ตอนที่ 146 มันจะสําเร็จ
ในช่วงนี้ร่างกายของหลินมู่เฉิงไม่ควรดื่ม แต่เขาเกิดมาเป็นคนขี้เมาและตอนนี้เขาไม่ได้เมามาเกือบเดือนแล้วเขาอยากมาก
เมื่อเห็นว่าสายตาของเขาดูน่าสงสาร หลินเสี่ยวเหมยก็ไม่เต็มใจนักแต่ต้องยอมให้เขาดื่มสักสองสามแก้ว
ซูฟ่านยังเป็นชายหนุ่มเพียงคนเดียวในโต๊ะอาหาร
หลินมู่เฉิงจึงดื่มกับแค่ซูฟ่าน
แต่หลินเสี่ยวเหมยและหลี่หงลี่คอยอยู่ห้ามไม่ให้เขาดื่มมากเกินไป
ส่วนหลินอี้ถงตอนนี้ขยาดไวน์ไปแล้ว
ครั้งล่าสุดเธอเมาทันทีหลังจากดื่มไปเพียงเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้สืบทอดยีนนักดื่มของพ่อมาเลย
“ยังไงก็เถอะซูฟ่าน!”
ทันทีที่ซูฟ่านวางแก้วไวน์ลง หลินอี้ถงก็ดึงเสื้อซูฟ่าน
ซูฟ่านมองไปที่เธอ
“ผลสอบเทอมนี้ของฉันออกมาแล้ว!”
“จริงเหรอได้กี่คะแนน”
“คะแนนรวม 576!”
คะแนนนี้ทําให้ซูฟ่านตกใจ และหลินมู่เฉิงและหลินเสี่ยวเหมยก็ตกตะลึง
หลินเสี่ยวเหมยที่ยังคงคีบอาหารอยู่ แต่หลังจากได้ยินคะแนนของลูกสาวแล้ว ทุกอย่างบนตะเกียบของเธอก็ตกลงไปในชาม
เธอเขย่าไหล่ของหลินอี้ถงอย่างแรง
“อี้ถง ลูกพูดว่าอะไรนะ? จริงเหรอ?”
“โอ้ย อย่ามาเขย่า”
หลินอี้ถงผลักมือของหลินเสี่ยวเหมยออกไปอย่างไม่พอใจและลูบไหล่ของเธอ
“ก็จริงสิ หนูจะโกหกทําไม”
หลังจากพูดหลินอี้ถงก็หยิบใบคะแนนที่เธอเก็บไว้ในกระเป๋าออกมา
แน่นอนว่ามันคือ 576 คะแนน จากระดับล่างสุดของชั้นเรียนเธอได้กระโดดขึ้นมาที่อันดับที่ 15 ในชั้นเรียน!
มีนักเรียนทั้งหมด 50 คนในชั้นเรียน
โรงเรียนของหลินอี้ถงเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีการแข่งขันสูง หลินมู่เฉิงพยายามแทบตายเพื่อยัดหลินอี้ถงเข้าไป
หลังจากที่เธอไปที่นั่น หลินอี้ถงก็ไม่ชอบเรียนอีกต่อไปเพราะเกรดของเพื่อนร่วมชั้นของเธอดีมาก คะแนนของเธอมักถดถอยลงเสมอ
คะแนนสอบเข้าวิทยาลัยเมืองเซี่ยงไฮ้ทั้งหมดคือ 750 คะแนน
ถ้าคะแนนของหลินอี้ถงถูกแปลงเป็นคะแนนสอบเข้าวิทยาลัย เธอควรจะสามารถเข้าได้
นี่เป็นการก้าวกระโดดเชิงคุณภาพสําหรับเธอแล้ว
อย่างไรก็ตาม เธออยู่ในอันดับที่ 15 ในชั้นเรียน แต่เธอยังคงขาดไปอีก 200 คะแนน
เพราะคะแนนรวมในชั้นเรียนของเธอต่ําที่สุดในรอบปี
หลินเสี่ยวเหมยมือสั่นขณะถือใบคะแนน
“นี่มันคะแนนของลูกจริง ๆ เหรอ”
“อะไร ทําไมแม่ไม่เชื่อใจหนูนัก”
หลินอี้ถงอารมณ์เสียเล็กน้อย
“ไม่ใช่ว่าแม่ไม่เชื่อใจลูก แต่ลูกเพิ่งสอบได้ 300 คะแนนเมื่อเดือนที่แล้ว คะแนนมันพุ่งสูงกะทันหัน…”
“นั่นเพราะพี่ซูฟ่านสอนมาอย่างดีไง”
หลินอื้ถงโกรธเล็กน้อยกับสิ่งที่หลินเสี่ยวเหมยพูดและตอบอย่างโกรธเคือง
หลินมู่เฉิงและหลินเสี่ยวเหมยมองหน้ากันและรู้สึกว่าสิ่งที่หลินอี้ถงพูดควรเป็นความจริง
หลินอี้ถงได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากในการเรียนรู้เมื่อเร็ว ๆ นี้
ทั้งสองมองไปที่ซูฟ่านอย่างซาบซึ้ง
หลินเสี่ยวเหมยเติมไวน์ในแก้วของหลินมู่เฉิงและแก้วของเธอ
“หงลี่ ฉันต้องขอบคุณเธอและลูกชายของเธอจริง ๆ !”
