ตอนที่ 157 แส่มาหาความตายด้วยตัวเอง ?
ซู่เจินตั้งตาคอยอย่างใจจดใจจ่อ พร้อมกับจ้องมองไปที่ร่างของคน ๆ นั้นด้วยแววตาตื่นเต้น ๆ เพื่อดูว่าเขาคนนั้นเป็นใคร ใครที่จะมาทําหน้าที่แทนวินเทอร์โซลเจอร์ในการฆ่านิคฟิวรี่ภายในบ้านของกัปตันอเมริกา ? โดยเฉพาะการใช้วิธีในการลอบเร้นเข้ามาแบบนี้ แทนที่จะเข้ามาซึ่ง ๆ หน้า แสดงว่าเขาคนนั้นจะต้องเชี่ยวชาญในการลอบสังหาร
ซึ่งก็ถือว่าเขาเป็นคนที่กล้าหาญมากเลยทีเดียว และเขาก็จะต้องมั่นใจในความแข็งแกร่งของตัวเองเป็นอย่างมาก
เพราะว่ามันมีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ฆ่านิคฟิวรี่ต่อหน้าของกัปตันอเมริกา ซึ่งมันก็ไม่ได้รวมถึงไฮดราหรือแม็กนีโตที่มีความแข็งแกร่งมากเพียงพอที่จะทําแบบนั้นได้ ดังนั้นมันจึงทําให้ซู่เจินรู้สึกสนใจมากเป็นพิเศษว่าเขาคนนั้นที่กล้าบุกเข้ามาฆ่านิคฟิวรี่ในบ้านของกัปตันอเมริกาจะเป็นใครกันแน่!
หลังจากที่เขาคนนั้นเดินเข้ามาจากทางหน้าต่าง เขาก็ค่อย ๆ เดินไปที่ห้องนั่งเล่นอย่างช้า ๆ ทําให้ซู่เจินสามารถมองเห็นรูปร่างและหน้าต่างของเขาได้
“เอ่อ … เขาเป็นใคร ?” ซู่เจินจ้องมองไปที่ชายคนนั้นเป็นเวลานาน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้เป็นใครกันแน่ ซึ่งมันก็แปลกมากที่เขาจะไม่รู้จักคนที่มีความกล้าบุกเข้ามาในบ้านของกัปตันอเมริกาแบบนี้ ยกเว้นว่า …
ในขณะเดียวกันชายคนนั้นก็ดูเหมือนว่าเขาจะมองเห็นอะไรบางอย่าง ทําให้เขารีบหยิบปืนออกมาและลั่นไกทันที ปัง! ปัง! ลูกกระสุนตรงไปที่โซฟาอย่างรวดเร็ว และเมื่อเขายิงเสร็จทันใดนั้นเขาก็อ้าปากออกมาแบบแปลก ๆ พร้อมกับแลบลิ้นออกมา
“เชี่*!”
เมื่อซู่เจินเห็นลิ้นที่ยื่นออกมา เขาก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมา
ซึ่งตอนแรกเขาก็คิดว่าใครกันแน่ที่จะมีความมั่นใจถึงกับกล้ารับภารกิจของวินเทอร์โซลเจอร์มาทํา ? และ ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ามันเป็นใคร นั่นก็คือ … โท้ด!
แล้วความสามารถของโท้ดมันมีอะไรบ้าง ? กล้ามเนื้อขาที่แข็งแกรงทําให้เขาสามารถกระโดดได้สูงมาก ลิ้นของเขาสามารถยืดยาวออกไปได้เกือบ 6 – 7 เมตร และลิ้นของเขาก็ยังสามารถนํามาใช้โจมตีได้อีกด้วย ในขณะเดียวกันเขาก็สามารถหลั่งกาวที่แห้งเร็วออกมาได้ ซึ่งมันก็สามารถนําไปใช้ในการสร้างกับดักได้ด้วยเช่น กัน และยังไม่หมดแค่นั้นมือและเท้าของเขายังสามารถหลั่งเมือกชนิดหนึ่งออกมาได้ ทําให้เขาสามารถปีนป่ายบนกําแพงได้อย่างรวดเร็ว
และด้วยความสามารถเหล่านี้ มันก็ไม่ได้ติดหนึ่งในอันดับมนุษย์กลายพันธ์ที่แข็งแกร่งเลย แถมมันจะออกไปทางอ่อนแอกว่าอาร์คไลท์ก่อนหน้านี้ด้วยซ้ํา ซึ่งซู่เจินก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาไปเอาความกล้ามาจากไหนถึงได้มาฆ่านิคฟิวรี่ในบ้านของกัปตันอเมริกา ?
หรือจะเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แส่มาหาความตายด้วยตัวเอง ?
ผิดหวัง…มันน่าผิดหวังมากจริง ๆ !
