บทที่ 92 ไม่เป็นไปตามแผนเลยสักนิด

กลับไปในยุค 80 จนกลายเป็นที่ชื่นชอบของอดีตสามี

บทที่ 92 ไม่เป็นไปตามแผนเลยสักนิด

บทที่ 92 ไม่เป็นไปตามแผนเลยสักนิด

เสิ่นอี้โจวอาจเคยเห็นจางอวี้เอ๋อตอนที่อยู่ในงานแต่งเท่านั้น แต่สำหรับเซี่ยชิงหยวน หญิงสาวคนนี้คือคนที่เธอมีความแค้นสะสมมาเป็นเวลานาน

ตั้งแต่จางอวี้เจียวแต่งงาน บางทีจางอวี้เอ๋อก็มานั่งเล่นที่บ้านเธอ

ข้ออ้างที่เธอได้ยินประจำคือ “ฉันอยากจะช่วยดูแลลูกของพี่สาว”

ทว่าในความเป็นจริง เซี่ยชิงหยวนเป็นคนทำทุกสิ่งทุกอย่าง

แต่ผู้หญิงคนนี้มักจะทำตัวดีเวลาอยู่ต่อหน้าหวังผิง

เธอเป็นคนปากเก่ง แต่กลับทำอะไรไม่ได้เรื่องสักอย่างแม้จะพยายามดีที่สุดแล้วก็ตาม

ทว่านั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะจางอวี้เอ๋อจะพยายามทำให้ทุกวิถีทางเพื่อทำให้ทุกอย่างกลายเป็นของเธอ

หากเซี่ยชิงหยวนไม่เห็นด้วย อีกฝ่ายก็จะเข้าหาทางจางอวี้เจียว จากนั้นคนแซ่จางทั้งสองก็จะรวมหัวกันด่าทอเธอ

ถ้าเธอไม่ยอม หญิงสาวก็จะมีปัญหากับหวังผิง

เมื่อถึงเวลานั้น หวังผิงจะรักษาหน้าตัวเอง และบอกให้เธอยอมแพ้กับทุกเรื่องโดยไม่มีข้อแม้

เซี่ยชิงหยวนในเวลานั้นทำได้เพียงกล้ำกลืนความคับข้องของเธอลงไปเท่านั้น

ในเมื่ออีกฝ่ายอยากได้นักก็ช่างมันเถอะ

แต่เมื่ออีกฝ่ายได้ของสิ่งนั้นไปแล้ว ไม่กี่วันให้หลังสิ่งนั้นจะกลับมาปรากฏต่อหน้าในลักษณะที่พังทลายไปแล้ว

จางอวี้เอ๋อมักจะทำหน้าตาดูเสียใจเสียเต็มประดา “อา ฉันขอโทษจริง ๆ แต่คุณภาพของมันแย่เหลือเกิน ฉันใช้มันไม่กี่วันก็พังซะแล้ว”

ซึ่งของเหล่านั้นเป็นของล้ำค่าสำหรับเธอมาก

แต่หวังผิงกลับแย้มยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไร ของไม่ดีก็ทิ้งไปเถอะ”

ต่อมา เซี่ยชิงหยวนก็ไม่มีอะไรที่อีกฝ่ายชอบอีกต่อไป

ตั้งแต่นั้นมา เมล็ดพันธุ์แห่งความเกลียดชังที่มีต่อจางอวี้เอ๋อก็ฝังรากลึกในใจของเธอ

ไม่ต้องพูดถึงว่า หลังจากนั้น จางอวี้เอ๋อได้สร้างปัญหาทุกอย่างเพื่อที่จะได้ไปอยู่ที่สถาบันวิจัย

เมื่อความทรงจําต่าง ๆ ผุดขึ้นมาในหัว ดวงตาของเซี่ยชิงหยวนก็เย็นชาเมื่อมองไปยังจางอวี้เอ๋อ

ราวกับไม่รู้จักอีกฝ่าย หญิงสาวหันไปหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและพูดว่า “ขอโทษนะ ผู้หญิงคนนี้บอกว่าเธอเป็นญาติของฉันจริง ๆ เหรอคะ?”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตกตะลึง

หรือว่าคุณนายไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้จริง ๆ?

ผู้หญิงคนนี้กล้าโกหกงั้นเหรอ?

เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองทําพลาด

เขาจึงกล่าวกับเซี่ยชิงหยวนทันทีว่า “คุณนายครับ ผมขอโทษ ผมจะส่งผู้หญิงคนนี้ออกไปทันที”

เมื่อพูดจบ เขาก็ลากตัวจางอวี้เอ๋อออกไป

จางอวี้เอ๋อฟังบทสนทนาระหว่างเซี่ยชิงหยวนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแล้วแทบกระอักเลือด

เซี่ยชิงหยวนต้องจงใจทำให้เธอขายหน้าแน่!

เธอจึงรีบพูดกับเซี่ยชิงหยวน “พี่ชิงหยวน ฉันอวี้เอ๋อเอง!”

เมื่อได้ยิน เซี่ยชิงหยวนก็หันกลับมามองเธอครู่หนึ่ง จากนั้นก็หรี่ตา แสดงอาการดูถูกและพูดอย่างเกียจคร้านว่า “อ้อ ที่แท้เป็นเธอ”

ทันทีที่จางอวี้เอ๋อได้ยินแบบนี้ เธอก็คิดว่าได้ผลแล้ว

เธอยิ้มทันที “พี่ชิงหยวน ฉันลำบากมากเลยจริง ๆ ในการมาหาพี่!”

เมื่อพูดอย่างนั้น เธอก็เช็ดเหงื่อที่ไม่ได้อยู่บนหน้าผาก “แต่ต้องขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ความพยายามของฉันส่งผล ในที่สุดฉันก็หาพี่เจอ!”

ไม่ว่าเธอจะขัดแย้งกับเซี่ยชิงหยวนอย่างไรในอดีต ตอนนี้เธอจะต้องพูดดี ๆ กับอีกฝ่ายไปก่อน

ทว่าโดยไม่คาดคิด อีกฝ่ายกลับสวนมาว่า “ฉันไม่สนิทกับเธอสักหน่อย เธอมาหาฉันเพื่ออะไร”

คําพูดของเซี่ยชิงหยวนทําเอาผู้ฟังแทบสําลัก

คําตอบนี้ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเอาไว้เลย

ใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอร้อนผ่าว

หลังจากนั้นไม่นานเธอก็พูดเสียงเบา “พี่ชิงหยวน ฉันรู้ว่านี่มันปุบปับมาก แต่ฉันไม่คุ้นเคยกับชีวิตที่นี่และฉันก็ลำบากมาก โชคดีที่วันนี้ฉันได้พบกับพี่เขย และเขาบอกว่าให้ฉันมาที่นี่เพื่อตามหาพี่ก่อน เขายังบอกอีกด้วยว่าพี่จะช่วยพาฉันเข้าไปอยู่ด้วยเพื่อตั้งหลัก”

พอพูดอย่างนั้น เธอก็แสร้งทําเป็นเช็ดน้ำตา

มันดูน่าสงสารมากหากมองจากมุมของคนนอก

แม้แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านข้างก็อดไม่ได้ที่จะเห็นอกเห็นใจ

แต่แน่นอนว่าคำพูดของจางอวี้เอ๋อนั้นไร้สาระทั้งหมด เสิ่นอี้โจวไม่ได้พูดแบบนั้นเลย

หลังจากที่เธอถูกหญิงแซ่จู้ดึงออกมา เธอก็ไม่เคยมีโอกาสได้พบกับเสิ่นอี้โจวอีกเลย

แต่นั่นไม่ได้ขัดขวางไม่ให้เธอโกหกแบบนี้กับเซี่ยชิงหยวน

ที่นี่คือเขตที่อยู่อาศัยของครอบครัวและเธอไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะเมินเธอได้จริง ๆ

ยิ่งกว่านั้น ตราบใดที่เธอแสร้งทําเป็นน่าสงสาร เซี่ยชิงหยวนจะต้องยอมถอยก้าวหนึ่งแน่นอน

แต่ใครจะคาดคิด หลังจากเธอปาดน้ำตา เซี่ยชิงหยวนกลับยังคงไม่ขยับ

เธออดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย

เมื่อเหลือบมอง เธอก็สบกับดวงตาที่กำลังยิ้มแย้มของเซี่ยชิงหยวน

เซี่ยชิงหยวนตอบอย่างสบาย ๆ ว่า “เป็นอย่างนั้นเหรอ”

จางอวี้เอ๋อพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “พี่ชิงหยวน พี่เขยของฉันตกลงแล้ว คุณก็ไม่น่าจะมีอะไรติดขัดจริงไหม?”

