ตอนที่ 105 ผู้ชายที่เป็นที่นิยมนั้นแตกต่างออกไปจริงๆ

My Death Flags Show No Sign of Ending

“ ดาบเล่มนั้นที่ดูดพลังชีวิตของนาย ข้าขอยืมได้ไหม ? ”

 

โคดี้นั้นรู้อยู่แล้วว่าดาบเล่มนี้นั้นดูดพลังเวทมนตร์ของผู้ใช้แถมยังดูดอายุไขอีกด้วยแต่เขาก็ยังคงจะขอยืมมัน แม้ว่าฮาโรลด์จะยังสงสัยเกี่ยวกับพลังที่แท้จริงของดาบเล่มนี้ว่าคืออะไรกันแน่ แต่มันก็เป็นที่แน่ชัดว่าดาบเล่มนี้มีความอัตรายมากพอที่จะเรียกว่าดาบปีศาจหรือดาบมารได้เลย ซึ่งบอกตามตรง เขาคงไม่สามารถมอบมันให้กับคนอื่นง่ายๆแน่

เนื่องจากความเสี่ยงที่จะได้รับจากมันฮาโรลด์จึงพยายามที่จะใช้มันให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ในบางสถานการณ์ดาบเล่มนี้ก็ถือเป็นไพ่ตายที่สามารถทำให้เขารอดพ้นธงมรณะไปได้ และที่สำคัญกว่านั้น การให้โคดี้ยืมดาบเล่มนี้โดยที่ไม่รู้จุดประสงค์ที่แน่ชัดของเขา มันอดไม่ได้ที่ฮาโรลด์จะเป็นกังวล

ด้วยเหตุผลที่ว่ามาทั้งหมดนี้ ฮาโรลด์จึงตั้งใจที่จะปฎิเสธไปตรงๆ

แต่นั้นคือก่อนที่เขาจะได้ฟังเรื่องราวว่าดาบเล่มนี้อาจจะสามารถช่วยเหลือใครคนหนึ่งได้

.

.

.

มันก็ผ่านมา 3 วันแล้วตั้งแต่แยกทางกับวินเซนต์

ตอนนี้ฮาโรลด์กำลังยืนอยู่ ณ ใจกลางชนบทแห่งหนึ่ง มันคือเมืองที่ชายคนที่โคดี้กล่าวอ้างอาศัยอยู่

แม้ว่าก่อนหน้านี้ฮาโรลด์จะเคยพูดว่าเขานั้นกำลังยุ่งมากและมีบางสิ่งที่จะต้องรีบจัดการ แต่ถึงกระนั้นเขากลับมาอยู่ที่แห่งนี้ นั้นเพราะฮาโรลด์เชื่อว่าเรื่องในครั้งนี้อาจมีประโยชน์ต่องเขาในบางมุม แถมจุดหมายที่เขากำลังจะไปนั้นหากผ่านเมืองนี้ก็อ้อมเพียงนิดหน่อยเท่านั้น ซึ่งก็อยู่ในจุดที่ฮาโรลด์สามารถลงมือได้ทันทีหากได้รับการติดต่อมาจากกลุ่มฟรีรี่

ดังนั้นการแวะมาที่นี่จึงถือว่าไม่ขาดทุนเท่าไหร่นัก

 

( … มาคิดๆดูถึงผมจะเรียกมันว่าโอกาสก็เถอะ แต่ตอนนี้ผมมาไกลเกินถอยกลับแล้วล่ะมั้ง ) – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์รู้สึกรังเกียจทุกครั้งที่คิดว่าชีวิตของตนกำลังถูกเล่นตลก อย่างไรก็ตาม จุดสิ้นสุดของเรื่องราวทั้งหมดกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ หรือก็คือ วันที่ฮาโรลด์จะต้องตายกำลังใกล้เข้ามา ซึ่งตอนนี้มันควรจะถึงขีดจำกัดที่เขาจะมัวเป็นห่วงสิ่งต่างๆรอบๆตัวและหันมาห่วงชีวิตตัวเองเพียงอย่างเดียว

ไม่ว่าจะพยายามแก้ตัวยังไง ฮาโรลด์ก็ยังคิดว่าชีวิตของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด ดังนั้นแม้ว่าจะรู้สึกแย่ แต่เขาก็คงต้องขอเห็นแก่ตัวบ้างซักหน่อย

 

[ ….ชั้นถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์อดไม่ได้ที่จะเผลอพึมพัมออกมา

ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ฮาโรลด์ได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อที่เขาจะรอดชีวิตไปได้ แม้ว่าหลายๆเหตุการณ์ที่เขาทำนั้นจะสามารถช่วยชีวิตของใครหลายๆคน แต่เอาตามตรงฮาโรลด์ไม่ได้มีเป้าหมายสูงส่งอย่างการช่วยเหลือคนอื่นอะไรแบบนั้นหรอก เขาทำเพื่อตัวเขาเอง

ไม่ว่าด้านไหนๆเขาเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง แม้ว่าความสามารถทางร่างกายนี้จะสูงกว่าปกติมาก แต่เขาก็ไม่อาจคิดว่าตนจะสามารถเป็นฮีโร่ได้ เพราะถ้าเขามีความคิดเช่นนั้น เขาคงไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวกับความขัดแย้งหรือภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกได้ทันท่วงทีเป็นแน่

คนที่จะกอบกู้โลกใบนี้คือไลเนอร์และพรรคพวก ไม่ใช่ใครอื่น ดังนั้นจึงไม่แปลกถ้าฮาโรลด์จะสนับสนุนพวกเขาจากในเงามืดและมุ่งเน้นกับความปลอดภัยของพวกเขาเป็นหลัก

เพราะนี่คือจุดที่เขาสามารถยืนได้อยู่อย่างสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว

 

[ ถอยกลับอะไรรึ ? ] – โคดี้

[ … ชั้นไม่ได้พูดกับนาย และแทนที่จะยุ่งไม่เข้าเรื่อง บอกมาซักทีว่าไอ้หมอนั้นที่ถูกยูสทัสล้างสมองอยู่ที่ไหน ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์เลือกที่จะเมินต่อคำถามของโคดี้และเปลี่ยนเรื่อง

จริงๆ นั้นก็เป็นเหตุผลหลักที่ฮาโรลด์มาที่เมืองแห่งนี้ หรือจะให้ลงรายละเอียดอีกหน่อยก็คือ ชายคนนั้นถูกยูสทัสล้างสมองจริงๆหรือไม่นั้นต้องยืนยันอีกที

 

[ พวกเราใกล้ถึงแล้วล่ะ อยู่หัวมุมข้างหน้านี้เอง ] – โคดี้

 

สถานที่โคดี้พาฮาโรลด์มานั้นเป็นเพียงแค่บ้านเช่าหลังหนึ่งที่สามารถหาพบได้ทั่วๆไป

ผนังภายนอกบ้านนั้นมีร่องรอยการถูกปะซ่อมแซมอยู่หลายจุด ที่หน้าต่างขาดการดูแลมาพักใหญ่ทำให้มันหมองฝุ่นจนแทบจะทึบ ซึ่งทำให้บ้านหลังนี้ดูทรุดโทรมเป็นอย่างมาก

โคดี้เดินไปเคาะที่ประตูหน้าบ้าน เพราะไม่มีที่สำหรับเคาะประตู เขาจึงต้องใช้มือปล่าวเคาะ ด้วยเสียงของมือของเขาที่เคาะประตูที่ทั้งเก่าและทรุดโทรม ถึงจะฟังดูหยาบคายก็เถอะ แต่นั้นทำให้มันเกิดเสียงแปลกๆราวกับหลุดออกมาจากหนังสยองขวัญเลยล่ะ 

 

[ …. นั้นใครคะ ? ] 

 

ประตูถูกเปิดออกมาพร้อมกับเสียงของเด็กคนหนึ่ง มันเป็นร่างของเด็กผู้หญิงที่อายุราว 10 ขวบโผล่มาจากอีกด้านของประตู

หากเทียบกับเด็กในวัยเดียวกัน เด็กผู้หญิงคนนี้ดูจะแก้มตอบไปซักหน่อย และแขนขาของเธอดูจะเพรียวบางจนเกินไป มันจึงทำให้เธอดูราวกับกิ่งไม้ที่กำลังสวมเสื้อผ้าเด็ก ในมุมมองของฮาโรลด์ สภาพของเด็กผู้หญิงดูน่าเป็นห่วงอย่างมาก

 

[ ซาร่า ไม่เจอกันนานเลยนะ จำข้าได้รึปล่าว ? ] – โคดี้

[ ค–ค่ะ … คุ-คุณคือคุณโคดี้ใช่รึปล่าวคะ ? ] – ซาร่า

[ ใช่แล้ว ข้าเป็นเพื่อนของปะป๊าของหนู ส่วนผู้ชายที่หน้าตาน่ากลัวคนนี้เป็นเพื่อนของฉันเอง ] – โคดี้

 

