แอ๊ด…..
 

“พี่นากา….”

 

ในช่วงเช้ามืดของวันถัดมา หลังจากที่นากาได้กลับออกมาจากโลกแห่งจิตใต้สำนึกแล้วและกำลังก้มหน้าวิดพื้นเพื่อฝึกฝนร่างกายอยู่อย่างแข็งขันนั้น อยู่ๆ ประตูห้องนอนของเขาก็ค่อยๆ ถูกเลื่อนเปิดออกเบาๆ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงที่ฟังดูกล้าๆ กลัวๆ ของพรีมูล่าที่แอบชะโงกหน้าผ่านประตูที่ถูกแง้มเปิดออกเพียงเล็กน้อยเพื่อแอบมองดูพี่ชายของตนที่อยู่ในห้อง

 

“อ้าว ว่าไงพรีมูล่า ตื่นแล้วหรอ?”

 

“อื้อ…”

 

พรีมูล่าพูดตอบพี่ชายของตนกลับไปเบาๆ โดยยังคงมีท่าทีกล้าๆ กลัวๆ อยู่เหมือนเดิมจนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดขึ้นมาอีกครั้งและตัดสินใจที่จะหยุดการฝึกฝนของตัวเองไปก่อนเพื่อที่จะได้เอาใจเธอเล็กน้อยเป็นการขอโทษ

 

“ยังพอจะมีเวลาเหลืออีกสักพักก่อนที่พวกเราจะต้องไปโรงเรียนกันสินะ งั้นวันนี้เธอจะเอาข้าวเช้าเป็นอะไรล่ะ เดี๋ยวพี่จัดการให้เอง”

 

“อ่ะ— ถ้างั้นหนูขอเอาเป็นไข่ดาวละกัน”

 

“ที่สั่งไข่ดาวนี่อย่าบอกนะว่าเพราะเธอขี้เกียจคิดเฉยๆ น่ะ… เอาเถอะ ถ้างั้นเดี๋ยวฝากเธอไปปลุกโมโกะกับคอนแนลแล้วก็ฝากบอกอลิซให้หน่อยสิว่าวันนี้พี่จะเข้าครัวให้เองน่ะ”

 

“ถ้าเป็นพี่อลิซล่ะก็เห็นตะกี้นี้บอกว่าจะต้องรีบไปที่โรงเรียนแล้วก็ฝากหนูมาบอกคนอื่นว่าวันนี้ให้พวกเราไปหาอะไรกินกันเองอ่ะ”

 

“งั้นหรอ… งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปอาบน้ำก่อนละกัน ส่วนเธอถ้าปลุกโมโกะกับคอนแนลเสร็จแล้วก็ไปรอที่ห้องกินข้าวได้เลย”

 

“อื้อ!!”

 

พรีมูล่าที่เห็นว่าพี่ชายของตนเองกลับมาเป็นพี่ชายที่แสนใจดีตามปกติแล้วได้พยักหน้าหงึกๆ ตอบเขากลับไปด้วยท่าทีร่าเริงเหมือนกับทุกครั้ง ก่อนที่เธอจะพุ่งตรงออกไปจากห้องด้วยความอารมณ์ดีที่จะได้ทานอาหารฝีมือของนากาอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ไม่ได้ทานมานาน และหลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งก็ได้มีเสียงกรีดร้องของคอนแนลและโมโกะที่ถูกพรีมูล่าพุ่งไปปลุกด้วยความคึกคักยิ่งกว่าทุกวันดังขึ้นมาลั่นคฤหาสน์ตามๆ กันไป

 

“โฮ๊กกกกกกกก—!!?”

 

“เดี๋— เดี๋ยวก่อนสิยัยเด็กเปร— กรี๊ดดดดด—!!?”

 

 

หลังจากนั้นอีกไม่นานสักเท่าไหร่เมื่อพวกนากาทั้งสี่ทานอาหารเช้ากันจนเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเขาก็ได้เดินจับกลุ่มไปยังโรงเรียนรีมินัสกัน ซึ่งในขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านสนามหญ้าของทางโรงเรียนไปอยู่นั้นโมโกะที่เห็นว่าในวันนี้ไม่ค่อยมีเหล่าเด็กนักเรียนยืนจับกลุ่มกันอยู่ในสนามหญ้าเพื่อรอตั้งแถวเหมือนกับเมื่อวานก็ได้พูดถามคอนแนลขึ้นมาด้วยความสงสัย

 

“วันนี้ไม่เห็นมีคนมารอตั้งแถวเหมือนกับเมื่อวานนี้เลยนี่คอนแนล?”