หลินเสี่ยวเหมยและหลินมู่เฉิงยืนขึ้นและดื่มหมดแก้วเล็ก ๆ ทันที
หลี่หงลี่ไม่มีโอกาสที่จะหยุดพวกเขา
“โอ้ย ทําไมพวกเธอถึงเกรงใจอย่างนั้นล่ะ”
“เรื่องใหญ่อะไรอี้ถึงได้เกรดดีก็ดีแล้ว”
“เสี่ยวฟ่านของเราไม่ได้เก่งกาจอะไร ที่อี้ถงมาไกลขนาดนี้ก็เพราะตัวเธอเอง”
หลินเสี่ยวเหมยรู้สึกภาคภูมิใจเล็กน้อยและเริ่มต้นพูดต่อ
“การเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยธุรกิจของเซี่ยงไฮ้ยังไม่เก่งพอหรือ หงลี่ ความต้องการของเธอสําหรับลูกชายสูงเกินไปแล้ว!”
แม้ว่าหลินเสี่ยวเหมยและหลินมู่เฉิงจะไม่ได้เรียนสูง แต่พวกเขาก็รู้ว่ามหาวิทยาลัยนั้นเป็นอย่างไร
นั่นคือแหล่งกําเนิดของผู้ประกอบการธุรกิจชั้นนํา
ในอันดับมหาวิทยาลัยในประเทศจีน มหาวิทยาลัยเป็นอันดับสองรองจากมหาวิทยาลัยฉินหัว!
“อี้ถงของเราหากสามารถเข้าเรียนในมหาลัยชั้นสองได้ เราทุกคนก็ภูมิใจแล้ว!”
หลินเสี่ยวเหม่ยถอนหายใจ
หลินอี้ถงชะงักอีกครั้ง
“ชั้นสองอะไรเล่า! แม่นี่ดูถูกกันจริง ๆ !”
“เจ้าหนู เธอจะสอบเข้ามหาลัยอะไร”
หลินเสี่ยวเหมยส่วนกลับหลินอี้ถงอย่างไม่พอใจ
“ฉันบอกว่าฉันต้องการเรียนที่วิทยาลัยการแพทย์เซี่ยงไฮ้!”
หลินอี้ถงพูดอย่างใส่อารมณ์
เธอโกรธเล็กน้อยที่พ่อแม่ไม่สนใจสิ่งที่เธอพูด แต่เธอตั้งใจบอกพ่อแม่ของเธอไปแล้วว่าเธอกําลังจะไปมหาลัยการแพทย์เซี่ยงไฮ้และเธออยากเป็นหมอ!