แม้ว่าฮาโรลด์อยากจะคัดค้านข้อกล่าวหาที่ว่า “ผู้ชายที่หน้าตาน่ากลัว” แต่มันก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าใบหน้าของเขามันดูอารมณ์บูดอยู่ตลอดเวลา และตามที่เกมส์ตั้งค่ามานั้น ตัวของฮาโรลด์จะมีความสูงถึง 181 ซม. ซึ่งในมุมมองของเด็กผู้หญิงที่ชื่อซาร่าคงไม่แปลกอะไรที่จะมองว่าฮาโรลด์นั้นน่ากลัว

แถมปากที่ไม่อำนวยของเขา ทำให้ฮาโรลด์เลือกที่จะอยู่เงียบๆดีกว่า เพราะแค่นี้เด็กหญิงคงประหม่าสุดๆ ถ้าเขาเปิดปาดพูดขึ้นมา มันอาจจะไปกันใหญ่

 

[ แม่ของหนูอยู่รึปล่าว ? ] – โคดี้

[ คุณแม่ยังอยู่ที่ทำงานค่ะ …. ] – ซาร่า

[ งั้นหรอกรึ ? ถ้างั้น หนูรู้รึปล่าวว่าแม่ของหนูจะกลับมาตอนไหน ? ] – โคดี้

[ …. หนูไม่รู้ค่ะ คุณแม่มักจะกลับมาดึกอยู่เสมอ …. ] – ซาร่า

 

ด้วยเหตุผลบางประการ บทสนทนาของโคดี้และซาร่ามันกระตุ้นให้ฮาโรลด์นึกถึงความทรงจำหนึ่งในวัยเด็กของเขา

ทั้งพ่อและแม่ของเขามักจะยุ่งอยู่กับงานอยู่เสมอ และเนื่องจากเขาเป็นลูกคนเดียว คาซุกิเลยถูกเรียกว่าเด็กคล้องกุญแจ(TL:เด็กที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังในบ้าน) เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาเลิกเรียนหรือเล่นกับเพื่อนเสร็จ เขามักจะอยู่ที่บ้านคนเดียวเสมอ ยิ่งในฤดูหนาว บรรยากาศภายในบ้านยิ่งดูเงียบเหงาเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะเกือบทุกวันที่เขาจะไม่ได้เจอหน้าพ่อแม่ของเขาในตอนเย็นเลย และนั้นทำให้เขามีอิสระที่จะทำอะไรก็ได้ตามแต่ตนต้องการจนกว่าพวกท่านจะกลับมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกเหงาอะไรขนาดนั้น

เมื่อมองย้อนกลับไป เหตุผลที่เขาไม่ได้รู้สึกเหงาอะไรขนาดนั้นก็เพราะตัวของเขาแทบไม่เคยรู้สึกว่าตนเองขาดความรักที่พ่อแม่ของตนที่มอบให้กับเขา ขณะที่กำลังคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ความรู้สึกที่อยากจะพบหน้าพวกท่านอีกซักครั้งก็ได้ผุดขึ้นภายในจิตใจของเขา

 

( ถ้าผมสามารถรอดชีวิตไปจนจบเกมส์ได้ล่ะก็ ผมจะได้กลับโลกเดิมไหมนะ ? ) – ฮาโรลด์

 

สำหรับตอนนี้ นั้นเป็นความเป็นไปได้เดียวที่เขาคิดว่าจะสามารถกลับไปยังโลกเดิมได้

 

[ นี่ ฮาโรลด์ ] – โคดี้

 

ขณะกำลังรำรึกเรื่องราวในอดีต ในที่สุดเขาก็ถูกเรียกให้รู้สึกตัว

 

[ อะไร ? ] – ฮาโรลด์

[ เข้ามาสิ ] – โคดี้

 

ดูเหมือนว่าในขณะที่เขากำลังจมอยู่กับความคิด โคดี้จะเดินเข้าไปภายในบ้านแล้ว

แน่นอนว่าซาร่ายังคงกลัวเขาอยู่ ฮาโรลด์เลยสงสัยว่าแบบนี้มันจะดีจริงๆหรอ จากมุมมองของเขา ฮาโรลด์คิดว่าถ้าใครได้มาเห็นฉากที่ชายหนุ่ม 2 คนเข้าไปในบ้านเด็กสาวที่กำลังหวาดกลัวคงถูกรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่เป็นแน่

 

[ นายจะจัดการให้มันเสร็จๆเลยรึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์

[ ไม่หรอก พวกเราคงต้องอธิบายเรื่องต่างๆให้ภรรยาของเขาฟังก่อนและขออนุญาตเธอเป็นอันดับแรก ] – โคดี้

( ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละนะ ) – ฮาโรลด์

 