 

“เอาจริงๆ แล้วเรื่องตั้งแถวนั่นมันจะมีเฉพาะในโอกาสสำคัญๆ เท่านั้นแหล่ะครับ อย่างพิธีเปิดเรียนเมื่อวานนี้หรือไม่ก็เวลาที่พวกอาจารย์จะมีอะไรมาประกาศกันน่ะครับ เพราะถ้าเกิดว่าให้มาตั้งแถวกันทุกวันล่ะก็มีหวังได้เสียเวลาเรียนกันตายเลยล่ะ”

 

คำตอบของคอนแนลได้ทำให้นากาหันไปมองดูรอบๆ อยู่สักพักหนึ่ง และเมื่อเขาได้เห็นว่าเหล่าเด็กนักเรียนของโรงเรียนรีมินัสในยามเช้าไม่ได้มีท่าทีรีบร้อนจะขึ้นห้องเรียนกันสักเท่าไหร่นักอีกทั้งยังมีนักเรียนบางคนกำลังเดินจับกลุ่มกันออกมาเขตอาคารชมรมอีกด้วยเขาจึงได้หันกลับมาหาคอนแนลและพูดถามขึ้นมาบ้าง

 

“เออใช่คอนแนล ปกติแล้วช่วงเช้านี่ทางโรงเรียนเขามีข้อห้ามอะไรบ้างหรือเปล่าน่ะ”

 

“หืม? อ๋อ… ถ้าเกิดนากาหมายถึงตอนนี้จนถึงตอนก่อนจะเริ่มคาบเรียนแรกมันก็ไม่มีกำหนดการอะไรเป็นพิเศษนะครับ ส่วนมากแล้วพวกเราก็จะแยกย้ายกันไปทำอะไรตามใจชอบหรือไม่ก็เข้าไปหาอะไรกินเล่นกันในโรงอาหารฆ่าเวลาล่ะมั้งครับ”

 

“งั้นก็หมายความว่าถ้าเกิดฉันอยากจะไปฝึกในช่วงเช้าสักหน่อยก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรงั้นสินะ?”

 

“เอ่อ… ถ้าเกิดว่าเป็นวันนี้ล่ะก็คงจะไม่ทันแล้วล่ะมั้งครับ เพราะว่าเดี๋ยวอีกแป๊บนึงก็จะได้เวลาคาบโฮมรูมแล้วน่ะครับ”

 

“อ่า… เข้าใจล่ะ งั้นแปลว่าถ้าอยากจะฝึกก็ต้องมาถึงโรงเรียนให้เร็วกว่านี้งั้นสินะ”

 

นากาพยักหน้าตอบคอนแนลกลับไปในขณะที่ทางด้านโมโกะนั้นก็ได้หันไปมองดูทางพรีมูล่าด้วยความสงสัยว่าเด็กสาวผมชมพูจะมีท่าทียังไงกับคำว่าฝึกฝนในช่วงเช้า เพราะว่าเมื่อวานนี้พรีมูล่าได้เกาะติดนากาไปเข้าร่วมการฝึกด้วยอย่างน่าประหลาดใจ

 

แต่ว่าเมื่อโมโกะได้เห็นท่าทีหงอยๆ ของพรีมูล่าที่มีท่าทางเหมือนกับว่าอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่กล้าจะพูดออกมากับท่าทางคึกคักของนากาที่เหมือนว่าจะอยากฝึกฝนมากกว่าปกติแล้วก็ทำให้โมโกะสามารถมั่นใจได้ว่าเมื่อวานนี้หลังจากที่เธอแยกตัวออกไปแล้วก็คงจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นมาอย่างแน่นอนจนทำให้สองพี่น้องมีท่าทีแปลกๆ แบบนี้

 

ซึ่งโมโกะที่คิดได้อย่างนั้นก็ตัดสินใจที่จะสงบปากสงบคำเอาไว้ก่อนเพื่อที่จะได้แอบไปสอบถามคอนแนลที่ดูปกติดีที่สุดเอาทีหลังและเดินตามหลังทุกคนขึ้นไปบนห้องเรียนอย่างเงียบๆ

 

ก๊องงงงง—

 

และหลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปนั่งประจำที่ของตนเองกันได้สักพักหนึ่งแล้วเสียงระฆังบ่งบอกเวลาเริ่มเรียนก็ได้ดังขึ้นมาก่อนที่ประตูด้านหน้าห้องจะถูกเลื่อนเปิดออกและมีเอริซาเบธที่เดินส่ายหางจิ้งจอกฟูๆ เข้ามาด้านในเพื่อเริ่มต้นคาบการเรียนการสอนของวันนี้กัน

 

“ถ้างั้นก่อนจะเริ่มคาบเรียนของอาจารย์เอริพวกเราก็มาเริ่มคาบโฮมรูมกันก่อนดีกว่าเนอะ~ เอาเป็นว่าอาจารย์เอริขอแต่งตั้งอัลเบิร์ตเป็นหัวหน้าห้องของห้องสามของพวกเราละกัน มีใครจะคัดค้านอะไรมั้ยเอ่ย~?”

