ตอนที่ 91 ร่วมการแสดง

ตอนที่ 91 ร่วมการแสดง

เฉินเจียเหอเข้าไปนอนลงข้าง ๆ เธอ เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเธอแปลกแปร่งไป จึงถามเบา ๆ ว่า “คุณยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนอยู่หรือเปล่า?”

หลินเซี่ยตอบ “ฉันปวดท้องนิดหน่อย”

หลังจากเกิดใหม่ เธอก็ลืมเรื่องประจำเดือนไปเสียสนิท ไม่เคยนับรอบเดือน ทั้งยังซักผ้าและล้างหน้าด้วยน้ำเย็นอยู่บ่อย ๆ พอรอบเดือนมาจึงรู้สึกอึดอัดมาก

“ผมจะออกไปซื้อยาให้” กลางดึกแบบนี้ เฉินเจียเหอมีน้ำใจลุกขึ้นอีกครั้ง

“ไม่เป็นไรค่ะ” หลินเซี่ยรั้งเขาไว้และบอกให้เขานอนลง “คุณช่วยนวดหน้าท้องให้ฉันก็พอ”

เขามองเธออย่างเชื่องช้า “ผมทำไม่เป็น คุณสอนผมหน่อยสิ”

เธอจับมืออันใหญ่โตของเขามาวางลงบนหน้าท้องส่วนล่างของเธอ “กดมือลงไปแล้วถูวนไม่ต้องแรงมาก”

“ได้ ถ้าคุณยังไม่สบายตัวอยู่ก็อย่าฝืนอีกเลย ผมจะออกไปซื้อยาให้”

ฝ่ามือใหญ่ของเฉินเจียเหอโอบหน้าท้องของเธอไว้ ความอุ่นแผ่ซ่านมาจากเขา ทำให้อาการไม่สบายเริ่มบรรเทาลงในไม่ช้า

ไม่นานนักเธอก็ผล็อยหลับไป เฉินเจียเหอจูบเธอเบา ๆ ที่หน้าผาก จากนั้นดึงผ้าห่มขึ้นแล้วนอนลง

ทันทีที่หลินเซี่ยลืมตาตื่นในวันรุ่งขึ้น ใบหน้าหล่อเหลาที่ขยายใหญ่เพราะอยู่ใกล้ของเฉินเจียเหอก็ปรากฏให้เห็น

หลินเซี่ยขยี้ตา มองเขาด้วยความสับสน “ทำไมคุณเข้ามาใกล้ฉันขนาดนี้ล่ะ?”

เมื่อเห็นว่าเธอตื่นนอนแล้ว เฉินเจียเหอก็ลุกขึ้นยืนตัวตรงและเบือนหน้าหนีจากเธอ “ผมแค่อยากถามคุณว่าอาการปวดท้องดีขึ้นบ้างไหม ยังต้องกินยาอยู่หรือเปล่า?”

หลินเซี่ยยิ้มหวานให้เขา “ไม่ปวดแล้ว มือคุณอุ่นมากเลย ได้ผลดีกว่ายาซะอีก”

เฉินเจียเหอ “…”

เขาไม่คาดคิดว่าแค่ฝ่ามือของเขาจะมีคุณสมบัติเทียบได้กับยาครอบจักรวาล ดังนั้นเขาจึงพูดโดยไม่คิดอะไรว่า “ครั้งต่อไปถ้าคุณปวดอีก ผมจะนวดให้คุณอีกนะ”

“พูดอะไรออกมาน่ะ? อยากให้ฉันปวดอีกเหรอ?” หลินเซี่ยมองเขาอย่างขุ่นเคือง “คุณนี่จริง ๆ เลยนะ”

“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”

เฉินเจียเหอตระหนักได้ว่าตัวเองช่างไม่เอาไหนเสียจริง มักพูดอะไรผิด ๆ ถูก ๆ อยู่เรื่อย ดังนั้นเขาจึงไม่อธิบายและเปลี่ยนเรื่อง “ในหม้อมีโจ๊กอยู่ วันนี้ผมจะเข้าไปที่โรงงานสักหน่อย”