แม้ว่าฮาโรลด์จะเห็นด้วยกับคำพูดของโคดี้ แต่นั้นก็หมายความว่าเขาและโคดี้จะต้องอยู่ในบ้านหลังนี้จนกว่าแม่ของซาร่าจะกลับมา

 

( หวังว่าซาร่าจะไม่ลำบากใจจนเกินไปหากพวกเราอยู่ที่นี่จนกว่าแม่ของเธอจะกลับมาหรอกนะ ? ) – ฮาโรลด์

 

แม้ว่าจะรู้สึกผิด แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากตามโคดี้เข้าไปภายในบ้าน

และอย่างที่คาด สภาพภายในบ้านทรุดโทรมพอๆกับภายนอก

 

[ พี่ นั้นใครหรอ ? ]

[ พวกเขาเป็นเพื่อนของปะป๊าน่ะ มิไฮ ] – ซาร่า

 

ขณะที่พวกเขาเดินผ่านห้องนั่งเล่น พวกเขาก็พบกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุราวๆ 4 – 5 ขวบ

มิไฮมีดวงตาสีน้ำตาลเช่นเดียวกับซาร่าพี่สาวของเขา และเหมือนกับพี่สาว มิไฮค่อนข้างผอมแห้งจนเกินไป และเมื่ออิงจากสภาพบ้านของพวกเธอคงเดาได้ไม่ยากว่าฐานะทางการเงินของครอบครัวคงย่ำแย่มาก

เมื่อมาลองๆคิดดู พ่อของเด็กพวกนี้ หรือก็คือ ฟินเนอร์แกน ผู้ซึ่งเป็นเสาหลักของบ้าน แต่กลับต้องเสียสติและลาออกจากกองอัศวิน และเนื่องจากอาการป่วยของเขายังไม่ดีขึ้น เขาจึงต้องอยู่แต่บนเตียง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถทำงานหาเงินได้ ดังนั้น จึงเหลือภรรยาของเขาเพียงคนเดียวที่จะต้องทำงานหาเงินเพื่อมาเลี้ยงเขาและลูกทั้ง 2

 

( นี่มันย่ำแย่กว่าตอนเหตุการณ์คุณคลาร่าเสียอีก … ) – ฮาโรลด์

 

ผู้เป็นแม่ต้องทำงานจนดึกดื่น วันแล้ววันเล่า ถึงกระนั้น เมื่อพิจารณาจากสภาพของ 2 พี่น้อง เห็นได้ชัดว่างานที่ทำทั้งหมดนั้นยังไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงพวกเขาทั้งคู่ได้อย่างเหมาะสม แม้แต่อาหารดีๆผู้เป็นแม่ยังไม่สามารถจับจ่ายได้เลยด้วยซ้ำ

ภาพความยากจนที่ครอบครัวนี้ต้องเผชิญยิ่งทำให้ฮาโรลด์รู้สึกขมขื่น

 

[ พ่อของเด็กพวกนี้ … ฟินเนอร์แกน หมอนั้นอยู่ไหน ? ] – ฮาโรลด์

 

เมื่อเห็นเช่นนั้นฮาโรลด์จึงตัดสินใจที่จะไปดูอาการของฟินเนอร์แกน ผู้ซึ่งเป็นเป้าหมายในครั้งนี้

ถึงกระนั้น แม้ว่าเขาจะพูดกับโคดี้ แต่ทว่าคำตอบกลับมาจากทิศทางอื่น

 

[ ห้องของปะป๊าอยู่ทางนี้ ] – มิไฮ

 

มิไฮเข้ามาใกล้ๆขาของฮาโรลด์และดึงชายเสื้อเพื่อเป็นการเรียก อาจเพราะนิสัยที่เป็นมิตรของมิไฮ หรือ อาจเพราะได้ยินว่าชาย 2 คนนี้เป็นเพื่อนของพ่อของเขา ทำให้เด็กชายดูจะคลายความกังวลลงไปบ้าง ไม่ว่าจะกรณีใดๆ สำหรับฮาโรลด์ มันถือว่าเป็นปฎิกิริยาที่เขาไม่คาดไม่ถึง

ซาร่าถึงกับเผลอส่งเสียง “อ่า” ออกมาจากปากของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะคิดว่ามิไฮเผลอทำเรื่องเสียมารยาทกับฮาโรลด์ไปเสียแล้ว นั้นเพราะทั้งมือและเนื้อตัวของเด็กชายจะเรียกว่าสะอาดคงพูดได้ไม่เต็มปาก และถ้าเด็กชายคนนี้ทำแบบนี้กับเฮย์เดน ผู้เป็นพ่อของฮาโรลด์ เด็กคนนี้คงถูกประหารทันที

 