 

“หา!? ไหงเป็นฉันอีกแล้วล่ะยัยจิ้งจอก!?”

 

อัลเบิร์ตที่ถูกเอริซาเบธโยนงานมาให้อีกครั้งหนึ่งได้ร้องโวยวายออกมาเสียงดังก่อนที่ทันใดนั้นเองจะมีเสียงของเด็กนักเรียนคนหนึ่งดังขึ้นมาให้เขาได้ยิน

 

“ผมขอเสนอว่าให้คุณมายะที่ทำหน้าที่เป็นรองประธานนักเรียนมารับตำแหน่งหัวหน้าห้องน่าจะเหมาะสมกว่านะครับ”

 

“อ—เอ๋!? ฉ…ฉันหรอคะ… ค…คือว่า…ฉ…ฉันไม่…”

 

“เฮ้ย! นี่แกจะบอกว่าฉันคนนี้ไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าห้องเรอะ!?”

 

“ป—เปล่านะครับ ผมก็แค่คิดว่าถ้าเป็นคุณมายะที่ทำหน้าที่เป็นรองประธานนักเรียนอยู่แล้วก็น่าจะจัดการเรื่องอะไรแบบนี้ได้เก่งน่ะครับ!”

 

“จุ๊ๆ อัลเบิร์ตคุงอย่าไปแกล้งเพื่อนร่วมชั้นแบบนั้นสิ~ แต่ถ้าตามที่เธอคนนั้นบอกว่ามายะจังเขาเก่งเรื่องงานเอกสารมันก็ไม่ผิดหรอก แต่ว่ามายะจังเขาก็ยุ่งอยู่กับงานของสภานักเรียนอยู่แล้วเพราะงั้นจะให้มารับตำแหน่งหัวหน้าห้องเพิ่มอีกมันก็คงจะไม่เหมาะหรอกจ้ะ เพราะงั้นให้อัลเบิร์ตเขาเป็นหัวหน้าห้องไปเหมือนปีก่อนก็น่าจะดีที่สุดแล้วล่ะนะ หรือว่ามีใครอยากจะเป็นหัวหน้าห้องแทนอัลเบิร์ตหรือเปล่าเอ่ย~?”

 

เอริซาเบธพูดอธิบายให้เด็กนักเรียนคนที่เสนอชื่อของมายะขึ้นมาได้ฟังถึงเหตุผลที่มายะไม่เหมาะที่จะรับตำแหน่งหัวหน้าห้องและเสนอชื่อของอัลเบิร์ตขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งนั่นก็ทำให้มายะมีสีหน้าโล่งใจขึ้นมามากเมื่อเธอจะไม่ต้องได้รับตำแหน่งหัวหน้าห้องมาจริงๆ จนอาจจะทำให้เธอมีเวลาได้อยู่กับไดเอน่าน้อยลง

 

“ในเมื่อไม่มีใครจะเสนอชื่อหรือว่าเสนอตัวรับตำแหน่งเพิ่มแล้วถ้างั้นตำแหน่งหัวหน้าห้องในปีนี้ก็เป็นของอัลเบิร์ตเหมือนเดิมละกันเนอะ~ ส่วนตอนนี้ รีซาน่ากับเซซิลลุกขึ้นมาช่วยอาจารย์เอริขนหนังสือมาแจกเพื่อนๆ หน่อยสิ”

 

เอริซาเบธที่เห็นว่าไม่มีใครคัดค้านอะไรแล้วได้พูดตัดบทขึ้นมาก่อนที่เธอจะเดินนำรีซาน่าและเซซิลที่กำลังทำหน้าบึ้งตึงอยู่ออกไปทางด้านนอกห้อง และหลังจากนั้นอีกสักพักหนึ่งทั้งสามคนก็เดินกลับเข้ามาในห้องโดยมีรีซาน่าเพียงแค่คนเดียวที่แบกลังหนังสือสามลังซ้อนกันเอาไว้ในอ้อมแขนเพื่อที่จะได้นำมาแจกจ่ายให้กับเหล่าเด็กในเรียนในห้อง