“วันนี้คุณเริ่มงานตามปกติแล้วเหรอคะ?” หลินเซี่ยถาม

“วันนี้ผมต้องเข้าไปแก้ไขจุดบกพร่องของอุปกรณ์หน่อย เริ่มงานจริง ๆ วันจันทร์หน้า ถ้าตอนเที่ยงผมไม่กลับมา คุณจะออกไปซื้อของกินข้างนอกก็ได้”

เฉินเจียเหอสวมแจ็กเกตตัวหลวมโพรกสีเทาซีเมนต์ หยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมา เตรียมตัวจะออกไปข้างนอก

“ค่ะ งั้นคุณไปเถอะ”

หลังจากหลินเซี่ยกินมื้อเช้าเสร็จแล้ว เธอก็กำลังจะออกไปข้างนอกเพื่อซื้อผ้าอนามัย ทันใดนั้นเองพี่สาวจางก็มาเคาะประตู

หลินเซี่ยเห็นพี่สาวจางยืนอยู่ที่ประตูโดยมีรอยยิ้มบนใบหน้า จึงรีบเชื้อเชิญหล่อนเข้ามาข้างใน

“พี่สาวจาง ดื่มน้ำก่อนค่ะ”

พี่สาวจางเข้ามาในห้อง มองไปรอบ ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเต็มตื้นยินดี “ดีจังเลย พอมีผู้หญิงอยู่ในบ้าน บรรยากาศในบ้านก็สดใสขึ้นเยอะ”

หลินเซี่ยยกน้ำมาให้หล่อน แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “พี่สาวจาง มีเรื่องอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่าคะ?”

“เสี่ยวหลิน เป็นอย่างนี้ สหภาพแรงงานไห่เฉิงได้จัดการแข่งขันการแสดงครั้งใหญ่ โรงงานของเราเหมือนจะส่งชุดการแสดงสองรายการเข้าร่วมด้วย ตอนนี้พวกเรากำลังจัดหานักแสดงอยู่พอดี ฉันจำได้ว่าเธอหน้าตาสวยมาก สนใจอยากเข้าร่วมแสดงด้วยกันไหม?”

สมาชิกในครอบครัวหรือพนักงานหญิงในโรงงานล้วนอายุมากเกินไป ไม่มีความสามารถอะไรพิเศษ หลังจากฝึกซ้อมมาหลายวัน พวกหล่อนก็ค้นพบว่าพวกตนคงไม่มีแววด้านนี้แน่แล้ว ดังนั้นพี่สาวจางจึงนึกถึงหลินเซี่ยขึ้นมา

“มีการแสดงอะไรบ้างคะ?” หลินเซี่ยถาม

“ตอนนี้มีรายการหนึ่งเป็นการเต้นรำแบบกลุ่มของผู้หญิง อีกรายการเป็นการแสดงของผู้ชายเขา” พี่สาวจางมีสีหน้ากังวล “แต่เรายังซ้อมได้ไม่ถึงไหนเลย”

หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม “งั้นระบำยางเกอที่พวกคุณซ้อมกันในช่วงสองวันที่ผ่านมา ก็เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันสินะคะ?”

“ใช่ พวกเราหลายคนถนัดแต่ทำงานในโรงงาน ตลอดทั้งวันมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากมาย แต่เราไม่ถนัดกิจกรรมการแสดงทำนองนี้จริง ๆ แถมสมาชิกในครอบครัวของพนักงานบางคนก็เดินทางกลับบ้านเกิด จนป่านนี้แล้วยังไม่กลับมา ในบรรดาคนที่มีอยู่ก็ไม่กี่คนที่เต็มใจให้ความร่วมมือ เธออายุยังน้อย น่าจะกล้าแสดงออกมากกว่า แล้วเราก็อยากอาศัยหน้าตาเธอเป็นตัวชูโรงด้วย”

วันนี้พวกเธอได้ยินข่าวซุบซิบมาจากใครสักคน ว่าภรรยาของเฉินกงไม่ใช่สาวบ้านนอกไร้การศึกษาแต่อย่างใด แต่เป็นลูกสาวบุญธรรมของผู้อำนวยการเสิ่นแห่งโรงงานเครื่องจักร