[ พาชั้นไป ] – ฮาโรลด์

[ อื้อ ] – มิไฮ

 

ซึ่งฮาโรลด์ไม่ได้อยากจะประหารเด็กคนนี้ เขาจึงบอกให้มิไฮพาเขาไปหาพ่อของเขา ซึ่งเอาจริงๆ บ้านหลังนี้เล็กมากจนไม่จำเป็นจะต้องให้เด็กชายทำหน้าที่ไกด์นำทางเลยด้วยซ้ำ นั้นเพราะเมื่อพวกเขาออกมาจากห้องนั่งเล่น เดินบนทางที่แคบเกินกว่าจะเรียกว่าทางเดิน ไม่ถึง 10 วิ พวกเขาก็มาถึงห้องของฟินเนอร์แกน

ซึ่งตอนแรก มิไฮได้พยายามเคาะประตู ซึ่งก็ไม่มีสัญญาณตอบรับใดๆ เมื่อเห็นเช่นนั้น เด็กชายก็เปิดประตูเข้าไปเงียบๆ

บรรยากาศภายในห้องค่อนข้างสลัว มีเพียงแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างเพียงอย่างเดียว สาดแสงลงบนเตียงที่มีชายคนหนึ่งนอนอยู่ หรือก็คือฟินเนอร์แกน

 

[ ปะป๊า เพื่อนของปะป๊ามาเยี่ยม ] – มิไฮ

 

 ขณะยืนอยู่ที่ข้างๆเตียงมิไฮก็ร้องเรียกผู้เป็นพ่อของตน 

อย่างไรก็ตาม ไม่มีปฎิกิริยาตอบกลับใดๆจากฟินเนอร์แกน เขาทำเพียงจ้องมองไปยังเพดานด้วยสายตาที่ว่างเปล่า และกระพริบตาเป็นระยะๆ ถึงกระนั้น มิไฮก็ยังร้องเรียกเขาพร้อมกับเขย่ามือของผู้เป็นพ่อด้วยมือทั้ง 2 ข้าง ฉากนี้บาดลึกเข้าไปในหัวใจของฮาโรลด์ยิ่งกว่าสภาพความเป็นอยู่ของ 2 พี่น้องเสียอีก

มันเกือบทำให้เขาน้ำตาไหลได้เลย

 

[ ไม่เป็นไร ] – ฮาโรลด์

 

อาจเพราะทนดูมิไฮร้องเรียกพ่อของตนไม่ได้อีกต่อไป ฮาโรลด์จึงลูบหัวเด็กชายอย่างอ่อนโยน มิไฮที่ยังไม่ค่อยเข้าใจกับคำพูดของฮาโรลด์จึงเงยหน้าขึ้นมองอย่าง งงๆ

ดวงตาที่ใสซื้อบริสุทธิ์ของเด็กชายทำให้ฮาโรลด์นึกถึงฮิวอี้ ผู้เป็นน้องชายของเขา

ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็แว๊บเข้ามาในความคิดของเขา

 

( ระ-รึว่า ชะตากรรมที่รอคอยฮิวอี้อยู่อาจจะเหมือนกับเด็กพวกนี้ ? ) – ฮาโรลด์ 

 

ต่อให้ยูสทัสถูกจัดการลงได้ก็จริง แต่นั้นก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงความจริงที่ตระกูลสโตร์กกำลังปกครองประชาชนด้วยระบอบเผด็จการ จากเรื่องราวของเกมส์ เพราะเหตุนี้ จึงทำให้ตระกูลสโตร์กถึงต้องล่มสลาย และทำให้พวกเขาสูญเสียฐานะขุนนางไป

และถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง จะเกิดอะไรขึ้นกับฮิวอี้และโดโรธี ผู้เป็นแม่ของเขา ? ในอดีตนั้น ตระกูลของโดโรธีได้ประสบความล้มเหลวทางธุรกิจ พวกเขาจึงขายยศฐาบรรดาศักดิ์และกลายเป็นสามัญชนธรรมดา และในฐานะที่เคยเป็นขุนนาง โดโรธีถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำให้ตระกูลของเธอกลับมามีจุดยืนในฐานะขุนนางอีกครั้งโดยใช้เธอให้ไปเป็นนางสนมของตระกูลสโตร์ก แต่จากที่ฮาโรลด์ฟังๆมา ดูเหมือนว่าตระกูลเก่าของโดโรธีจะได้เป็นเพียงขุนนางเพียงในนามเท่านั้น และที่ดินที่พวกเขาครอบครองก็ไม่ได้มีนัยะสำคัญอะไร