 

“หนังสือที่พวกเธอเพิ่งจะได้รับไปนั่นคุณเอริกะเขาเพิ่งจะจัดทำเสร็จน่ะทางโรงเรียนก็เลยได้รับมาแจกจ่ายช้าไปหน่อยนึง ถ้ายังไงได้รับกันไปแล้วก็เก็บรักษากันเอาไว้ให้ดีๆ แล้วก็อย่าลืมพกมันมาในวันที่มีคาบของอาจารย์เอริด้วยล่ะ~”

 

“หนังสือเรียนวิชาชีววิทยา…? เดี๋ยวสิยัยจิ้งจอก— วิชาชีวะที่ว่านี่มันเป็นวิชาทางการแพทย์ระดับสูงไม่ใช่หรือไง!?”

 

“ไม่รู้ไม่ชี้จ้า~ มันเป็นคำสั่งของคุณผู้อำนวยการเขาที่บอกว่านับตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป ปีการศึกษาชั้นปลายจะต้องเรียนวิชาพวกนี้เพิ่มด้วยน่ะ เพราะงั้นถ้าเธออยากจะบ่นก็ไปบ่นคุณผู้อำนวยการนู่นเลยจ้ะ~ เอาล่ะ มาเริ่มเรียนกันได้เลย~”

 

เอริซาเบธที่แจกจ่ายหนังสือเรียนเล่มหนาให้กับเหล่าเด็กนักเรียนในห้องเสร็จแล้วได้พูดตอบอัลเบิร์ตกลับไปด้วยท่าทีรื่นเริงโดยไม่สนใจคำโวยวายของเขาเลยแม้แต่น้อยและเริ่มต้นการสอนของเธอในทันที

 

ซึ่งตัววิชาเรียนใหม่ที่เพิ่งจะถูกเพิ่มเข้ามาในปีการศึกษานี้ที่ชื่อว่าวิชาชีววิทยานั้นก็ได้ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนในห้องจำนวนมากมีสีหน้าเอ๋อๆ เหมือนกับพรีมูล่าไม่มีผิด ในขณะที่ทางด้านนากาที่เห็นว่าวิชาเรียนในวันที่สองที่เอริซาเบธเป็นผู้สอนนี้แทบจะไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ถูกเรียกวิซเลยแม้แต่น้อยก็ได้รู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้างเพราะมันหมายความว่าเขาจะไม่ได้เสียเปรียบคนอื่นๆ ในวิชาเรียนนี้ไปสักเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าตัวคำศัพท์เฉพาะที่เป็นภาษาโบราณและรูปภาพประหลาดๆ จำนวนมากภายในหนังสือเรียนจะทำให้นากาประสบปัญหาในการทำความเข้าใจอยู่บ้างก็ตาม

 

“แอ๋….?”

 

“แล้วไอเจ้าเซลล์กับนิวเครียสนี่มันหมายถึงอะไรกันแน่เล่า… ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด…!!”

 

เสียงของพรีมูล่าและโมโกะที่ดังขึ้นมาแว่วๆ ให้นากาได้ยินได้ทำให้นากาละสายตาไปจากหนังสือเรียนเบื้องหน้าเพื่อหันไปมองดูเพื่อนๆ ของเขาดูบ้าง ซึ่งเขาก็ได้พบว่าพรีมูล่านั้นได้สมองหยุดทำงานและนิ่งค้างไปอีกครั้งหนึ่งแล้วในขณะที่ทางด้านโมโกะเองก็เหมือนว่าจะไม่สามารถทำความเข้าใจกับบทเรียนเบื้องหน้าได้เลยแม้แต่น้อยจนต้องเปิดหนังสือเรียนกลับไปกลับมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อหาคำอธิบายของคำศัทพ์เฉพาะต่างๆ อยู่

 

ส่วนทางด้านคอนแนลที่เหมือนว่าจะไม่มีปัญหากับตัวคำศัพท์เฉพาะที่เป็นภาษาโบราณนั้นกลับดูเหมือนว่าจะไม่สามารถทำความเข้าใจกับสิ่งที่เอริซาเบธกำลังอธิบายออกมาอยู่ได้และกำลังยกดินสอในมือของเขาขึ้นมาเกาหัวตัวเองอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด

 

“ฟรี้…”

 

