บทที่ 103 – หุบเหวในอดีต

 

เสียงกรีดร้องแห่งความสิ้นหวังดังขึ้นท่ามกลางไฟที่ลุกไหม้.. ตามมาด้วยเสียงร้องห่มร้องไห้ของคนหลายคน

บ้างก็สูญเสียพ่อ บ้างก็สูญเสียแม่ เพียงแค่ดาบไม้เล่มยักษ์ตรงลงมาแค่ครั้งเดียวมันก็พรากชีวิตคนไปนับพัน

ดาบไม้นั้นไม่เพียงแต่คร่าชีวิต แต่ยังช่วยชิงเอาจิตใจไปอีกด้วย… ร่างของคนที่โดนโจมตีบ้างก็กลายเป็นปีศาจ บ้างก็ขาดครึ่ง

ทุกอย่างกลายเป็นภาพโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ปรากฏขึ้น ดวงตาของเรย์น่าหดเกร็ง.. ความโกรธ ความเสียใจ ความเจ็บปวด

ทุกอย่างมันคลั่งอยู่ในจิตใจของเธอ…

ในวันที่เธอจำความทุกสิ่งทุกอย่างได้ มันคือตอนที่ทุกอย่างกำลังลุกไหม้เหมือนตอนนี้ เสียงกรีดร้อง ร่ำไห้ ซากศพเหม็นกลิ่นเนื้อหนังถูกไหม้

มันลอยคละคลุ้งติดอยู่บนจมูกของเธอ มองไปทางไหนก็มีแต่คนตาย.. รอบๆ ตัวเธอเต็มไปด้วยศพของคนจำนวนมาก

เป็นศพของคนจากโบสถ์ แต่เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเป็นแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะพวกเขาปกป้องเธอจากปีศาจ จากไฟโหมกระหน่ำเหล่านั้นจนสูญเสียชีวิต

ทำไมถึงเป็นแบบนั้น ทำไมทุกคนต้องตาย ทำไม…. ทำไม…..

ทั้งที่จำอะไรไม่ได้ ทั้งที่ลืมทุกอย่างแต่เธอกลับมั่นใจว่าทุกชีวิตล้วนไม่ต้องการแบบนี้ ทุกคนสามารถหัวเราะ สามารถมีความสุข

สามารถใช้ชีวิตได้.. แต่ก็ไม่สามารถทำได้แล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่ชอบ เธอไม่ชอบความตาย สาเหตุที่เธอพยายาม..

พยายามศึกษาวิชาศักดิ์สิทธิ์มาด้วยตัวเองตลอดหลายปีนี้ นั่นก็เป็นเพราะเธอต้องการที่จะปกป้องผู้คน เหมือนกับคนคนนั้น

ที่ปกป้องผู้คนจากภัยอันตราย.. ช่วยเหลือเธอออกมาจากท่ามกลางกองซากศพและสัตว์ประหลาดจำนวนมากนั้น

แน่นอนว่าสำหรับเรย์น่าแล้วการเรียนวิชาศักดิ์สิทธิ์ด้วยตัวเองมันก็เหมือนกับการเริ่มเรียนวิชาฟิสิกส์เคมีด้วยตัวเองโดยไม่มีคนสอนนั่นแหละ

มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ไม่เคยยอมแพ้ เธอพยายามอยู่ตลอดเวลา วันแล้ว วันเล่า

จนเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ที่บรรยากาศรอบตัวของเธอกลายเป็นคนที่เงียบๆ ไม่ค่อยพูดค่อยจาสักเท่าไหร่ แต่สาเหตุนั่นเพราะเธอไม่มีความจำเป็นที่จะพูด

จิตใจของเรย์น่าที่ไล่ตามความแข็งแกร่งที่ปกป้องผู้อ่อนแอนั้นจะเกิดความไขว้เขวขึ้นมาบ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