และเมื่อพิจารณาจะความเป็นไปได้ทั้งหมด มันก็ยากที่จะจินตนาการได้ว่า 2 แม่ลูกนี้จะชีวิตอยู่ต่อได้อย่างสุขสบาย แม้ว่าฮาโรลด์จะวางแผนให้ตระกูลสุเมรากิเข้ามาแทรกแทรงและดูแลดินแดนของตระกูลสโตร์กต่อ แต่พวกเขาคงมุ่งเน้นไปทางให้การสนับสนุนในภาพรวมเท่านั้น ไม่ได้มุ่งเน้นไปการพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในดินแดนแต่อย่างใด

 

[ มีอะไรรึปล่าว ? ] – โคดี้

[ …. ไม่มีอะไร ] – ฮาโรลด์

 

ถึงกระนั้น ในกรณีนี้มันก็ไม่ใช่ เขาไม่ได้อยากจะช่วยเหลือเด็กเหล่านี้เพียงเพราะจะชดเชยความรู้สึกผิดของเขา นั้นก็เพราะ มิไฮ และ ฮิวอี้ นั้นไม่ใช่คนเดียวกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

มันเป็นเพียงความรู้สึกที่เห็นคนที่กำลังเผชิญโชคชะตาอันเลวร้ายอยู่ตรงหน้าและอยากจะช่วยเหลือก็เพียงเท่านั้น นั้นเป็นเรื่องปกติสำหรับมนุษย์ด้วยกันไม่ใช่หรือไง ?

 

[ ชั้นจะออกไปข้างนอกซักพัก และนาย โคดี้ นายรับบทเป็นพี่เลี้ยงเด็กไปก่อนละกัน ] – ฮาโรลด์

 

 

——————————

 

 

[ พวกนู๋ทำให้เขาโกรธรึปล่าวคะ…. ? ] – ซาร่า

 

ซาร่าถามกับโคดี้ด้วยความสับสน ขณะที่มองแผ่นหลังของฮาโรลด์ผู้ที่กำลังเดินออกจากบ้านหลังนี้ไป แม้ว่าเธอจะรู้สึกสับสน แต่เธอก็คงคิดว่ามิไฮคงทำอะไรบางอย่างที่ล่วงเกินฮาโรลด์ ซึ่งความจริงฮาโรลด์นั้นไม่ได้โกรธอะไรเลยด้วยซ้ำ

นั้นเพราะในสายตาของคนที่ไม่คุ้นเคยกับฮาโรลด์ คงมองว่าคนๆนี้อารมณ์ไม่ดีอยู่เสมอ แม้แต่ตัวของโคดี้เองก็เห็นด้วยเช่นกันกับความคิดนี้

 

[ ไม่เป็นไรหรอกนะ ถึงแม้หมอนั้นจะเป็นแบบนั้น แต่ว่าเขาเป็นคนดีคนนึงเลยล่ะ ] – โคดี้

[ จ-จริงหรอคะ ? ] – ซาร่า

 

ใบหน้าที่ซาร่าแสดงออกมานั้นราวกับเธอพึ่งจะได้ยินเรื่องอะไรบางอย่างที่ไม่น่าเชื่อ ซึ่งตรงกันข้ามกับโคดี้ ที่เขาเองก็จินตนาการไม่ออกว่าฮาโรลด์นั้นจะโกรธเด็ก 2 คนนี้ได้ลงจริงๆ และแม้ว่าหมอนั้นจะปากไม่ค่อยดี แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอารมณ์เสียแต่อย่างใด อันที่จริง โคดี้ก็บอกไม่ได้จริงๆว่าต้องทำยังไงถึงจะทำให้ฮาโรลด์โกรธจริงๆได้เหมือนกัน

 

[ ใช่แล้ว เพราะงั้น นู๋ไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ] – โคดี้

 

โคดี้ยืนยันคำพูดของตนอีกครั้งด้วยน้ำเสียงร่าเริง ถึงแม้ว่าเขาจะพอเดาๆได้ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงออกจากบ้านไป แต่นั้นก็เป็นเรื่องปกติสำหรับตัวของฮาโรลด์ ที่เขามักจะลงมือทำอะไรด้วยตนเองโดยไม่บอกคนอื่นเอาไว้ล่วงหน้า 

ในหัวใจของโคดี้ แม้ว่าเขาเองก็จะรู้สึกเสียใจไม่แพ้กัน แต่ว่าอย่างน้อย นี่ก็ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเปลี่ยนความคิดของซาร่าที่มีต่อฮาโรลด์ นี่คงเป็นบทบาทที่ฮาโรลด์อยากให้เขาเล่นแทนที่ไปยุ่งวุ่นวายกับสิ่งที่เขากำลังทำ

