ตอนที่ 85 บุญคุณช่วยชีวิตก่อเกิดสายสัมพันธ์ (6)

เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค

ตอนที่ 85 บุญคุณช่วยชีวิตก่อเกิดสายสัมพันธ์ (6)

แต่ว่า ตอนที่ตกลงมาบนพื้น ดูเหมือนตัวจะผ่อนคลายขึ้นมาก

“แม่หนู เจ้าโกหก! เจ้าไม่ได้เวียนหัวและไม่ได้หน้ามืดตาลาย ร่างกายแข็งแรงดี แค่ว่าลมปราณถูกปิดผนึกเอาไว้ ตอนนี้ข้าคลายลมปราณให้เจ้าแล้ว เจ้ารีบพูดมาเถอะ เจ้ารักษาเช่นไร”

ลมปราณ? ทั้งยังคลายให้แล้ว? มีเรื่องพิศวงเช่นนี้ด้วยหรือ

ภายในเวลาสั้นๆ นี้เขาก็สามารถ ‘วินิจฉัย’ ว่านาง ‘ไม่ได้เวียนหัวและไม่ได้หน้ามืดตาลาย ร่างกายแข็งแรงดี’ เมื่อครู่คือ? การตรวจสุขภาพ?

หรือว่าเขาเอกซเรย์ด้วยสายตาได้

พลิกตัวนางบนอากาศราวกับเป็นว่าว ก็เห็นอวัยวะภายในร่างกายของนางอย่างชัดเจน?

ช้าก่อน! เอกซเรย์? ตรวจสุขภาพ? นี่เป็นการลวนลามไม่ใช่หรือ ชายชราที่ไม่น่านับถือผู้นี้… จริงๆ เลย ช่างน่าโมโหยิ่งนัก!

ขณะกำลังจะเกรี้ยวกร้าดโมโห ทันใดนั้นเองก็นึกถึงพิษลมหนาวในตัวหนิงเซ่าชิง

อืม ปกติแล้วคนที่มีความสามารถ จึงจะมีความคิดแปลกๆ มักทำตัวประหลาดๆ

ชายชราประหลาดผู้นี้มีความรู้ทางแพทย์! ไม่แน่ อาจจะเป็นคนมีของก็ย่อมได้

นางไม่โมโหแล้วแต่กลับยิ้ม

รอยยิ้มนั้นช่างเอาอกเอาใจยิ่งนัก มองจนหมอหวังรู้สึกหนาวสั่น

“แม่หนู เจ้ายิ้มอะไร มีอะไรจะขอร้องก็พูดมาตามตรง ต้องการเงินหรือทอง หรือว่าต้องการสมุนไพรเสริมความงาม พูดมาเถอะ ข้าย่อมไม่เอาเปรียบเจ้า”

“ใคร่ได้วิธีการและหลักการในการรักษาไม่ใช่เรื่องยาก ขอเพียงท่านรับปากจะช่วยข้ารักษาคนๆ หนึ่งก็พอ”

“ข้าไม่เคยถูกใครข่มขู่มาก่อน!” หลังจากชายชราประหลาดฟังนางพูดจบ หุบยิ้ม ชักสีหน้าทันที หมุนตัวหันหลังเดินจากไป

มั่วเชียนเสวี่ยไม่ทันได้ตั้งตัว ชายชราประหลาดก็หมุนตัวหันหลังเดินไปแล้ว

“นี่! หมอ…หมอหวัง…”

เห็นชายชราประหลาดเดินหน้าบึ้งออกไป นางเดินตามไปด้วยความรู้สึกเสียใจ อยากจะไล่ตาม

วิธีรักษาเบื้องต้นนั้น เดิมทีก็มีไว้เพื่อช่วยคน ในอินเทอร์เน็ตมีการแบ่งปันโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย นางควรจะแบ่งปันให้ผู้อื่นด้วยความเต็มใจ แต่กลับนำมาใช้เป็นข้อแลกเปลี่ยนกับผู้อื่น

อีกทั้ง วิธีการรักษาเบื้องต้นเหล่านั้น เขาถามคนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็รู้ความแล้ว หลักการเหล่านั้น เพียงใช้ความคิดให้มากน้อยก็ย่อมเข้าใจได้

แม้ชายชราประหลาดจะอายุมากแล้ว ทว่าเดินเร็วเหลือเกิน รอให้นางไล่ตามไปถึงประตูเรือน ก็ไม่เห็นร่องรอยแล้ว

มั่วเชียนเสวี่ยหันหลังด้วยความขุ่นเคืองใจ

ช่างเถอะ รอให้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเขาก่อน คราวหน้าค่อยขอโทษ ค่อยขอให้เขาช่วยรักษาแล้วกัน

ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยกลับเข้าไปในเรือน เจี่ยนเหล่าไท่จวินถูกคนหามเข้าไปในห้องแล้ว ภายในห้อง เจี่ยนชิงโยวนั่งอยู่ด้านหน้าสุด ผอจื่อและสาวใช้อยู่ซ้ายขวา ทั้งยังมีคนคุกเข่าอยู่บนพื้นสองคน

คนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดสาวใช้ ทว่าอีกคนสวมอาภรณ์สีชมพู ละหม้ายคล้ายคลึงกับคนที่มั่วเชียนเสวี่ยเห็นในป่าไผ่

สีหน้าของเจี่ยนชิงโยวเคร่งขรึม ความเย็นยะเยือกรอบตัวนางต่างจากความอ่อนโยนในยามปกติราวกับเป็นคนละคน

ดูจากสถานการณ์แล้ว นางกำลังจะจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นแทนเหล่าไท่จวิน แต่ว่า… เรื่องโสมมเช่นนี้ สมควรแล้วหรือที่จะให้นางซึ่งยังไม่ได้ออกเรือนมาจัดการ

“พวกเจ้าสองคนพูดความจริงมาเสีย”

มั่วเชียนเสวี่ยจะเข้าไปก็ไม่ใช่ จะออกมาก็ไม่ควร ผอจื่อที่อยู่ข้างๆ จึงพานางเข้าไปดื่มน้ำชาในห้อง

เวลาเพียงไม่นาน มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอก

เสียงบุรุษดังขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือน้องพี่”

“พี่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเล่า ดูสิว่าผู้ใดคุกเข่าอยู่บนพื้น”

“นี่ไม่ใช่ลี่อี๋เหนียงหรอกหรือ”

“…”

เสียงสนทนาจากโถงด้านนอกดังขึ้นไม่หยุด สตรีบอกว่าตนถูกขืนใจ บุรุษบอกว่าตนถูกยั่วยวน

ผลสุดท้าย หนีไม่พ้นสตรีถูกโบย แล้วลากไปขายทันที หลังจากนั้นเจี่ยนชิงโยวก็ลงโทษกักบริเวณพี่ชายที่ลักกินขโมยกิน

จัดการหญิงชั่วชายโฉดเสร็จ เจี่ยนชิงโยวเดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าละอาย

“ทำเรื่องขายหน้าให้เชียนเสวี่ยเห็นเข้าแล้ว วันนี้ท่านพ่อท่านแม่ออกไปพบปะมิตรสหายยังไม่กลับมา ชิงโยวจึงจำต้องจัดการแทน”

“ในตระกูลใหญ่ ผู้คนมากมาย จะไม่มีเรื่องด่างพร้อยได้อย่างไรเล่า” มั่วเชียนเสวี่ยเห็นสีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก จึงพูดปลอบโยน “นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเสียหน่อย เจ้าอย่าเก็บมาใส่เลย”

เจี่ยนชิงโยวเงยหน้าขึ้น มองมั่วเชียนเสวี่ย “เจ้ารู้สึกว่าข้าเหี้ยมโหดเกินไปหรือไม่”

ทว่ามั่วเชียนเสวี่ยกลับเห็นความสงสารและเห็นใจในแววตาของนาง ตอบกลับอย่างจริงจัง “ไม่เลย แม้จะเจ้าทั้งตีทั้งขายเช่นนี้ แต่ความเป็นจริงเจ้าเพียงต้องการไว้ชีวิตนาง”

“นางจะมีชีวิตรอดหรือไม่ ขึ้นอยู่กับวาสนาของนางแล้ว”

เฮ้อ เหตุใดความต่ำช้าที่บุรุษกระทำ สตรีจึงเป็นผู้แบกรับเสมอ

มั่วเชียนเสวี่ยรู้สึกหนักหน่วง นางเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พอจะคาดเดาเรื่องราวทั้งหมดได้ รู้สึกเจ็บแค้นแทนลี่อี๋เหนียง

ทว่า มองในมุมกลับกัน แมลงวันย่อมตอมไข่ที่มีรู[1] รู้สึกว่านางสมควรได้รับโทษ

เรื่องระหว่างคนสองคน บุคคลที่สามจะเข้าใจได้อย่างไร แค่ว่า บุรุษที่สมควรตายกลับได้รับโทษถูกกักบริเวณเท่านั้น

สังคมโบราณนี่น่ารังเกียจเสียจริง!