เช่นว่า ‘ทำไมเธอต้องพยายามเพื่อคนอื่นล่ะ’ , ‘เหนื่อยขนาดนี้แล้วทำไมไม่พอล่ะ.. พยายามไปอีกทำไม’

แต่ทว่าทุกครั้งเธอก็จะลุกขึ้นมาได้เสมอ.. เพราะภาพของคนคนนั้นไม่เคยจางหายไปจากความทรงจำของเรย์น่าเลยแม้แต่น้อย

คนคนนั้นปรากฏตัวขึ้นและกำจัดทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นศัตรู.. เธอพูดคำพูดบางอย่างกับเรย์น่า แต่ในตอนนั้นเรย์น่าไม่สามารถเข้าใจมันได้

แต่ถึงแบบนั้นมันก็สลักอยู่ในใจของเรย์น่าแล้ว เธอช่วยคนทุกคนด้วยท่าทางที่เงียบขรึมและทรงพลัง แม้สีหน้าจะไม่สามารถแยกออกได้ว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างไร

เธอคนนั้นอาจจะกำลังเสียใจ หรืออาจจะมีความสุขที่ได้ช่วยคนอื่น เรื่องนั้นเรย์น่าไม่รู้ และไม่มีทางรู้ได้

แต่ความช่วยเหลือที่มาถึงของเธอมันก็ช่วยชีวิตของเรย์น่าเอาไว้ โดยไม่ได้ขอสิ่งตอบแทน เธอช่วยเพราะว่าอยากช่วยก็แค่นั้น

เรย์น่าอยากไปยืนอยู่บนจุดเดียวกับคนคนนั้น อยากมองเห็นมุมมองที่คนคนนั้นมองเห็น อยากรู้จักกับคนคนนั้นมากกว่านี้

เธอ…ต้องเป็นคนที่ช่วยเหลือคนอื่นได้แบบคนคนนั้น!

คนที่ช่วยเธอออกมาจากหุบเหวแห่งความตายเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ท่านมิว..

ทว่าทุกอย่างมันกำลังพังทลายลงตรงหน้าเธอภายใต้ความแข็งแกร่งที่มากเกินไปของศัตรูที่ปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหัน

หูของเรย์น่าดับไปพร้อมอารมณ์ที่พลุกพล่านขึ้นมาภายในอก คำที่เหมือนอยากจะพูดแต่กลับพูดออกมาไม่ได้

อาหารเช้าที่พึ่งกินเข้าไปเหมือนจะตีกลับออกมาทางเก่า ภาพตรงหน้าบิดเบี้ยวโค้งงอ ความทรงจำเมื่อสิบกว่าปีก่อนหวนคืนมา

ทำให้หัวใจของเธอกระสับกระส่าย

“มันต้องไม่เป็นแบบนี้.. ทำไม ทำไม.. ทำไม”

เธอพึมพำกับตัวเองราวกับคนสติหลุด มือสองข้างสั่นกลัว.. ต่อให้เธอจะเก่งกาจกว่าคนอื่นๆ ในเมืองนี้มากแค่ไหนก็ตาม

แต่เธอไม่เคยต่อสู้ อันที่จริงภาพที่เธอเห็นเมื่อสิบกว่าปีก่อนมันคือบาดแผลในจิตใจเธอด้วยซ้ำไป เพียงแต่เธอไม่เคยคิดถึงมันเพราะเธอคิดถึงแค่เรื่องของคนที่ช่วยเธอ

แต่เมื่อภาพดังกล่าวเกิดขึ้นต่อหน้าเธออีกครั้ง แน่นอนว่ามันก็ต้องกระตุ้นความกลัว ความขี้ขลาดของเธอขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย

ร่างกายที่สั่นสะท้านของเธอเหมือนว่าเธอได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กที่ทำได้แค่ยืนร้องไห้ท่ามกลางกองซากศพอีกครั้ง

“เรย์น่า… เรย์น่า!! เรย์น่า!!!”

