก็ย่อมต้องดีกว่าโรงงานเล็ก ๆ อยู่แล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมาจากจวนอู่อันโหว พ่อค้าทั่วไปก็ยังต้องหลีกทางให้ ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าเศษสวะอย่างฉือชางไห่จะมาลอบกัดอีก

แม้ว่าคนผู้นี้ปากจะเสียไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าจะหมดทางเยียวยา

อย่างน้อยตอนนี้ในสายตาของจี้จือฮวน เซียวเย่เจ๋อก็คือคลังเงินที่เคลื่อนที่ได้

“อยากได้เงินใช่หรือไม่ เงินข้ามีเยอะมาก ดังนั้นเจ้าบอกมาก่อนว่าทำน้ำแข็งได้อย่างไร”

เมื่อครู่จี้จือฮวนเอาน้ำแข็งมาจากช่องว่างมิติ เพราะหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่มีเหมือง ดังนั้นนางจึงเงยหน้าแล้วถามขึ้นมา “กิจการครอบครัวของพวกเจ้า รวมไปถึงการทำเหมืองด้วยใช่หรือไม่ แล้วมีดินประสิวหรือไม่?”

“มีสิ เวลาที่ในกองทัพต้องการดินปืน ต้องใช้ดินประสิวเป็นกองเชียวล่ะ” เซียวเย่เจ๋อตอบไปตามตรง

“ได้ เช่นนั้นมาทำสัญญากันก่อน พวกเราแบ่งกันหกส่วนสี่ส่วน เจ้าหกข้าสี่ ข้าจะรับผิดชอบสอนวิธีทำ วิธีกิน และวิธีใช้น้ำแข็ง ส่วนเจ้ารับผิดชอบในเรื่องการขุด ขนส่ง และขาย” จี้จือฮวนเช็ดมือเล็กน้อย “หากตกลงข้าสามารถสอนเจ้าได้เดี๋ยวนี้เลย”

เซียวเย่เจ๋อสำลักขึ้นมาทันที “เจ้าคิดว่ากำลังซื้อขายมันเทศหรืออย่างไร แค่อ้าปากก็จะเอาสี่ส่วนเลยอย่างนั้นหรือ”

“หากไม่เอาก็ช่างเถอะ” จี้จือฮวนแสร้งทำเป็นจะไม่สนใจเขาอีก เซียวเย่เจ๋อเกาหัวเล็กน้อย “ช่างเถอะ เห็นชีวิตเจ้าลำบาก ข้าจะช่วยเจ้าหาเงินสักหน่อยก็แล้วกัน จะทำสัญญาอย่างไร?”

“เรื่องนี้เจ้าน่าจะชำนาญกว่าข้านะ”

ก็จริง เซียวเย่เจ๋อจึงตะโกนออกไปให้เซียวผิงไปจัดการเรื่องสัญญา

สมกับที่เป็นพ่อค้าที่ร่ำรวยเป็นอันดับหนึ่งจริง ๆ แม้แต่เงื่อนไขในการแบ่งเงินก็มีการเขียนมาอย่างละเอียดชัดเจน จี้จือฮวนจึงเรียกให้เผยจี้ฉือเข้ามา หลังจากอ่านให้นางฟังทีละคำแล้ว นางจึงได้ประทับลายนิ้วมือลงไปอย่างระมัดระวัง

“ขอให้ความร่วมมือในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี” จี้จือฮวนยื่นมือออกไปให้

เซียวเย่เจ๋อกลับเอ่ยด้วยความรังเกียจ “อย่าคิดจะมากินเต้าหู้ข้า”

จี้จือฮวนกลอกตามองบน “เจ้าเข้ามาเถอะ ข้าจะสอนเจ้าว่าการทำน้ำแข็งต้องทำอย่างไร”

