บทที่91 เธอช่างใจร้ายใจดำจริงๆ
มู่เทียนซิงพาเมิ่งเสี่ยวหวีโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน
ระหว่างทาง เขากะว่ะจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง แต่คิดๆไปแล้ว พูดบนรถแท็กซี่มันไม่ปลอดภัยเอาซะเลย
เธอเงียบสงบ แต่เห็นเมื่อเสี่ยวหวีในสภาพใจร้อนกระวนกระวายแบบนี้ เธอจึงหยิบมือถือออกมา และส่งข้อความให้เธออ่าน
สองพี่น้องใช้มือถือสื่อสารกันตลอดทาง เมื่อถึงบ้านตระกูลมู่ เมิ่งเสี่ยวหวีเริ่มเข้าใจคร่าวๆแล้ว
แต่ภายในใจเธอยังข้องใจอยู่ เข้าไปบนห้องชั้นบนตึก เธอจึงปิดประตูและมองหน้ามู่เทียนซิง
“เธอบ้าไปแล้วใช่มั้ย พี่ชายฉันร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงเธอไม่เอา จะเอาไอ้คนพิการหรอ?ฉันรู้ตั้งแต่ตอนเรียนประถมแล้ว ว่าซือซ่าวของตระกูลหลิงเป็นคนพิการอ่ะ!”
“เสี่ยวหวี เขาดีกว่าที่เธอคิดเยอะเลยนะ และฉันก็ไม่ได้ดูคนที่หน้าตาซะหน่อย”
สิ่งที่มู่เทียนซิงรับไม่ได้ที่สุดคือ ได้ยินคนอื่นบอกว่าหลิงเล่เป็นแค่คนพิการ
แม้จะเป็นเพื่อนสนิทที่พูดก็ตาม เธอไม่อยากได้ยินคำนี้
เมิ่งเสี่ยวหวีมองหน้ามู่เทียนซิงด้วยใจล่มสลาย”พี่ชายฉันต้องถูกเธอพูดอะไรที่ทำร้ายจิตใจเขา เขาต้องรู้ว่าเธอชอบคนอื่นแน่ๆเลย ถึงได้รีบหนีออกไป และเลือกในทางที่ผิด”
ครอบครัวเดียวกันก็คือครอบครัวเดียวกัน ถึงจะทำอะไรผิด ก็รู้สึกว่าสมควรให้อภัยกัน
และนี่ เมิ่งเสี่ยวหวีกับเมิ่งเสี่ยวหลงสองพี่น้องที่รักกันดีด้วย นอกจากเรื่องที่ เมิ่งเสี่ยวหลงชอบปกป้องมู่เทียนซิงเวลาโต้เถียงกันเรื่องเดียว เพราะเรื่องอื่นเขาจะปกป้องดูแลเธอทุกในเรื่อง…
มู่เทียนซิงกลัวที่สุด ก็คือการที่เมิ่งเสี่ยวหวีขาดสติไม่แยกแยะว่าอะไรผิดอะไรถูก:”เสี่ยวหวี! ไม่ว่าฉันจะเลือกยังไง เขาก็ไม่ควรข่มขืนฉันนะ มันเป็นปัญหาเรื่องคุณธรรม! และปัญหาด้านศีลธรรม!”
เมิ่งเสี่ยวหวีรู้ตัวว่าเธอไร้เหตุผล จึงนั่งลงบนเตียงด้วยความทรมานใจ และน้ำตาคลอ
มู่เทียนซิงยื่นทิชชู่ให้เธอเช็ด แต่เธอก็ไม่รับ
เธอร้องไห้ไปด้วยพร้อมพูดว่า:”ถ้าครั้งนี้พี่ชายกลับมาอย่างปลอดภัย เธอเก็บใจกลับมา เป็นพี่สะใภ้ฉันเถิดนะ พี่ชายฉันรักเธอจริงๆนะ น้ำเข้าสมองเธอรึไงกัน ทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ ? ทำไมนับวันฉันยิ่งเหมือนไม่รู้จักเธอเข้าทุกทีอ่ะ? เธอทำร้ายจิตใจฉันมาก อือๆๆ~”
“เสี่ยวหวี ความรักมันห้ามกันไม่ได้นะ!”
มู่เทียนซิงมองหน้าเธอ พร้อมกล่าวอีกว่า:”คุณพ่อเธอก็ได้ให้ฉันเซ็นต์สัญญาเป็นประกัน ว่าต่อไปจะไม่ให้ฉันเป็นสะใภ้ตระกูลเมิ่งเด็ดขาดด้วย”
“นี่เธอ!”