ภายใต้อาการแข็งค้างของเรย์น่าคนที่ปลุกเธอขึ้นมาก็คือมิวที่ยืนอยู่ข้างๆ เรย์น่าแหงนหน้ามองมิวด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด

“ท่าน..มิว…”

“…….”

มิวที่เห็นสีหน้าแบบนั้นก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาที่หน้าอก.. สีหน้าของสาวน้อยคนนี้มันเหมือนกับของรินนะไม่มีผิด

เธอเจ็บปวดแค่ไหนมิวไม่สามารถเข้าใจได้ เพราะเธอไม่เคยอยู่ในจุดเดียวกัน แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกันกับเรย์น่า

มิวรู้ดีว่าเธอเป็นคนยังไง มีหลายครั้งที่พวกเธอแอบลงมาเล่นข้างล่างด้วยกัน และแน่นอนว่าเรย์น่าก็แนะนำคนรู้ให้มิวรู้จักหลายคน

ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้าที่ชอบแบ่งอาหารให้เรย์น่ากินฟรี หรือแม่ค้าที่ชอบจัดเรย์น่ามาเป็นหุ่นแต่งชุด..

เรย์น่าเธอสนิทกับคนด้านล่างจริงๆ .. และการที่เธอได้เห็นคนเหล่านั้นสูญเสียคนสำคัญไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้

เหมือนกับที่ความเจ็บปวดที่รินนะต้องแบกรับไม่เคยจางหายไปจากความคิดหรือความรู้สึกของมิว

สีหน้าที่แสนเจ็บปวดของเรย์น่านั้นมันทำให้หัวใจมิวกระสับกระส่าย จะเป็นเพราะเหมือนแฟนเก่ามิวก็ช่างหรือเป็นเพราะมิวรู้สึกสนิทกับเรย์น่าไปโดยไม่รู้ตัวไหม

แต่เรื่องนั้นมันไม่เกี่ยวกันอีกแล้ว

“ท่านมิว ท่านเองก็มาแต่งชุดนี้บ้างสิ”

“ท่านมิว ดูนี่สิ ข้าแต่งชุดนี้แล้วเข้าหรือเปล่า”

“ท่านมิว ข้าไปเล่นที่ห้องท่านได้ไหม”

“ท่านมิว….”

“ท่านมิว”

ดวงตาที่เหมือนกับจะร้องไห้ออกมาทุกเมื่อของเรย์น่านั้นจ้องมองมาที่มิว.. ในระหว่างที่อยู่ท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ร่ำไห้ของผู้คน

แน่นอนว่าเจ้าปีศาจยักษ์บนเมฆสีดำนั้นไม่ได้รอให้มิวหรือเรย์น่านั้นกลับคืนมาจากการสติหลุดลอยแต่อย่างใด

ดาบไม้ยักษ์ลอยเคว้งขึ้นไปอยู่บนหัวของมันอีกรอบภายใต้การควบคุมของมัน แต่ในวินาทีถัดมานั้นเองดวงสัญชาตญาณเอาตัวรอดของมิวก็กระตุ้น

ร่างกายของเธอแทบจะขยับเคลื่อนไหวทันที ทว่า..มันกลับช้าไปก้าวหนึ่งเพราะด้านหลังของคนทั้งสอง จุดที่ดาบเคยปักลงนั้นก็มีเงาสีดำยืนอยู่

ความรู้สึกอันตรายแผ่ซ่านออกมาจากเงาดังกล่าว มันไม่เหมือนกับเจ้าปีศาจด้านบนนั่น ไม่สิ เจ้าปีศาจด้านบนนั่นตอนนี้ร่างกายมันเหมือนจะเริ่มพร่าเลือน เพราะการโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้แล้ว

การปรากฏตัวของเงาสีดำนี้มันอาจจะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเจ้าปีศาจกิ่งก้านแห่งความตายนั่นโดยตรงก็ได้

แต่ทว่าเงาร่างสีดำสนิทที่ไม่มีทั้งหน้า ไม่มีทั้งตา มีเพียงรูปลักษณ์ที่ยืนสองขาและปากก็เท่านั้น