เซียวเย่เจ๋อไม่ได้สงสัยอะไร เมื่อเขาเข้าไปในห้องครัว จี้จือฮวนก็เอ่ยขึ้นมา “การทำน้ำแข็งนั้นง่ายมาก เมื่อดินประสิวละลายในน้ำ มันจะดูดซับความร้อนจำนวนมาก จากนั้นก็จะทำให้น้ำโดยรอบเย็นลงจนแข็งตัว เท่านี้ก็จะกลายเป็นน้ำแข็งแล้ว ตอนนี้อากาศร้อน ยังมีเวลาอีกพักใหญ่กว่าจะเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง หากอยากทำการค้านี้ต้องรีบทำตั้งแต่เนิ่น ๆ”

“แค่นี้เองหรือ?” เซียวเย่เจ๋อไม่อยากจะเชื่อ “ข้าจะเชื่อเจ้าได้อย่างไร?”

“เจ้ากลับไปลองทำดูก็จะรู้เอง ขอเพียงสามารถทำน้ำแข็งได้ ทั้งฤดูร้อนนี้ก็จะมีเครื่องดื่มใส่น้ำแข็งมากมายที่เจ้าคิดไม่ถึง และสิ่งเหล่านี้มีเพียงข้าที่ทำเป็น เจ้าไม่เสียเปรียบอย่างแน่นอน”

เซียวเย่เจ๋อครุ่นคิดไปมา “หวังว่าเจ้าจะไม่หลอกข้าหรอกนะ เช่นนั้นรอทำเงินได้แล้ว ข้าจะรวมมาให้เจ้าเดือนละครั้งก็แล้วกัน”

“ได้” จี้จือฮวนคิดว่าตอนนี้ตนเองก็ไม่อาจปฏิบัติไม่ดีต่อคู่ค้าได้ จึงกล่าวขึ้นว่า “เมื่อครู่เจ้าอยากกินชานมหรือ ชานมวันนี้หมดแล้ว จะลองกินไอศกรีมดูหรือไม่?”

เซียวเย่เจ๋อเลิกคิ้วขึ้น “ทำให้ข้าคนเดียวอย่างนั้นหรือ?”

“รับรองว่าเจ้าจะได้กินก่อน”

เซียวเย่เจ๋อเบะปาก “มาตอนนี้คิดจะติดสินบนข้าแล้วหรือ?”

“ไม่กินก็ช่างเถอะ”

“ใครบอกว่าข้าไม่กิน ข้าจะเอาใหญ่ที่สุด”

“ได้เลย”

การทำไอศกรีมต้องตีเนื้อครีมก่อน โดยการใส่ไข่ขาวสี่ฟอง แยกไข่แดงใส่ชามอีกใบ ขณะที่ตีอยู่นั้นก็เติมน้ำส้มสายชูขาวหนึ่งหยดและน้ำมะนาวสองถึงสามหยดลงไป ความเป็นกรดจะช่วยให้ตีเข้ากันได้ดีขึ้น เมื่อตีจนเหนียวแล้วก็ใส่น้ำตาลลงไป จากนั้นเมื่อตีจนเป็นเนื้อครีมแล้วก็พักไว้

ระหว่างนั้นเซียวเย่เจ๋อเองก็ไม่ได้ไปไหน เขานั่งอยู่หน้าเตามองดูว่านางทำเช่นไร เขาไม่เชื่อว่าต้องอาศัยนางจึงจะสามารถทำของอร่อยได้

ส่วนไข่แดงที่เหลือ ใส่น้ำตาลและน้ำลงไป หลังจากคนแล้วก็ใส่ลงไปในหม้อตั้งไฟอ่อน ๆ จากนั้นก็คนจนข้นแล้วนำใส่ชามวางในน้ำเย็นเพื่อระบายความร้อน

เทครีมไข่ขาวเมื่อครู่ลงไป ใส่แค่หนึ่งในสามส่วน คนให้เข้ากันแล้วค่อยใส่ครีมที่เหลือลงไป จนกระทั่งเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นก็เอาไปใส่ในเครื่องบดและบดให้ละเอียด

เพื่อให้ไอศกรีมเป็นรูปเป็นร่างเร็วขึ้น จี้จือฮวนอาศัยตอนที่เซียวเย่เจ๋อไม่ทันสังเกต ใส่ลงในช่องแช่แข็งของช่องว่างมิติ

“ต้องรออีกสักพักถึงจะกินได้”

เซียวเย่เจ๋อพยักหน้าให้ ก่อนจะเอ่ยอย่างครุ่นคิด “คุณหนูที่สูงส่งเช่นเจ้า เหตุใดจึงทำงานที่ใช้แรงเหล่านี้ได้ด้วย?”