แม้ว่าเด็กผู้หญิงที่เติบโตในเมืองนี้จะไม่ได้มีความสามารถเลิศเลออะไร แต่อย่างน้อยเธอคงไม่มีอาการตื่นกลัวบนเวทีแน่

พี่สาวจางมาขอความช่วยเหลือจากเธอถึงหน้าประตูด้วยทัศนคติที่จริงใจ หลินเซี่ยก็เต็มใจที่จะให้ความร่วมมือ ถามไปว่า “พี่สาวจาง ถ้าเราเข้าร่วมการแข่งขัน เราสามารถใช้เพลงยอดนิยมในยุคนี้มาเต้นประกอบเพลงได้ไหม?

พี่สาวจางทำท่าเขินอาย “เราเต้นตามเพลงไม่เป็นหรอกนะ”

หลินเซี่ยเองก็บอกว่าเธอไม่สามารถเต้นระบำยางเกอได้เช่นกัน

สองวันที่ผ่านมา เมื่อเธอออกไปข้างนอกแล้วบังเอิญเห็นการซ้อมของพี่สาวเหล่านี้ที่ลานบ้าน พูดได้คำเดียวว่ายากเกินจะพยายาม

เธอคิดว่าพวกเธอเป็นเหมือนนักเต้นในละแวกบ้านจากชาติที่แล้ว ที่เต้นระบำยางเกอเพื่อออกกำลังกาย ยืดเส้น และผ่อนคลายอารมณ์เหมือนเล่นโยคะ

ด้วยระดับนี้ ถ้าจะหวังได้รับรางวัลในการแข่งขันอาจไม่ใช่เรื่องง่าย

เว้นแต่โรงงานอื่นจะส่งนักแสดงเป็นมือสมัครเล่นเหมือนกัน

“พี่สาวจาง เราออกแบบท่าเต้นประกอบเพลงกันเองได้ ยิ่งเมื่อมีนักแสดงหลายคน การเคลื่อนไหวก็ควรเป็นท่าทางที่จำง่าย ๆ และพร้อมเพรียง”

พี่สาวจางตอบกลับอย่างเห็นด้วย “ได้ งั้นเรามาเต้นเพลงที่กำลังดังอยู่ตอนนี้กันเถอะ ดีจริง ๆ ที่เธอเป็นคนรุ่นใหม่ มีความคิดดี ๆ มานำเสนอ มีเธอเข้าร่วมด้วยพวกเราก็อุ่นใจ”

โรงงานทั้งหมดในเขตไห่เฉิงต่างก็ส่งคนเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ ดังนั้นพวกเธอจะต้องให้ความสำคัญกับการแข่งขันให้มาก

หลินเซี่ยแนะนำ “ถ้าจะเต้นประกอบเพลงจริง เกรงว่าชุดระบำยางเกออาจไม่เหมาะ เรามาเปลี่ยนชุดที่ใช้ใส่ในการแสดงกันดีกว่า ถึงตอนนั้นต่อให้ทักษะการเต้นของพวกเราจะไม่ดีมาก อย่างน้อยให้เครื่องแต่งกายกับการแต่งหน้าเป็นจุดเด่นก็ยังดี”

หลังจากได้ยินคำพูดสั้น ๆ ไม่กี่ประโยคของหลินเซี่ย พี่สาวจางก็รับรู้ได้ทันทีว่าเธอมีความเป็นมืออาชีพสูง จึงพยักหน้าอย่างมีความสุข “เธอคิดแบบนั้นเหรอ? งั้นเราเอาตามที่เธอว่าก็แล้วกัน”

หลินเซี่ยมีความสุขมากเช่นกันที่พี่สาวจางมาชวนเธอเข้าร่วมการแสดงกลุ่มครั้งนี้ ซึ่งหมายความว่าอีกฝ่ายยอมรับเธอในระดับหนึ่ง

“เอาอย่างนี้ ฉันขอออกไปข้างนอกสักเดี๋ยว ขากลับจะซื้อเทปรวมฮิตเพลงดังมาเปิดฟังเพลงกันก่อน จะได้ช่วยกันเลือกว่าเราจะใช้เพลงอะไรดี”