เสียงของลมหายใจของเซซิลที่ดังเป็นจังหวะให้นากาได้ยินได้ทำให้นากาหันไปมองเด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มที่นั่งอยู่บนโต๊ะข้างๆ กันและได้พบว่าเซซิลนั้นได้นั่งกอดอกสัปหงกไปเป็นไปที่เรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ทางด้านซิลเวสนั้นกลับกำลังนั่งยิ้มกะพริบตาปริบๆ อยู่ข้างๆ พรีมูล่าจนดูไม่ออกว่าเธอเข้าใจในตัวบทเรียนหรือเปล่ากันแน่

 

โดยในหมู่คนรู้จักของนากาที่มากองกันอยู่ในห้องนี้ก็ดูเหมือนว่าจะมีเพียงแค่ซึบากิเพียงคนเดียวเท่านั้นที่มีท่าทีเหมือนกับว่าจะสนใจในตัววิชาเรียนนี้มากเป็นพิเศษและดูเหมือนว่าจะไม่มีปัญหาอะไรกับวิชาเรียนที่ทำให้เด็กนักเรียนส่วนมากในห้องต่างพากันส่ายหน้านี้

 

ก๊องงงงง—-

 

หลังจากที่ชั่วโมงเรียนของเอริซาเบธผ่านไปได้ประมาณสองชั่วโมงก็ได้มีเสียงระฆังดังขึ้นมาเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าใกล้จะหมดคาบเรียนที่สองแล้ว ซึ่งนั่นก็ทำให้เอริซาเบธได้ตัดสินใจที่จะหยุดพักการเรียนการสอนของเธอไปก่อนเพื่อให้เหล่าเด็กนักเรียนได้พักผ่อนสมองกันก่อนที่จะเริ่มคาบเรียนถัดไปที่เป็นของอาจารย์ท่านอื่น

 

“ถ้างั้นเอาเป็นว่าวันนี้พวกเราพักกันเอาไว้เท่านี้ก่อนก็แล้วกันเนอะ พวกเธอจะได้มีเวลาไปหาอะไรทำคลายเครียดก่อนจะถึงวิชาถัดไปกันบ้างน่ะ เพราะขอบอกเลยว่าวิชาถัดไปของอาจารย์โซจิก็จะทำให้พวกเธอปวดหัวไม่แพ้วิชาชีวะของฉันแน่ๆ — อ้ะ– แล้วยังไงก็อย่าลืมไปเขียนสรุปเนื้อหาของวันนี้มาส่งให้อาจารย์เอริตรวจในคาบต่อไปด้วยล่ะ~”

 

“เอ๋—!?”

 

“เอาจริงดิ!?”

 

“นี่คาบแรกของวิชาก็จะสั่งการบ้านเลยหรอคะอาจารย์!!?”

 

ในขณะที่เหล่าเด็กนักเรียนต่างพากันร้องโวยวายออกมาเมื่อได้ยินเอริซาเบธพูดสั่งการบ้านนั้น ทางด้านโมโกะก็กลับฟุบหน้าลงไปนอนแน่นิ่งอยู่กับโต๊ะด้วยท่าทางแบบเดียวกับพรีมูล่าอย่างไม่มีผิดเพี้ยนในขณะที่ทางด้านเอริซาเบธก็กลับไม่สนใจเสียงร้องโวยวายของเหล่าเด็กนักเรียนเลยแม้แต่น้อยและรีบเดินหนีออกไปจากห้องเรียนในทันที

 

“เอาล่ะ ถ้ายังไงเจอกันครั้งหน้าอย่าลืมเอาการบ้านมาส่งกันด้วยนะจ๊ะ ส่วนตอนนี้อาจารย์เอริคนนี้ก็ขอตัวก่อนล่ะ บ๊ายบาย~~”

 

ถึงแม้ว่าจริงๆ แล้วนากาจะไม่ค่อยได้พบเจอกับเอริซาเบธบ่อยครั้งสักเท่าไหร่นัก แต่ว่าด้วยท่าทีขี้เล่นขนาดหนักของอาจารย์เอริที่ดูแตกต่างจากภาพลักษณ์รัดกุมและเตรียมพร้อมตลอดเวลาของเอริซาเบธเมื่อตอนที่เธอพาเขาไปบุกคฤหาสน์เวก้าก็ได้ทำให้นากาอดไม่ได้ที่จะพูดถามคอนแนลที่รู้จักกับเอริซาเบธมานานกว่าเขาขึ้นด้วยความสงสัย

 

