ตอนที่ 11

The simple life of the emperor

หลังจากที่เทียนหลางได้ลูกจ้างราคาแสนถูกแล้วนั้นเขาก็กลับเข้ามานั่งมองไปรอบ ๆ ร้านของครอบครัวเขา

‘อืม… ร้านนี้ดูเหมือนจะเล็กไปแล้วสำหรับลูกค้าที่มากมายในตอนนี้ ตึกข้าง ๆ นั้นน่าสนใจที่จะนำมาทำเป็นส่วนขยายของร้าน อืม…’

เทียนหลางนั่งขมวดคิ้วไปมาพร้อมกับใช้นิ้วเคาะโต๊ะไล่เรียงความคิดหาวิธีในการที่จะได้มาในการซื้อตึกข้าง ๆ ยิ่งคิดยิ่งปวดหัวเพราะไม่ว่าเทียนหลางจะคิดยังไงเขาก็หาวิธีไม่พบและปัญหาใหญ่ที่สุดของเขาก็มาจบอยู่ที่เรื่องเงินเสมอ

”เงิน เงิน เงินอีกแล้วทำไมมันต้องมีเงินมาเกี่ยวข้องทุกทีเลย ~”

เทียนหลางคร่ำครวญกับตัวเองก่อนจะนึกถึงบางอย่างได้

”จริงสิ ! ตาแก่ที่เคยช่วยไว้เมื่อตอนวันก่อน ชื่ออะไรนะหลี หลี่ อะไรสักอย่าง”

เทียนหลางเดินกลับขึ้นไปบนห้องและค้นหานามบัตรของหลี่ไห่ที่เขาเคยได้รับมา เมื่อเขาพบมันก็เห็นว่ามีเบอร์โทรของหลี่ไห่แปะอยู่ด้านหลังบัตร เทียนหลางเลยโทรไปตามเบอร์นั้น

ไม่นานนักก็มีเสียงหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นมาจากปลายสาย

”สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าต้องการติดต่อเรื่องใดกับประธานหลี่งั้นเหรอคะ ?”

‘โอ้ ตาแก่นั่นเป็นถึงประธานเชียว ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่ตาแก่ธรรมดา ๆ ก็เถอะแต่ไม่คิดว่าจะถึงขนาดนี้’

เทียนหลางขบคิดสั้น ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ

”เอ่อ… พอดีว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้ช่วยเหลือประธานหลี่เอาไว้ และเขาบอกว่าหากมีปัญหาให้โทรติดต่อมาตามเลขด้านหลังบัตร พอดีผมมีเรื่องต้องการคำปรึกษากับเขานิดหน่อยนะครับ”

”เช่นนั้น โปรดรอสักครู่นะคะ ดิฉันจะต่อสายกับท่านประธานให้”

”รบกวนคุณแล้ว”

จากนั้นก็มีเสียงรอสายดังขึ้น ไม่นานนักสายก็ถูกรับโดยหลี่ไห่

”สวัสดี ไม่ทราบว่าคุณคือใครงั้นเหรอ ?”

”เอ่อ… ผมคือคนที่ช่วยคุณไว้ที่ตลาดเมื่อไม่กี่วันก่อน พอดีผมมีเรื่องจะรบกวนคุณนิดหน่อยไม่ทราบว่าคุณมีเวลาว่างรึเปล่านะครับ”

”โอ้ ~ เจ้าหนุ่มที่ตลาดเมื่อตอนนั้นเอง แน่นอนสิว่าว่างแต่ว่าฉันจะมีประชุมในอีก 5 นาทีนี้ เอาเป็นว่าเธอมาที่ออฟฟิตฉันก็แล้วกันนะเธอก็มาตามที่อยู่ในบัตรที่ฉันให้เอาไว้แล้วกันเดียวฉันจะบอกกับพนักงานต้อนรับเอาไว้ให้”

”โอเคครับ”

หลังจากวางสายเทียนหลางก็เงยหน้ามองดูนาฬิกาและพบว่ายังมีเวลาอีกเยอะกว่าจะเปิดร้าน เขาจึงลุกขึ้นแต่งตัวและบอกพ่อกับแม่ของเขาว่าจะออกไปข้างนอกสักพักและจะรีบกลับมา

เทียนหลางนั่งรถแท๊กซี่ไปยังที่อยู่ด้านหน้าบัตรซึ่งก็คือ บริษัทหลี่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ต้องตกใจกับบริษัทของหลี่ไห่แม้เขาจะรู้ว่าหลี่ไห่นั้นไม่ใช่คนรวยธรรมดา ๆ แต่เขาไม่คิดว่าหลี่ไห่จะเป็นประธานบริษัทใหญ่โตขนาดนี้