เมื่อคิดเช่นนั้น โคดี้จึงต้องพยายามให้ฮาโรลด์เห็นว่า “โคดี้คนนี้แหละที่นายสามารถเปิดใจด้วยได้”

และหลังจากตอนนั้นราวๆ 1 ชม. ขณะที่โคดี้เริ่มเป็นมิตรกับ 2 พี่น้องมากขึ้น ฮาโรลด์ก็กลับมา

พร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่ใน 2 มือของเขา

ภายในถุงนั้นเต็มไปด้วยอาหารจำนวนมากอย่างที่โคดี้เดาเอาไว้ แต่ที่เขาคาดไม่ถึงนั้นคือฮาโรลด์ซื้อพวกวัตถุดิบมาแทนที่จะซื้ออาหารปรุงสำเร็จ

 

[ เดี่ยวนะ นี่นายจะทำอาหารหรอ ? ] – โคดี้

[ แน่สิ ] – ฮาโรลด์

[ ข้าคิดว่านายจะซื้ออาหารจำพวกที่ทำเสร็จสรรพและให้เด็กพวกนี้กินได้เลยเสียอีก ] – โคดี้

[ นายนี่มันสมองกลวงรึไง ? จะให้ชั้นเอาอาหารขยะแบบนั้นให้กับคนที่ขาดสารอาหารกินงั้นเรอะ ? ] – ฮาโรลด์

[ … ข้าไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย ข้าผิดเอง ] – โคดี้

 

แม้ว่าโคดี้จะแสดงท่าทีขอโทษขอโพยด้วยการโค้งคำนับจนเกินจริงไปหน่อย แต่ฮาโรลด์ก็เลือกที่จะเมิน นั้นเพราะเขารู้สึกว่ามันยุ่งยากเสียเวลาปล่าวที่จะมัวมาตบมุขกับหมอนี่

อย่างไรก็ตาม เมื่อโคดี้ลองคิดถึงสิ่งที่ฮาโรลด์พูดดีๆ อาหารที่ปรุงสำเร็จพวกนั้นออกจะมีรสชาตที่เข้มข้นเกินไปหน่อย ซึ่งมันก็ไม่แย่อะไรถ้าหากผู้ที่รับประทานมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงดี แต่สำหรับเด็กตัวเล็กๆ 2 คน ที่ร่างกายขาดสารอาหารได้รับประทานอาหารที่เข้มข้นเช่นนั้นอาจทำให้กะเพาะของพวกเขาเกิดปัญหาได้ ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับมิไฮ ที่พึ่งมีอายุเพียง 4 ขวบ เรื่องอาหารการกินยิ่งต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

 

( ก็นะ เรื่องสามัญสำนึกทั่วๆไปสำหรับไอ้คนโสดอย่างข้านี่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย … เดี่ยวนะ ฮาโรลด์เองก็โสดเหมือนกันนี่หว่า ? ) – โคดี้

 

สุดท้าย มันก็เป็นเพียงความแตกต่างของผู้ชายที่สามารถดูแลคนอื่นได้กับผู้ชายที่ทำได้แค่ให้ผู้อื่นดูแล ซึ่งโคดี้เองก็คิดว่า เพราะเหตุนี้ฮาโรลด์เลยมีคู่หมั้น

ขณะที่โคดี้กำลังหมกหมุ่นอยู่กับการสมเพชตัวเอง ฮาโรลด์ก็ถอดเสื้อโค้ทของเขาออกและพับแขนเสื้อเชิตสีขาวขึ้นมาถึงบริเวณศอก จากนั้นเขาก็ใช้เวทมนตร์เพื่อจุดไฟเตาในครัว ซึ่งการแสดงเวทมนตร์เหล่านั้นเรียกเสียงฮือฮาได้จากทั้งซาร่าและมิไฮ

ขณะที่ฮาโรลด์กำลังยกหม้อที่เต็มไปด้วยน้ำมาวางไว้บนเตาเพื่อต้มให้เดือด ฮาโรลด์นำผักบางส่วนมาวางไว้ในถังไม้เพื่อที่จะล้างมัน ดูเหมือนว่าเขาจะมีทักษะในการทำอาหารพอสมควรทีเดียว

นอกจากปากของเขาที่มักจะพูดคำดูถูกถากถาง แต่ฮาโรลด์นั้นก็เป็นคนๆหนึ่งที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ แม้กระทั้งการทำอาหารเขาก็ยังทำเป็นอีกด้วย

 