“นี่คอนแนล ปกติเอริซาเบธเขามีนิสัยแบบนั้นหรอน่ะ ดูต่างจากตอนที่ฉันต้องไปทำงานคู่กับเอริซาเบธเขาแทบจะเป็นคนละคนกันเลยนะนั่น”

 

“เอ่อ… ถึงผมจะไม่แน่ใจว่านิสัยของอาจารย์เอริตอนออกไปทำงานให้กับคุณเอริกะจะเป็นยังไงก็เถอะ แต่ว่าถ้าเป็นตอนที่เธอทำงานเป็นอาจารย์อยู่ในโรงเรียนนี่มันก็ราวๆ นี้นั่นแหล่ะครับ”

 

คอนแนลหันกลับมาพูดตอบนากากลับไปเท่าที่เขาทราบ เพราะว่าเขาเองก็ยังไม่เคยเห็นสภาพของเอริซาเบธตอนที่ออกไปทำงานให้กับคุณเอริกะเหมือนกัน ซึ่งเมื่อคอนแนลที่หันกลับมาพูดตอบนากาได้เหลือบไปเห็นพรีมูล่าที่นอนนิ่งลงไปกับโต๊ะเรียนแบบไม่ไหวติงเข้าให้ เขาก็ได้ยื่นมือออกไปจิ้มแก้มนิ่มๆ ของเธอพร้อมกับพูดเตือนขึ้นมา

 

“ตื่นได้แล้วครับพรีมูล่า เดี๋ยวถ้าเกิดอาจารย์โซจิเข้ามาเห็นแบบนี้จะโดนอาจารย์เขาดุเอานะครับ”

 

“แอ๊…”

 

พรีมูล่าที่ถูกคอนแนลจิ้มแก้มได้ส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อยก่อนที่เธอจะขยับหัวนิดหน่อยให้คอนแนลได้จิ้มแก้มของเธอต่อไปได้ถนัดๆ ในขณะที่ทางด้านนากานั้นก็ได้หันกลับไปพูดสอบถามคอนแนลเกี่ยวกับเรื่องของวิชาเรียนถัดไปขึ้นมา

 

“ว่าแต่อาจารย์ของวิชาถัดไปนี่ชื่อว่าอาจารย์โซจิงั้นหรอ แล้วเขาสอนวิชาอะไรล่ะ?”

 

“ถ้าผมจำไม่ผิดเหมือนว่าเขาจะสอนวิชาภาษาโบราณล่ะมั้งครับ แต่ว่าผมเองก็ยังไม่เคยได้เรียนกับเขาเหมือนกันนะครับ”

 

“วิชาภาษาโบราณงั้นหรอ!?”

 

เสียงของโมโกะที่ดังขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นพร้อมๆ กับที่เธอได้ผุดลุกกลับขึ้นมานั่งหลังตรงเตรียมตัวพร้อมสำหรับคาบเรียนถัดไปถึงกับทำให้คอนแนลแอบสะดุ้งไปเล็กน้อยและลองหันไปกระซิบถามนากาดู

 

“นี่โมโกะเขาชอบพวกภาษาโบราณงั้นหรอครับ?”

 

“จะว่าแบบนั้นก็ได้ล่ะมั้ง… ถึงเอาจริงๆ แล้วน่าจะต้องบอกว่ายัยนั่นชอบพวกของเก่ามากกว่าก็เถอะ เพราะอย่างเมื่อวานนี้ก็ยังเห็นตรงดิ่งไปที่ชมรมสำรวจซากโบราณแบบไม่สนใจชมรมศึกษาภาษาโบราณอะไรนั่นเลยนี่ อ๋อใช่… แล้วถ้าเกิดว่านายเข้าไปดูในห้องของโมโกะตอนนี้ก็น่าจะได้เจอพวกขยะเก่าๆ ที่โมโกะแอบไปเก็บมาจากในเมืองกองกันอยู่เต็มห้องแล้วล่ะ”

 

“เสียมารยาท! ของพวกนั้นมันยังใช้งานได้อยู่เพราะงั้นพวกนายห้ามเรียกมันว่าขยะนะ!!”