ด้านหน้าของเทียนหลางคือตึกสูงกว่าหกสิบชั้นที่ถูกปลุกคลุมด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำเอาเทียนหลางอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้

”ให้ตายสิ ตาแก่นั้นรวยขนาดไหนกันเนี้ยถึงได้สร้างตึกสูงขนาดนี้”

ทันทีที่เทียนหลางรู้จักฐานะคร่าว ๆ ของหลี่ไห่เขาก็รู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อยการที่เขาจะมาพบกับคนใหญ่คนโตแบบนี้โดยไม่มีของฝากนั้นเป็นเรื่องที่เสียมารยาท ในอดีตมีเพื่อนคนหนึ่งของเทียนหลางที่มักจะมาเยี่ยมเขาบ่อย ๆ โดยทุกครั้งเขาจะมีของฝากมาด้วยเสมอไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนทำเอาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเขาถึงมักเอาของฝากมาให้ ในวันหนึ่งเขาจึงถามออกไป

และเพื่อนของเทียนหลางจึงได้ตอบกลับมาอย่างคลุมเคลือเล็กน้อยว่า

”ข้านั้นเชื่อเสมอว่าชะตาของคนสองคนอาจถูกผูกกันไว้ด้วยของฝากชิ้นเล็ก ๆ ดังนั้นข้าจึงไม่อาจขี้เหนียวได้เมื่อข้าได้ไปเยี่ยมใครสักคน นอกเหนือจากนั้นมันยังเป็นเรื่องของมารยาทอีกด้วยนะ”

เทียนหลางระลึกความหลังอยู่สักพักก่อนจะหันซ้ายหันขวาและเดินไปถามคนแถวนั้นว่ามีร้านขายของฝากอยู่แถวนี้หรือไม่ และคนแถวนั้นก็บอกว่ามีอยู่ร้านหนึ่งใกล้ ๆ นี้

ไม่นักเทียนหลางก็มาถึงร้านของฝากแต่น่าสงสารที่เขานั้นไม่มีเงินพอที่จะซื้อของฝากราคาแพงได้เขาเลยซื้อได้เพียงชุดผลไม้สุขภาพเท่านั้นซึ่งราคาก็แพงเอาเรื่องอยู่เช่นกัน

”รู้สึกสงสารตัวเองยังไงก็ไม่รู้แหะ แม้แต่เงินซื้อของฝากก็ไม่มี”

เทียนหลางเดินคอตกไปที่บริษัทหลี่เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เมื่อเทียนหลางเดินเข้ามาก็ตรงมายังประชาสัมพันธ์ทันทีพร้อมกับยิ้มให้กับพยักงาน เมื่อพนักงานสาวเห็นรอยยิ้มอันหล่อเหลาถล่มทลายของเทียนหลางเธอก็ถึงกับสติหลุดไปเล็กน้อยก่อนจะดึงสติกลับมาและปรับเข้าสู่โหมดมืออาชีพอีกครั้งและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันไพเราะ

”ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดิฉันช่วยไหมคะ ?”

”ผมได้นัดกับประธานหลี่เอาไว้หน่ะครับ เห็นเขาบอกว่าจะแจ้งพนักงานให้ก่อนเขาไปประชุม”

”งั้นขอฉันดูก่อนนะคะ”

พนักงานตอบรับพร้อมกับก้มมองไปที่หน้าจอคอมและตรวจเช็คเวลานัดหมายของประธานหลี่ก่อนจะยิ้มและพูดขึ้น

”ประธานหลี่ได้นัดคนคนนึงเอาไว้คะแต่ไม่ได้บอกว่าเป็นใคร ดิฉันขอถามได้รึเปล่าคะว่าคุณชื่ออะไร”

ทันทีที่ได้ยินคำพูดของพนักงานต้อนรับเทียนหลางก็ตบหน้าผากตัวเองเบา ๆ เพราะพึ่งนึกขึ้นได้ว่าเขานั้นยังไม่เคยบอกชื่อของตัวเองกับหลี่ไห่เลยสักครั้งเดียว

”ผมว่าคนคนนั้นคงเป็นผมนั่นแหละครับ แต่เพราะว่าผมนั้นขี้ลืมเลยไม่ได้บอกชื่อของตัวเองกับเขาไป”

พนักงานที่ได้ยินก็หัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนจะยื่นคีย์การ์ดให้กับเทียนหลางพร้อมกับพูดขึ้น

”นี่คือคีย์การ์ดสำหรับขึ้นไปชั้นบนคะ”

”ขอบคุณครับ”

เทียนหลางยิ้มพร้อมกับรับคีย์การ์ดมาและเดินตรงไปยังลิฟท์ เมื่อเข้ามาในลิฟท์เทียนหลางก็เห็นช่องรูดคีย์การ์ด เทียนหลางไม่รอช้ารูดคีย์การ์ดและตรงไปยัง 66 ซึ่งเป็นชั้นของประธานหลี่ทันที