เมิ่งเสี่ยวหวีได้ยินดังนี้ เธอหัวร้อนขึ้นมาเลย:”เมื่อวานเธอยังโทรหาฉันแล้วร้องไห้ ฉันยังสงสารเอ็นดูเธอ สมองฉันเต็มไปด้วยความรู้สึกเป็นห่วงเป็นใยเธอ อยากจะรีบนั่งเครื่องบินกลับมาช่วยเธอสั่งสอนพี่ชายฉันทันทีเลยด้วยซ้ำ! มาวันนี้ฉันถึงรู้ ที่แท้เธอเปลี่ยนไปรักกิ๊กเธอนี่เอง! เธอทรยศพี่ชายฉัน ฉันยังพอทนได้ แต่นี่ พี่ชายฉันยอมทำทุกเพื่อเธอทุกอย่างแทบตาย เธอกลับมาเล่าเรื่องที่รักแท้ของเธอกับผู้ชายอีกคนเหมือนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแบบนี้งั้นเหรอ?”
เมิ่งเสี่ยวหวีซึ่งเป็นคุณหนูไฮโซที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี และเอาแต่ใจตั้งแต่เด็ก
นิสัยของเธอกับมู่เทียนซิงนั้นต่างกันสิ้นเชิง ถึงแม้เวลามู่เทียนซิงจะหัวร้อน เธอก็ยังมีเหตุผล แต่เมิ่งเสี่ยวหวีนี่สิเวลาหัวร้อน จะใช้อารมณ์อย่างเดียว เหตุผลคืออะไรกันเธอไม่สนทั้งนั้น
มู่เทียนซิงเข้าใจนิสัยใจคอของเธอดี จึงไม่เถียงกับเธออีก
ถึงแม้เวลานี้ เมิ่งเสี่ยวหวีจะพูดอะไรที่ทำร้ายจิตเธอก็ตาม
“เสี่ยวหวี เธอพักผ่อนก่อนนะ เดี๋ยวคุณพ่อก็จะกลับมาแล้ว”
มู่เทียนซิงเสียใจและหันหลังให้ นึกว่าเพื่อนสนิทจะเข้าใจเธอ
จะยืนข้างเธอให้กำลังใจเธอ แต่ที่ไหนได้ พี่น้องก็คือพี่น้อง มันอยู่เหนือกว่าคำว่าเพื่อนสนิทอยู่ดี
เธอระลึกความหลังของเมิ่งเสี่ยวหวีคันที่ช่วยเธอตัดพ้อต่อว่าเมื่อเสี่ยวหลงแทนเธอในสายโทรศัพท์เมื่อวานนี้
คิดๆดูแล้ว ตอนที่เมิ่งเสี่ยวหวีด่าพี่ชายเธอ คงไม่ใช่ความจริง ก็แค่การเล่นละครตบตา ปลอบใจเธอ แต่นี่เมิ่งเสี่ยวหลงเกิดเรื่องขึ้น ธาตุแท้ของเธอก็หลุดออกมาจนได้
ใช่สิ คนก็เห็นแก่ตัวแบบนี้แหละ ใครให้พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันล่ะ?
มู่เทียนซิงกำลังจะเดินออกจากห้องของเมิ่งเสี่ยวหวี ทันใดนั้น เมิ่งเสี่ยวหวีดึงเธอรั้งไว้ จ้องหน้าเธอ:”มู่เทียนซิง เธอมีจิตใต้สำนึกบ้างมั้ย? พี่ชายฉันตกอยู่ในสภาพแบบนี้แล้ว เธอยังไม่สนใจเขาอีกเหรอ?”
“ฉันไม่ได้ไม่สนใจเขา ฉันแค่ทำในสิ่งที่ควร กำลังความสามารถของฉันมีจำกัดนะ ฉันไม่ใช่ราชินีแห่งประเทศหนิงซะหน่อย!”
มู่เทียนซิงก็โกรธ มองหน้าเธอ:”เธออย่าลืมนะ คุณพ่อเธอยังพักอาศัยอยู่บ้านหลังนี้ คนหัวแหลมอย่างเขา เกลือที่เขาเคยกินยังมากกว่าข้าวที่เธอทานซะอีก อะไรผิด อะไรถูก เขายังแยกแยะได้ชัดเจน เธอกับฉันเติบโตมาด้วยกันราวกับพี่น้อง ทำไมถึงแยกแยะไม่ออกว่าอะไรคือผิดถูกดำขาวล่ะ?”