ซึ่งในตอนแรกที่ซู่เจินสร้างภาพลวงตาขึ้นมาก็เพื่อที่จะดูว่าคนที่กล้าบุกเข้ามาคนนั้นเป็นใครกันแน่ บวกกับคิดแผนไปด้วยว่าจะทําไรต่อไปดี แต่ในตอนนี้ซู่เจินคิดว่าการสร้างภาพลวงตาของเขามันสิ้นเปลื้องพลังงานมากเกินไป และมันก็ไม่คุ้มค่าที่จะเอามาใช้กับโท้ดคนนี้
“เดี๋ยวผมจะเอาภาพลวงตาออกให้ ดังนั้นผมฝากคุณจัดการชายคนนั้นด้วย” ขู่เจินหันไปพูดกับสตีฟพร้อมกับเหลือบมองไปที่นิคฟิวรี่เล็กน้อย แน่นอนว่าซู่เจินพูดขึ้นมาโดยไม่ได้ใช้โทรจิตเลยแม้แต่น้อย
“เกิดอะไรขึ้น ทําไมคุณ … ทําไมคุณถึงได้ไม่ตาย ฉันยิง …” โท้ดพูดขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เมื่อเขาสังเกตเห็นกัปตันอเมริกาที่เขาเพิ่งจะฆ่าไปได้หายตัวไปในพริบตา
และเมื่อเขาลองหันกลับไปมองด้านหลังเขาก็พบว่ากัปตันอเมริกากําลังยืนอยู่ตรงมุมของห้องพร้อมกับนิคฟิวรี่ โดยที่พวกเขาไม่มีบาดแผลเลยแม้แต่น้อย แถมเขายังเห็นใครอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากกัปตั อเมริกาอีกคนหนึ่ง!
ในขณะเดียวกันโท้ดเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่าสิ่งที่เขาเห็นเมื่อกี้มันเป็นภาพลวงตา ทําให้เขาตะโกนขึ้นมาด้วย ความตื่นตะหนกพร้อมกับรีบยกปืนขึ้นมาและยิงไปที่นิคฟิวรี่อย่างรวดเร็ว
“ติ๊งติ้งติ้ง!”
สตีฟที่เห็นเช่นนั้นเขาก็รีบยกโล่ขึ้นมาป้องกันกระสุน และพุ่งเข้าไปหาโท้ดอย่างรวดเร็วพร้อมกับปาโล่ไปทางโท้ดอย่างรุนแรง ทําให้ร่างของโทดที่โดนโล่ของสตีฟกระแทกเข้าไปถึงกับกระเด็นไปติดกับกําแพง พร้อมกับโล่ของสตีฟที่กระเด้งกลับมาอยู่ในมือของสตีฟในทันที โดยไม่สนหลักการทางวิทยาศาสตร์เลยแม้แต่น้อย
ร่างของโท้ดที่ถูกกระแทกอย่างรุนแรงค่อย ๆ ตกลงมากระแทกกับพื้นอย่างรุนแรง ในขณะเดียวกันสตีฟก็เดินเข้ามาเหยียบร่างของโทดเอาไว้พร้อมกับโล่ในมือของเขา โดยเอาโล่ของเขากดไปที่คอของโท้ดเอาไว้
“อย่าขยับ!”
โท้ดไม่กล้าที่จะขัดคําสั่งของสตีฟ หลังจากนั้นสตีฟก็ค่อย ๆ เอื้อมมือไปหยิบปืนจากมือของโทดออกมา และโยนมันทิ้งไปพร้อมกับถามขึ้นมาว่า “คุณมาที่นี่ทําไม ? ใครเป็นคนส่งคุณมาที่นี่ ?”
“ผมก็บอกกับคุณไปแล้วไงกัปตัน คุณจะไปถามกับเขาอีกเพื่อ ?” เมื่อเห็นว่าสตีฟกําลังจะสอบปากคําโท้ด ซู่เจินก็อดไม่ได้ที่จะบ่นขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาต่อว่า “ส่วนเรื่องที่ว่าใครเป็นคนส่งเขามามันก็ต้องเป็น แม็กนีโตอยู่แล้ว”
“แม็กนีโตเป็นคนที่แข็งแกร่งมาก ๆ ดังนั้นแล้วเขาจึงมีมนุษย์กลายพันธ์อยู่มากมายภายใต้คําสั่งของเขา และการที่เขาส่งมนุษย์กลายพันธ์ที่กระจอกแบบนี้มา ผมก็บอกได้คําเดียวเลยว่า เขากําลังดูถูกคุณอยู่!”