พี่สาวจางพยักหน้า “ได้ ขากลับอย่าลืมมาเบิกเงินค่าเทปกับเราล่ะ ทางโรงงานให้เงินสนับสนุนเรามาจำนวนหนึ่ง”

หลินเซี่ยรีบออกไปทำธุระ ในที่สุดก็เลือกซื้อผ้าอนามัยยี่ห้ออันเล่อมาสองห่อ หลังจากค้นหาเป็นเวลานาน เธอก็เจอแผงขายเทปในร้านวิดีโอ เมื่อเห็นว่ามีแผ่นดิสโก้ที่ละเมิดลิขสิทธิ์วางขายด้วย จึงซื้อมันติดมาแผ่นหนึ่ง

ไห่เฉิงเป็นเมืองแห่งโรงงานอุตสาหกรรม ในส่วนของความบันเทิงค่อนข้างล้าหลัง มีร้านขายเทปและวิดีโอน้อยมาก ความทรงจำของเธอพร่ามัวจนไม่รู้แหล่งซื้ออื่นแล้ว

ตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงพอดี เธอสั่งบะหมี่ร้านข้างนอกชามหนึ่ง พอกินเสร็จก็กลับไปที่อาคารพักอาศัย

พี่สาวจางและคนอื่น ๆ กินข้าวกลางวันกันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่สาวทั้งหลายก็กำลังรอหลินเซี่ยอยู่ด้วยกันที่ลานกว้างหน้าอาคาร

เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยกลับมาแล้ว พวกหล่อนก็กรูกันมารวมตัวอย่างรวดเร็ว

“ซื้อมาแล้วใช่ไหม”

พี่สาวจางถือเครื่องบันทึกเทปไว้ในมือ “ฉันมีเครื่องเล่นเทปอันหนึ่งอยู่ที่บ้าน กำลังรอเทปจากเธออยู่พอดี รีบเปิดเพลงเร็วเข้า เราจะได้ฟังด้วยกัน”

“เทปนี้มีหลายเพลงเลยค่ะที่เหมาะกับการเต้นประกอบเพลง พวกคุณลองฟังดูนะคะว่าเพลงไหนเหมาะกับพวกเรามากที่สุด” หลินเซี่ยหยิบเทปใส่ลงในเครื่องบันทึก จากนั้นก็เริ่มกดเล่น ส่งต่อให้พี่สาวจาง ให้พวกหล่อนไปลงความเห็นเลือกเพลงกันเอาเอง

ในตลับเทปมีกระดาษที่พิมพ์ชื่อเพลงและเนื้อเพลงอยู่ด้วย คนที่ไม่รู้เนื้อร้องก็สามารถร้องคลอไปตามเนื้อเพลงได้

“เพลง ‘เพื่อนหนุ่มสาวมาพบเจอกัน’(1) นี้เข้าท่ามาก”

“ฉันคิดว่าเพลง ‘เทียนมี่มี่’(2) ฟังแล้วเพราะมาก ฉันถูกใจเพลงนี้กว่าเพลงไหน ๆ”

“ไม่มีใครสนใจเพลง ‘ระบำฤดูใบไม้ร่วง’(3) บ้างเหรอ?”

ผู้หญิงหลายคนเริ่มพูดคุยถกเถียงกัน แต่ละคนต่างแสดงความคิดเห็นของตนเอง

…………………………………………….

เพลง เพื่อนหนุ่มสาวมาพบเจอกัน (年轻的朋友来相会) https://www.youtube.com/watch?v=eaEY-_ttutg

เพลง เทียนมี่มี่ (甜蜜蜜) https://www.youtube.com/watch?v=lfrNkp3TpZM

เพลง ระบำฤดูใบไม้ร่วง (泉水叮咚) https://www.youtube.com/watch?v=04f-zKrWNVE

สารจากผู้แปล

เป็นค่ำคืนที่อบอุ่นหัวใจมาก พี่เหอใจหล่อมาก

ขุดความสามารถขึ้นมาค่ะเซี่ยเซี่ย ชาติที่แล้วไม่ได้ทำ ชาตินี้ต้องได้ทำนะ

ไหหม่า(海馬)