เมื่อมาถึงเทียนหลางก็ต้องแปลกใจเล็กน้อยกับความโอ่อ่าของออฟฟิตของหลี่ไห่

‘ตาแก่นั่นรวยขนาดไหนกันน๊าาา ถึงได้มีออฟฟิตใหญ่ขนาดนี้’

เทียนหลางคิดพร้อมกับเดินมาตามทางเรื่อย ๆ ก็พบกับผู้หญิงหน้าตาสวยงามคนหนึ่งกำลังนั่งจัดการกับเอกสารต่าง ๆ อยู่เทียนหลางจึงเดินเข้าไปและเอ่ยขขึ้น

”ขอโทษนะครับ พอดีผมได้นัดกับประธานหลี่เอาไว้ก่อนหน้าที่เขาจะไปประชุมนะครับ และเขาให้ผมมารอที่นี้”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยและผายมือเชิญให้เทียนหลางเข้าไปรอด้านใน

‘ดูเหมือนเธอจะเป็นคนพูดน้อยนะ เธอคงเป็นสิ่งที่เรียกว่าเลขาสินะ’

เทียนหลางเข้ามารอในออฟฟิตพร้อมกับที่เลขาคนสวยของหลี่ไห่ชงชามาให้ เทียนหลางพยักหน้าขอบคุณและยกชาขึ้นมาจิบเบา ๆ

‘อื้ม… ชาดีใช้ได้’

”กรุณารอสักครู่ท่านประธานกำลังประชุมอยู่คะ”

”ขอบคุณครับ คุณกลับไปทำงานเถอะผมไม่รบกวนคุณแล้วหล่ะ”

เมื่อเทียนหลางพูดจบเลขาสาวสวยก็พยักหน้าและกลับออกไปทำงานของเธอปล่อยให้เทียนหลางนั่งรอหลี่ไห่อยู่ภายในห้อง หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงประตูของห้องทำงานก็ไดเปิดออกและหลี่ไห่ก็เข้ามา เมื่อเขาเห็นเทียนหลางเขาก็เอ่ยทักทายทันที

”ว่าไงหนุ่มน้อย มีอะไรที่อยากให้ฉันช่วยงั้นเหรอ ?”

”สวัสดีครับ คราวก่อนผมลืมแนะนำตัวไปผมเทียนหลางครับ”

”โอ้ ~ ชื่อเทียนหลางงั้นรึ เอาหล่ะนั่งลงเถอะ”

”ครับ”

”แล้วเธอมีอะไรอยากให้ฉันช่วยงั้นรึ ?”

เมื่อเทียนหลางได้ยินคำถามก็พยักหน้าเล็กน้อยและพูดสิ่งที่เขาต้องการทันที

”ผมคาดว่าคุณหลี่ไห่นั้นเป็นคนหนึ่งในคนที่มาฐานะสูงอยู่พอสมควร”

เมื่อหลี่ไห่ได้ยินก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้น

”เรียกฉันว่าคุณปู่หลี่ก็แล้วกัน เรียกแบบนั้นดูเป็นทางการไปสักหน่อย”

”โอเคครับ เรื่องอยากจะให้ช่วยนั้นไม่มีอะไรมากมายนักแค่ผมนั้นอยากทราบวิธีที่ได้รับเงินจำนวนมากอย่างรวดเร็วนะครับ”

เมื่อได้ยินแบบนั้นหลี่ไห่ก็ขมวดคิ้วเบา ๆ พร้อมกับนำมือลูบคางจากนั้นก็พูดขึ้น

”ฉันขอถามเหตุผลได้ไหม ?”

”ได้สิครับ พอดีที่บ้านผมนั้นเปิดร้านอาหารและพอดีว่าลูกค้านั้นเยอะมาก แต่ร้านกลับเล็กเกินไปผมจึงคิดว่าอยากจะขยับขยายร้านสักหน่อย แต่มันก็ต้องใช้เงินเป็นจำนวนมากซึ่งมันไม่น่าจะหาได้อย่างรวดเร็วจากรายได้ร้านประจำวันแม้มันจะเยอะก็ตาม”

”อืม….”

หลี่ไห่ครุ่นคิดก็ตอบกลับ

”อันที่จริงมันก็มีแหละนะ แต่ว่ามันค่อนข้างจะเป็นการเสี่ยงดวงสักหน่อย”

เทียนหลางได้ยินก็เอียงหัวสงสัย

”เสี่ยงดวง ?”

”การพนัน ? คาซิโนงั้นเหรอครับ ?”

หลี่ไห่ส่ายหัวก่อนจะยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้น

”มันคือการพนันหยกหน่ะ”

”พนันหยก ?”