มันยิ้มและหันหน้ามาทางมิว เวลาทุกอย่างในที่แห่งนี้เหมือนกับหยุดนิ่ง มันกางแขนออกราวกับจะโอบกอดร่างกายของเรย์น่าและมิว

มิวตอบสนองแทบจะทันที.. เธอพยายามจะถอยห่างออกไปพร้อมกับเรย์น่า แต่มันก็ยังช้าเกินไปอยู่ดีเพราะ…

เสียงอันแหบพร่าที่ราวกับกระซิบนั้นลอยออกมาจากปากของมันว่า

“ยินดีต้อนรับสู่หุบเหวขอ—”

เสียงของมันขาดหายไปชั่วขณะ ตัวของมันพร่าเลือนแทบจะทันที

“ไม่คิดบ้างเหรอว่ามุกนี้เก็บไว้ใช้ตอนช่วงอื่นของเรื่องจะดีกว่าน่ะ?”

เสียงปริศนาดังขึ้นท่ามกลางเสียที่ขาดเครือของเงาร่างสีดำ ตามมาด้วยเสียงปรบมือเพียงหนึ่งครั้ง ร่างของเงาสีดำก็สลายหายไปแทบจะทันที

เหลือเพียงหลุมสีดำปริศนาที่ถูกทิ้งเอาไว้ตรงนั้น—-

และในชั่วพริบตานั้นเองก็มีมือสีดำพุ่งออกมาจากหลุมสีดำพร้อมกับคว้าเอาร่างของมิวและเรย์น่าเอาไว้ ก่อนที่มันจะฉุดดึงทั้งคู่ลงไป

มิวตอบสนองแทบจะทันทีเธอพยายามจะดึงตัวเองออกมา.. แน่นอนว่ามันคือพลังแบบเดียวกับเจ้าเงาดำนั่นแต่อ่อนแอกว่ามากนัก

มิวในตอนนี้สามารถหลุดพ้นออกมาได้โดยง่าย

“โทษทีนะ แต่เธอต้องเข้าไปในนั้นเพื่อให้ฉันได้อยู่ต่อน่ะ”

ทว่าตามมาด้วยเสียงนุ่มลึกอันคุ้นเคยด้านหลังของมิว มิวหันหน้ากลับไปด้วยความตกใจ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วและปุบปับเกินไป

ทว่าร่างของมิวถูกผลักกลับคืนไปในหลุมสีดำนั้นจากต้นตอเสียงที่คุ้นเคย..

มิวตะโกนออกมาว่า

“แบบนี้อีกแล้วเหรอ!!”

ร่างของมิวสลายหายไปพร้อมกับหลุมสีดำ……..

ร่างกายก็ดี ทุกสิ่งทุกอย่างถูกบิดเบือนราวกับมีพลังที่มองไม่เห็นกำลังบิดแก้ไขร่างกายของเธออย่างโหดเหี้ยม

นั่นแน่นอนว่ารวมถึงเรย์น่าด้วยเช่นกัน เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้งมิวและเรย์น่าก็ปรากฏตัวขึ้นใน.. ที่เดิม… ไม่สิ เธอลอยอยู่นอกเมืองประมาณหลายกิโลเห็นจะได้

เพียงแต่เมืองที่ควรถูกถล่มโดยปีศาจจิตมรณะกลับไม่มีร่องรอยของการถูกทำลายหรือการต่อสู้เหลืออยู่เลย

ในเมืองแห่งนี้ใช้พลังเวทในการสร้าง ดังนั้นอุตสาหกรรมในการสร้างถึงประหลาดกว่าโลกด้านนอก แต่ละวันจะมีบ้านเมืองเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

แต่ตอนนี้เมืองแห่งนี้ไม่เหมือนเมืองที่มิวไปอยู่.. จะพูดให้ถูกคือมันเป็นเมืองก่อนที่มิวจะมาประมาณสองสามวัน

หากมิวมองไปยังเมืองตอนนี้เธอคงมองหาบ้านหลายเรือนที่เคยเจอไม่เจอแล้วนั่นแหละนะ

ทว่าสติของทั้งมิวและเรย์น่าไม่ได้อยู่ในสภาพที่สามารถคิดคำนวณอะไรได้.. ร่างของพวกเธอทั้งสองที่ลอยอยู่บนฟ้าค่อยๆ ร่วงหล่นลงบนพื้น..