หลังจากเจี่ยนชิงโยวถอนหายใจ นางลุกขึ้นแล้วโค้งคำนับมั่วเชียนเสวี่ย “วันนี้เชียนเสวี่ยช่วยชีวิตท่านย่าของชิงโยวไว้ ชิงโยวไม่สามารถหาสิ่งใดที่คู่ควรเพื่อตอบแทน”

มั่วเชียนเสวี่ยรีบโค้งคำนับตอบ แล้วพูดว่า “เจ้าพูดเช่นนี้ดูห่างเหินยิ่งนัก ท่านย่าของเจ้าก็คือท่านย่าของข้า ผู้น้อยตอบแทนผู้อาวุโสเป็นเรื่องที่สมควร มิต้องขอบคุณข้าหรอก”

“ได้ นับจากวันนี้ ท่านย่าของข้าก็คือท่านย่าของเจ้า หากเชียนเสวี่ยไม่รังเกียจ นับจากวันนี้ข้ากับเจ้า เราเป็นพี่น้องกัน”

“น้องรัก ตัวข้าชิงโยวอายุมากกว่าหลายปี เรียกแทนตนว่าพี่ก็แล้วกัน”

“พี่น้องอะไรกัน กระมิดกระเมี้ยนยิ่งนัก เราเรียกแทนกันด้วยชื่อก็พอแล้ว สัมพันธ์พี่น้องจดจำไว้ในใจก็พอ”

“อืม ข้าจะจดจำไว้ในใจ…”

….

เมื่อกลับถึงหมู่บ้านหวังจยา ก็สายมากแล้ว

รถม้าตระกูลเจี่ยนส่งนางจนถึงหน้าบ้าน ลงรถม้า กล่าวขอบคุณสารถี มั่วเชียนเสวี่ยเดินเข้าไปในบ้าน

เพิ่งเดินเข้ามาถึงด้านใน นางก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ลมเย็นพัดผ่านเข้าหา…

เงยหน้าขึ้นมอง ประตูใหญ่ที่ลานด้านใน ซ้ายขวามีคนยืนไว้ด้านละหนึ่งคน

ทั้งสองรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาหล่อเหลา สวมชุดนักรบ ถือดาบยืนตัวตรง มองดูแล้วฝีมือดียิ่งกว่าอาจ้าวคนของคุณชายเจ็ด

แม้ทั้งสองจะดูแข็งแกร่ง ทว่าสีหน้าเย็นชาประดุจเหล็กกล้า ทำให้คนที่เห็นรู้สึกสั่นสะท้าน

นี่มันเรื่องอะไรกัน

มั่วเชียนเสวี่ยมองซ้ายขวา มั่นใจว่าตนไม่ได้เดินเข้ามาผิดเรือน ทำใจกล้าเดินไปด้านหน้าสองก้าว ภายในใจรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้น “เซียนเซิง ท่านอยู่ในเรือนหรือไม่ ข้ากลับมาแล้ว!” มีคนนอกอยู่ นางจึงไม่คิดที่จะเรียกนามของเขา

“อาซาน (อาอู่) คารวะฮูหยินขอรับ!” ทั้งสองเห็นนางเดินเข้ามาใกล้ คุกเข่าลงข้างหนึ่ง

ทั้งสองกล่าวและคุกเข่าลงด้วยความพร้อมเพรียง มั่วเชียนเสวี่ยตกใจ หยุดชะงัก

หา? ฮูหยิน? นางเคยถูกคนเรียกว่าประธานมั่ว เคยถูกเรียกว่าเสี่ยวมั่ว เคยถูกเรียกว่าหนิงเหนียงจื่อ เคยถูกเรียกว่าเถ้าแก่เนี้ย…แต่ ไม่เคยถูกใครเรียกว่าฮูหยินมาก่อน!

เทพหน้านิ่งทั้งสองตนนี้เรียกนางจริงๆ งั้นหรือ

เวลาไม่เช้าแล้ว โรงงานเต้าหู้ปิดไปแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยมองไปรอบๆ ในลานหน้าเรือนมีแค่นางเพียงคนเดียว

แน่ใจหรือว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้ป่วย ไม่ได้ประสาทหลอน? นางยื่นนิ้วมือออกมา ชี้ไปที่ตนเอง ถามด้วยความประหม่า “พวกเจ้า…เรียกข้าหรือ”

[1] แมลงวันย่อมตอมไข่ที่มีรู สำนวนจีนหมายถึงทุกเรื่องที่เกิดขึ้นล้วนมีสาเหตุ ดังเช่นหากไข่ไม่มีรูเน่าเสีย ย่อมไม่มีแมลงวันไปตอม