 

ก๊องงงงงง—

 

ครืดดดดดด—-

 

ในขณะที่โมโกะกำลังร้องโวยวายออกมาอยู่นั้นเสียงระฆังบ่งบอกเวลาเริ่มเรียนคาบที่สามก็ได้ดังขึ้นมาพร้อมๆ กับที่มีอาจารย์หนุ่มผิวคล้ำผมสีน้ำตาลเข้มคนหนึ่งที่ถือหนังสือเล่มหนาสองเล่มกับแผ่นเอกสารกองหนึ่งเลื่อนเปิดประตูหน้าห้องและเดินเข้ามาภายใน

 

“อะแฮ่ม! นักเรียนทุกคนช่วยอยู่ในความสงบกันก่อนสักแป๊บนึง แล้วถ้าเกิดว่าใครยังไม่ยอมเงียบล่ะก็เดี๋ยวอาจารย์จะให้คนนั้นเป็นตัวแทนอ่านออกเสียงให้คนอื่นๆ ฟังแทนละกันนะ”

 

คำพูดของอาจารย์ผิวคล้ำที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องได้ทำให้เหล่าเด็กนักเรียนต่างพากันปิดปากเงียบลงไปในทันที ซึ่งอาจารย์สอนวิชาภาษาโบราณที่เหมือนจะชื่อว่าอาจารย์โซจิก็ได้กวาดตามองเหล่าเด็กนักเรียนในห้องสามอยู่สักพักหนึ่งก่อนที่สายตาของเขาจะมาหยุดลงอยู่ที่พรีมูล่าที่ยังคงนอนรอให้พวกพี่ๆ ของเธอมาจิ้มแก้มเล่นอยู่จนทำให้นากาที่เห็นแบบนั้นต้องรีบเขย่าตัวพรีมูล่าให้ลุกขึ้นมานั่งดีๆ ในทันที

 

“พรีมูล่าลุกขึ้นมานั่งดีๆ ได้แล้ว อาจารย์เขาเข้ามาในห้องแล้วนะ!”

 

“อ้ะ—แฮะๆ … สวัสดีค่ะอาจารย์…”

 

“อื้ม สภาพแบบนี้นี่ท่าทางว่าพวกเธอคงจะเพิ่งผ่านวิชาชีววิทยาของอาจารย์เอริซาเบธมางั้นสินะ เมื่อวานนี้ตอนที่อาจารย์เข้าไปสอนห้องสองก็มีเด็กนักเรียนบางคนสลบเหมือดคาที่ไปแบบนั้นอยู่เหมือนกัน”

 

อาจารย์ผิวคล้ำได้เผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างไม่ถือสาอะไรมากนัก ก่อนที่เขาจะกวาดตามองเหล่าเด็กนักเรียนในห้องและพูดเตือนเกี่ยวกับสิ่งที่นักเรียนของเขาจะต้องเผชิญในคาบเรียนขึ้นมา

 

“ถ้าอย่างนั้นเอาเป็นว่าถ้าพวกเธอคนไหนเห็นเพื่อนโต๊ะข้างๆ ฟุบลงไปก็ช่วยพยายามปลุกหรือไม่ก็ช่วยจดเนื้อหาในคาบเรียนไปแบ่งปันให้เขาทีหลังด้วยละกัน เพราะถึงวิชาภาษาโบราณของอาจารย์อาจจะเป็นวิชาที่ไม่ค่อยจะได้ใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันมากนัก แต่ถ้าเกิดว่าพวกเธอพลาดส่วนไหนไปสักส่วน มันก็อาจจะทำให้พวกเธอไม่เข้าใจในสิ่งที่อาจารย์จะสอนในวันหลังยาวไปจนตลอดภาคเรียนเลยก็ได้”

 

“ครับ / ค่า”

 

“ในเมื่อพวกเธอเข้าใจกันแล้วถ้างั้นอาจารย์ก็ขอแนะนำตัวก่อนเลยละกัน อาจารย์มีชื่อว่า โซจิ นันบุ จะมาเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาโบราณให้กับพวกเธอกันในปีการศึกษานี้ แล้วก็ถ้าเป็นไปได้ก็พยายามอย่ามาตั้งชื่อเล่นแปลกๆ ให้กับอาจารย์เหมือนกับที่พวกเธอเรียกอาจารย์เอริซาเบธเขาว่ายัยจิ้งจอกด้วยละกันนะ”

 

อาจารย์โซจิพูดแนะนำตัวขึ้นมาพลางเขียนชื่อของเขาลงไปบนกระดานดำทั้งในแบบภาษาปกติและแบบภาษาโบราณก่อนที่เขาจะหันไปจ้องมองทางอัลเบิร์ตที่เป็นตัวการของการตั้งชื่อเล่นให้เอริซาเบธด้วยสีหน้ายิ้มๆ จนทำให้อัลเบิร์ตต้องรีบหลบตาไปมองทางอื่นในทันที

 