[ มีอะไรให้ข้าช่วยมั้ย ? ] – โคดี้

[ นายทำอาหารเป็นรึไง ? ] – ฮาโรลด์

[ … ข้าหวังจะให้นายช่วยสอนไปพร้อมๆกับเตรียมอาหารเหล่านี้นั้นแหละ ] – โคดี้

[ แกมันไร้ประโยชน์ชิบ ] – ฮาโรลด์

 

ฮาโรลด์พูดออกมาตรงๆอย่างไม่ใยดี แต่ถึงกระนั้นโคดี้ก็ไม่สามารถตอบกลับใดๆได้

และขณะที่พวกเขาทั้ง 2 กำลังพูดคุยกันอยู่นั้น มือของฮาโรลด์ก็กำลังหั่นผักไปด้วย

 

[ ขะขะ-ขอโทษนะคะ … ] – ซาร่า

 

และในตอนนั้นเอง ซาร่าก็เรียกฮาโรลด์ขึ้นมาราวกับตัดสินใจอะไรได้บางอย่าง 

 

[ อะไร ? ] – ฮาโรลด์

 

[ หะหะ-ให้นู๋ช่วยคุณ … คือ– คือนู๋รู้วิธีหั่นผัก ดะ–ดังนั้น… ] – ซาร่า

[ ชั้นไม่จำเป็นต้องให้เธอช่วย ] – ฮาโรลด์

[ ตะ-แต่ว่า นู๋—- ] – ซาร่า

[ ไปทำความสะอาดให้น้องชายเธอซะ และเอาสิ่งนี้ไปใช้ด้วย ] – ฮาโรลด์

 

ขณะที่กล่าวออกมาเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็หยิบสบู่ก้อนหนึ่งออกมาจากถุงกระดาษ สำหรับสบู่แล้วมันเป็นสิ่งของสำหรับเหล่าขุนนางและมีราคาที่แพงหูฉี่ ดังนั้นด้วยราคาของมัน มันจึงถูกบรรจุอยู่ในกล่องไม้อย่างดี

แม้ว่าซาร่าจะเป็นเด็กแต่เธอก็เป็นเด็กผู้หญิง ดังนั้นจริงเป็นเรื่องปกติที่เธอคงอยากจะดูแลและรักษาความสะอาดให้ร่างกายของตนเอง ซึ่งโคดี้เองก็ไม่รู้ว่าฮาโรลด์คิดไปถึงขั้นนั้นรึปล่าว แต่ว่าฮาโรลด์ก็ซื้อสบู่ก้อนนี้มาจริงๆ

 

[ ขะขะขะขะ-ของที่พะพะแพงขนาดนี้—! ] – ซาร่า

[ มันก็แค่เศษเงินสำหรับชั้น และเธอก็ต้องใช้มันทำความสะอาดตัวเองด้วยอีกคน นั้นเพราะชั้นไม่ต้องการให้เธอหรือน้องเธอใช้มือสกปรกมาแตะต้องอาหารของชั้น ] – ฮาโรลด์

 

แม้ว่านั้นจะเป็นสิ่งที่ปากของเขามักจะพูดอะไรออกมาแนวๆนั้นอยู่เสมอ แม้ว่าปากของเขาจะบอกว่าเขาไม่สนใจกังวลของเด็กสาว แต่ว่า จะมีผู้หญิงคนไหนที่อยากจะยืนอยู่ต่อหน้าคนอื่นด้วยร่างกายที่สกปรกมอมแมมแบบนี้ ?

บางทีซาร่าอาจจะเข้าใจถึงความตั้งใจที่แฝงมาในคำพูดของฮาโรลด์ เธอจึงโค้งคำนับอย่างสุดซึ่งพร้อมกับกล่าวออกมาว่า “ขอบคุณมากค่ะ” และพามิไฮเข้าห้องน้ำไป

หลังจากยืนมองภาพเหล่านั้น โคดี้ก็พูดกับฮาโรลด์ขึ้นมา

 

[ อย่างที่คาด พวกผู้ชายที่เป็นที่นิยมนั้นแตกต่างออกไปจริงๆ ] – โคดี้

[ ไม่มีวันที่ชั้นจะมอบอาหารให้กับคนที่มีประโยชน์น้อยไปกว่าพวกสัตว์ใช้แรงงาน ถ้าไม่ถูกวางยาพิษในอาหารของแก ก็รีบไปสับฟืนซะ ] – ฮาโรลด์

[ เยสเซอร์ ! ] – โคดี้

 

แม้ว่าปากของฮาโรลด์จะรุนแรงเหมือนเช่นเคย แต่ก็ไม่มีคำพูดบ่นใดๆออกมาจากปากของโคดี้ เขาทำเพียงรุดตัวออกไปด้านนอกและคว้าขวานสับฟืนอย่างกระฉับกระเฉง