อีกทั้งยังทำได้เชี่ยวชาญถึงเพียงนี้ คงต้องทำมาหลายครั้งแล้วเป็นแน่

จี้จือฮวนเงยหน้าขึ้นมองเขา “ตอนข้าอยู่ในจวนจี้กั๋วกงก็เป็นสาวใช้ระดับล่างสุด อะไรคือคำว่าคุณหนูผู้สูงส่ง ข้าไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน”

เซียวเย่เจ๋อตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “จะเป็นไปได้อย่างไร หรือว่า…เจ้าไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของจี้กั๋วกงอย่างนั้นหรือ?”

“คงใช่กระมัง” จี้จือฮวนยักไหล่ ท่าทางราวกับไม่แยแส

เซียวเย่เจ๋อตบปากตัวเองไปหนึ่งที คิดว่าคำพูดเมื่อครู่ไม่เหมาะสมเท่าใดนัก

“แต่ว่าใครต่อใครต่างก็บอกว่าเจ้ายโสโอหัง ทำอะไรตามอำเภอใจ ใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย”

จี้จือฮวนหรี่ตาลง “มีเรื่องดีเช่นนั้นด้วยหรือ แล้วเงินที่บอกว่าเอาไปใช้สุรุ่ยสุร่ายนั่นใครเป็นคนจ่ายให้ข้ากัน เพราะเงินทั้งหมดที่ข้ามีในตอนนี้ยังไม่ถึงหนึ่งพันตำลึงเลยด้วยซ้ำ”

เซียวเย่เจ๋อพลันรู้สึกหนักอึ้งในอกขึ้นมา “เช่นนั้น ล้วนเป็นเรื่องโกหกอย่างนั้นหรือ เหตุใดจวนจี้กั๋วกงถึงทนให้คนอื่นว่าร้ายเจ้าเช่นนี้ได้”

จี้จือฮวนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าคนอื่นเป็นคนพูด คนภายนอกจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นเช่นไร ใครรู้จักข้าดีที่สุด คนนั้นก็ต้องเป็นคนพูดน่ะสิ”

เหตุผลง่าย ๆ เช่นนี้ยังไม่เข้าใจ มิน่าเล่าถึงได้ถูกนางเอกหลอกใช้เป็นเครื่องมือ

เห็นแก่ที่เขาเป็นคู่ค้าของนาง เงินนี้นางจะปกป้องแทนเขาเอง ส่วนเรื่องความสัมพันธ์นางไม่สนใจ

เซียวเย่เจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะถามคำถามที่แม้แต่ตนเองก็ยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคำตอบออกมา “ดังนั้นการที่เจ้าแต่งมาอยู่ที่นี่ พ่อเจ้าก็เห็นชอบด้วยอย่างนั้นหรือ?”

“อืม”

เดิมทีเป็นนางเอกที่ต้องแต่งกับเผยยวน ในเมื่อเผยยวนไร้ประโยชน์แล้ว พวกเขาจึงนึกขึ้นมาได้ว่าตระกูลจี้ยังมีลูกสาวอีกคนอย่างไรเล่า

เซียวเย่เจ๋อรู้สึกโมโหขึ้นมา “เหตุใดเจ้าถึงไร้สมองเช่นนี้ พวกเขาต่างบอกว่าสามีของเจ้าเป็นเหมือนคนที่ตายไปแล้ว เหตุใดเจ้าถึงไม่หนีไป ยังจะรออะไรอีก?”

.

.

.