“ถ้างั้นในเมื่อพวกเธอรู้จักชื่อของอาจารย์กันแล้วก็ขอเชิญหัวหน้าห้องทำตามระเบียบได้เลย”

 

“นักเรียนทุกคนทำความเคารพ”

 

อัลเบิร์ตที่เพิ่งจะถูกอาจารย์โซจิพูดเตือนใส่ได้หันกลับมาและพูดประกาศให้นักเรียนในห้องลุกขึ้นมาทำความเคารพตามหน้าที่ของหัวหน้าห้องด้วยท่าทีเก้ๆ กังๆ และหลังจากนั้นอาจารย์โซจิจึงได้เริ่มต้นทำการสอนของเขาตามปกติในทันที

 

“ในเมื่อนี่อาจจะเป็นการเรียนเรื่องเกี่ยวกับภาษาโบราณเป็นครั้งแรกของใครหลายๆ คนในห้องนี้ ถ้างั้นพวกเราก็มาเริ่มต้นกันที่ที่มาของภาษาโบราณกันก่อนเลยดีกว่า อย่างที่พวกเธอน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าภาษาโบราณนั้นก็คือภาษาที่เมืองต่างๆ ในสมัยก่อนใช้ในการติดต่อสื่อสารกันในหมู่คนของตัวเอง ซึ่งมันถูกแบ่งแยกออกเป็นนับร้อยภาษา……..”

 

 

ก๊องงงงงง—

 

“อ่ะ— ดูท่าทางว่าจะหมดเวลาซะแล้วสิ ถ้างั้นเดี๋ยวอาจารย์จะปล่อยให้พวกเธอไปพักกินข้าวกันก่อนเลยก็แล้วกัน แล้วถ้ายังไงก็อย่าลืมไปทบทวนบทเรียนกันด้วยล่ะ ส่วนใครคนไหนที่ไม่เข้าใจในบทเรียนหรือว่าจดตกหล่นตรงไหนก็ลองสอบถามเพื่อนๆ ดูหรือไม่ก็เข้าไปสอบถามอาจารย์ได้ในห้องพักครูก็แล้วกันนะ”

 

หลังจากที่อาจารย์โซจิทำการสอนไปได้อีกสองคาบเรียน เสียงระฆังที่บ่งบอกว่าใกล้จะถึงเวลาพักกลางวันก็ได้ดังขึ้นมาจนทำให้อาจารย์โซจิปิดหนังสือเรียนที่เขาถือเอาไว้ในมือและเดินกลับไปที่โต๊ะเพื่อรวบรวมเอกสารต่างๆ มาถือเอาไว้และเดินออกจากห้องเรียนไป

 

ซึ่งในชั่วพริบตาหลังจากที่อาจารย์โซจิเดินหายออกไปจากห้องนั้น พรีมูล่าที่นั่งสัปหงกตัวเอียงไปมาตลอดคาบเรียนก็ได้ดีดตัวลุกขึ้นมาเปล่งเสียงร้องตะโกนในทันที

 

“พักเที่ยงงงงงงง!!!”

 

“ทีนี้ล่ะรีบฟื้นกลับขึ้นมาอย่างเร็วเลยนะยัยตัวแสบ… ที่อาจารย์โซจิเขาสอนไปเมื่อกี้ได้เข้าหัวไปบ้างหรือเปล่าเนี่ยหะ?”

 

“เรื่องนั้นช่างมันไปก่อนเถอะหน่า~ พี่นากา พี่คอนแนล โมโกะจัง ซิลจังไปกินข้าวกันนนน~~”

 

พรีมูล่าที่ดีดตัวลุกขึ้นมาอย่างคึกคักนั้นไม่ได้สนคำพูดของนากาเลยแม้แต่น้อยและรีบกระชากแขนของเขาให้ลุกขึ้นมายืนเพื่อที่พวกเธอจะได้ออกเดินไปทางโรงอาหารกัน

 

ซึ่งในทันทีที่เนลที่นั่งอยู่ทางฝั่งหน้าห้องได้ยินว่าพวกนากากำลังจะออกไปรับประทานอาหารกลางวันกันนั้นเขาก็ได้รีบลุกขึ้นจากที่นั่งของตัวเองและเดินตรงเข้ามาทางนากาในทันที

 

แต่ว่าเมื่อเนลได้เหลือบไปเห็นคอนแนลที่กำลังจ้องมองตรงมาทางเขาและส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงห้ามปรามเขาก็ได้แต่ชะงักฝีเท้าของตนไปและยอมปล่อยให้นากาเดินออกจากห้องเรียนไปก่อนแต่โดยดี