เมื่อนิคฟิวรี่ได้ยินเช่นนั้นเขาก็พูดขึ้นมาว่า “คนที่กล้าดูถูกฉัน มันจะต้องจ่ายด้วยราคาที่เหมาะสม
“ชิ… ทําเป็นพูดโอ้อวด คุณรู้ไหมถ้าเกิดว่าวันนี้คุณไม่มีผมอยู่ละก็คุณได้ตายไปเรียบร้อยแล้ว เพราะเพียงแค่วินเทอร์โซลเจอร์คนเดียวก็สามารถฆ่าคุณได้แล้ว ซึ่งหลังจากที่คุณจากไปได้ไม่นานมันก็ยังมีมนุษย์กลายพันธ์มาเพิ่มอีกสองคน แถมในตอนนี้แม็กนีโตก็กําลังร่วมกับไฮดราอยู่อีกด้วย แล้วคุณจะเอาอะไรไปจัดการกับพวกเขาได้ ? เงินอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่านิคฟิวรี่ไป เอาความมั่นใจนี้มาจากไหน
“ฉันก็ยังมีคุณอยู่นี่ไง” นิคฟิวรี่มองไปที่ซู่เจินพร้อมกับพูดขึ้นมา “ถึงแม้ว่าคุณจะบอกกับฉันว่าที่คุณมาช่วยฉันก็เพราะว่านาตาชา ซึ่งฉันก็คิดว่ามันไม่น่าจะใช่อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาไม่ได้ดูถูกเพียงแค่ฉันเท่านั้น แต่มันยังรวมถึงคุณอีกด้วย เพราะว่าพวกเขาน่าจะรู้ว่าคุณน่าจะอยู่ที่นี่และกําลังปกป้องฉันอยู่อย่างแน่นอน เขาถึงได้ส่งคน ๆ นี้มา … “
“อันที่จริงแล้ว ผมรู้สึกเกลียดคุณเป็นอย่างมาก ดังนั้นแล้วมันจึงเป็นเรื่องยากมากที่คุณจะยืมมือผมในการฆ่าใครซักคนด้วยคําพูดเพียงไม่กี่คํา บวกกับตอนนี้ที่คุณกําลังเกลี้ยกล่อมผมอยู่ คุณคิดว่าผมโง่มากสินะ ?” ซู่เจินพูดขึ้นมาด้วยความโกรธเล็กน้อยก่อนที่จะพูดขึ้นมาต่อว่า “เอาล่ะ! ครั้งนี้ผมจะช่วยคุณสักเล็กน้อยก็แล้วกัน แต่ปัญหาที่ตามมาที่หลังผมขอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยก็แล้วกัน”
“เฮ้ แม็กนีโตส่งคุณมาที่นี่เพียงคนเดียวอย่างงั้นหรอ ?” ซู่เจินหันไปถามกับโท้ด
ซึ่งเหตุผลที่ซู่เจินหันไปถามกับโท้ดแบบนั้นก็เพราะว่าตอนนี้ระบบมันยังไม่แจ้งว่าภารกิจได้เสร็จสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นมันก็แสดงว่าภารกิจในครั้งนี้มันยังไม่เสร็จ
“ฉัน … ฉันไม่รู้!” โท้ดพูดขึ้นมาพร้อมกับส่ายหัว
“คุณคิดว่าพวกเราจะเชื่อคําพูดของคุณอย่างงั้นหรอ ?” สตีฟพูดถามขึ้นมาด้วยน้ําเสียงที่ลึกล้ํา
ซู่เจินส่ายหัวและพูดว่า “มันไม่สําคัญหรอก เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไม่พูดมันออกมา ผมก็มีวิธีอื่นในการที่จะทําให้รู้เกี่ยวกับมัน” หลังจากพูดจบซู่เจินก็ใช้ความสามารถในการอ่านใจของเขาขึ้นมา
หลังจากนั้นไม่นานซู่เจินก็ขมวดคิ้วขึ้นมา
“เกิดอะไรขึ้น ?”
สตีฟถามขึ้นมาด้วยความสงสัย
“เขาพูดความจริง …” หลังจากที่ซู่เจินลองอ่านใจโทดดูแล้วซู่เจินก็พบว่าโท้ดนั้นไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้จริง ๆ ว่าแม็กนีโตได้ส่งคนอื่นมาอีกหรือเปล่า หรือจะเป็นเพียงแค่โทดคนเดียว แต่ที่แน่ ๆ ในตอนนี้ที่ซู่เจินรู้ก็คือไฮดราไม่ได้เป็นคนที่ส่งโท้ดมาอย่างแน่นอน
ทันใดนั้นซู่เจินก็ได้ยินเสียงนิคฟิวรี่ร้องขึ้นมาอย่างกะทันหันพร้อมกับร่างของนิคฟิวรี่ที่หายไป และทันใดนั้นมันก็มีเสียงปิดประตูดังขึ้นมาอย่างรุนแรง
สตีฟถึงกับชะงักเล็กน้อยและรีบวิ่งไล่ตามไปทันที
ส่วนทางด้านของซู่เจินก็ยังไม่ได้ขยับไปไหน เพราะเขารู้ดีว่าใครเป็นคนที่ลักพาตัวของนิคฟิวรี่ และเมื่อเขาลองนึกถึงเนื้อหาของภารกิจดูดี ๆ แล้ว เขาก็รู้แล้วว่าปัญหาของมันอยู่ตรงไหน