เพียงแต่ว่าบนพื้นในตอนนี้กลายเป็นหลุมสีดำที่มองไม่เห็นภายในนั้น….

…….

…..

ดวงตาของมิวค่อยๆ เปิดขึ้นอย่างช้าๆ แม้ดวงตาของเธอจะเปิดขึ้นไปแล้วแต่ที่แห่งนี้ยังคงมืดสนิท มิวกุมหัวตัวเองด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย

“ตื่นแล้วเหรอ มิว”

เสียงของเรย์น่าดังขึ้นแต่ทว่าตอนนี้โทนเสียงมันต่างไปจากเดิมโดยสิ้นเชิงแล้ว ไม่ใช่เสียงที่ร่าเริงของเรย์น่า แต่เป็นเสียงที่ค่อนข้างนิ่ง

“มิว..?”

มิวตอบกลับคำพูดของเรย์น่าด้วยสีหน้างุนงงเล็กน้อย อันที่จริงจะงงคงไม่น่าแปลก เพราะปกติเรย์น่าเรียกนำหน้ามิวว่า ‘ท่าน’ ตลอด

“ตื่นก็ดีแล้ว ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ”

“เหมือนว่า.. ฉันจะได้ความทรงจำจากชาติก่อนมาน่ะ ฉันหมายถึง ชาติก่อนเหมือนพวกเราจะเคยรู้จักกันน่ะ”

“ฉันมีชื่อว่าเรนะ ส่วนชาติก่อนเธอคือแมวขโมยที่นอนในห้องแฟนฉัน.. แต่ก็น่าแปลกทำไมเธอถึงเหมือนชาติก่อนทุกอย่างเลย นี่มันหมายความว่าไง”

เรย์น่าพูดขึ้นพร้อมทั้งวิเคราะห์ อันที่จริงเธอตื่นก่อนมิวนานมากแล้ว และใช้เวลายอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่นานสองนานพร้อมทั้งทำความเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ความทรงจำตอนเป็นเรย์น่าเธอไม่ได้หายไปไหน แต่เธอได้ความทรงจำตอนเป็นเรนะ ในโลกที่ค่อนข้างทันสมัย

บางทีมิวอาจจะได้ความทรงจำชาติก่อนกลับมาเหมือนกัน ดังนั้นเรย์น่าจึงต้องการข้อมูลเพิ่มเติม

ทว่ามิวที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า…

“เดี๋ยวก่อนๆ”

เธอยังสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น อาจจะเพราะสีหน้างุนงงของมิว เรย์น่าเลยถามขึ้นง่ายๆ ว่า

“มีอะไร?”

แม้จะมีคำถามเต็มหัวมิวไปหมดว่าที่นี่คือที่ไหน ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ แล้วสิ่งที่เรย์น่าพูดคือหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่.. แต่ก่อนอื่นเลย..

“ฉันเป็น..ใคร?”

 

…….

[เกรงคนงง คือแบบนี้ครับ โดนหุบเหวดูด > โดนหญิง R ช่วย > หุบเหวหาย > ทิ้งหุบเหวเป็นหลุมไว้ > โดนดูด > ถูกดูดย้อนกลับมาอดีตก่อนเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดประมาณสิบวัน > ตกลงไปในหลุมอะไรสักอย่างสีดำนอกเมือง… งงไหม.. ไม่งงเนอะ เพราะให้ผมงงเองคนเดียวพอ — ผู้เขียน]