เธอพูดจบ ไม่สนใจเมิ่งเสี่ยวหวีจะโวยวายอะไรต่อ เดินออกห้องทันที
ถึงห้อง มู่เทียนซิงเธอเศร้าโศกเสียใจมาก
ไปรับเพื่อนสนิทที่สนามบินด้วยความดีใจ รับมาถึงแล้ว ถึงรู้ว่าบนโลกนี้ ไม่มีคำว่าพี่สาวน้องสาวที่ไร้ความลับต่อกันอีกแล้ว
คนๆนั้นอาจอยู่เพียงแค่ในความทรงจำของเธอตลอดไป
หรือไม่ก็ ไม่เคยมีคนๆนี้เลยด้วยซ้ำ
เธอวาดฝันของคำว่าเพื่อนสนิทไว้ที่ตัวเมิ่งเสี่ยวหวี!
เธอนอนอยู่บนเตียงมองป้ายโฆษณานอกหน้าต่าง สิ่งเดียวที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เธออยู่บ้านตระกูลมู่ต่อได้ก็คือ การได้เห็นหลิงเล่ และมองเขาเรื่อยๆ มองเขาเรื่อยไป
และแล้ว ก็มีเสียงข้อความเข้าติ๊งตู่ง!
เธอตื่นเต้นดีใจมากและรีบพุ่งตัวไปดู สุดท้ายเห็นข้อความบนมือถือ ถึงรู้ว่าเมิ่งเสี่ยวหวีส่งข้อความมาให้”ไอ้สาวทึ่ม อย่าโง่หน่อยเลยน่า”
คนสมัยนี้นี่ก็แปลกประหลาดจริงๆเลย ปากบอกหวังดีแต่กลับบังคับให้เธอทำในเรื่องที่ทำร้ายความรู้สึกเธอ
ความห่วงใยที่แท้จริง มันไม่ควรเป็นแบบนี้ ไม่ใช่รึ?
อาจเป็นเพราะมู่เทียนซิงไม่ได้ส่งข้อความตอบกลับให้เมิ่งเสี่ยวหวี มันทำเอาเมิ่งเสี่ยวหวีหัวร้อนมาก จึงส่งข้อความไปอีกรอบ”มีสองทางให้เลือกจะเป็นพี่สะใภ้ฉัน หรือจะตัวขาดกับฉัน! ต้องเลือกหนึ่งข้อ!”
มู่เทียนซิงอ่านจบ ถึงกับอึ้งและเสียใจมาก
สองพี่น้องคู่นี้ เวลาเผชิญปัญหาอะไร ทำไมถึงใจร้อนไม่คิดแบบนี้ นิสัยคนเรามันสามารถถ่ายทอดผ่านสายเลือดได้ด้วยหรอ
เธอควักมือถือออกมา และส่งข้อความถึงเมิ่งเสี่ยวหวีว่า:” ไม่มีใครบังคับให้พี่ชายไปมีเรื่องกับคุณชายหนี ไม่มีใครบังคับให้พี่ชายเธอมาข่มขืนฉัน ทุกอย่างเขาเป็นคนเลือกเอง เกิดพี่เธอไปปล้นธนาคารขึ้นมา แล้วเธอจะไปโทษธนาคารว่าทำไมต้องเก็บเงินไว้เยอะแยะงั้นเหรอ เมิ่งเสี่ยวหวี เธอใช้เหตุผลหน่อยได้มั้ย เธอแยกแยะว่าอะไรผิดอะไรถูกไม่ได้หรือไง?”
จะบอกว่า มู่เทียนซิงก็โกรธเป็นเหมือนกันนะ
เธอไม่ใช่คนโมโหอะไรง่ายๆ แต่เวลาเธอโมโหร้ายขึ้นมา มันก็น่ากลัวเหมือนกัน
เธอนั่งอยู่ข้างเตียง รออยู่เงียบๆ ไม่รู้ว่าเธอกำลังรอเวลาให้มืดค่ำ หรือกำลังรอข้อความตอบกลับของเมิ่งเสี่ยวหวีกันแน่
มีเสียงข้อความเข้าติ้ง!มู่เทียนซิงรีบดูมือถือ
เมิ่งเสี่ยวหวีตอบกลับมาคำนึง แต่มีเพียง8พยางค์:”เธอช่างใจร้ายใจดำจริงๆ!”
แต่ตัวหนังสือ8พยางค์นี้ทำให้มู่เทียนซิงถึงกับใจสั่น เพราะไม่ว่าจะเป็นเมิ่งเสี่ยวหลงหรือว่าเมิ่งเสี่ยวหวี สองพี่น้องนี้ ไม่เคยเข้าอกเข้าใจเธออย่างแท้จริงเลย!