เธอก้าวไปข้างหน้าและจับมือของเซี่ยชิงหยวน “พี่ชิงหยวน พี่ช่วยพาฉันไปอยู่ด้วยกันสักสองสามวันนะ พอฉันเจอที่อยู่ที่ดี ๆ ข้างนอกนั่นแล้ว ฉันจะย้ายออกทันที”

ตอนนี้เธอทํางานในโรงอาหารซึ่งจริง ๆ แล้วมีหอพักจัดสรรไว้ให้

แต่เมื่อได้รู้ว่าเสิ่นอี้โจวกลายเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของที่นี่ เธอก็ไม่มีความคิดจะนอนในหอพักที่ต้องอาศัยร่วมกับคนหลายคนอีกต่อไป

เหตุผลที่เธอเต็มใจทํางานเป็นพนักงานเสิร์ฟในโรงอาหาร ช่วยส่งอาหารและเทน้ำจุดประสงค์คือเพื่อต้องการจะรู้จักผู้คน

จากสิ่งที่เธอคิด ด้วยรูปร่างหน้าตาของเธอ การได้แต่งงานกับเจ้าหน้าที่สักคนเป็นแค่เรื่องของเวลาเท่านั้น

ยิ่งตอนนี้ด้วยความสัมพันธ์ที่มีกับเสิ่นอี้โจว เธอรู้สึกว่าตัวเองเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นอีกขั้น

กระทั่งเธอรู้สึกว่าตัวเองสามารถแทนที่เซี่ยชิงหยวนได้

เซี่ยชิงหยวนดึงมือออกอย่างไม่แยแส

จากนั้นเธอมองไปที่อีกฝ่ายด้วยแววตาประชดประชัน “ถ้าเป็นแบบนั้น ทําไมเธอไม่กลับมาพร้อมกับเสิ่นอี้โจวล่ะ”

เซี่ยชิงหยวนหยุดเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวต่อ “ในเมื่อเขาสัญญากับเธอ เขาก็ควรมาพร้อมกันกับเธอ หรือถ้าช่วงนี้เธอยังไม่มีที่พัก เธอก็เข้าไปนอนที่โรงแรมก่อนก็ได้”

จากนั้นเธอก็พูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ทางด้านข้างว่า “คุณเจ้าหน้าที่ ช่วยพาหญิงสาวคนนี้ไปที่โรงแรมทีก็แล้วกันนะคะ และหลังจากที่เธอตั้งตัวได้แล้ว เธอก็น่าจะทำเรื่องย้ายออกไปเอง”

เซี่ยชิงหยวนรู้สึกว่าเสิ่นอี้โจวไม่น่าจะอนุญาตจางอวี้เอ๋อทั้งอย่างนั้น

นอกจากนี้ การที่อีกฝ่ายพูดถึงชายหนุ่มแบบนั้น ยิ่งทำให้เธออารมณ์เสียกว่าเดิม

นอกจากนี้เธอก็ไม่ได้โง่

บอกว่าจะอยู่สองสามวันแล้วย้ายออกงั้นเหรอ?

สันดานอย่างยัยนั่นไม่มีทางย้ายออกง่าย ๆ หรอก

ยิ่งกว่านั้น ทําไมเธอจะต้องมารับผิดชอบชีวิตคนแบบนี้แล้วทำให้ตัวเองลำบากด้วยเล่า เอาตัวน่ารำคาญมาอยู่ในบ้านของเธอด้วยเนี่ยนะ? เธอไม่ได้สิ้นคิดขนาดนั้น

เมื่อได้ยินแบบนี้ จางอวี้เอ๋อก็ตกตะลึงทันที

ทำไมเป็นแบบนี้?

ทําไมสามีภรรยาคู่นี้ถึงไม่ได้เป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้เลย?

คนหนึ่งทำเป็นไม่รู้จักเธอ อีกคนก็ไม่ยอมรับเธอ

เธอมาถึงประตูและคําพูดก็ชัดเจนมาก แต่เซี่ยชิงหยวนยังคงแสร้งทําเป็นสับสน?

ยิ่งกว่านั้น จากที่ฟังเรื่องโรงแรมเมื่อครู่ ดูเหมือนเซี่ยชิงหยวนจะไม่ได้มีความคิดจะจ่ายเงินค่าโรงแรมให้กับเธอเลยด้วยซ้ำ

จางอวี้เอ๋ออดไม่ได้ที่จะดูหมิ่นเซี่ยชิงหยวน

เป็นภรรยาของเลขาธิการแท้ ๆ แต่กลับจุกจิกมากเหลือเกิน!

เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินเช่นนี้ เขาก็ตอบรับโดยไม่คิดว่า “ได้เลยครับ!”

ผู้ทําหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูใหญ่ได้ล้วนไม่ใช่คนโง่

เขาเห็นได้ชัดว่าเซี่ยชิงหยวนกับจางอวี้เอ๋อไม่ลงรอยกัน

ส่วนเหตุผลคืออะไรนั้น มันไม่ใช่หน้าที่ของเขาที่จะถาม

ส่วนจางอวี้เอ๋อคนนี้ก็เอาเรื่องหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ลงรอยกันแท้ ๆ แทนที่จะไปหาคนอื่นแต่กลับมาหาคู่กรณีของตัวเองเนี่ยนะ?

นี่ไม่ใช่การแส่หาเรื่องให้ตัวเองหรอกเหรอ?

จางอวี้เอ๋อเริ่มตื่นตระหนก

เธอพูดอย่างเร่งรีบ “ไม่…แบบนั้นไม่ดีหรอก”

เธอชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางบนพื้น “ฉันมีกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ มันไม่สะดวกที่จะขนไปไกล”

เซี่ยชิงหยวนไม่หวั่นไหว “ไม่เป็นไร มีสหายคนนี้ช่วยเธออยู่”

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพลันส่งยิ้มให้จางอวี้เอ๋อ

จางอวี้เอ๋ออ้ำอึ้ง “เอ่อ…”

เธอไม่คิดเลยว่าหลังจากแต่งงาน เซี่ยชิงหยวนจะเปลี่ยนไปมากขนาดนี้

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เธอจึงทำได้แต่ใช้ไพ่ตายใบสุดท้ายเท่านั้น “พี่ชิงหยวน ก่อนที่ฉันจะมาที่นี่ คุณป้าบอกฉันหากมีปัญหา ขอแค่มาหาคุณ อีกทั้งฉันยังได้ยินมาว่าพี่อาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่ ดังนั้นคงจะไม่เป็นไรหากฉันจะมาขออาศัยอยู่ด้วยในห้องเล็ก ๆ นอกจากนี้ ถ้าอยู่ข้างนอกคนเดียว ฉันก็กลัวมาก”

เซี่ยชิงหยวนก็ตกตะลึงในทีแรก ก่อนจะตอบว่า “โอ้ เป็นแบบนั้นเหรอ”

ถ้าหวังผิงพูดแบบนั้นจริง ๆ เซี่ยชิงหยวนก็ไม่แปลกใจนัก

เมื่อเห็นสีหน้าของเซี่ยชิงหยวนเปลี่ยนไป จางอวี้เอ๋อก็ยกย่องตัวเองในใจว่าฉลาดมาก!

เธอมาที่เมืองเตียนเฉิงหลังจากได้ยินว่าเซี่ยชิงหยวนติดตามเสิ่นอี้โจวมาทํางาน และทันใดนั้นเธอก็มีความคิดบางอย่างในใจ

แต่เธอไม่ได้บอกหวังผิงเกี่ยวกับเรื่องนี้

จางอวี้เจียวบอกเธอว่า “เธอแค่ต้องติดต่อไปหาคนรู้จักของพี่เขยของเธอให้เจอ ส่วนเรื่องเงินเขาได้จ่ายให้เธอไปแล้ว หลังจากนี้ก็จงทำงานอย่างหนัก และแต่งงานกับผู้ชายที่ดีกว่าเสิ่นอี้โจว หากเธอต้องการความช่วยเหลือให้หาเซี่ยชิงหยวน หากเธอบอกว่าแม่ของเซี่ยชิงหยวนเห็นด้วย ยัยนั่นจะยอมเอง”

แต่อีกฝ่ายกลับโพล่งประโยคที่เหนือความคาดหมายของเธอออกมา “น่าเสียดาย แต่เธอไม่ได้บอกฉัน”

เธอยิ้มอย่างไร้เดียงสา “นอกจากนี้ ในเมื่อเธอกล้ามาที่เมืองเตียนเฉิงคนเดียว เธอยังจะกลัวอะไรอีก? อีกอย่างหนึ่งนะ เรื่องของเธอมันเกี่ยวข้องกับฉันตรงไหนกัน?”