หลินเสี่ยวเหมยถอนหายใจอย่างดูถูก
“เสี่ยวฟาน ช่วยบอกหน่อยเถอะ เด็กคนนี้ลอยตัวด้วยความสําเร็จเพียงเล็กน้อยแค่นั้น””อย่าปล่อยให้เธอคาดหวังสูงเกินไป มันจะไม่สบายใจเมื่อต้องถอยหลังกลับ”
หลินเสี่ยวเหมยขาดความมั่นใจในตัวหลินอี้ถง
แม้ว่าผลการเรียนของหลินอี้ถงจะดีขึ้นอย่างมาก แต่หลินเสี่ยวเหมยยังไม่อยากเชื่อว่าหลินอี้ยงจะทําได้
เพราะลูกของเธอเรียนรู้ด้วยตนเอง ความฝันของหลินอี้ถงจึงดูยากจนเกินไป
เธอพูดแบบนี้ด้วยเจตนาดีเพราะกลัวว่าเด็กที่มีคาดหวังสูงเกินไปแบบนี้ เมื่อล้มเหลวจะล้มลงอย่างรุนแรงยากจะลุกขึ้น
เธอมักจะทะเลาะกับหลินอี้ยง แต่ถ้าลูกหงุดหงิดจริง ๆ เธอจะรู้สึกไม่สบายใจ
ซูฟ่านยักไหล่
“คุณป้า คุณพูดแบบนั้นไม่ได้ ตราบใดที่อ๋องยังคงพยายามอย่างหนัก เธอจะได้เรียนที่วิทยาลัยการแพทย์เซี่ยงไฮ้และกลายเป็นหมอในอนาคตแน่นอน”
ซูฟ่านพูดด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่จําเป็นต้องสงสัยว่าเรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่
เพราะระบบได้ให้รางวัลแก่เขาล่วงหน้าแล้ว และได้บอกว่าหลินอี้ถงจะช่วยชีวิตคนได้หลายพันคน
คําตอบที่ได้รับจากระบบนั้นไม่เคยผิด
ยกเว้นซูฟ่านจะไม่สอนหลินอี้ถงต่อจนอนาคตเปลี่ยนไป
ซูฟ่านเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเขาเปลี่ยนอนาคตจริง ๆ ระบบจะคํานวณรางวัลของเขาอย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะนี่คือชีวิตของหลินอี้ถง ซูฟานก็อยากจะลอง
“ก็นั่นแหล่ะ ผมจะบอกว่าหลินอี้ถงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นหมอสุดเก่งอย่างแน่นอน! “เสี่ยวฟานก็จะช่วยเธอด้วยจริงไหม!
เมื่อเห็นว่าหลินอี้ถงกําลังจะร้องไห้ หลี่หงลี่ก็รีบพูดกับเธอทันที
หลินเสี่ยวเหมยและหลินมู่เฉิงก็เต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นกันเมื่อซูฟ่านเป็นคนพูดและพวกเขาไม่คิดห้ามหลินอี้ถงอีกต่อไป
ครอบครัวของพวกเขาถือว่าซูฟ่านเป็นผู้กอบกู้!
“เฮ้อ ซูฟ่าน หลังจากนี้คงต้องรบกวนเธอแล้ว” “ฉันต้องบอกเธอว่าตอนนี้ถงผูกพันกับเธอมาก และเราสามารถทําได้เพียงแค่มอง
หลังจากพูดแล้ว หลินเสวี่ยเหม่ยก็ส่ายใบคะแนนในมือของเธออย่างขมขื่น
“จากใบคะแนนวันที่คะแนนออกคือเมื่อวานซืน แต่หลินอี้ถงก็ไม่ได้บอกฉันและพ่อของเธอ” “อี้ถงอยากจะบอกเธอครั้งแรก! “
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลินเสี่ยวเหมยก็จ้องไปที่หลินอื้องด้วยความไม่พอใจ
หลินอี้ถงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และเถียงกลับ
“พี่ซูฟ่านสอนให้หนูเรียน ถ้าไม่มีเขา หนูคงไม่ได้เกรดนี้ ทําไมหนูถึงบอกเขาเป็นคนแรกไม่ได้!”
หลินอี้ถงไม่ยอม
“นี่ลูก…“
โต๊ะอาหารอันเงียบสงบเริ่มเต็มไปด้วยเสียงของหลินเสี่ยวเหมยและหลินอี้ถงอีกครั้ง
ซูฟ่าน หลี่หงลี่ และหลินมู่เฉิงก็ทําอะไรไม่ถูก
แต่แม่ลูกคู่นี้เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ทุกคนไม่พูดอะไรมากเพียงแค่กินอาหารของตัวเองไป
ทันใดนั้นโทรศัพท์ของซูฟ่านก็ดังขึ้น
ซูฟ่านมองไปที่หมายเลขโทรศัพท์ มันดูไม่คุ้นเคย
อย่างไรก็ตาม เบอร์นี้มีอยู่ในความทรงจําของซูฟ่าน
ในข้อมูลวงในก่อนหน้านี้ เบอร์โทรนี้เคยปรากฏขึ้น
เป็นผู้ช่วยของชูเทียนฉี ฟางหยาน
ซูฟ่านลุกออกไปรับสาย
“สวัสดีครับ คุณ..”